เทสลา เตรียมเลิกจ้างพนักงาน ในรัฐเท็กซัสในเดือน มิ.ย. นี้

บริษัทรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัสอเมริกา อย่างเทสล่า Tesla เตรียมเลิกจ้างพนักงานกว่า 2,688 คนที่โรงงานในเมืองออสตินรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ในช่วงเดือน มิ.ย. ที่จะถึงนี้

ทางสื่อหลายๆสำนักได้ระบุว่าเทสลาเตรียมประกาศเลิกจ้างพนักงานราวๆ 2,688 คนที่โรงงานกิกะแฟคทอรี่ (Gigafactory) ในเมืองออสติน ภายในระยะเวลา 14 วิน เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย. นี้

เทสลาได้แจ้งให้คณะกรรมาธิการแรงงานเท็กซัส (TEXAS Workforce Commisstion) รับทราบประกาศดังกล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา

เรียกว่าไม่ใช่แค่ครั้งแรกที่ทาง Telsa นั้นได้ทำการปลดพนักงานออกจำนวนมากแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เทสลาได้ประกาศกำลังอยู่ในช่วงปลดพนักงานกว่า 285 คน ของโรงงานในเมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก

และเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมาทางเทสลาได้ประกาศว่าจะมีการเลิกจ้างพนักงานกว่า 10% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดที่มีอยู่ 14,000 คน

ทั้งนี้ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการแจ้งเกี่ยวกับการฝึกอบรมและการเปลี่ยนแปลงแรงงานนายจ้างในสหรัฐที่มีพนักงานราวๆ 100 คนขึ้นไป จะต้องแจ้งล่วงหน้า 60 วัน ก่อนปิดกิจการตามแผนเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก

อ่านข่าวสารอัพเดทเพิ่มเติม

Toyota Fortuner ขุมพลังดีเซล Hybrid 48V เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

ก่อนหน้านี้ทาง Toyota ได้ทำการเปิดตัว Hilux Mild-hybrid 48V มาคราวนี้ทาง Toyotaได้เตรียมเปิดตัวรถ PPV อย่าง Fortuner กันบ้างเรียกได้ว่าเป็นการเปิดตัว Fortuner 48V ครั้งแรกในโลกที่ประเทศแอฟริกาใต้เรียบร้อยแล้วโดยเส้นจุดเด่นที่มีความนุ่มนวลในการขับขี่ และช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองลงเมื่อเทียบกับรุ่นอย่างดีเซลล้วนปกติ

รูปลักษณ์ภายนอกของ Toyota Fortuner 48V ยังคงเหมือนกับเวอร์ชั่นสันดาปแทบจะทั้งหมด แต่จะมีเพียงแค่ สัณลักษณ์ 48V เพิ่มขึ้นมาที่บริเวณประตูท้ายเท่านั้นเองโดยตลาด แอฟริกาใต้จะมีให้เลือกถึง 8 รุ่นย่อย โดยจะแบ่งเป็นรุ่น 2 ล้อ และ 4 ล้ออย่างละ 4 รุ่นเท่าๆกันนั่นเอง

Toyota Fortuner 48V จะติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ แถวเรียงที่มีความจุ 2.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุดถึง 204 แรงม้า และได้แรงบิดสูงสุดที่ 500 นิวตันเมตรเพิ่มเติมด้วยมอเตอร์ ISG ที่ให้กำลังสูงสุดที่ 16 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดโดยโตโยต้าไม่ได้เปิดเผนตัวเลขกำลังรวมสูงสุดรวมออกมาเพียงแต่ระบุว่าสามารถลดอัตราสิ้นเปลืองได้สูงสุดราวๆ 10%

และห้องโดยสารก็คงยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแตกต่างไปจากรุ่นสันดาปล้วนเดิมเช่นกัน ททั้งการออกแบบภายใน และ หัวเกียร์ต่างๆ ก็ยังคงหน้าตาเหมือนเดิมทั้งหมดซึ่งไม่ได้มีการเปลี่ยนให้ดูเป็นระบบไฟฟ้าแต่อย่างใดเหมือนกับรถ Full Hybrid แต่อาจจะการเพื่มระบบ ไฮบริดบนหน้าจอกลาง

ส่วนราคาจัดจำหน่ายของ Toyota Fortuner 48V ในแอฟริกาใต้จะอยู่ระราวๆ 834,000 – 972,300 แรนด์ หรือตีเป็นเงินไทยราวๆ 1,610,000 – 1,870,000 บาท

