รถมือสอง คัดสภาพ ดอกเบี้ยพิเศษ ผ่อนถูก

• เครื่องยนต์: เบนซิน 2.7 ลิตร VVT-i (รหัส 2TR-FE) 4 สูบ 151 แรงม้า แรงบิด 241 นิวตันเมตร (ทนทาน ติดแก๊สได้ดีเยี่ยม)
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด (ECT-i) ขับเคลื่อนล้อหลัง
• จุดเด่นหลัก: รถตู้เอนกประสงค์ 11 ที่นั่งแท้จากโรงงาน, ประตูสไลด์ 2 ข้าง
• การตกแต่งพิเศษ: ภายในคุมโทนสีดำ (Black Interior) หุ้มใหม่ทั้งคัน, ล้อแม็กแต่งขอบ 18 นิ้ว
• ราคา: 449,000 บาท (คุ้มค่ามากสำหรับรถครอบครัวแท้ๆ ที่แต่งมาจบ)

ภายในเบาะหนังสีดำ (Custom Upgrade)

ปกติรุ่น G ปีนี้ภายในจะเป็นกำมะหยี่หรือหนังสีครีมที่เลอะง่าย แต่คันนี้เจ้าของเดิมลงทุนหุ้มหนังสีดำมาใหม่ทั้งคัน รวมถึงเบาะ Captain Seat แถว 2 ทำให้ห้องโดยสารดูสปอร์ต ทันสมัย ไม่แก่ และที่สำคัญคือ "ดูแลรักษาง่ายมาก" ไม่ต้องกลัวคราบเลอะจากกางเกงยีนส์หรือเด็กๆ

---

ล้อแม็กแต่งขอบ 18 นิ้ว

ลาย Multi-spoke สีทูโทน ปัดเงาหน้า ช่วยให้รถดูเต็มซุ้ม สวยกว่าล้อเดิมขอบ 15 นิ้วแบบคนละเรื่อง เพิ่มความมั่นใจในการเกาะถนนทางไกลได้ดีขึ้น (แลกมากับความกระด้างขึ้นเล็กน้อย)

---

เครื่องเสียง Pioneer จอสัมผัส

เปลี่ยนวิทยุเดิมเป็นจอ Touchscreen แบรนด์ Pioneer รองรับ CD/DVD/USB ช่วยให้ความบันเทิงในรถครบครันทันสมัยขึ้น

---

พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย

กรณีโดยสารเต็ม 11 ที่นั่ง: พื้นที่ด้านหลังจะเหลือพอวางกระเป๋าเป้หรือกระเป๋าเดินทางใบเล็ก (Cabin size) ได้ประมาณ 2-3 ใบวางซ้อนกัน
กรณีพับเบาะแถว 4: เบาะแถวสุดท้ายแยกพับ 50:50 และแขวนขึ้นด้านข้างได้ จะได้พื้นที่ขนาดใหญ่ (ประมาณ 1 เมตรลึก) สามารถขนกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สำหรับ 5-6 คน หรืออุปกรณ์กอล์ฟได้สบาย

ความหล่อที่ไม่เหมือนใคร: Ventury ส่วนใหญ่ในตลาดจะเป็นรถเดิมๆ ดูเรียบๆ แต่คันนี้ได้ "ล้อ 18" และ "ภายในสีดำ" ทำให้รถดูมีเสน่ห์ ดุดัน และวัยรุ่นขึ้นมาก ขับไปไหนก็ดูดีไม่อายใคร

คุ้มกว่าซื้อ Commuter มาแต่ง: การจะทำ Commuter ให้ได้แบบนี้ ต้องใช้งบเยอะมาก ทั้งค่าตัดช่วงล่างให้นุ่ม ค่าทำเบาะ VIP ค่าชุดแต่ง แต่คันนี้ได้ช่วงล่างคอยล์สปริงนุ่มนวลจากโรงงาน และของแต่งครบในราคาไม่ถึง 4.5 แสน

ทางเลือกสุดประหยัดของครอบครัวใหญ่: สำหรับบ้านที่มีสมาชิก 7-10 คน คันนี้ตอบโจทย์ที่สุด นั่งสบายทุกคน แอร์เย็นฉ่ำ (มีแอร์หลัง) เครื่องยนต์ทนทาน อะไหล่หาง่าย และราคาขายต่อแข็งโป๊ก

• เครื่องยนต์: ดีเซล 6 สูบเรียง 2.9 ลิตร เทอร์โบคู่ (OM656) 286 แรงม้า / 600 นิวตันเมตร
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-TRONIC)
• รูปแบบตัวถัง: Sedan ฐานล้อยาว (LWB) รุ่นปรับโฉม (Facelift)
• จุดเด่น (Key Features):
  • สุดยอดเครื่องดีเซล 6 สูบเรียง เงียบ แรง ประหยัดที่สุด
  • ชุดแต่ง AMG Premium รอบคัน + หลังคา Panoramic Sunroof
  • ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Driving Assistance Package เต็มระบบ

สุดยอดเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบเรียง (OM656)

จุดเด่น: การกลับมาใช้เครื่องยนต์แบบ 6 สูบเรียง (Inline-6) ที่ให้สมดุลการหมุนดีเยี่ยม เดินเรียบ เงียบกริบ และให้แรงบิดมหาศาลถึง 600 Nm ที่รอบต่ำมาก
ประโยชน์: มอบประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวลแต่ทรงพลัง เร่งแซงได้ดั่งใจโดยไม่ต้องเค้น และประหยัดน้ำมันสูงสุด

---

AMG Premium Package

จุดเด่น: ชุดแต่งสปอร์ต AMG รอบคัน, ล้ออัลลอย AMG 20 นิ้ว, พวงมาลัยท้ายตัด Nappa
ประโยชน์: ผสมผสานความหรูหราเข้ากับความสปอร์ตดุดัน ทำให้รถดูหนุ่มแน่น ทันสมัย ไม่ดูมีอายุเกินไป

---

ความปลอดภัยและเทคโนโลยีอัจฉริยะ

จุดเด่น: มาพร้อมระบบ Driving Assistance Package เต็มรูปแบบ, ไฟหน้า MULTIBEAM LED และหน้าจอ Widescreen Cockpit
ประโยชน์: ช่วยลดความเหนื่อยล้าและเพิ่มความปลอดภัยสูงสุดในการเดินทาง ทั้งกลางวันและกลางคืน

• ความจุ: 510 ลิตร (ใส่ถุงกอล์ฟ 3-4 ใบได้ พร้อมระบบ Hands-Free Access)

• Exterior: ไฟหน้า MULTIBEAM LED ULTRA RANGE, ชุดแต่ง AMG, หลังคา Panoramic Sunroof
• Interior: เบาะหนัง Nappa (Diamond Cut), จอ Widescreen Cockpit, เครื่องเสียง Burmester, ไฟ Ambient Light 64 สี
• Technology: ช่วงล่างถุงลม AIRMATIC, ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ, กล้อง 360 องศา, Wireless Charging

Mercedes-Benz S350d AMG Premium W222 Facelift คือ "นิยามของความสมบูรณ์แบบ"

• ที่สุดของดีเซล: เครื่องยนต์ OM656 6 สูบเรียง คือเครื่องดีเซลที่ดีที่สุดของเบนซ์ ทั้งแรง เงียบ และประหยัด เป็นที่ต้องการของตลาดมากที่สุด
• ราคาคุ้มค่าที่สุด: จ่ายเพียง 1 ใน 3 ของราคาป้ายแดง แต่ได้รถระดับ Flagship ที่ยังดูทันสมัยและภูมิฐาน ไม่ตกรุ่นง่ายๆ
• ออปชั่นเต็มพิกัด: รุ่น AMG Premium ให้มาครบทุกอย่างที่ S-Class ควรจะมี ไม่ต้องไปหาทำเพิ่ม จบในคันเดียว

• เครื่องยนต์: เบนซิน 2.4 ลิตร 4 สูบ (2AZ-FE) 170 แรงม้า แรงบิด 224 นิวตันเมตร
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ CVT (Super CVT-i) 7 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า
• รุ่นย่อย: Z G Edition แท้ (รุ่นท็อปสุดของเครื่อง 2.4)
• จุดเด่นหลัก: เบาะ Captain Seat ปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง (Mickey Mouse), ฝาท้ายไฟฟ้า, Twin Moonroof
• การตกแต่งพิเศษ: ภายในหุ้มหนังใหม่ลาย Diamond Cut ทั้งคัน, ชุดเบรก Brembo, ล้อแม็กแต่ง
• ราคา: 869,000 บาท (ราคาดีมาก ได้รถแต่งเต็มในราคาไม่ถึงล้าน)

เบาะ Captain Seat ปรับไฟฟ้า (Power Captain Seat)

เป็นออปชันเฉพาะรุ่น Z G Edition เท่านั้น ตัวเบาะปรับเอนและปรับที่รองน่อง (Ottoman) ด้วยระบบไฟฟ้า มาพร้อมหัวหมอนแบบ Cradle Headrest ที่ปรับพับปีกข้างเพื่อโอบกระชับศีรษะได้ ช่วยให้นอนหลับสบายคอไม่ตก

