รถ SUVมือสอง

• รุ่น: Honda CR-V (Gen 3)
• รุ่นย่อย: 2.4 EL (Navi) 2WD รุ่นท็อปออปชันเต็ม
• ปี: 2011
• เลขไมล์: 13x,xxx กม. (ไมล์แท้ น้อยมากสำหรับปีนี้)
• เครื่องยนต์: เบนซิน 2.4 ลิตร i-VTEC (K24Z) 170 แรงม้า
• ระบบขับเคลื่อน: ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า (FWD)
• จุดเด่น: เบาะคนขับไฟฟ้า 8 ทิศทาง, Navigator โรงงาน, กล้องถอย, Cruise Control, รถสภาพเดิมบาง
• ราคาจำหน่าย: 269,000 บาท

เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร (ขับเคลื่อน 2 ล้อ):

• ประโยชน์: ได้พละกำลังจากเครื่อง 2.4 ลิตรที่ "แรงเหลือเฟือ" เร่งแซงมั่นใจกว่ารุ่น 2.0 มาก แต่ด้วยความเป็นรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ทำให้ตัวรถเบากว่ารุ่น 4WD ส่งผลให้ ออกตัวพุ่งกว่า กระฉับกระเฉงกว่า และประหยัดน้ำมันกว่า แถมยังดูแลรักษาง่ายกว่าเพราะไม่มีเพลากลางและเฟืองท้าย

ห้องโดยสารกว้างขวางและอเนกประสงค์:

• ประโยชน์: จุดเด่นของ CR-V Gen 3 คือความโปร่งโล่ง คันเกียร์อยู่ที่คอนโซลทำให้เดินทะลุจากเบาะคู่หน้าไปด้านหลังได้ (Walk-through) เบาะหลังพับได้หลากหลาย และมี ชั้นวางของ Double Deck ด้านท้ายที่รับน้ำหนักได้ 10 กก. ช่วยแบ่งสัดส่วนการเก็บของได้ดีมาก

สภาพภายในและการดูแลรักษา:

• ประโยชน์: เบาะหนังสีดำในรุ่น 2.4 EL ดูแลรักษาง่ายกว่าสีเบจในรุ่น 2.0 และจากภาพสภาพเบาะยังตึง ไม่ยับย่นหรือแตกลายงา พวงมาลัยและปุ่มกดต่างๆ ยังไม่ลอก แสดงถึงเจ้าของเก่าดูแลดีมาก และจอดในร่มเป็นหลัก

เครื่อง 2.4 ลิตร 2WD ประหยัดกว่ารุ่น 4WD เล็กน้อย:

• ขับในเมือง (รถติด): ประมาณ 8 - 9 กม./ลิตร (ต้นทุน 4.00 - 4.50 บาท/กม.)
• ขับทางไกล (ความเร็ว 100-110): ประมาณ 12 - 13 กม./ลิตร (ต้นทุน 2.80 - 3.10 บาท/กม.)
• เฉลี่ยรวม: ประมาณ 10 - 11 กม./ลิตร (ต้นทุน 3.50 - 4.00 บาท/กม.)

หมายเหตุ: รุ่นนี้รองรับน้ำมัน E20 และด้วยเครื่องยนต์ K24 ที่ทนทาน สามารถนำไปติดแก๊ส LPG ได้จบและเสถียรมาก หากต้องการประหยัดค่าเชื้อเพลิง

• Walk-Through Cabin: พื้นรถเรียบเสมอกัน เดินเปลี่ยนที่นั่งได้สะดวก
• Double Deck Cargo Shelf: แผ่นกั้นสัมภาระท้ายรถ แบ่งชั้นบน/ล่าง (มีเฉพาะใน Gen 3 เท่านั้น รุ่นใหม่ๆ ตัดออกไปแล้ว)
• ระบบแอร์: แอร์อัตโนมัติ Dual Zone แยกฝั่งซ้าย-ขวา เย็นฉ่ำสไตล์ฮอนด้า

Honda CR-V 2.4 EL คันนี้คือ "ความคุ้มค่าระดับ 5 ดาว"

• ความคุ้มค่า: ด้วยงบประมาณเพียง 269,000 บาท คุณได้รถ SUV เครื่อง 2.4 ตัวท็อป ที่สมรรถนะการขับขี่ดีกว่ารถใหม่ราคา 6-7 แสนบาทในปัจจุบันมาก จุดเด่นที่สุดคือ "เลขไมล์ 130,000 กม." ซึ่งหายากมากสำหรับรถปี 2011 (ส่วนใหญ่วิ่งทะลุ 2 แสนไปแล้ว) สภาพภายในสะอาดเหมือนรถอายุ 4-5 ปี และเป็นรุ่นขับ 2 ที่ดูแลรักษาง่ายกว่า
• ประโยชน์ที่จะได้รับ: เหมาะสำหรับ คนทำงานหรือครอบครัวเริ่มต้น ที่ต้องการรถใหญ่ นั่งสบาย ขนของได้เยอะ ไว้ขับกลับต่างจังหวัดหรือท่องเที่ยว โดยไม่อยากเป็นหนี้ก้อนโต รถรุ่นนี้ซ่อมง่าย อะไหล่เซียงกงเพียบ อู่นอกเก่งๆ เยอะมาก ซื้อไปใช้แล้วดูแลตามระยะ รับรองว่าใช้ต่อได้อีกยาวนานครับ

• รุ่น: Toyota Veloz (Premium Crossover MPV)
• รุ่นย่อย: 1.5 Premium (ตัวท็อปสุด)
• ปี: 2024 (สภาพป้ายแดง)
• เครื่องยนต์: เบนซิน 1.5 ลิตร Dual VVT-i (106 แรงม้า)
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อม Sequential Shift
• จุดเด่น: Toyota Safety Sense, กล้อง 360 องศา, เบาะปรับ Sofa Mode, หน้าปัด Digital 7 นิ้ว
• ราคาจำหน่าย: 639,000 บาท