อ่านข่าวสารรถยนต์เพิ่มเติม

Honda เตรียมรุกหนัก รถยนต์พลังงาน Hydrogen

เรียกว่าในยุคที่รถยนต์พลังงาน EV กำลังเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของยนต์กรรมโลกและกำลังอยู่ในจุดที่เข้ามาแทนที่ในยานยนต์หลายๆส่วน และเข้ามามีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอย่างมาก ทำให้ยนต์กรรมหลายๆส่วนต้องปรับตัวตามไปด้วย
แต่ Honda กลับไม่คิดแค่นั้น และกำลังจะเดินหน้าเปิดทางให้พลังงานทางเลือกอย่างเชื้อเพลิง Hydrogen เป็นพลังงานทางเลือกชนิดต่อไป

ซึ่งทาง Honda กำลังจะผลิต CR-V FCEV ซึ่งจะมาเป็นรถยนต์พลังงาน Hydrogen คันแรกของโลก และเราอาจจะได้เห็นทาง Honda ผลิตรถยนต์ ไฮโดรเจนเพิ่มมากยิ่งขึ้น

Honda ได้เปิดตัวเซลส์เชื้อเพลิงไฮโดนเจน เจเนอเรชั่นใหม่ในงานแสดงสินค้าที่กรุงบรัสเซลประเทศเบลเยี่ยม ในขณะที่เทคโนโลยีใหม่จะถูกใช้ในยานพาหนะหลากหลายประเภท รวมไปถึงรถยนต์ไฟฟ้าไฮโดรเจน รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และเครื่องจักรในการก่อสร้าง

ในปัจจุบัน ระบบ Hydrogen ยังคงมีแนวร่วมในการพัฒนาในตลาดไม่มากนัก โดยมีผู้ผลิตไม่กี่รายในการลงททุกและพัฒนาและ Honda ก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง Toyota และ BMW ได้ร่วมพัฒนา BMW iX5 เครื่องยนต์ ไฮโดรเจนและล่าสุด General Motors ได้มีการร่วมกันพัฒนารถไฮโดรเจนกับทาง Honda ซึ่ง Honda เองก็ยังเล็กเห็นขุดแข็งของระบบนี้อยู่

และนอกเหนือจากการคมนาคมขนส่งแล้ว ทาง Honda เองก็ได้มองเทคโนโลยี Hydrogen เป็นพลังงานแหล่งสำรองเพื่อให้มั่นใจว่าผลิตพลังงานได้อย่างยั่งยืน และในอนาคตอันใกล้เราอาจจะได้เห็นทางฮอนด้าสร้างรถยนต์พลังงานไฮโดรเจนมาใช้อย่างแพร่หลายด้วยนั่นเอง

อ่านข่าวรถยนต์มือสอง

ขับทางไกลยังไงให้ประหยัดน้ำมัน

เรียกว่าจะเดินทางไปไหนไหนหลายๆคนก็ตระหนักถึงค่าเดินทางที่จะต้องเสียไป อีกทั้งปัจจัยต่างๆที่ทำให้ค่าเดินทางนั้นเพิ่มขึ้น เช่น ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น รวมไปถึงสภาวะรถติด ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ค่าเดินทางเพิ่มขึ้น เรามาดูวิธีแก้ปัญหากันครับว่าจะสามารถพอทำอย่างไรได้บ้าง

  1. เติมลมยางรถยนต์ให้พอดี

การเติมลมยางให้เหมาะสมถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่สามารถประหยัดน้ำมันได้ เพราะยางคือส่วนที่สัมผัสกับหน้าถนนมากที่สุดถ้าหากเราบรรทุกของหนักเกินไปทำให้ยางแบนผิดรูปทำให้เครื่องยนต์ต้องส่งกำลังไปยังล้อมากยิ่งขึ้น ทำให้ต้องใช้อัตราเร่งสูงขึ้นทำให้สูญเสียเชื้อเพลิงมากขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง

2.ไม่ใช้ความเร็วมากเกินไป

การใช้ความเร็วสูงเกินไปทำให้เครื่องยนต์ต้องทำงานในรอบที่สูงตลอดเวลาก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ใช้เชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้นเพราะเครื่องยนต์หลายๆรุ่นจะออกแบบให้ไอดีสามารถเปิดวาล์วไอดีเพิ่มเมื่อต้องการอัตราเร่งเพิ่มเติมทำให้เพิ่มอัตราการกินน้ำมันเพิ่มเติม ฉะนั้นการขับรถที่ทำให้ประหยัดน้ำมันที่สุดก็คือการใช้รอบเครื่องยนต์ที่เหมาะสมที่สุดควบคู่ไปกับความเร็วที่คงที่ โดยปกติแล้ว จะอยู่ที่ความตั้งแต่ 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