---

ภายในหุ้มหนังใหม่ลาย Diamond Cut

รถคันนี้ได้รับการ "หุ้มเบาะหนังใหม่ทั้งคัน" เป็นลายข้าวหลามตัด (Quilted Leather) เดินด้ายคู่ ซึ่งไม่ใช่สเปคโรงงาน ทำให้ภายในดูสดใหม่ สะอาด สปอร์ต และน่าใช้กว่าเบาะเดิมติดรถที่มีอายุการใช้งานกว่า 8-9 ปี

---

หลังคา Twin Moonroof

ช่วยให้ห้องโดยสารดูโปร่งโล่งไม่อึดอัด ผู้โดยสารตอนหลังสามารถเปิดม่านชมวิวท้องฟ้าหรือดาวตอนกลางคืนได้ เพิ่มสุนทรียภาพในการเดินทาง

---

ปริมาตรห้องเก็บสัมภาระด้านท้าย

กรณีโดยสารเต็ม 7 ที่นั่ง: พื้นที่วางกระเป๋าเดินทางแนวตั้งได้ประมาณ 2-3 ใบ
กรณีพับเบาะแถว 3: เบาะแถว 3 สามารถพับแขวนขึ้นด้านข้างแบบ 50:50 จะได้พื้นที่ขนาดใหญ่มาก สามารถวางจักรยาน หรือขนสัมภาระสำหรับย้ายบ้านขนาดย่อมได้

ได้รุ่นท็อปสุด Z G Edition ในราคาหลักแสน: คุณได้ออปชัน "เบาะไฟฟ้า" และ "ฝาท้ายไฟฟ้า" ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่คนใช้ Vellfire ตามหา ในราคาที่ไม่ถึงล้าน

ภายในใหม่ สะอาด น่าใช้: การที่เจ้าของเดิมนำไป "หุ้มเบาะใหม่ลาย Diamond Cut" ถือเป็นกำไรของผู้ซื้อ เพราะคุณไม่ต้องทนใช้เบาะหนังเดิมโรงงานที่มีอายุเกือบ 10 ปี ซึ่งมักจะเริ่มเก่าและดูแลรักษายาก

ของแต่งแน่น: แค่ชุดเบรก Brembo กับล้อแม็ก ก็คุ้มค่ามากแล้ว ช่วยประหยัดงบแต่งรถไปได้เยอะ สภาพรถดูวัยรุ่น ไม่แก่ เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการรถตู้ VIP ที่ดูสปอร์ตและไม่เหมือนใคร

• เครื่องยนต์: ดีเซล 2.8 ลิตร เทอร์โบแปรผัน (1GD-FTV) 163 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตันเมตร (รองรับน้ำมัน B20)
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift ขับเคลื่อนล้อหลัง
• รุ่นย่อย: Premium (รุ่นรองท็อป คุ้มค่าที่สุด)
• จุดเด่นหลัก: รถตู้ VIP 11 ที่นั่ง แท้จากโรงงาน, เบาะคู่หน้าแบบ Captain Seat พร้อมระบบนวด, ประตูสไลด์ไฟฟ้าคู่
• ความปลอดภัย: Toyota Safety Sense, กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา
• ราคา: 1,439,000 บาท (ราคาแข็ง น่าสนใจสำหรับรถหายาก)

เบาะ Captain Seat ปรับไฟฟ้า (แถวที่ 2)

ออกแบบมาเพื่อความสบายสูงสุดของผู้บริหารหรือคนสำคัญในครอบครัว มีที่รองน่อง (Ottoman) ปรับไฟฟ้า และหมอนรองศีรษะแบบปีกผีเสื้อ (Butterfly Headrest) ช่วยประคองศีรษะขณะหลับ ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งเครื่องบินชั้นธุรกิจ

---

ช่วงล่างคอยล์สปริง 4 ล้อ (ไม่ใช่แหนบ)

แตกต่างจากรถตู้ HiAce/Commuter ทั่วไปที่ใช้แหนบ Majesty ใช้ช่วงล่างหลังแบบคอยล์สปริง 4-link ซึ่งให้ความนุ่มนวลในการโดยสารที่ดีกว่ามาก ลดอาการดีดเด้ง เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ

---

ระบบความปลอดภัยรอบคัน (TSS & 360 Camera)

จากภาพหน้าจอเครื่องเสียง รถคันนี้มี กล้องมองภาพรอบทิศทาง (Panoramic View Monitor) ช่วยให้การถอยจอดรถคันใหญ่ในที่แคบทำได้ง่ายและปลอดภัย ไร้จุดอับสายตา