Toyota Safety Sense (TSS):

• ประโยชน์: ระบบความปลอดภัยระดับโลกที่มีเฉพาะในรุ่น Premium นี้เท่านั้น ประกอบด้วยระบบเตือนก่อนชน (Pre-Collision), ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน (Lane Departure Alert) และระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว (Front Departure Alert) ช่วยให้คุณขับขี่ครอบครัวได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยสูงสุด

ห้องโดยสารปรับเปลี่ยนได้ 7 รูปแบบ (Sofa Mode):

• ประโยชน์: เบาะนั่งแถว 2 และ 3 สามารถพับราบเรียบ หรือพับเชื่อมต่อกันเป็น "โซฟาขนาดย่อม" ได้ ทำให้สามารถจอดพักผ่อนนอนเหยียดขาได้สบายเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือจะพับเพื่อขนของชิ้นใหญ่ก็ได้

เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกรอบคัน:

• ประโยชน์: มีเบรกมือไฟฟ้า (EPB) พร้อม Auto Brake Hold ขับในเมืองรถติดไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง, แท่นชาร์จไร้สาย (Wireless Charger), และรองรับ Apple CarPlay / Android Auto ทำให้การใช้ชีวิตในรถสะดวกสบายเหมือนรถหรูราคาแพง

• ขับในเมือง (รถติด): 12 - 14 กม./ลิตร (ต้นทุน 2.50 - 2.90 บาท/กม.)
• ขับทางไกล (ความเร็ว 100-110): 16 - 18 กม./ลิตร (ต้นทุน 1.90 - 2.20 บาท/กม.)
• เฉลี่ยรวม: 15 - 16 กม./ลิตร (ต้นทุน 2.20 - 2.40 บาท/กม.)

หมายเหตุ: รองรับน้ำมัน E20 ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ดีมาก

• ความโปร่งโล่ง: หลังคาสูงโปร่ง ไม่อึดอัด แอร์เพดานแยกส่วนสำหรับตอนหลัง เย็นฉ่ำทั่วถึง
• การใช้งาน 7 ที่นั่ง: เบาะแถว 3 นั่งได้จริงสำหรับผู้ใหญ่ไซส์เอเชีย หรือเด็กๆ นั่งสบาย
• ช่องเก็บของ: มีที่วางแก้วและช่องเก็บของกระจายอยู่รอบคัน ตอบโจทย์การใช้งานแบบครอบครัว

Toyota Veloz 1.5 Premium คันนี้คือ "MPV ยอดนิยมที่คุ้มค่าที่สุดในตลาด"

• ความคุ้มค่า: ดีลนี้ถือว่า "คุ้มจนน่าตกใจ" เพราะรถปี 2024 รุ่นท็อป Premium ราคาป้ายแดงเกือบ 9 แสนบาท แต่นำมาขายเพียง 639,000 บาท คุณประหยัดเงินไปได้ถึง 236,000 บาท ทั้งที่รถอายุการใช้งานเพียงไม่กี่เดือน วารันตีศูนย์ก็ยังเหลือเหมือนออกป้ายแดง
• ประโยชน์ที่จะได้รับ: เหมาะสำหรับ ครอบครัวยุคใหม่ ที่ฉลาดเลือก ต้องการรถ 7 ที่นั่งที่มีเทคโนโลยีความปลอดภัยสูงสุด (TSS) เพื่อปกป้องคนที่คุณรัก แต่ไม่อยากจ่ายราคาเต็มป้ายแดง คันนี้ตอบโจทย์ทั้งเรื่องความประหยัดน้ำมัน ความกว้างขวาง และความทันสมัย ซื้อไปใช้ยาวๆ 5-10 ปีได้สบายๆ เพราะเป็นรถตลาดที่ดูแลง่ายที่สุดรุ่นหนึ่งในไทย

• รุ่น: Volvo V60 Recharge T8 R-Design Expression (Wagon)
• ปี: 2022
• เลขไมล์: 120,xxx กม. (ไมล์แท้ ประวัติศูนย์ครบ)
• เครื่องยนต์: เบนซิน 2.0 ลิตร Turbo + Supercharger + มอเตอร์ไฟฟ้า (Plug-in Hybrid)
• พละกำลังรวม: 407 แรงม้า / แรงบิด 640 นิวตัน-เมตร
• ระบบขับเคลื่อน: 4 ล้อ (AWD)
• จุดเด่น: วารันตีศูนย์ถึงปี 2027, แบตเตอรี่รับประกัน 8 ปี, ทรงแวกอนหายาก, สมรรถนะ Supercar
• ราคาจำหน่าย: 969,000 บาท

Warranty & Service History (ความคุ้มค่าสูงสุดของคันนี้):

• ประโยชน์: รถยุโรปมือสองสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือค่าซ่อม แต่คันนี้ "ตัดความกังวลทิ้งได้เลย" เพราะเจ้าของเดิมซื้อแพ็กเกจวารันตีศูนย์เพิ่มไว้ถึงปี 2027 หรืออีกเกือบ 3 ปี คุณสามารถเคลมอะไหล่หลักๆ ได้เหมือนรถป้ายแดง และมีประวัติเข้าศูนย์ GT Auto ตรวจเช็คตามระยะเป๊ะๆ แสดงถึงการดูแลรักษาที่ดีเยี่ยม

เครื่องยนต์ T8 Twin Engine:

• ประโยชน์: ให้พละกำลังระดับรถสปอร์ต (400+ แรงม้า) เร่งแซงขาดลอยทุกจังหวะ แต่ประหยัดน้ำมันเพราะเสียบปลั๊กชาร์จไฟวิ่งในเมืองได้ (Pure Mode) โดยไม่ต้องใช้น้ำมัน

ตัวถัง Estate/Wagon:

• ประโยชน์: เป็นทรงรถที่ขับขี่ดีเหมือนรถเก๋ง (จุดศูนย์ถ่วงต่ำ เกาะถนน) แต่จุของได้เยอะเหมือน SUV เหมาะกับครอบครัวที่ไม่ชอบรถยกสูง และดีไซน์นี้ดูแพงและมีรสนิยมมากในตลาดรถมือสอง

ระบบ Plug-in Hybrid แปรผันตามการชาร์จไฟ:

• โหมด EV (ไฟฟ้าล้วน): วิ่งได้จริง 30-40 กม. (ต้นทุน 0.8 - 1.0 บาท/กม.)
• Hybrid (แบตเตอรี่มีไฟ): 18 - 25 กม./ลิตร
• Hybrid (แบตเตอรี่หมด): 10 - 12 กม./ลิตร

หมายเหตุ: หากชาร์จไฟทุกคืนและใช้งานในเมืองไม่เกิน 40 กม. แทบไม่ได้ใช้น้ำมันเลย

• ปริมาตรห้องสัมภาระท้าย: 529 ลิตร (เมื่อไม่พับเบาะ)
• ปริมาตรสูงสุด: 1,441 ลิตร (เมื่อพับเบาะหลังลงราบ)
• ความจุเทียบเท่า: ใส่ถุงกอล์ฟได้ 4 ใบสบายๆ หรือใส่รถเข็นเด็ก + กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ได้พร้อมกัน พื้นที่กว้างและลึกกว่า SUV บางรุ่น วางของง่ายเพราะพื้นรถไม่สูง

สิ่งที่เจ้าของเดิมทำมาให้แล้ว มูลค่ารวมกว่า 1.4 แสนบาท:

Volvo V60 T8 R-Design คือ "ที่สุดของรถพ่อบ้านสายซิ่ง"

• ความคุ้มค่า: ในราคา 969,000 บาท คุณได้รถสมรรถนะระดับ Supercar (407 แรงม้า) ในบอดี้รถครอบครัวที่ปลอดภัยที่สุดในโลก ราคาถูกกว่าป้ายแดงถึง 1.3 ล้านบาท แต่สิ่งที่ทำให้คันนี้น่าซื้อที่สุดคือ "วารันตีที่เหลือถึงปี 2027" ซึ่งปิดจุดอ่อนเรื่องความกลัวค่าซ่อมของรถยุโรปมือสองไปได้อย่างปลิดทิ้ง
• ประโยชน์ที่จะได้รับ: เหมาะมากสำหรับหัวหน้าครอบครัวที่ต้องการรถภาพลักษณ์ดี ปลอดภัยสูง ขับไปทำงานทุกวันประหยัดน้ำมันด้วยระบบไฟฟ้า แต่เสาร์-อาทิตย์พาครอบครัวเที่ยวต่างจังหวัดได้ด้วยสมรรถนะที่เร่งแซงได้ดั่งใจ และจุของได้จุใจ

• รุ่น: Toyota C-HR (Compact Crossover SUV)
• รุ่นย่อย: 1.8 HV Hi (ตัวท็อปสุด) GT Edition
• ปี: 2019
• เลขไมล์: 9,xxx กม. (ไมล์แท้เหมือนป้ายแดง)
• เครื่องยนต์: เบนซิน 1.8 ลิตร + มอเตอร์ไฟฟ้า (Hybrid Synergy Drive)
• กำลังรวม: 122 แรงม้า
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ E-CVT
• จุดเด่น: ไมล์ 9 พันโล, ชุดแต่ง GT รอบคัน, Safety Sense เต็มระบบ, ประหยัดน้ำมัน
• ราคาจำหน่าย: 649,000 บาท

ไมล์น้อย 9,000 กม. (Unicorn Condition):

• รายละเอียด: รถปี 2019 แต่อายุการใช้งานจริงเหมือนรถเพิ่งออกห้าง เฉลี่ยวิ่งปีละไม่ถึง 2,000 กม. สภาพภายใน ภายนอก และห้องเครื่องยังใหม่กริ๊บ
• ประโยชน์: คุณจะได้ใช้รถที่ชิ้นส่วนสึกหรอน้อยมาก เบาะหนังยังตึง พวงมาลัยไม่เงา ปุ่มกดต่างๆ แน่นหนา เหมือนซื้อรถใหม่ในราคามือสองที่ประหยัดไปเกือบครึ่งล้าน

ชุดแต่ง GT Package:

• รายละเอียด: ชุดสเกิร์ตหน้า, สเกิร์ตข้าง, และสเกิร์ตหลังพร้อมดิฟฟิวเซอร์และท่อคู่หลอกพร้อมสัญลักษณ์ GT
• ประโยชน์: เพิ่มความดุดันและสปอร์ตให้กับตัวรถอย่างมาก ดีไซน์ตัดสีทูโทน (ดำ-แดง/เขียว) เข้ากับสีตัวรถ ทำให้ C-HR คันนี้ดูโดดเด่นกว่าคันอื่นๆ บนท้องถนน

Toyota Safety Sense (TSS):

• รายละเอียด: ระบบความปลอดภัยที่มีเฉพาะในรุ่นท็อป ได้แก่ Dynamic Radar Cruise Control (แปรผันความเร็ว), Lane Departure Alert, Pre-Collision System และ Auto High Beam
• ประโยชน์: ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและลดความเมื่อยล้าเมื่อขับขี่ทางไกล

C-HR Hybrid คือที่สุดของความประหยัดในกลุ่ม B-SUV:

• ขับขี่ในเมือง: ประมาณ 20.0 - 24.0 กม./ลิตร (มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานบ่อย)
• ขับขี่ทางไกล: ประมาณ 18.0 - 20.0 กม./ลิตร
• เฉลี่ยการใช้งานจริง: ประมาณ 21-22 กม./ลิตร

วิเคราะห์เพิ่มเติม: ด้วยไมล์ที่น้อยมาก แบตเตอรี่ไฮบริดและระบบหัวฉีดยังสมบูรณ์เต็มร้อย ทำให้ตัวเลขประหยัดน้ำมันน่าจะทำได้ดีตามสเปคโรงงานแน่นอน