3.เหยียบเบรคเฉพาะเวลาที่จำเป็น

การเหยียบเบรกโดยไม่จะเป็น ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้รถยนตืกินน้ำมันมากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อเบรกบ่อยก็ต้องเริ่มออกตัวใหม่ ในจังหวะที่ออกตัวเป็นช่วงที่ทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักและรับภาระมากที่สุดจึงทำให้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมากที่สุดตามไปด้วยนั่นเอง

4.ไม่บรรทุกของหนักเกินความจำเป็น

การบรรทุกของหนักเกิดความจำเป็น เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่อาจจะเลี่ยงได้ยาก เพราะเมื่อต้องเดินทางการบรรทุกของหนักก็อาจจะไม่สามารถควบคุมในเรื่องของน้ำหนักได้ แต่ปัจจัยที่ทำให้รถยนต์กินน้ำมันมากที่สุดก็คือเรื่องการบรรทุกน้ำหนักนี่แหละ ฉะนั้นถ้าหากสามารถวางแผนในการลดสัมภาระได้ก็จะเป็นเรื่องดีครับ

5.ตรวจเช็คสภาพรถ

การตรวจเช็คสภาพรถก็เป็นพื้นฐานก่อนเดินทางอยู่แล้ว แต่หลายๆคนอาจจะไม่ทราบว่าการตรวจสภาพรถนั้นจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นได้อีกด้วยเพราะถ้าหากของเหลวที่ใช้ภายในเครื่องยนต์นั้นเสื่อมสภาพก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาการกินน้ำมันของเครื่องยนต์เพราะถ้าหากเครื่องยนต์เกิดการสึกหรอ ก็จะทำให้เครื่องยนต์ต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้นอีกด้วยนั่นเอง

สำหรับเทคนิกการใช้รถยนต์อย่างไรให้ประหยัดน้ำมันก็สามารถทำได้ไม่ยากเพียงแค่เรารู้จักการดูแลและเอาใจใส่รถยนต์ให้มากยิ่งขึ้นก็จะทำให้เราสามารถปรับหยัดเงินค่าเดินทางได้มากขึ้นอีกด้วยนั่นเอง

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

5 สิ่งที่มนุษย์เงินเดือนสามารถใช้ประกอบเพื่อการออกรถได้

ช่วงนี้เป็นช่วงที่หลายๆคนเริ่มกำลังหารถสำหรับไว้เป็นยานพาหนะสำหรับการเดินทาง แต่สำหรับคนที่มีเงินเดือนอาจจะยังไม่ทราบตัวตัวเองนั้นเวลายื่นขอจัดไฟแนนซ์รถยนต์นั้นต้องใช้อะไรบ้าง หรือว่าอายุงานนั้นเพียงพอที่จะดำเนินการหรือยัง วันนี้ทาง Kitsadagoodcar จะมาแนะนำให้ได้ทราบกันครับ

1.สำเนาบัตรประชาชน

ในกรณีที่เป็นบุคคลธรรมดา เอกสารที่ต้องมี สำเนาบัตรประชาชน 3 ชุด หรือถ้าหากเคยมีการเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุลก็จะต้องใช้หนังสือยืนยันในเรื่องของชื่อสกุลประกอบด้วย 3 ชุด

2.สำเนาทะเบียนบ้าน

เอกสารสำเนาทะเบียนบ้าน 3 ชุด

3.สลิปเงินเดือนหรือใบรับรองเงินเดือน

หนังหนังสือรับรองเงินเดือนจะต้องมีอายุไม่เกิน 30 วัน นับจากวันที่ออกใบรับรอง

4.สเตทเม้นท์ ย้อนหลัง 3 – 6 เดือน

Silp เงินเดือน ย้อนหลัง 6 จนมาถึงปัจจุบัน และไม่ขาดช่วงเงินเดือน และในช่วงของ 6 เดือนย้อนหลัง ห้ามมีช่วงเดือนที่ขาดรายได้ถือว่าต้องเริ่มต้นนับใหม่ด้วยนั่นเอง
กรณีที่ได้รับเป็นเงินสด สามารถนำเงินเข้าฝากบัญชีให้ตรงในแต่ละเดือน ตัวอย่างเช่น ถ้าได้รับเงินเดือนในวันที่ 1 และนำเงินรายได้เข้าฝากในวันที่ 2 ไม่เกินวันที่ 5 ของเดือนติดต่อกันเป็นระยะเวลา 6 เดือน นั่นเองครับ