---

ปริมาตรห้องเก็บสัมภาระด้านท้าย

กรณีโดยสารเต็ม 11 ที่นั่ง: พื้นที่วางกระเป๋าด้านหลังจะค่อนข้างจำกัด (วางกระเป๋าเดินทางใบเล็กได้ 2-3 ใบแนวตั้ง)
กรณีพับเบาะแถว 4: เบาะแถวสุดท้ายสามารถพับแยกแบบ 50:50 และแขวนเก็บด้านข้างได้ (เหมือน Fortuner) จะได้พื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับวางกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ได้ 4-6 ใบ หรือถุงกอล์ฟได้อย่างสบาย

ความหรูหราที่คุ้มค่ากว่า Alphard: ในราคา 1.4 ล้านบาท คุณไม่สามารถหา Alphard/Vellfire ปี 2020 ในราคานี้ได้แน่นอน (Alphard ปีนี้ยังแตะ 2 ล้านปลาย) แต่ Majesty ให้ความหรูหราของเบาะนั่งและความสะดวกสบายที่ใกล้เคียงกันมาก ในราคาที่ประหยัดกว่าเป็นล้าน

สมรรถนะและความทนทาน: เครื่องยนต์ 2.8 GD และเกียร์ 6 สปีด เป็นชุดเดียวกับกระบะ Revo ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน อะไหล่หาง่าย และค่าบำรุงรักษาต่ำกว่ารถตู้เกรย์มาร์เก็ต

รถครอบครัวตัวจริง: ด้วยเบาะ 11 ที่นั่งและทางเดินตรงกลาง (Walk-through) ทำให้คนในครอบครัวเดินหากันได้ง่าย เหมาะมากสำหรับบ้านที่มีทั้งเด็กและผู้สูงอายุที่ต้องการความสะดวกสบายในการขึ้น-ลงและเดินทางไกล

• เครื่องยนต์: ดีเซล 2.2 ลิตร Duratorq TDCi 4 สูบ เทอร์โบ 125 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์ธรรมดา 6 สปีด (จุดเด่นสำคัญที่เหนือกว่าคู่แข่งหลายค่ายที่ให้มาแค่ 5 สปีด)
• จุดเด่นหลัก: พวงมาลัยพาวเวอร์ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า (EPAS) เจ้าเดียวในตลาดกระบะตอนเดียวยุคนั้น
• ช่วงล่าง: แกร่งเกาะถนนเยี่ยม ตามสไตล์ Ford
• พื้นที่ใช้สอย: กระบะท้ายขนาดใหญ่ กว้างขวาง

พวงมาลัยไฟฟ้า (EPAS)

พวงมาลัยจะเบามากเมื่อขับขี่ความเร็วต่ำหรือถอยจอด ทำให้การหมุนพวงมาลัยในไซตงานแคบๆ หรือจอดส่งของทำได้ง่ายดายโดยไม่ต้องออกแรงเยอะ ลดความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ได้ชัดเจน

---

เกียร์ธรรมดา 6 สปีด

อัตราทดเกียร์ที่มากกว่าช่วยให้การขับขี่ทางไกลใช้รอบเครื่องยนต์ต่ำลง ประหยัดน้ำมันมากขึ้น และมีเกียร์ให้เลือกใช้เยอะขึ้นเมื่อต้องบรรทุกหนักขึ้นทางชัน

---

โครงสร้างตัวถังนิรภัยและช่วงล่าง

Ford ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่งของเหล็กตัวถัง และช่วงล่างที่เซ็ตมาให้ "หนึบ" และนิ่งกว่ากระบะทั่วไป ทำให้มั่นใจเมื่อต้องทำเวลาหรือเข้าโค้งขณะมีน้ำหนักบรรทุก

---

ปริมาตรในการบรรทุก (กระบะตอนเดียว)

มิติกระบะท้าย: กว้าง 1,560 มม. x ยาว 2,317 มม. x ลึก 511 มม.
พื้นที่ใช้สอย: เป็นกระบะตอนเดียวที่มีพื้นที่กว้างขวางมาก สามารถวางพาเลทสินค้าได้สบาย หรือบรรทุกท่อ PVC ยาวๆ พืชผลทางการเกษตร ได้ปริมาณมากต่อเที่ยว
อุปกรณ์ช่วยบรรทุก: มีตะขอเกี่ยวเชือกด้านข้างตัวถังมาให้จากโรงงาน (Cargo Hooks) ช่วยให้มัดของได้แน่นหนา

สมรรถนะเกินราคา: ด้วยงบประมาณ 2 แสนต้นๆ ปกติจะได้แค่รถปีเก่าๆ แต่คันนี้ได้รถปี 2017 ที่มีเทคโนโลยีพวงมาลัยไฟฟ้าและช่วงล่างระดับโลก ขับสบายกว่ารถกระบะตอนเดียวทั่วไปแบบคนละเรื่อง