• ความจุห้องสัมภาระท้าย: 377 ลิตร
• อุปกรณ์เสริม: มีถาดรองพื้นสัมภาระท้ายเข้ารูป และตาข่ายกันของตก (Cargo Net) ติดตั้งมาให้แล้ว ช่วยจัดระเบียบของและกันเปื้อนได้ดี

รถคันนี้แต่งมาหล่อแบบจบๆ พร้อมขับ:

Toyota C-HR GT Edition คันนี้คือ "แรร์ไอเทมสำหรับคนรักรถ"

• ไมล์ 9,000 กม. แท้: นี่คือจุดขายที่หาตัวจับยากมากในตลาดรถปี 2019 ส่วนใหญ่วิ่งกัน 8-9 หมื่นโลไปแล้ว คันนี้เครื่องยนต์และแบตเตอรี่ไฮบริดแทบไม่ได้ถูกใช้งานหนัก อายุการใช้งานเหลือยาวนาน
• รับประกันแบตเตอรี่: รถปี 2019 ยังเหลือรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดจากศูนย์ Toyota ยาวถึงปี 2029 (10 ปี) สบายใจหายห่วง
• ของแต่ง GT + ล้อแม็ก: ได้รถสวยเสร็จสรรพ ไม่ต้องไปแต่งเพิ่ม ประหยัดงบแต่งรถไปได้เยอะ
• ความเหมาะสม: เหมาะสำหรับคนที่หารถ SUV มือสองแต่ "ซีเรียสเรื่องสภาพรถ" ต้องการรถที่เหมือนใหม่ที่สุดเท่าที่จะหาได้ ไม่อยากซ่อม ไม่อยากกังวลเรื่องประวัติการใช้งานหนัก คันนี้ตอบโจทย์ที่สุด

• รุ่น: Toyota C-HR (Compact Crossover SUV)
• รุ่นย่อย: 1.8 HV Hi (รุ่นท็อปสุด Hybrid)
• เครื่องยนต์: เบนซิน 1.8 ลิตร + มอเตอร์ไฟฟ้า (Hybrid Synergy Drive)
• กำลังรวม: 122 แรงม้า
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ E-CVT
• แพลตฟอร์ม: TNGA (Toyota New Global Architecture)
• จุดเด่น: รุ่นท็อป HV Hi, ช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ, ประหยัดน้ำมัน 20+ กม./ลิตร, Toyota Safety Sense
• ราคาจำหน่าย: 569,000 บาท

TNGA Platform (ช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ):

• รายละเอียด: โครงสร้างตัวถังที่ออกแบบมาให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ (Low Center of Gravity) และช่วงล่างหลังแบบ Double Wishbone
• ประโยชน์: ให้ฟีลลิ่งการขับขี่ที่ "สนุกและมั่นใจ" ที่สุดรุ่นหนึ่งของโตโยต้า เข้าโค้งคม นิ่ง ไม่ย้วยเหมือนรถยกสูงทั่วไป

Toyota Safety Sense (เฉพาะรุ่นท็อป):

• รายละเอียด: ระบบความปลอดภัยขั้นสูงที่มีเฉพาะในรุ่น HV Hi ประกอบด้วย DRCC (Dynamic Radar Cruise Control), PCS, LDA และ AHB
• ประโยชน์: ช่วยลดความเมื่อยล้าเมื่อขับทางไกล (ล็อคความเร็วแปรผันตามรถคันหน้า) และเพิ่มความปลอดภัยสูงสุดในการขับขี่

เครื่องยนต์ Hybrid Gen 4:

• รายละเอียด: ระบบไฮบริดที่พัฒนาให้แบตเตอรี่ระบายความร้อนดีขึ้นและประหยัดน้ำมันขึ้น
• ประโยชน์: เงียบกริบเมื่อขับในเมือง (EV Mode) และประหยัดน้ำมันมาก ช่วยเซฟค่าใช้จ่ายในยุคน้ำมันแพงได้ดีเยี่ยม

ดีไซน์สปอร์ต (Diamond Cut):

• รายละเอียด: เส้นสายตัวรถที่ดูโฉบเฉี่ยว มือเปิดประตูหลังซ่อนอยู่ที่เสา C
• ประโยชน์: ได้ภาพลักษณ์ที่ดูทันสมัย วัยรุ่น และแตกต่างจาก SUV ทรงกล่องทั่วไปอย่างชัดเจน

C-HR Hybrid คือหนึ่งใน SUV ที่ประหยัดน้ำมันที่สุดในตลาด:

• ขับขี่ในเมือง (รถติด): ประมาณ 18.0 - 22.0 กม./ลิตร (มอเตอร์ไฟฟ้าช่วยเยอะ)
• ขับขี่ทางไกล: ประมาณ 20.0 - 24.0 กม./ลิตร
• เฉลี่ยการใช้งานจริง: ประมาณ 21.0 - 22.0 กม./ลิตร

วิเคราะห์เพิ่มเติม: ประหยัดกว่ารถเครื่องเบนซิน 1.8 ทั่วไปเกือบเท่าตัว เติมน้ำมัน E20 ได้ ถังน้ำมันหนึ่งถังวิ่งได้ไกลมาก

• ความจุ: 377 ลิตร
• ข้อสังเกต: พื้นที่เก็บของอาจจะไม่ใหญ่เท่าคู่แข่งทรงกล่อง (เช่น HR-V) เนื่องจากแนวหลังคาที่ลาดลงแบบสปอร์ต แต่ยังสามารถพับเบาะหลังแยก 60:40 เพื่อวางของยาวๆ ได้
• การใช้งาน: ใส่กระเป๋าเดินทางขนาดกลาง 2-3 ใบได้ หรือถุงกอล์ฟวางขวางได้ (ต้องจัดมุมดีๆ)