5.แผนที่บ้านหรือแผนที่ทำงาน

ซึ่งเอกสารเหล่านี้เป็นเอกสารประกอบหลักฐานและที่อยู่ในการตัดสินใจของทางไฟแนนซ์ ซึ่งถ้าหากบริษัทที่ทำงานอยู่นั้นมีหน้าร้านชัดเจน หรือ ธุรกิจเสริมของคุณมีหน้าร้านชัดเจนก็จะทำให้เพิ่มเติมในเรื่องของเครดิตให้น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น และลดโอกาสในการบิดการชำระหนี้นั่นเอง

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

ของกินแก้ง่วง ไม่มีร่วงถ้าเดินทางไกล

ของกินแก้ง่วง รับรองว่าไม่มีร่วงเมื่อเดินทางไกล

เรามาดูกันครับว่าถ้าหากคุณจำเป็นจะต้องเดินทางไกลๆ แต่ว่าร่างกายเพลียไม่พร้อมนั้นมีของกินอะไรบ้างที่จะทำให้คุณตาสว่างจนสามารถเดินทางจนบรรลุถึงปลายทางได้กันครับ

1.มะขามจี๊ดจ๊าด

มะขามเป็นผลไม้ที่มีรสชาตเปรี่ยวและวิตามิน C สูงมากๆทำให้เกิดความตื่นตัวกระปรี้กระเปร่า นอกจากมีผลไม้สดแล้วตามร้านสะดวกซื้อยังมีแบบมะขามที่นำมาแปรรูปได้อย่างหลากหลาย แต่แนะนำว่าให้กินอย่างพอเหมาะพอควรจะดีกว่าครับเพราะถ้าหากมากเกินไปรับประกันว่าได้เข้าห้องน้ำปั้มน้ำมันตลอดเส้นทางแน่นอน

2. กาแฟกระป๋อง

กาแฟกระป๋องเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยง่ายๆที่หาได้ในร้านสะดวกซื้อเพราะในกาแฟจะมีกาเฟอีนที่จะเป็นตัวช่วยที่จะทำให้สดชื่นกระปี้กระเปร่าตื่นตัว และเป็นตัวช่วยที่มีราคาไม่แพงและสะดวกในการดื่มอีกด้วยนั่นเอง

3.เครื่องดื่มชูกำลัง

เครื่องดื่มชูกำลังเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เป็นตัวช่วยที่ดี เพราะนอกจากจะหาซื้อง่ายแล้ว ก็ยังสามารถพกพาติดกระเป๋าไปดิ่มได้ทุกที่ ทำให้รู้สึกสดชื่น ตื่นตัว ซึ่งมีกาเฟอีนมากกว่ากาแฟ แต่เป็นเครื่องดื่มที่ไม่ควรดื่มบ่อยเพราะอาจจะทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะได้

4.ผลไม้รถเปรี้ยว

ผลไม้รสชาติเปรี้ยว เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่สามารถหาซื้อได้ตามตลาดสด ตามปั้มน้ำมัน หรือ ข้างทาง ซึ่งผลไม้รสเปรี้ยวได้แก่ มะม่วง องุ่นดอง มะยม ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่สาวๆชอบอยู่แล้ว ฉะนั้นถ้าหากสาวๆซื้อมาทานบนรถก็อย่าลืมแบ่งปันให้คนขับด้วยนะครับ

5.หมากฝรั่ง

หมากฝรั่งเป็นตัวช่วยที่ยอดนิยมที่สุดเพราะการเคี้ยวหมากฝรั่งจะช่วยให้ระบบไหลเวียนของเลือดไหลเสียนไปยังสมอง ช่วยกระตุ้นให้ระบบประสาททำงานได้ดีขึ้น และ ทำให้ร่างกายตื่นตัว ลดความง่วงลงไปได้บ้าง และการเคี้ยวหมากฝรั่งยังจะช่วยให้ผู้ที่มีการเมารถลดลงอีกด้วย

6.พริก

พริกนอกจากจะเป็นเครื่องปรุงอาหารแล้วยังเป็นอาหารที่ช่วยให้มีการตื่นตัวอีกด้วยเพราะในพริกจะมีสาร แคปไซซินอยด์ (Capsaicinoids) ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ทำให้พริกมีรสชาตเผ็ดร้อนเมื่อได้ปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต ซึ่งส่งผลทำให้ร่างกายนั้นมีการตื่นตัว และหายง่วงนอนได้โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย

ทั้งหมดนี้ก็เป็นตัวช่วยในการเดินทางไกลของเพื่อนๆที่สามารถนำเอาไปใช้ได้ในช่วงเทศกาลเพื่อลดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยเป็นทริกเล็กๆที่เรานำเอามาฝากกันครับ

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

ดูแลรถยนต์อย่างไร ในช่วงหน้าร้อน

หน้าร้อนของประเทศไทยเรียกว่าเป็นปัญหาใหญ่ของรถยนต์มากๆเลยก็ว่าได้เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอากาศร้อนเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ฉะนั้นการดูแลรถยนต์ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก ฉะนั้นเมื่อเราเปลี่ยนสภาพอากาศไม่ได้เราก็ควรปรับตัวในเรื่องของการดูแลรถให้รถยนต์สุดทที่รักของเรานั้นสามารถใช้งานและรักษาสภาพไปได้อย่างยาวนาน มาดูกันครับว่าช่วงหน้าร้อนแบบนี้เราควรดูแลอย่างไร

1. ฟีล์มกรองแสงรถยนต์
ฟีล์มกรองแสงถือว่าเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์สุดแสนจะจำเป็นกับรถยนต์หรือเรียกว่าเป็นอุปกรณ์คู่บุญเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากมันจะช่วยทำให้สบายตามากขึ้นแล้วก็ยังช่วยให้ลดอุณหภูมิภายในห้องโดยสารของคุณได้มากอีกด้วย รวมไปถึงทำให้แอร์รถยนต์ของคุณไม่ต้องทำงานหนักเพราะอากาศหมุนเวียนภายในนั้นจะไม่ร้อนสูงมากนักนั่นเอง

2. ระบบหล่อเย็น

ระบบหล่อเย็นเป็นอีกหนึ่งสิ่งในช่วงหน้าร้อนที่ต้องหมั่นตรวจสอบอยู่บ่อยครั้งเพราะถึงแม้ว่าจะเป็นของเหลวในระบบปิดแต่มันก็สามารถระเหยจนสามารถพร่องได้เช่นกัน ฉะนั้นควรตรวจน้ำยาในระบบหล่อเย็นว่าอยู่ในระดับที่สมควรหรือไม่ด้วยนั่นเอง เพื่อให้ระบบหล่อเย็นนั้นสามารถทำงานระบายความร้อนในระบบได้เต็มที่และเหมาะสม

3. ระบบปรับอากาศ

การเปิดปรับอากาศภายในที่ถูกต้องคือการไล่ลมร้อนออกจากระบบความเย็นให้หมดก่อนแล้วจึงเปิด ปุ่ม A/C เพราะถ้าหากมีความร้อนในห้องโดยสาร และ ช่องแอร์ก็จะทำให้แอร์นั้นทำงานหนักมาก เพราะระบบแอร์จะทำงานตลอดจนกว่าอุณหภูมินั้นจะอยู่ในจุดที่เราตั้งไว้นั่นเองฉะนั้นการไล่ความร้อนออกจากห้องโดยสารนั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน

4. ยางรถยนต์

หลายๆคนอาจจะเข้าใจการเติมลมยางรถยนต์นั้นจะต้องเติมให้ตรงกับสเปคที่ทางโรงงานทั้งเอาไว้นั้นดีที่สุด แต่อันที่จริงแล้วการเติมลมยางถ้าหากเราศึกษาดีๆนั้น ความเหมาะสมในการใช้งานนั้นจะมีหลากหลายมากๆ เช่นเมื่อเติมช่วงหน้าฝน ให้น้อยกว่ามาตรฐาน 1-2 ปอน์ด เพื่อให้หน้ายางนั้นสามารถเกาะหน้าถนนได้อย่างเต็มที่ หรือหากต้องแบกน้ำหนักของที่มาขึ้นเพื่อเดินทางไกลจะต้องเติมมากกว่าปกติ 1-2

5.หม้อน้ำ

หม้อน้ำเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดของเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่แบกรับความร้อนของเครื่องยนต์เอาไว้ซึ่งถ้าหากระบบหม้อรน้ำมีการเสี่อมสภาพหรือสึกหรอก็อาจจะทำให้ระบบต่างๆภายในเครื่องยนต์นั้นเกิดการสึกหรอและเสียหายได้เนื่องจากระบบระบายความร้อนนั้นไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่จนเป็นเหตุที่ทำให้ระบบอื่นภายในเครื่องยนต์เกิดความเสียหายร้ายแรง เช่นฝาสูบโก่ง ชาร์ปละลาย เป็นต้น