พร้อมลุยงานทันที: รถมีพื้นปูกระบะมาให้แล้ว เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร มีกำลังเหลือเฟือสำหรับงานบรรทุกหนัก และเกียร์ 6 สปีดช่วยให้วิ่งงานต่างจังหวัดได้ประหยัดรอบเครื่อง

ความปลอดภัย: โครงสร้างตัวถังแข็งแกร่ง และระยะลุยน้ำได้ถึง 80 ซม. ช่วยให้คุณมั่นใจในการใช้งานทุกสภาพถนน ไม่ว่าจะฝนตกน้ำท่วมหรือเข้าพื้นที่เกษตรกรรม

• เครื่องยนต์: เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบ ผสานมอเตอร์ไฟฟ้า รวมพละกำลัง 279 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด (7G-TRONIC PLUS) ขับเคลื่อนล้อหลัง
• จุดเด่นหลัก: ช่วงล่างถุงลม Airmatic (ปรับความนุ่ม-แข็งและความสูงได้), ระบบเสียบปลั๊กชาร์จไฟ (PHEV)
• การตกแต่ง: ไฟหน้า LED High Performance, และชุดแต่งรอบคันแบบ Avantgarde (กระจังหน้าดาวใหญ่)

ขุมพลัง Plug-in Hybrid 279 แรงม้า

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 5.9 วินาที ซึ่งแรงระดับรถสปอร์ต แต่สามารถขับขี่ด้วยโหมดไฟฟ้าล้วน (E-Mode) ในเมืองได้เงียบสนิท ช่วยประหยัดน้ำมันสูงสุดและลดมลพิษเมื่อรถติด

---

ช่วงล่างถุงลม (Airmatic Agility Control)

เป็นฟีเจอร์ "ไม้ตาย" ของรุ่นนี้ที่หาไม่ได้ในคู่แข่งระดับเดียวกัน ให้ความนุ่มนวลประดุจพรมวิเศษเมื่อขับขี่ทั่วไป และสามารถปรับโหมด Sport เพื่อให้ช่วงล่างแข็งเกาะถนนขึ้นเมื่อใช้ความเร็วสูง รวมถึงสามารถกดปุ่มยกตัวรถสูงขึ้นเพื่อผ่านลูกระนาดหรือน้ำท่วมขังเล็กน้อยได้

---

ภายในตกแต่ง Piano Black และ Aluminum

คอนโซลกลางสีดำเงา (Piano Black) ตัดกับแผงประตูอลูมิเนียม ให้ความรู้สึกวัยรุ่น ทันสมัย และสปอร์ตกว่าลายไม้แบบรุ่น Exclusive ดูแลทำความสะอาดง่าย

---

พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย

ข้อจำกัด: พื้นที่เก็บสัมภาระจะลดลงจากรุ่นปกติเล็กน้อย เนื่องจากต้องแบ่งพื้นที่วางแบตเตอรี่ไฮบริดไว้ใต้พื้นรถ ทำให้พื้นห้องสัมภาระมีลักษณะเป็น "ขั้นบันได" (Step)
ปริมาตรความจุ: ประมาณ 335 ลิตร (รุ่นปกติ 480 ลิตร)
การใช้งาน: สามารถวางกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ได้ 2 ใบ หรือถุงกอล์ฟวางขวางได้ แต่ต้องระวังเรื่องความสูงในส่วนลึกสุดของตู้

ความแรงระดับ 279 แรงม้า ในราคา 5 แสน: ไม่มีรถรุ่นไหนในงบประมาณนี้ที่จะให้พละกำลังและความแรงได้เท่า C350e อีกแล้ว แรงบิด 600 นิวตันเมตร ดึงหลังติดเบาะได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการ

ช่วงล่างถุงลม Airmatic: คือที่สุดแห่งความนุ่มสบายที่คุณจะหาไม่ได้ในรถญี่ปุ่น หรือแม้แต่รถยุโรปรุ่นเริ่มต้นอื่นๆ ในราคานี้ มันช่วยซับแรงสะเทือนจากถนนเมืองไทยได้ดีเยี่ยม

ภาพลักษณ์ดูแพงเกินราคา: ด้วยหน้าตาของ W205 ที่ยังดูทันสมัย (เหมือน S-Class ย่อส่วน) การขับคันนี้ไปติดต่อธุรกิจหรือออกงานสังคม ยังคงให้ภาพลักษณ์ที่ดูดี มีระดับ ในราคาที่คุณจ่ายจริงเพียงแค่ครึ่งล้านบาทเท่านั้น