รถคันนี้เป็นสีทูโทนโรงงาน (หลังคาดำ) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรุ่นท็อป:

Toyota C-HR 1.8 HV Hi คือ "Crossover ที่ขับสนุกและคุ้มค่าที่สุด"

• ราคาหารครึ่ง: รถปี 2019 (อายุ 4-5 ปี) ราคาลงมาเหลือ 5 แสนกลางๆ ได้รถสมรรถนะระดับล้านกว่าบาท คุ้มค่ามาก
• รับประกันแบตเตอรี่: Toyota รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และระบบไฮบริด 5 ปี ซึ่งรถคันนี้ (ปี 2019) ยังเหลือประกันแบตเตอรี่ถึงปี 2029 ใช้งานได้ยาวๆ อย่างสบายใจ
• Toyota Safety Sense: ในราคานี้ หารถมือสองที่มีระบบ Adaptive Cruise Control และระบบช่วยเบรกอัตโนมัติได้ยาก แต่คันนี้มีให้ครบ

• รุ่น: TR Transformer II (รุ่นพิเศษฉลอง 50 ปี)
• รุ่นย่อย: 2.4 AT 2WD (5 ที่นั่ง)
• ปี: 2022
• เลขไมล์: 20,xxx กม. (น้อยมาก)
• เครื่องยนต์: ดีเซล 2.4 ลิตร (2GD-FTV) Turbo
• กำลังสูงสุด: 150 แรงม้า / แรงบิด 400 นิวตันเมตร
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift
• จุดเด่น: สีเหลือง-ดำ (Limited Edition), พื้นฐาน Toyota Revo (เข้าศูนย์ Toyota ได้ทั่วไทย), หลังคาสูง High Roof
• ราคาจำหน่าย: 999,000 บาท

การออกแบบภายนอกรุ่นพิเศษ (50th Anniversary Limited):

• จุดเด่น: ดีไซน์ภายนอกได้รับแรงบันดาลใจจากซูเปอร์ฮีโร่ โดดเด่นด้วยสีเหลืองสลับดำ และล้ออัลลอยลายเฉพาะรุ่นพร้อมฝาครอบดุมล้อลายเคฟล่า 50 ปี
• ประโยชน์: สร้างภาพลักษณ์ที่โดดเด่นและแตกต่างบนท้องถนน ไม่ซ้ำใคร เป็นรถสะสมที่มีมูลค่าทางจิตใจ และมีความเป็นเอกลักษณ์สูงกว่ารถตลาดทั่วไป

พื้นฐานวิศวกรรมจาก Toyota Hilux Revo:

• จุดเด่น: ใช้เครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่าง และคอนโซลหน้าจาก Toyota Revo ทั้งหมด
• ประโยชน์: ตัดปัญหาเรื่องการซ่อมบำรุง อะไหล่หาง่ายและราคาประหยัด สามารถนำเข้าศูนย์บริการ Toyota ได้ทุกสาขาทั่วไทย ไม่ต้องกังวลเรื่องช่างเซอร์วิส

ห้องโดยสารหลังคาสูง (High Roof Design):

• จุดเด่น: การออกแบบทรงเหลี่ยมคล้ายรถ Hummer ทำให้พื้นที่ Headroom ภายในโปร่งโล่งมาก
• ประโยชน์: ผู้โดยสารตัวสูงนั่งได้สบายไม่อึดอัด และเพิ่มพื้นที่ในแนวตั้งสำหรับวางสัมภาระทรงสูงได้ดีกว่า PPV ทั่วไป

• ขับขี่ปกติ (ในเมือง): ประมาณ 9.0 - 10.5 กม./ลิตร
• ขับขี่ทางไกล: ประมาณ 11.0 - 12.5 กม./ลิตร
• บรรทุกหนัก: ประมาณ 9.5 - 10.5 กม./ลิตร

วิเคราะห์เพิ่มเติม: แม้ตัวถังจะดูบึกบึนและต้านลม แต่ด้วยเครื่องยนต์ 2.4 ลิตรที่มีแรงบิดสูงในรอบต่ำ ทำให้ไม่ต้องเค้นคันเร่งมาก อัตราสิ้นเปลืองจึงอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้สำหรับรถ SUV ขนาดใหญ่ ใกล้เคียงกับ Fortuner รุ่น 2.4

• ความจุ (เมื่อไม่พับเบาะ): ประมาณ 500-600 ลิตร (วางกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ซ้อนแนวตั้งได้)
• ความจุ (เมื่อพับเบาะแถว 2): ขยายได้ถึงกว่า 1,000 - 1,200 ลิตร
• จุดเด่นประตูท้าย: เปิดแบบตู้กับข้าว (Barn Door) หรือเปิดข้าง ทำให้การขนของชิ้นใหญ่เข้าออกทำได้ง่าย

วิเคราะห์จากรูปภาพ รถคันนี้เป็นรุ่นพิเศษจากโรงงานที่มีการตกแต่งเฉพาะตัว:

TR Transformer II 2.4 AT (2022) รุ่นพิเศษฉลอง 50 ปี

• ความเหมาะสม: เหมาะสำหรับคนที่มองหา SUV ที่มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำใคร ชอบความดิบเท่สไตล์ Hummer แต่ยังต้องการความสบายใจในการดูแลรักษาแบบ Toyota เหมาะเป็นรถคันที่ 2 ของบ้าน หรือรถที่ใช้ขับโชว์ ขับท่องเที่ยว
• ราคาที่จับต้องได้: ด้วยงบประมาณไม่ถึง 1 ล้านบาท คุณได้รถ SUV โครงสร้างแชสซีส์ขนาดใหญ่ ปีใหม่ (2022) สภาพเหมือนป้ายแดง ในขณะที่งบเท่านี้ถ้าซื้อ Fortuner อาจจะได้ปีเก่ากว่าหรือไมล์เยอะกว่า
• สภาพรถ: ไมล์น้อยเพียง 20,XXX กม. ถือว่าน้อยมาก เครื่องยนต์และช่วงล่างยังสดใหม่เหมือนรถป้ายแดง
• ความเป็นรุ่น Limited: รุ่นฉลอง 50 ปี มีจำนวนจำกัด ในอนาคตอาจกลายเป็นรถสะสมที่มีราคาแข็งกว่ารุ่นปกติ