6. จอดในที่ร่ม

สิ่งที่ดีที่สุดหลังจากการใช้รถยนต์คือการหาที่ร่มจอด และแน่นอนว่า ต่อให้อากาศร้อนแค่ไหนแต่หากว่ารถของคุณได้จอดในร่มโดยไม่โดดแดดตรงๆ ก็สามารถรักษาสภาพสีได้ดีที่สุดฉะนั้นการหาที่จอดรถที่ดีที่สุดคือการจอดใต้หลังคานั่นเอง

การดูแลรถยนต์ในช่วงฤดูต่างๆ นั้นก็ปฎิบัติตามคำแนะนำที่แตกต่างกันออกไป แต่ความเสียหายในช่วงหน้าร้อนถือว่าเป็นความเสียที่ร้ายแรงต่อรถเช่นกัน ฉะนั้นควรเข้าใจและปฎิบัติตามได้อย่างถูกต้องเพืื่อยืดอายุของรถยนต์จะได้ใช้ไปนานๆนั้นเอง

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

6 วิธีดูแลรถยนต์ช่วงสงกรานต์

6 วิธีดูแลรถยนต์ช่วงสงกรานต์

1. ล้างรถแล้วเคลือบสีก่อนออกจากบ้าน

การล้างรถแล้วเคลือบสีก่อนออกจากบ้านก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยถนอมสีให้รถยนต์ของคุณได้เมื่อจะต้องออกไปเผชิญมลภาวะในช่วงสงกรานต์เพราะการล้างรถและเคลือบสีจะลดการดูดของฝุ่น ตะกรัน รวมไปถึงคราบแป้งต่างๆที่จะต้องเจอในช่วงสงกรานต์นี้ ฉะนั้นการล้างรถเคลือบสีจะช่วยให้การยึดเกาะของมลภาวะต่างๆ ได้ด้วยนั่นเอง

2. รีบล้างรถทันทีหากโดนน้ำสกปรก

เมื่อกลับมาถึงบ้านให้ล้างรถในทันที เพราะถ้าหากปล่อยมลภาวะเกาะสีรถไว้นานๆก็จะทำให้เกิดการดูดจับของสิ่งสกปรกเข้าไปในเนื้อสีซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ต่อมาในอนาคต ทั้งสีด่าง รวมไปถึงอาจจะเกิดความเสียหายถึงไปถึงชั้นเนื้อสีถ้าหากจอดรถที่ยังสกปรกอยู่กลางแดด ก็จะเพิ่มความเสียหายร้ายแรงให้กับสีรถอีกด้วย ฉะนั้นการที่ขับรถกลับมาจากสงกรานต์จึงควรรีบล้างสีดีที่สุด

3. ใช้น้ำยาเช็ดหากกระจกโดนแป้ง

การใช้น้ำยา หรือน้ำเปล่า เช็ดกระจกเมื่อโดนแป้งก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าน้ำที่ใช้เล่นสงกรานต์ นั้นมาจากแหล่งไหน หรือเป็นน้ำที่มีความกรดหรือด่างมากน้อยเพียงใด น้ำเหล่านี้เมื่อแห้งอันเกิดจากการจอดรถตากแดดร้อนๆ จะเกิดตะกรันติดกระจก สามารถสร้างคราบต่างๆ บนพื้นผิวกระจกได้ ประกอบฉะนั้นการล้างหรือเช็ดให้แห้งก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดนั่นเองเพื่อลดโอกาสความเสียหายที่จะเกิดขึ้นนั่นเองครับ

4. หลังหมดสงกรานต์ควรนำรถไปล้างทันที

การล้างรถและเคลือกสีหลังสงกรานต์เป็นสิ่งที่คัญเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากมลภาวะหลายอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงสงกรานต์จะเป็นสิ่งที่ทำให้สุขภาพของสีรถนั้นลดลงแล้วการล้างรถและเคลือบสีแบบจัดเต็มจึงเป็นเรื่องเล็กๆที่สำคัญมากๆฉะนั้นไม่ควรมองข้ามเลยนะครับ

5. ทำความสะอาดภายในเพื่อลดกลิ่นอับ

เรียกว่าการเล่นน้ำในช่วงสงกรานต์ในบางครั้งอาจจะไม่ใช่แค่เล่นนอกรถเท่านั้น แต่บางครั้งอาจจะเกิดความชื้นจากเสื้อผ้าที่เปียกรวมไปถึงเหงือสะสมต่างๆและเจ้ามานั่งในรถ การทำความสะอาดภายในเพื่อลดกลิ่นอับก็เป็นสิ่งที่ควรจะต้องทำเพราะเบาะนั่งจะดูดซับเหงือทำให้เกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ขึ้นได้นั่นเอง