• เครื่องยนต์: เบนซิน Skyactiv-G 2.0 ลิตร 4 สูบ 165 แรงม้า แรงบิด 213 นิวตันเมตร
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Skyactiv-Drive พร้อมโหมด Sport และ Manual Mode
• จุดเด่นหลัก: รุ่นพิเศษ "100th Anniversary Edition" แท้จากโรงงาน (ผลิตจำนวนจำกัด)
• สีภายนอก/ภายใน: สีขาวมุก (Snowflake White Pearl) / ภายในสีแดง Burgundy ตัดขาว
• ออปชั่นพิเศษ: โลโก้ 100 ปีรอบคัน, ระบบเสียง Bose® 12 ลำโพง, หลังคา Sunroof ไฟฟ้า
• ราคา: 639,000 บาท (คุ้มค่ามากสำหรับรถสะสม Limited Edition)

ห้องโดยสารสีแดง Burgundy ตัดสีขาว (Signature Style)

เป็นจุดขายที่แพงที่สุดของรุ่นนี้ ให้ความรู้สึกหรูหราและพรีเมียมระดับรถยุโรป (ได้แรงบันดาลใจจากรถรุ่นแรก Mazda R360 Coupe) เบาะหนัง Nappa สีแดงช่วยยกระดับสุนทรียภาพในการขับขี่ แตกต่างจากรุ่นปกติอย่างสิ้นเชิง

---

สัญลักษณ์ 100th Anniversary (Limited Items)

มีโลโก้พิเศษที่ "ดุมล้อ, พรมปูพื้น, หัวหมอนเบาะนั่ง, และกุญแจรีโมท" สิ่งเหล่านี้บ่งบอกถึงความ Limited ที่มีคุณค่าทางจิตใจและเป็นรถสะสม (Collectible Car) ในอนาคต

---

ระบบเสียง Bose® รอบทิศทาง 12 ลำโพง

ให้คุณภาพเสียงระดับ High-end เบสแน่น มิติเสียงสมจริง เหมาะกับคนรักเสียงเพลงโดยไม่ต้องไปเสียเงินทำเครื่องเสียงเพิ่ม

---

พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย (430 ลิตร)

ความยืดหยุ่น: ปากประตูท้ายกว้าง ขนของขึ้นลงง่าย เบาะหลังพับได้แบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่วางของแนวยาว เช่น ถุงกอล์ฟ หรือจักรยานพับ
ออปชันเสริม: มี ฝาท้ายไฟฟ้า (Power Liftgate) ช่วยอำนวยความสะดวกเวลาถือของหนัก

รถสะสมในราคา Eco Car: คุณได้ครอบครองรถรุ่นฉลองครบรอบ 100 ปี ที่ผลิตจำนวนจำกัด ในราคาเพียง 6 แสนต้นๆ ซึ่งถูกกว่ารถ Mazda 2 ป้ายแดงตัวท็อปเสียอีก แต่ได้ภาพลักษณ์ความหรูหราที่เหนือกว่ามาก

ภายในแดง Burgundy คือที่สุด: ภายในสีแดงตัดขาวคือเสน่ห์ที่หาไม่ได้ในรถญี่ปุ่นทั่วไป มันให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในรถสปอร์ตหรูราคาหลายล้าน

ความคุ้มค่าระยะยาว: รถ Limited Edition มักจะมีราคาขายต่อที่แข็งกว่ารุ่นปกติเมื่อเวลาผ่านไป (Future Classic) การซื้อในราคานี้ถือว่าคุ้มค่ามาก เพราะราคาลงมาต่ำจนน่าเก็บแล้วครับ

• เครื่องยนต์: 2.4 GD Super Power (2GD-FTV) 150 แรงม้า แรงบิด 343-400 นิวตันเมตร (ประหยัดน้ำมัน ทนทาน)
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์ธรรมดา 6 สปีด (เข้าเกียร์ง่าย อัตราทดต่อเนื่อง)
• จุดเด่นหลัก: รถปีใหม่ 2023 (โฉมปัจจุบัน) หน้าหล่อ มาพร้อมหลังคาสแตนเลสทึบ ความสูงพิเศษ 2.10 เมตร
• ออปชั่น: หน้าจอเครื่องเสียง Touchscreen รองรับ Apple CarPlay/Android Auto
• ราคา: 449,000 บาท (ประหยัดกว่าป้ายแดงแสนกว่าบาท รถปีใหม่มาก)

หลังคาสแตนเลสทึบ สูง 2.10 เมตร

ความสูง 2.10 เมตร (สูงกว่ามาตรฐานทั่วไปที่ 1.80 ม.) ช่วยให้จุสินค้าได้ปริมาตรมากขึ้น เหมาะมากสำหรับงานขนส่งสินค้าที่มีน้ำหนักเบาแต่กินที่ (Bulky Cargo) เช่น เฟอร์นิเจอร์, กล่องพัสดุ Logistics, เครื่องใช้ไฟฟ้า หรืออะไหล่รถยนต์ โครงสร้างเป็นสแตนเลส/อลูมิเนียม แข็งแรง ไม่เป็นสนิมง่าย