• รุ่น: Mitsubishi Pajero Sport (โฉมปี 08-15)
• รุ่นย่อย: 2.5 GT (ตัวท็อปขับ 2)
• เครื่องยนต์: ดีเซล 4 สูบ 2.5 ลิตร VG Turbo (4D56)
• กำลังสูงสุด: 178 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด: 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800 - 3,500 รอบ/นาที
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ (INVECS-II) พร้อม Paddle Shift
• เลขไมล์: 18x,xxx กม.
• จุดเด่น: เครื่อง 178 แรงม้า (VG Turbo), Paddle Shift, เบาะไฟฟ้าคู่หน้า, แอร์ราวหลังคา, จอเพดาน
• ราคาจำหน่าย: 319,000 บาท

เครื่องยนต์ 2.5 VG Turbo (178 แรงม้า):

• จุดเด่น: เป็นเครื่องยนต์บล็อกปรับปรุงใหม่ (ฝาครอบเครื่องสีดำ-เงิน) ที่ให้พละกำลังสูงถึง 178 แรงม้า (จากเดิม 140 แรงม้า)
• ประโยชน์: อัตราเร่งดีเยี่ยม เร่งแซงทันใจ ไม่อืดอาดเหมือนรุ่นก่อนหน้า เหมาะสำหรับการเดินทางไกลพร้อมผู้โดยสารเต็มคัน

ระบบเกียร์ Paddle Shift:

• จุดเด่น: มีแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) ขนาดใหญ่ ใช้งานง่าย
• ประโยชน์: เพิ่มความสนุกในการขับขี่ และช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเชนจ์เกียร์เพื่อใช้ Engine Brake ขณะลงเขาได้อย่างปลอดภัยและสะดวกสบาย

เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า (Dual Power Seats):

• จุดเด่น: ทั้งเบาะคนขับและผู้โดยสารตอนหน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งหาได้ยากในรถระดับเดียวกันสมัยนั้น
• ประโยชน์: เพิ่มความสะดวกสบายและความหรูหราในการใช้งาน

ระบบความบันเทิงครบครัน:

• จุดเด่น: มาพร้อมจอเครื่องเสียงระบบสัมผัสเป็นจอ Android แล้ว และจอเพดานสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
• ประโยชน์: ให้ความบันเทิงได้ทั้งครอบครัว รองรับแผนที่นำทางและสื่อออนไลน์ต่างๆ

แอร์ราวหลังคา:

• จุดเด่น: ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 และ 3 ติดตั้งอยู่บนเพดาน
• ประโยชน์: กระจายความเย็นได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว แก้ปัญหารถตู้หรือ SUV บางรุ่นที่แอร์หลังไม่เย็น

• ในเมือง: ประมาณ 8 - 9 กม./ลิตร
• นอกเมือง: ประมาณ 11 - 12 กม./ลิตร (ที่ความเร็วคงที่)
• เฉลี่ยรวม: ประมาณ 10 กม./ลิตร

หมายเหตุ: เครื่อง 2.5 VG Turbo จะกินน้ำมันมากกว่าเครื่อง 1.9 หรือ 2.4 รุ่นใหม่ๆ เล็กน้อย แต่แลกมาด้วยความแรงที่ไว้ใจได้

• เมื่อใช้งาน 3 แถว (7 ที่นั่ง): พื้นที่ด้านหลังเบาะแถว 3 มีพอประมาณสำหรับกระเป๋าเป้
• เมื่อพับเบาะแถว 3: เบาะแถว 3 พับราบไปกับพื้น (Flat Floor) ได้ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่า Fortuner (ที่ต้องแขวนข้าง) ทำให้ได้พื้นที่วางของที่กว้างและเรียบ

รถคันนี้มีการตกแต่งเพิ่มเติมให้ดูสวยงามและทันสมัยขึ้น:

Mitsubishi Pajero Sport 2.5 GT คันนี้คือ "PPV 7 ที่นั่ง ที่คุ้มค่าที่สุดในงบ 3 แสนต้น"

• ราคาดีมาก: จ่ายเพียง 3 แสนนิดๆ แต่ได้รถครอบครัว 7 ที่นั่ง ยกสูง ลุยน้ำได้ ซึ่งปกติต้องจ่าย 4-5 แสนสำหรับ Fortuner ปีเดียวกัน
• ออปชันล้ำหน้า: ในปี 2012 Pajero Sport ให้เบาะไฟฟ้าคู่หน้า, Paddle Shift, และแอร์ราวมาแล้ว ซึ่งถือว่าล้ำหน้าคู่แข่งมาก และยังใช้งานได้ดีในปัจจุบัน
• ความเอนกประสงค์: เบาะแถว 2 และ 3 พับราบได้จริง ทำให้ขนของชิ้นใหญ่ได้สะดวกกว่าคู่แข่งหลายรุ่น

• รุ่น: Mazda CX-5 (โฉม KF)
• รุ่นย่อย: 2.0 S (รุ่นท็อปของเครื่องเบนซิน 2.0)
• เครื่องยนต์: เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร Skyactiv-G
• กำลังสูงสุด: 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด: 210 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ Skyactiv-Drive
• เลขไมล์: 12x,xxx กม. (ไมล์แท้)
• จุดเด่น: ช่วงล่างหนึบ ขับสนุก, ดีไซน์ Kodo สปอร์ตหรู, ฝาท้ายไฟฟ้า, ระบบ G-Vectoring Control
• ราคาจำหน่าย: 539,000 บาท

เครื่องยนต์ Skyactiv-G 2.0 ลิตร:

• จุดเด่น: เป็นเครื่องยนต์ที่ตอบสนองได้ดีทั้งในรอบต่ำและรอบสูง มีความสมดุลระหว่างความแรงและความประหยัด (รองรับ E85)
• ประโยชน์: ให้ความมั่นใจในการเร่งแซง ขับสนุก และประหยัดค่าเชื้อเพลิงเมื่อเทียบกับ SUV ขนาดเดียวกัน

ระบบ G-Vectoring Control (GVC):

• จุดเด่น: เทคโนโลยีอัจฉริยะที่ช่วยควบคุมแรงบิดของเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับการหักพวงมาลัย เพื่อการเข้าโค้งที่แม่นยำและนุ่มนวล
• ประโยชน์: ลดอาการโคลงของรถ ทำให้ผู้โดยสารนั่งสบายขึ้น ไม่เวียนหัว และผู้ขับขี่ควบคุมรถได้ดั่งใจ

ดีไซน์ภายในพรีเมียม:

• จุดเด่น: ภายในออกแบบสไตล์ยุโรป ใช้วัสดุ Soft Touch และการประกอบที่ประณีต
• ประโยชน์: ให้ความรู้สึกหรูหรา ผ่อนคลาย และเงียบสงบขณะเดินทาง

ออปชันรุ่น S (ตัวท็อปเบนซิน):

• จุดเด่น: มาพร้อมไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์, ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า, หน้าจอ Center Display 7 นิ้ว พร้อมปุ่ม Center Commander
• ประโยชน์: มอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยระดับสูงในการใช้งานประจำวัน

• ในเมือง: ประมาณ 10 - 12 กม./ลิตร
• นอกเมือง: ประมาณ 14 - 16 กม./ลิตร (ที่ความเร็วคงที่)
• เฉลี่ยรวม: ประมาณ 13 กม./ลิตร (รองรับ E85)

• ความจุ: 505 ลิตร
• หมายเหตุ: กว้างขวางเพียงพอสำหรับครอบครัว สามารถพับเบาะหลังแบบ 40:20:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่ได้ถึง 1,620 ลิตร

(เน้นออปชันมาตรฐานรุ่น S ที่ให้มาครบครันจากโรงงาน)

• ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED พร้อมไฟ Daytime Running Light
• ระบบเปิด-ปิดฝาท้ายด้วยไฟฟ้า
• ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา (ABSM)
• ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)
• ระบบล็อกความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)

วิเคราะห์ราคา:

• ราคา 5.39 แสนบาท สำหรับ CX-5 ปี 2018 ถือว่าคุ้มค่ามาก เมื่อเทียบกับสมรรถนะและออปชันที่ได้รับ

Mazda CX-5 2.0 S คันนี้คือ "SUV ที่ขับสนุกที่สุดในงบ 5 แสน"

• ฟิลลิ่งการขับขี่ระดับเทพ: ถ้าคุณชอบขับรถ นี่คือ SUV ญี่ปุ่นที่ช่วงล่างดีที่สุด พวงมาลัยคมกริบ ขับสนุกไม่แพ้รถเก๋ง
• ราคาที่เข้าถึงง่าย: จ่ายเพียง 5 แสนต้นๆ แต่ได้รถภาพลักษณ์หรูหรา ดีไซน์สวยอมตะไม่ตกยุค
• ออปชันครบ: รุ่น S ให้ฝาท้ายไฟฟ้าและระบบความปลอดภัย Blind Spot มาให้แล้ว ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานจริง
• สภาพพร้อมใช้: เลขไมล์ 12x,xxx กม. ถือว่าวิ่งมาตามเกณฑ์มาตรฐาน (เฉลี่ยปีละ 2 หมื่นโล) เครื่องยนต์และเกียร์ Skyactiv ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน ดูแลรักษาง่าย

• รุ่น: BMW X1 sDrive18d (F48)
• รุ่นย่อย: M Sport (รุ่นท็อป)
• เครื่องยนต์: ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร (B47)
• กำลังสูงสุด: 150 แรงม้า
• แรงบิดสูงสุด: 330 นิวตันเมตร
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ (sDrive - ขับเคลื่อนล้อหน้า)
• จุดเด่น: รถปี 2018, ชุดแต่ง M Sport แท้, ประหยัดน้ำมัน (18-20 กม./ลิตร), ภายในกว้าง, ฝาท้ายไฟฟ้า
• ราคาจำหน่าย: 749,000 บาท

ชุดแต่ง M Sport Package:

• จุดเด่น: นี่คือรุ่นท็อปที่มาพร้อมชุดแต่ง M Aerodynamics (กันชนหน้า-หลัง, สเกิร์ตข้าง), ล้ออัลลอย M ขนาด 18 นิ้ว, ช่วงล่าง M Sport (เฟิร์มกว่า), พวงมาลัย M Sport และเบาะนั่งคู่หน้าแบบ Sport
• ประโยชน์: ได้ภาพลักษณ์ที่ดุดัน สปอร์ต และสมรรถนะการควบคุมรถที่เฉียบคมกว่ารุ่น xLine อย่างชัดเจน

เครื่องยนต์ดีเซล B47 (150 แรงม้า / 330 Nm):

• จุดเด่น: เป็นเครื่องยนต์ดีเซลยุคใหม่ของ BMW ที่ขึ้นชื่อเรื่องความประหยัดน้ำมันขั้นเทพ ให้แรงบิดสูงในรอบต่ำ
• ประโยชน์: อัตราเร่งทันใจสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน และประหยัดค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงได้อย่างมหาศาลเมื่อเดินทางไกล

แพลตฟอร์มขับเคลื่อนล้อหน้า (UKL Platform):

• จุดเด่น: การเปลี่ยนมาใช้แพลตฟอร์มขับเคลื่อนล้อหน้า ทำให้ BMW สามารถออกแบบห้องโดยสารของ X1 (F48) ได้กว้างขวางอย่างเหลือเชื่อ
• ประโยชน์: ผู้โดยสารแถวหลังมีพื้นที่ Legroom และ Headroom ที่กว้างสบาย ไม่อึดอัด เทียบเท่ารถ SUV ขนาดใหญ่กว่า

ออปชันอำนวยความสะดวกครบครัน:

• จุดเด่น: ระบบ iDrive, เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้าพร้อม Memory Seat (ฝั่งคนขับ), ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ Dual Zone, และฝาท้ายไฟฟ้า
• ประโยชน์: มอบความสะดวกสบายระดับรถพรีเมียมในการใช้งานจริง

• ในเมือง: ประมาณ 15 - 17 กม./ลิตร
• นอกเมือง: ประมาณ 20 - 24 กม./ลิตร (ที่ความเร็วคงที่)
• เฉลี่ยรวม: ประมาณ 18 - 20 กม./ลิตร (ประหยัดน้ำมันมาก)

• ความจุมาตรฐาน: 505 ลิตร
• ความจุเมื่อพับเบาะหลัง: 1,550 ลิตร
• หมายเหตุ: กว้างขวางมากเพียงพอสำหรับครอบครัว สามารถพับเบาะหลังแบบ 40:20:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่ได้

(เน้นออปชันมาตรฐานรุ่น M Sport ที่เหนือกว่ารุ่น xLine)

วิเคราะห์ราคา:

• ราคา 749,000 บาท สำหรับรถปี 2018 รุ่นท็อป M Sport ถือว่า ต่ำกว่าราคาตลาดทั่วไป

BMW X1 M Sport คันนี้คือ "รถ SUV ยุโรปที่คุ้มค่าที่สุดในงบ 7 แสน"

• ราคาที่ช็อกตลาด: นี่คือโอกาสที่จะได้เป็นเจ้าของ BMW ปี 2018 ในราคาเพียง 7 แสนกว่าบาท ซึ่งปกติงบนี้จะได้รถ C-Segment ญี่ปุ่น
• ได้รุ่นท็อป M Sport: คุณไม่ได้แค่ X1 แต่คุณได้รุ่น M Sport ที่แต่งหล่อและขับดีที่สุดในตระกูล มาพร้อมชุดแต่งมูลค่าหลายแสนบาทจากโรงงาน
• ประหยัดน้ำมันขั้นเทพ: เครื่องยนต์ดีเซล B47 ทนทานและประหยัดน้ำมันมาก (เฉลี่ย 18-20 กม./ลิตร) ทำให้ค่าใช้จ่ายในการใช้งานประจำวันต่ำมาก
• ความอเนกประสงค์: ภายในกว้างขวาง เหมาะสำหรับเป็นรถครอบครัวยุคใหม่ที่ต้องการทั้งสมรรถนะและความพรีเมียม

• ดีไซน์: Minorchange ปี 2021 มาพร้อมกระจังหน้าดีไซน์ใหม่และไฟหน้า LED ที่ทันสมัยยิ่งขึ้น
• เครื่องยนต์: ดีเซล 2.8 ลิตร GD Super Power Turbo 174 แรงม้า พละกำลังเหลือเฟือ
• โครงสร้าง: Body-on-frame (IMV Platform) แข็งแกร่งทนทาน รองรับทุกการใช้งาน
• ความปลอดภัย: VSC เป็นมาตรฐาน, ถุงลมนิรภัยสูงสุด 7 ตำแหน่ง (ในรุ่น Premium)
• ห้องโดยสาร: 7-8 ที่นั่ง กว้างขวาง นั่งสบายทุกตำแหน่ง พร้อมแอร์ 3 ตอน

หน้าตาหล่อเหลาทันสมัย

การปรับโฉมในปี 2021 ทำให้ Innova Crysta ดูหรูหราและน่าขับยิ่งขึ้นอย่างชัดเจน ด้วยกระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมูขนาดใหญ่และชุดไฟหน้าที่เฉียบคม ทำให้รถดูมีราคาทั้งที่ยังคงความแข็งแกร่งไว้เช่นเดิม

---

สมรรถนะที่ไว้ใจได้เสมอ

เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตรบล็อกนี้ คือเครื่องยนต์ที่พิสูจน์ตัวเองมาแล้วใน Fortuner และ Revo ให้การตอบสนองที่รวดเร็วทันใจในทุกย่านความเร็ว การันตีได้ว่าแม้จะเดินทางกันเต็มคันรถพร้อมสัมภาระ ก็ไม่มีคำว่าอืดให้เสียอารมณ์

---

ความปลอดภัยที่อุ่นใจกว่า

Innova Crysta รุ่นนี้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมากขึ้น โดยมีระบบควบคุมการทรงตัว (VSC) และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TRC) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้อย่างมั่นใจในสถานการณ์คับขัน

อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย: ประมาณ 11 - 13 กม./ลิตร

การขับขี่นอกเมือง: สามารถทำได้ดีถึง 14-15 กม./ลิตร หากขับขี่ด้วยความเร็วคงที่

Toyota Innova Crysta รุ่นปี 2021 คันนี้ คือตัวเลือกที่ "ฉลาดและจบที่สุด" สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถครอบครัวขนาดใหญ่ในงบประมาณ 6 แสนบาท คุณจะได้รถที่:

• ปีใหม่และสดกว่า: ได้ดีไซน์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่ารุ่นก่อนหน้า
• แข็งแกร่งทนทาน: ด้วยโครงสร้างและเครื่องยนต์ระดับเดียวกับรถกระบะชั้นนำ
• คุ้มค่าสูงสุด: ได้เป็นเจ้าของรถยนต์คุณภาพราคาล้านกว่าบาทในราคาเพียงครึ่งเดียว

นี่คือรถที่พร้อมจะตอบสนองทุกความต้องการของครอบครัวคุณไปอีกหลายปี โดยไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาจุกจิก และให้ความสบายใจสูงสุดในทุกการเดินทางครับ