6. เช็คเครื่องยนต์ว่ามีความเสียหายหรือไม่

การเช็คเครื่องยนต์หลังสงกรานต์ว่าเสียหายหรือไม่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรหมั่นตรวจสอบหลังสงกรานต์เพราะน้ำผสมแป้งหรือแป้งเหลวๆเหนียวๆ อาจจะไปอุดตันและแห้งติดตามรังผึ้ง ต่างๆที่กระจังหน้าทำให้ระบบระบายความร้อนทำงานได้แย่ลง รวมไปถึงระบบเบรกต่างๆที่โดนน้ำหลังจากที่เบรกและลุยน้ำอาจจะมีความคดงอซึ่งสามารถสังเกตุไดไ้จากอาการสั่นๆเมื่อเบรก ฉะนั้นการตรวจสิ่งเหล่านี้ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญเช่นกัน

และนี่ก็เป็นอีก 6 สิ่งที่ต้องทำในช่วงสงกรานต์เป็นสิ่งเล็กๆที่หลายคนมองข้ามแล้ว เพื่อให้รถยนต์ของคุณสามารถใช้งานได้อีกยาวๆ สิ่งเหล่านี้ควรจะต้องหมั่นตรวจเช็คเป็นประจำ จำได้ไม่เกิดปัญหาภายหลังตามมานั่นเอง

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

จอดติดไฟแดงใส่เกียร์ D หรือเกียร์ N ประหยัดมากกว่ากัน

จอดติดไฟแดงใส่เกียร์ D หรือเกียร์ N ประหยัดมากกว่ากัน

เริ่มต้นจากการทำความรู้จักกับประเภทของเกียร์ออโต้ก่อน

โดยเกียร์ออโต้นั้นหลักๆ จะมีอยู่ 2 ประเภท

  1. เกียร์แบบ Torque Converter เป็นเกียร์ ที่ใช้งานในรถปีเก่าๆ ซึ่งเป็นเกียร์ที่เริ่มบุกเบิกเกียร์ออโต้ทุกรุ่นซึ่งการทำงานของเกียร์ประเภทนี้จะใช้ของเหลวหรือน้ำมันเป็นตัวทำงานเพื่อส่งถ่ายแรงกดในการเปลี่ยนเกียร์ นั่นเอง
    เกียร์ประเภทนี้ถ้าหากจอดติดไฟแดง แล้วจอดในตำแหน่ง D ระบบการขับเคลื่อนจะกดให้เกียร์นั้นพร้อมที่จะออกตัวตลอดเวลา ซึ่งรวมไปถึงรอบเครื่องยนต์ที่มีการปรับสูงขึ้นอีกด้วย จึงทำให้สูญเสียเชื้อเพลิงมากึ้นนั้นเอง

2. เกียร์ Continuously Variable Transmission หรือที่เราเรียกกันว่า (CVT) ซึ่งมักจะใช้ในรถยนต์รุ่นใหม่ๆรวมไปถึงรถขนาดเล็กในบางรุ่นอีกด้วย เกียร์ CVT นี้จะทำงานทำงานโดยการกำลังมาจากเครื่องยนต์ซึ่งจะประกอบไปด้วยพูลเลย์ 2 ตัว ทั้งพูลเลย์ขับ และ พูลเลย์กำลัง โดยทั้งสองตัวนี้จะทำงานสัมพันธ์กันตามอัตรากำลังเครื่องยนต์และอัตราเร่งถ้าหากไม่มีการเร่งระเบบเกียร์ก็จะไม่มีการส่งกำลังไปยังล้อนั่นเอง ถ้าหากจอดติดไฟแดงเมื่ออยู่ในตำแหน่ง D ก็จะไม่มีผลต่อเครื่องยนต์ และอัตราสิ่งเปลืองที่เพิ่มขึ้น

  • แต่ถ้าหากต้องจอดรถติดไฟแดงเป็นระยะเวลานานๆ ไม่ว่าจะขับรถที่เป็นเกียร์ประเภทไหนก็แนะนำให้เปลี่ยนเป็นเกียร์ N หรือ เกียร์ P จะดีกว่า เพื่อลดปัญหาของรถไหลอาจจะทำให้เกิดความเสียหายได้นั่นเอง

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม


5 สิ่งที่ต้องระวัง เมื่อขับรถในช่วงหน้าร้อน

5 สิ่งที่ต้องระวังเมื่อขับรถในช่วงหน้าร้อน

5 สิ่งต้องระวัง เมื่อขับรถในช่วงหน้าร้อน เป็นสิ่งที่จำเป็นที่ผู้ใช้รถจะต้องมีความรู้ในเรื่องพื้นฐานต่างๆ เพียงแค่ 5 ข้อในบทความนี้คุณก็สามารถใช้รถได้อย่างปลอดภัยและถนอมรถอีกด้วย