---

เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส 8 นิ้ว (Standard Audio)

รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ทำให้คุณสามารถเปิด Google Maps นำทางขึ้นหน้าจอได้เลย สะดวกมากสำหรับอาชีพขนส่งที่ต้องไปในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย

---

ปริมาตรและมิติกระบะบรรทุก (ตู้สูงพิเศษ)

มิติภายในตู้: กว้าง 1.60 ม. x ยาว 2.40 ม. x สูง 2.10 ม.
ปริมาตรความจุรวม: ประมาณ 8.0 - 8.5 ลูกบาศก์เมตร (CBM)
ความสามารถในการบรรทุก: สามารถวางพาเลทมาตรฐานได้ หรือขนย้ายหอพัก/บ้าน วางตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ตู้เย็น หรือที่นอน 6 ฟุต ในแนวตั้งได้สบาย

รถปีใหม่ สภาพป้ายแดง: เป็นรถปี 2023 แท้ๆ (โฉมปัจจุบันหน้าล่าสุด) อายุการใช้งานยังน้อยมาก เครื่องยนต์และช่วงล่างยังสดใหม่เหมือนออกห้าง แต่จ่ายถูกกว่าแสนกว่าบาท

ความสูง 2.10 เมตร ได้เปรียบ: รถตู้ทึบทั่วไปสูงแค่ 1.80 เมตร แต่คันนี้สูง 2.10 เมตร ทำให้คุณ "รับงานยากๆ ได้" เช่น งานย้ายบ้านที่ต้องวางตู้สูง หรือขนส่งสินค้าโรงงานที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งคู่แข่งรถเล็กรับไม่ได้

สรุป: รถทำหลังคามาเรียบร้อย ยางสภาพดี เครื่องดีเซลประหยัดน้ำมัน ออกรถไปสามารถวิ่งงานร่วมกับแพลตฟอร์มขนส่ง (เช่น Deliveree, Lalamove) หรือวิ่งงานบริษัทได้ตั้งแต่วันแรกครับ

• เครื่องยนต์: ดีเซล 2.4 ลิตร 4 สูบ GD Super Power (2GD-FTV) 150 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift และ Paddle Shift
• รุ่นย่อย: 2.4 V (ตัวท็อปของรุ่นมาตรฐาน ก่อนข้ามไป Legender)
• จุดเด่นหลัก: ฝาท้ายไฟฟ้าแบบ Kick Sensor (เตะเปิด), ระบบความปลอดภัย Blind Spot Monitor, ไฟหน้า Bi-Beam LED ดีไซน์ใหม่
• ราคา: 939,000 บาท (คุ้มค่าระดับ 5 ดาว ประหยัดกว่าป้ายแดงกว่า 5 แสน)

ฝาท้ายไฟฟ้าพร้อม Kick Sensor (Hands-Free Tailgate)

อำนวยความสะดวกสูงสุดเมื่อคุณถือของพะรุงพะรังเต็มสองมือ เพียงแค่ใช้เท้าเตะผ่านเซนเซอร์ใต้กันชนหลัง ฝาท้ายจะเปิดขึ้นอัตโนมัติโดยไม่ต้องวางของลงพื้น

---

ช่วงล่างปรับจูนใหม่ (New Suspension Setting)

ในรุ่นปี 2022 มีการปรับปรุงช่วงล่างให้นุ่มนวลขึ้นและเกาะถนนดีขึ้นกว่ารุ่นปี 2015-2018 อย่างชัดเจน ลดอาการดีดเด้ง ทำให้ผู้โดยสารตอนหลังและเด็กๆ นั่งสบายขึ้น ไม่เวียนหัว

---

ปริมาตรในการบรรทุก / พื้นที่เก็บสัมภาระ

เมื่อพับเบาะแถว 3: พื้นที่กว้างขวาง สามารถวางถุงกอล์ฟแนวขวางได้ 3-4 ใบ หรือกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ 4-5 ใบ
เมื่อพับเบาะแถว 2 และ 3: ได้พื้นที่ราบขนาดใหญ่ (แม้เบาะแถว 3 จะเป็นการพับแขวนขึ้นด้านข้าง) สามารถขนย้ายทีวีจอใหญ่, เฟอร์นิเจอร์น็อคดาวน์ หรืออุปกรณ์แคมป์ปิ้งได้จุใจ

ความคุ้มค่าระดับ 5 ดาว: คุณประหยัดเงินไปกว่า 5 แสนบาท เมื่อเทียบกับป้ายแดง แต่ได้รถปี 2022 ที่สภาพยังใหม่มาก เครื่องยนต์ 2.4 ประหยัดน้ำมัน และค่าดูแลรักษาต่ำตามสไตล์ Toyota

รุ่น V คือจุดที่ลงตัว: รุ่น V ให้ออปชันที่จำเป็นมาครบถ้วน (ฝาท้ายไฟฟ้าเตะเปิด, แอร์ออโต้, ระบบความปลอดภัย BSM) ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานครอบครัว โดยไม่ต้องจ่ายแพงขึ้นเพื่อไปเล่นรุ่น Legender

สภาพนางฟ้า: จากรูป รถคันนี้สภาพเดิมสนิท ห้องเครื่องสะอาด ภายในเบาะหนังยังดูใหม่ แสดงให้เห็นว่าเจ้าของเดิมดูแลรักษาดี เหมาะสำหรับคนที่หารถครอบครัวไว้ใช้ยาวๆ อีก 7-10 ปีได้สบายครับ

• เครื่องยนต์: เบนซิน 2.7 ลิตร VVT-i (2TR-FE) 151 แรงม้า (ติดแก๊ส LPG ระบบหัวฉีดมาพร้อมใช้งาน)
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด (ECT-i) ขับเคลื่อนล้อหลัง
• จุดเด่นหลัก: เป็นรถตู้ MPV 11 ที่นั่งตกแต่งหรูจากโรงงาน (ไม่ใช่ Commuter มาแต่งเอง)
• ภายใน: เบาะ Captain Seat แถวกลางนั่งสบาย, ประตูสไลด์ 2 ฝั่ง
• การตกแต่ง: ล้อแม็กแต่งขอบ 18 นิ้ว ลาย Multi-spoke สีทูโทน
• ราคา: 459,000 บาท (คุ้มค่ามากสำหรับรถครอบครัวเอนกประสงค์ที่จบครบทุกอย่าง)

เบาะนั่ง Captain Seat (แถวที่ 2)

ออกแบบแยกอิสระซ้าย-ขวา มีที่ท้าวแขนและช่องทางเดินตรงกลาง (Walk-through) ทำให้ผู้โดยสารระดับผู้บริหารหรือผู้สูงอายุนั่งได้สบายที่สุด เหมือนนั่งโซฟาที่บ้าน และเดินทะลุไปแถวหลังได้ง่าย

---

ติดตั้งระบบแก๊ส LPG

เครื่องยนต์ 2.7 ลิตร เดิมๆ ค่อนข้างกินน้ำมัน แต่เมื่อติด LPG แล้ว จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางลงได้กว่า 50-60% ทำให้กล้าใช้รถเดินทางไกลหรือขับในเมืองได้โดยไม่ต้องกังวลค่าน้ำมัน

---

ประตูสไลด์ 2 ข้าง (Twin Sliding Doors)

ต่างจากรถตู้ทั่วไปที่มีประตูเดียว รุ่นนี้ขึ้นลงได้ทั้งซ้ายและขวา เพิ่มความสะดวกมากเวลาจอดในที่แคบหรือรับส่งคนจำนวนมาก

---

พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย

พื้นที่วางของ: ด้านหลังเบาะแถวสุดท้ายมีพื้นที่เหลือพอวางกระเป๋าเดินทางไซส์ Cabin Size ได้ 2-3 ใบ หรือถุงกอล์ฟวางตั้งได้
ความยืดหยุ่น: เบาะแถวหลังสุดสามารถพับแยกแบบ 50:50 และแขวนขึ้นด้านข้างได้ (เหมือน Fortuner) เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่

ความคุ้มค่าระดับสูงสุด: จ่ายเงินเพียง 4 แสนกลางๆ แต่ได้รถตู้แท้ๆ จากโรงงาน Toyota (ไม่ใช่รถดัดแปลง) ที่นั่งสบายระดับ VIP และภาพลักษณ์ดีกว่า Commuter วิน

ประหยัดค่าเดินทางทันที: ด้วยระบบ LPG ที่ติดมาแล้ว คุณสามารถขับรถคันนี้พาครอบครัวไปเที่ยวต่างจังหวัดได้ในราคาค่าเชื้อเพลิงที่ถูกกว่ารถ Eco Car เสียอีก (หารเฉลี่ยตกคนละไม่กี่สตางค์)

สภาพสวยพร้อมโชว์: รถจัดทรงมาด้วยล้อ 18 นิ้ว ทำให้ดูไม่แก่ ไม่เหมือนรถรับจ้าง เหมาะสำหรับใช้เป็นรถครอบครัวใหญ่ หรือรถรับรองแขกของบริษัทที่เน้นความคุ้มค่าครับ