1. ความร้อนของเครื่องยนต์และระบบต่างๆ
การทำความเข้าใจในเรื่องของวความร้อนและอุณหภูมิเป็นสิ่งสำคัญเพราะเมื่อหากเราใช้รถและอุณหภูมิกำลังสูงขึ้นเราก็สามารถเตรียมรับมือได้ทันท่วงทีฉะนั้น ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอุณหภูมิและความร้อนจึงเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก และการอ่านค่าไฟต่างๆของระบบเครื่องยนต์เมื่อมีการแจ้งเตือนขึ้นมานั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ

เมื่อต้องเดินทางไกลเป็นเวลานานๆ ควรจะต้องจอดพักเพื่อให้เครื่องยนต์ได้พักและลดความร้อน รวมไปถึงแรงดันในล้อยางก็จะได้ลดลง เพราะถ้าหากเกิดความร้อนสะสมมากๆ อาจจะทำให้อุปกรณ์เหล่านั้นเกิดความเสียหายได้ และอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นด้วยนั่นเอง

2. ระวังการจอดรถทิ้งไว้กลางแดดเป็นระยะเวลานานๆ

การจอดทิ้งไว้กลางแดดเป็นระยะเวลานานๆ ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้อุปกรณ์ต่างๆภายในรถเสื่อมสภาพลงได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน รวมไปถึงอุปกรณ์ภายในต่างๆ ที่โดนความร้อนนานๆ เช่นคอนโซลหน้า แผงหน้าจอวิทยุ ก็จะทำให้เกิดความเสียหายหรือเสื่อมสภาพได้อย่างรวดเร็ว ฉะนั้นถ้าหากหลีกเหลี่ยงในการจอดตากแดดในช่วงหน้าร้อนไม่ได้ก็แนะนำให้ ใช้ผ้าคลุมหรือนำอุปกรณ์บางแดดมาปิดที่กระจกเพื่อลดโอกาสเกิดความเสียหายได้

3. ระวังเรื่องของเหลวต่างๆ ภายในรถยนต์

ของเหลวต่างๆ ที่อยู่ภายในเครื่องยนต์อาจจะพร้องได้เพราะความร้อนเป็นตัวทำให้ของเหลวเหล่านี้เกิดการระเหยหายไปถึงแม้ว่าจะเป็นน้ำยาหล่อเย็นก็ตาม ก็ยังมีโอกาสที่สามารถพร่องได้เช่นกันฉะนั้นการตรวจของเหลวเป็นประจำจึงเป็นสิ่งที่สำคัญในช่วงหน้าร้อนเป็นอย่างมาก และเมื่อพบเจอว่าของเหลวขาดก็ควรซื้อเติม

4. ห้ามนำวัตถุที่มีแรงดันที่เสียงต่อการระเบิดไว้ในรถที่ตากแดด

หากจำเป็นจะต้องนำรถไปจอดกลางแดด ให้นำวัตถุที่มีแรงดันต่างๆ ออกจากรถ เช่น กระป๋องสเปรย์ แบตเตอรี่ โทรศัพท์ พาวเวอร์แบงก์ รวมไปถึงไฟแช๊คเป็นต้น เมื่อภายในห้องโดยสารมีความร้อนสูงทำให้อุปกรณ์ที่มีแรงดันนั้นเกิดการขยายตัวตามอุณหภูมิ และอาจจะทำให้เกิดการระเบิดจนสร้างความเสียหายให้กับรถของคุณได้

5. กระจกแตก เมื่อโดนน้ำเย็น

กระจกเป็นวัสดุที่ไวต่ออุณหภูมิเป็นอย่างมาก จึงอาจจะให้ความสำคัญในเรื่องของการหาที่จอดรถที่ไม่ร้อนจนเกินไป เพราะความร้อนสะสมภายในห้องโดยสารมากเกินไปอาจจะเป็นปัจจัยเสี่ยง ที่ทำให้กระจกแตกเมื่อด้านนอกกระจกโดนน้ำที่มีอุณหภูมิที่แตกต่างกัน เราจะเห็นข่าวสารต่างๆที่แชร์กันบนโลกโซเชี่ยล ว่ารถจอดตากแดด ทำให้กระจกแตกอยู่บ่อยครั้งนั่นเอง

ต้องการอ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม