เจาะสเป็ค GAC AION ES ที่เตรียมลงตลาดแท๊กซี่

เจาะสเป็ค GAC AION ES ที่เตรียมลงตลาดแท๊กซี่


ในปีหน้า GAC AION ES ยังมีแผนการผลิตในประเทศไทย และแท๊กซี่หลายๆแห่งก็จะเริ่มเปลี่ยนจากรถที่เป็นเชื้อเพลิงน้ำมัน กลายมาเป็นไฟฟ้า EV อย่างเต็มตัว และยังติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าที่มีจำนวน ตู้ 16 หัว และในปีหน้าเตรียมเพิ่ม กว่า 180 แห่ง ภายในปี 2024 เรียกว่า ความน่าสนใจของรุ่นนี้ คงหนี้ไม่พ้นในเรื่องของตัวรถที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก


GAC AIOM ES มีขนาดตัวถังที่ ยาว 4,810 มม. กว้าง 1,880 มม. และสูง 1,545 มม. ความยาวฐานล้อ 2,750 มม. โดยใช้แบตเตอรี่ลิเธั้ยมไอออน มีการรับประกันสูงสุดถึง 9 ปี หรือ 900,000 กิโลเมตร ขับเคลื่อนลงล้อหน้า กำลังสูงสุด 136 แรงม้า ได้กำลังแรงบิดสูงสุด 225 นิวตันเมตร สามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 130 กม./ชม. สามารถวิ่งได้ไกลหลังจากชาร์จเต็มสามารถทำระยะทางได้ไกลถึง 442 กม.

นอกจากนี้ ยังรองรับการชาร์จ ไฟกระแสสลับ AC รองรับสูงสุด 6.6 กิโลวัตต์ ใช้เวลาในการชาร์จ 0-100% ภายใน 6 ชั่วโมง แบะชาร์จไฟกระแสตรง DC รองรับสูงสุดที่ 75 กิโลวัตต์ ชาร์จจาก 0-80% ได้ภายใน 40 นาที และยังมีความสะดวกสบายด้วยระบบ Cruise Control ชุดไฟหน้า LED ลู้ลมพร้อมกับไฟ DRL ที่เป็นรุปตัว Y อยู่ภายใช้โคมเดียวกัน พร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว และด้านฝาท้ายจะมีมุมเงยคล้ายกับสปอยเลอร์ในตัวมาพร้อมกับชุดไฟท้าย LED ยาวจากด้านซ้ายไปด้านขวา

ภายในห้องโดยสารเป็นสีดำเป็นหลัก มีความกว้างขวางนั่งสบายแผงแดชบอร์ดยังคงเป็นแบบเข็มและจอกลางยังคงเป็นจอแบบทรัชสกรีนสามารถเล่นเพลง วิทยุ และ โหมดการขับขี่ก็มี 3 แบบทั้ง ECO , Normal และ Sport แผงคอนโซลกลางจะได้รับการติดตั้งปุ้มปรับเกียร์แบบมือหมุนไฟฟ้า มาพร้อม Auto Brake Hold เบรกมือไฟฟ้า และปุ่มปรับเปลี่ยนโหมดเกียร์ P และยังมีปุ่ม Push Start ช่องเก็บสัมภาระด้านท้าย ใหญ่จุใจ ฝาท้ายสามารถเปิดและตั้งฉากได้ แต่จะมีความสูงกว่าปกติเล็กน้อย เพื่อให้ยกของขึ้นลงได้สะดวก

เรียกว่าเปิดราคามาได้อย่างน่าสนใจ จะมีราคาระหว่าง 850,000 – 929,900 บาท


มือใหม่หัดเตรียมตัวเดินทางไกล กับรถไฟฟ้า EV ขนาดเล็ก

ฤดูเที่ยว หลายๆคนก็เริ่มวางแผนสำหรับการเดินทาง แต่ในปีนี้จะมีความพิเศษ สำหรับคนที่เพิ่งได้เริ่มครอบครองรถยนต์ EV ซึ่งถ้าเป็นรถขนาดเล็กอาจจะต้องเตรียมตัวเป็นพิเศษกันซักหน่อยเพราะรถไฟฟ้า EV ยังมีขีดจำกัดของศักยภาพ บทความนี้จะมาบอกถึงการเตรียมตัวว่าเตรียมตัวอย่างไรเพื่อให้คนที่ใช้ EV ขนาดเล็กเดินทางได้อย่างปลอดภัยกันครับ


ตรวจสภาพรถก่อนเดินทาง

การตรวจสภาพรถก่อนเดินทางเป็นเรื่องจำเป็น ไม่ใช่แค่เฉพาะรถเก่าเท่านั้น รถใหม่ก็ต้องตรวจทุกครั้งก่อนออกเดินทางไกลเช่นกัน เพราะหากเกิดเหตุกลางทางก็อาจจะทำให้ทริปล่มได้เช่นกัน

สิ่งที่ควรตรวจก่อนออกเดินทาง

ลมยางเป็นเรื่องจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นรถเก่าหรือรถใหม่ก็เป็นสิ่งที่ต้องคอยเช็คเสมอ เพราะหากลมอ่อนเกินไปเมื่อตกหลุมอาจจะสะเทือนถึงล้อแมกซ์ อาจจะทำให้แม๊กซ์เกิดการคดหรือแตกได้

น้ำปัดกระจกก็สำคัญ น้ำปัดกระจกเป็นเรื่องเล็กๆที่สำคัญเพราะถ้าหากเราเดินทางตามรถบรรทุกขนาดใหญ่ แล้วเกิดมีเศษผงหรือน้ำโคลนกระเด็นมาที่กระจกก็ต้องพึงพาเจ้าสิ่งนี้แหละ

ไฟสัญญาณต่างๆรอบคัน ไฟหน้า ไฟตัดหมอก ไฟท้าย ไฟเบรค และ ไฟสัญญาณต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญมากๆ ไม่ว่าจะเป็นรถเก่าหรือรถใหม่ล้วนแล้วแต่จะต้องเช็คทั้งสิ้น อย่าวางใจ ถ้าหากเดินทางไกล ในเส้นทางที่มืดกว่าปกติ อาจจะทำให้รถใหญ่สังเกตุได้ยากยิ่งขึ้น และอาจจะเป็นอันตรายได้


วางแผนก่อนเดินทาง

การวางแผนก่อนเดินทางเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะนอกจากเลี่ยงเส้นทางอันตรายหรือเส้นทางที่มีแนวโน้มว่าจราจรอาจจะติดขัดหนาแน่น ก็อาจจะทำให้เสียเวลาไปมากกว่าปกติเพราะต้องคำนึงถึงเวลาในการเติมพลังงานราวๆ อีกครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อย เรียกว่าก็จะต้องเผื่อเวลาเพิ่มเติมขึ้นไปอีก

เตรียมของสัมภาระเท่าที่จำเป็น

การเตรียมสัมภาระเท่าที่จำเป็นเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จำเป็นสำหรับรถยนต์ EV ขนาดเล็ก เพราะไม่ใช่แค่พื้นที่ที่จำกัดเท่านั้น แต่เป็นน้ำหนักของรถที่เพิ่มขึ้นทำให้ระบบมอเตอร์ไฟฟ้านั้นรับภาระเพิ่มขึ้นทำงานหนักมากขึ้น และเกิดความร้อนสะสมมากขึ้น อาจจะทำให้ระบบขับเคลื่อนต่างๆ ภายในรถเสียหายได้นั่นเอง

หลีกเลี่ยงการขับใกล้ชิดรถใหญ่ ลมผลัก – ลมดูด

หลีกเลี่ยงการขับรถใกล้ชิดกับรถใหญ่ โดยเฉพาะรถบรรทุก และรถพ่วง เพราะด้วยน้ำหนักของรถ EV ขนาดเล็กที่มีน้ำหนักที่เบามากๆ ถ้าหากขับใกล้รถใหญ่ๆอาจจะเป็นอันตรายได้ เพราะแรงดูดจากลมของรถใหญ่ที่เข้ามาประทะข้างรถเล็กจะทำให้ศูนย์เสียการควบคุมยิ่งมีความเร็วเท่าไหร่ แรงลมนี้ก็จะยิ่งแรงมากขึ้นเท่านั้น ถ้าสามารถหลีกเลี่ยงได้ ให้หลีกเลี่ยงจะดีกว่า โดยเฉพาะการขับรถตีคู่นั้นไม่ควรทำอย่างยิ่ง


เรียกว่าเป็นสิ่งเล็กๆที่ต้องเตรียมตัวก่อนเดินทางไกลครั้งแรก สำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า EV ขนาดเล็กที่จะต้องเตรียมตัว เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการเดินทาง

อ่านสาระน่ารู้รถยนต์เพิ่มเติม

ทำความรู้จักกับหลังคาแก้ว (Roof Glass) แต่ละแบบกัน

ถึงประเทศไทยเป็นเมืองร้อนแดดแรง แต่หลังคาแก้วก็ยังถูกนำมาใช้ในรถตลาดหลายๆรุ่นและแพร่หลาย นอกจากจะเป็นแฟชั่นแล้ว แต่กลับยังเป็นอ๊อพชั่นที่ยกระดับของรถให้ดูมีความเป็นสปอร์ตเหมือนกับรถทางยุโรปอีกด้วย ซึ่งหลายๆคนเมื่อเห็นหลังคาลักษณะนี้ก็จะเรียกมันว่า SunRoof ไปซะทั้งหมด วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับหลังคาแก้วหรือ (Roof Glass) แต่ละแบบกันครับ ว่าแต่ละแบบนั้นเรียกว่าอย่างไรกันบ้าง มีลักษณะใช้งานต่างกันอย่างไร และแต่ละแบบนั้นมีข้อดีข้ออเสียแตกต่างกันอย่างไร

1.SunRoof

หลังคาแก้ว แบบ SunRoof เป็นหลังคาแก้วที่อยู่ตรงด้านหัวคนขับและคนนั่ง ซึ่งจะต้องเป็นหลังคาแก้วแบบเปิดได้เฉพาะครึ่งด้านหน้าของหลังคารถซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งเปิดด้วยไฟฟ้าหรือเปิดด้วยมือขึ้นอยู่กับรถแต่ละรุ่นหลังคาลักษณะนี้จะเป็นกระจก มีน้ำหนักมากและเมื่อเวลาเปิดหลังคาลักษณะนี้ก็จะได้รับแสงแดดเข้ามาเต็มๆ และปัจจุบันก็ยังมีทั้งแบบ เฉพาะส่วนอย่าง BMW และ เต็มหลังคา ซึ่งจะเห็นในรถ Benz

2. Moon Roof

Moon Roof เป็นหลังคาแบบทึบแสงและจะแนบสนิทไปกับรถ ซึ่งตัวหลังคามูนรูฟเป็นหลังคากระจกสำหรับให้แสงส่องเข้ามา ซึ่งจะมาพร้อมกับม่านบังแดดโดยจะมีขนาดทั้งใกล้เคียงกับ SunRoof และเป็นกระจกฝังที่ตัวหลังคาและสามารถมองทะลุได้นั่นเอง

3. หลังคาแบบพาโนรามิครูฟ (Panoramic Roof)

เป็นหลังคาที่ออกแบบมาเพื่อเสริมให้ห้องโดยสารดุมีความกว้างขวางโปร่งโล่งมากยิ่งขึ้น โดยลักษณะของหลังคา Panoramic Roof จะสามารถมองทะลุกว้างจนไปถึงด้านหลังแต่จะสามารถเปิดและเปิดได้ครึ่งบานหน้าเท่านั้น


4. หลังคาแบบ พาโรนามิคกลาสรูฟ (Paronamic Glass Roof)

เป็นตัวปลีกย่อยของหลังคาพาโรนามิกรูฟ แต่หลังคาพาโรนามิกซ์กลาสรูฟจะเป็นหลังคาแบบกระจกนิรภัยเต็มใบ จะไม่สามารถเปิดเพื่อรับลมได้ แต่ละมีม่านบังแดดควบคู่ด้วยแต่หลังคนชนิดนี้มันจะเหมาะกับประเทศในเขตหนาวมากกว่า เพราะถ้าหากจอดตากแดดนานๆ จะสะท้อนความร้อนของแดด

ข้อดีและข้อเสียของหลังคาซันรูฟ

1.ทำให้รถมีหน้าตาดูทันสมัย ช่วยเพิ่มมูลค้าในการต่อรองราคาได้เพราะอ๊อพชั่นนี้มักจะอยู่ในรถตัว Top ของรุ่นและยังทำให้ดูมีมูลค่า

2. ทำให้รถดูโล่งโปร่งสบาย และภายในห้องโดยสารสร้างมากยิ่งขึ้น ลดความอึดอัดภายใน โดยเฉพาะรถทรงสปอร์ตที่มีห้องโดยสารแคบๆ นั่งสบายและไม่ดูแออัด

3. ระบายอากาศได้ดี การเปิดหลังคาซันรูฟจะช่วยระบายอากาศหลังจากจอดรถทิ้งไว้กลางแดด นอกจากสามารถเปิดแง้มเอาไว้ ทำให้อากาศไหลเวียนภายในรถได้มากกว่าการเปิดกระจกอีกด้วย

4.ช่วยปกป้องชีวิตของผู้โดยสารภายในรถหากเกิดเหตุตกน้ำ กรณีที่ไม่สามารถเปิดประตูได้เนื่องจากแรงดันน้ำก็สามารถเปิดซันรูฟเพื่อเป็นทางออกเพราะระบบไฟฟ้าภายในรจะยังทำงาน 1 นาทีหลังจากรถดับในจังหวะนี้ให้รีบเปิดซันรูฟเพื่อหนีออกจากช่อทางนี้ได้

นอกจากซันรูฟจะมีข้อดีมากมายแล้ว ก็ยังมีข้อเสียเหมือนกัน

1.ซันรูฟไฟฟ้าก็ยังเป็นอีก 1 ฟังค์ชั่นที่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้า กลไกนี้มีโอกาสเสื่อมสภาพได้เช่นกัน

2.ขอบยางหลังคาซันรูฟมีอายุการใช้งาน เมื่อใช้งานไปนานๆ ยางมีโอกาสเสื่อมสภาพ แข็งจนไม่สามารถป้องกันน้ำจากด้านนอกได้ก็ทำให้เกิดการรั่วซึมนั่นเอง

3.หลังคาที่เป็นกระจกทำให้ เกิดความร้อนภายในห้องโดยสารมากกว่าหลังคาทึบ และทำให้แอร์ทำงานหนักกว่าปกติในช่วงหน้าร้อน ถึงแม้ว่ารถบางรุ่นจะมีม่านทึบก็ตาม

4.หลังคาซันรูฟเสี่ยงต่อการแตกเมื่อมีวัตถุแข็งตกใส่ แน่นอนว่าอาจจะต้องเลี่ยงจอดตามต้นไม้เพื่อลดโอกาสการเกิดความเสียหายได้

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

3 เหตุผล ทำไมรถยนต์ไฟฟ้า EV ถึงยังไม่เหมาะกับมือใหม่หัดขับ

รถยนต์ไฟฟ้า EV เชื่อว่าน่าจะเป็นรถคันแรกของหลายๆคน และเรียกว่ากำลังจะมาแทนที่รถยนต์เครื่องสันดาปอย่างเต็มตัวเพราะด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วทำให้หลายคนที่หันมาเริ่มใช้รถพลังงาน EV เพราะมองว่าทั้งคุ้มค่า และ ก็ประหยัดเงินในกระเป๋า ก็ต้องเรียนรู้ถึงระบบต่างๆเพิ่มเติมมากขึ้นเพราะด้วยศักยภาพของรถ และ ระบบที่เปลี่ยนไป ก็ทำให้เหล่าคนที่เพื่งเคยใช้รถอาจจะยังไม่สามารถปรับตัวได้ ลองมาดูกันครับว่า 3 เหตุผล ว่าทำไมรถ ไฟฟ้า EV ถึงไม่เหมาะกับมือใหม่

1.รถยนต์ไฟฟ้าออกตัวเร็ว

สำหรับมือใหม่ รวมไปถึงคนที่มีอาการขี้หลงขี้ลืมเรียกว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งเพราะรถไฟฟ้า EV เป็นรถยนต์ที่ออกตัวไวรวดเร็วอาจจะทำให้มือใหม่ที่เพิ่งใช้รถอาจจะไม่ทันได้ระวังในเรื่องของความปลอดภัย รวมไปถึงอันตรายที่เกิดจากการตัดสินใจชั่วขณะ เพราะถ้าหากผู้ที่เริ่มขับรถไม่สามารถตัดสินใจได้ทันท่วงที ก็อาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์อันตรายเกิดขึ้นได้

2. ไม่รู้เส้นทางหรือหลงทางบ่อยๆ

สำหรับคนที้ใช้รถ EV ที่ไม่ค่อยรู้เส้นทาง หรือเป็นคนที่หลงทางบ่อยๆอาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่นัก เพราะถ้าหากคุณเป็นคนที่หลงทางบ่อยๆก็อ่าอาจจะต้องใช้ Google Map ให้เป็น เพราะถ้าหากคุณเดินทางไกลๆตามต่างจังหวัด แล้วพลังงานใกล้หมด อาจจะเป็นวิกฤติในการค้นหาจุดชาร์จได้ ฉะนั้นการวางแผนในการเดินทางเป็นสิ่งสำคัญมากๆ เพราะถ้าหากคุณไม่มีการวางแผนในการเดินทาง ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาในเรี่องการหาจุดชาร์จเหล่านี้ขึ้นได้นั่นเอง

3. ไม่รู้ค่าพลังงานต่างๆ ของรถยนต์ไฟฟ้า ไม่เกิดความคุ้มค่า

ค่าต่างๆของรถยนต์ก็จะต้องเรียนรู้ว่ามันใช้วัดเกี่ยวกับอะไร นอกจาก (km) กิโลเมตรแล้ว ก็จะต้องเรียนรู้เกี่ยวค่าพลังงานต่างๆที่ใช้กับรถยนต์ EV ใหม่ทั้งหมด ซึ่งถ้าหากคุณไม่สามารถอ่านค่าต่างๆ เหล่านี้ได้หรือไม่มีความเข้าใจ ก็อาจจะทำให้ดูแลได้อย่างไม่ทั่วถึง หรือขาดความรู้ในการคำนวนค่าใช้จ่าย ตัวอย่างเช่น ความจุของแบตเตอรี่ kWh (กิโลวัตต์/ชั่วโมง) โดยชาร์จเร็วกระแสตรงชาร์จเร็วแบบ (DC) หรือกระแสสลับแบบชาร์จปกติ (AC) ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์และกำลังการชาร์จของอุปกรณ์นั้นๆ ซึ่งการชาร์จเร็วก็จะทำให้การเสื่อมสภาพเร็วขึ้นด้วยนั้นเอง

การคำนวนค่าไฟฟ้าต่อหน่วยคือการนำราคาต่อหน่วยของไฟฟ้ามาคูณ ตัวอย่างเช่น
หน่วยค่าไฟฟ้าที่ 5 บาท คือการนำเอา 100 x 4.5 ก็จะได้เท่ากับ 450 บาท โดยคิดจากการชาร์จเต็ม 100 % และถ้าหาก ที่บ้านของคุณติดตั้งหม้อชาร์จแบบ TOU แล้วชาร์จในช่วง Off – peak (ช่วงที่ผลิตไฟฟ้าน้อย) อัตราของค่าไฟฟ้าก็ถูกลงไปอีกซึ่งสิ่งเหล่านี้แหละจะทำให้คุณทั้งประหยัดและยังสามารถใช้ รถยนต์ไฟฟ้า EV ได้อย่างคุ้มค่า

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

ไขข้อข้องใจ ทำไมรถสปอร์ตต้องยางแก้มเล็กและหน้ากว้าง

เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมรถสปอร์ตรวมไปถึงเหล่ารถ ซุปเปอร์คาร์และ ไฮเปอร์คาร์ “ทำไมถึงต้องมีล้อหน้ากว้างและยางแก้มเล็กกันนะ?” เรียกว่าทุกอย่างที่ทางวิศะกรรมยานยนต์ได้ออกแบบมาไม่ใช่แค่ความสวยงามและลงตัวเท่านั้น

อันที่จริงล้วนแล้วแต่มีเหตุผล ทั้งข้อดีและข้อเสียต่างๆ เพื่อเพิ่มในเรื่องของสมรรถนะให้ดีมากยิ่งขึ้นและเหมาะสมกับการใช้งาน ฉะนั้น ทาง Kitsadagoodcar จะนำคำถามเหล่านี้มาไขข้อสงสัยกันครับ


ทำไม? ล้อหลังมีขนาดหน้ากว้าง กว่าล้อหน้า..
เหตุผลของล้อหลังที่มีขนาดกว้างมากกว่าล้อหน้า ไม่มีอะไรซับซ้อน เรามักจะเห็นในรถที่ขับเคลื่อนล้อหลังเป็นหลัก ด้วยขนาดล้อหลังที่มีหน้ากว้างและใหญ่กว่าล้อหน้าทำให้มีการยึดเกาะที่มากกว่า เพราะล้อหลังจะต้องรับแรงบิดที่สูงกว่าล้อหน้าโดยเฉพาะเครื่องยนต์ที่มีกำลังสูงส่งไปที่ล้อหลังนั่นเอง โดยเฉพาะรถที่มีเครื่องวางหลังหรือวางกลาง ก็จะต้องมียางที่รองรับในเรื่องของน้ำหนักและสมรรถนะ ทั้งการเข้าโค้ง เพื่อสร้างแรงเสียดสีกับหน้าผิวถนนให้มากยิ่งขึ้นเพื่อลดแรงไถลที่อาจจะเกิดขึ้นจากความเร็ว และ น้ำหนักของตัวรถ และเมื่อล้อยางมีหน้ากว้างก็สามารถส่งกำลังไปยังพื้นผิวได้มากยิ่งขึ้นทำให้เพิ่มหน้าสัมผัสได้มากขึ้นนั่นเอง


ยางแก้มเตี้ย
ล้อยางที่มีขอบเล็ก หรือในภาษารถเรียกกันว่า “ยางแก้มเตี้ย” ซึ่งจะแตกต่างกับยางแก้มหนาๆในเรื่องของสมรรถนะต่างๆ ซึ่งยางแก้มสูงนั้นจะมีหน้ายางที่หนาทำให้รถมีความนุ่มนวลแต่ข้อเสียงของยางแก้มสูงนั้นคือสมรรถนะในการเข้าโค้ง เพราะด้วยความหนาของหน้ายางจะทำให้เกิดการบิดตัวของแก้มยางมากกว่ายางแก้มเตี้ยนั่นเอง
แต่ยางแก้มเตี้ยก็มีข้อเสียเช่นกัน คือความกระด้างของช่วงล่าง รวมไปถึงไม่สามารถรับแรงกระแทกได้มากเหมือนกับยางแก้มสูง ซึ่งถ้าหากเกิดการกระแทกหนักๆ ก็อาจจะทำให้ล้อแม๊กซ์เกิดความเสียหายขึ้นได้นั่นเอง

ถ้าใส่ยางที่มีขนาดมากกว่า ปกติ สามารถทำได้หรือไม่
การใส่ยางที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติสามารถทำได้แต่ต้องมีขนาดที่ต่างกันเล็กน้อยเท่านั้นจะต้องดูในเรื่องของขนาดล้อแม๊กซ์ด้วยว่าสามารถรองรับได้หรือไม่ แต่จะเกิดปัญหาในเรื่องของสมรรถนะที่เปลี่ยนไปทั้งน้ำหนักของล้อที่เปลี่ยนทำให้เพิ่มภาระให้กับเครื่องยนต์มากยิ่งขึ้นและทำให้เกิดความสิ้นเปลืองมากขึ้นไปอีกด้วย

และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไม รถสปอร์ตหรือรถซุปเปอร์คาร์มักจะมีล้อที่หน้ากว้างและแก้มเตี้ย เพราะไม่ใช่แค่ความสวยงามเท่านั้นแต่มันรวมไปถึงเรื่องของสมรรถนะต่างๆของรถยนต์

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม


ปีหน้ามาแน่ BYD Song L SUV 2024 ฐานล้อยาววิ่งได้ 662 กิโลเมตร 308 แรงม้า

ช่วงนี้คงไม่มียานยนต์ไหนที่มาแรงเท่ากับรถไฟฟ้า EV อีกแล้ว ที่กำลังมาแทนเครื่องยนต์สันดาป แบบ 100% และทาง BYD ก็ได้เสียงตอบรับและยอดขายอย่างถล่มทลายในปีที่ผ่านมา ทาง BYD ก็เริ่มที่จะเดินหน้าเปิดตัวรถยนต์ต่อ ในปี 2024 ซึ่งมารอบนี้เป็นรถ SUV ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่พกเอาความล้ำสมัยและดีไซน์สุดเรียบหรูและอาจจะเป็นรักแรกพบของหลายๆคนเลยทีเดียว และในปีหน้าทาง BYD Song L สปอร์ตเรียบหรูซึ่่งตามเอกลักษณ์ตัวรถและชื่อนั้นสอดคล้องอย่างลงตัว เพราะคำว่า Song “ซ่ง” คือหนึ่งในตระกูลราชวงศ์ชั้นสูงในประเทศจีนนั่นเอง


ทาง BYD ทางจีนได้มีการวางตลาดเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา และก็จะเริ่มทำการวางตลาดในประเทศไทยในช่วงต้นปีหน้า รถ SUV EV ทรงสปอร์ตเรียบหรูไฟฟ้ารุ่นนี้ได้เปิดตัวที่ราคาประมาณ 250,000 หยวน หรือราวๆประมาณ 1,230,000 บาท ยังไม่รวมภาษี โดยมีการวางจำหน่ายทั้ง แบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวและมอเตอร์ไฟฟ้าคู่

ดีไซน์ด้านนอก มีรูปร่างจะออกไปทางเรียบๆ ด้วยกระจังด้านหน้าทรงขีดตั้งประดับด้วยไฟ Daylight ส่องสว่าง และ เขี้ยวแนวนอนเหมือนกับเขี้ยวมังกร ทั้งสองแถวและโครเมี่ยมมีแถบสีดำรอบตัวรถ และตัวจับประตูแบบซ่อนรำหลังคาพาโนรามาขนาดใหญ่ และสปอยเลอร์แบบที่ยื่นออกมา

มิติคัวรถ มีความยาว 4,840 มม. ความกว้าง 1,950 มม. ความสูง 1,560 มม. และระยะฐานล้อ 2,930 มม. ช่วงล่างแบบอิสระที่มีความกระชับกว่า BYD ATTO3 ซึ่งถูกสร้างขึ้นบน e-Platform 3.0 และได้ติดตั้งระบบ CTB หรือ Cell-to-body ระบบกันสะเทือน DiSus ในรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว และขับเคลื่อนที่ล้อหลังให้กำลังสูงสุดถึง 201 แรงม้า และรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่จะเป็นมอเตอร์

ภายในห้องโดยสารใช้วัสดุแบบหนังกลับ แผงหน้าปัดแบบ Display LCD ขนาด 10.25 นิ้ว หน้าจอควบคุมคอนโซลกลางเป็นแบบทรัชสกรีน 15.6 นิ้วและ AR-HUD ขนาด 50 นิ้วระบบภายในรถยนต์มาจากระบบปฎิบัติการ DiLink รุ่นล่าสุดของ BYD ซึ่งรองรับพังก์ชั่นมากกว่า 30 ฟังก์ชั่น การตรวจสอบสมรรถภาพของผู้ขับขี่ และการจอดรถอัตโนมัติก็มีใน BYD Song L ตัวนี้ด้วย

รุ่นนี้ได้สร้างวขึ้นบน e-Platform 3.0 และยังติดตั้งเทคโนโลยีแบคเตอรี่ CTB หรือ Cell-To-Body และระบบกันสะเทือน DiSus รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง สามารถให้กำลังถึง 201 แรงม้า และรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อให้กำลังสูงสุดถึง 308 แรงม้า โดนมีส่วนอัตรา 0-100 ได้ภายใน 4.3 วินาที ในขณะที่ แบตเตอรี่ Blade ที่สามารถเลือกได้ 2 ขนาด ในทุกๆรุ่นประกอบด้วย ขนาด 71.808 kwh รองรับระยะทางสูงสุด 550 กิโลเมตร ในรุ่นมอเตอร์คู่ 602 กิโลเมตร บนรุ่นมอเตอร์เดี่ยว ขนาด 87.4 kWh รองรับระยะทางสูงสุด 662 กิโลเมตร บนรุ่นมอเตอร์เดี่ยว

ในส่วนของการจำหน่ายนั้นยังไม่มีราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทย อาจจะต้องติดตามการเปิดตัวในไทยอีกทีนะครับ

ติดตามอ่านข่าวสารรถไฟฟ้า EV เพิ่มเติมได้ที่



5 อันดับรถไฟฟ้าEV ที่คาดว่าจะมาเข้าตลาดมือสองในปี 2024

ในวงการยานยนต์ตอนนี้ต้องยอมรับในเรื่องของกระแสรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่เข้ามาตีตลาดรถยนต์ได้เฉียบขาดสุดๆ ด้วยยอดจองที่ถล่มทลาย จนประชาชนที่กำลังจะตัดสินใจซื้อรถซักคัน ก็เซเข้าไปจองไปจัดได้อย่างไม่ลังเล เพราะด้วยปัจจัยในหลายๆส่วนของตลาดรถยนต์ ที่มีในเรื่องของกลุ่มราคา กลุ่มความหรูหรา Luxury และรวมไปถึงกลุ่มที่ชื่นชอบในความแรง อีกทั้งยังมีความประหยัดในเรื่องของเม็ดเงินเพราะค่าพลังงานนั้นย่อมถูกกว่าเชื้อเพลิงอย่างแน่นอน แต่สิ่งสำคัญคือ ปัญหาที่เกิดขึ้นหลังยอดจองคือการผ่อน และค่าส่วนต่างที่ทำให้หลายคนลืมคิดจนแบกรับภาระไม่ไหวจึงอาจจะต้องส่งต่อกลายมาเป็นรถมือสอง วันนี้เราจะมาดู อันดับรถยนต์ไฟฟ้า EV คาดว่าจะเข้ามาเป็นรถยนต์มือสอง ในปี 2024 กันครับว่ามีรุ่นไหนบ้าง

ORA Good CAT
ORA Good CAT เป็นรถยนต์ไฟฟ้า EV รุ่นบุกเบิกรุ่นแรกๆที่เปิดตัวออกมาแล้วได้รับเสียงฮือฮาจากประชาชนเป็นอย่างมากเพราะด้วยความแปลกใหม่ของวงการรถยนต์ที่ริเริ่มทำตลาด EV อย่างจริงจัง จึงทำให้ได้รับความนิยม ถึงหลายๆคนจะทราบว่า เมื่อเทียบกับตัวต่างประเทศจะถูกตัดอ๊อพชั่นหลายๆจุดออกไปและขายในราคาปกติ แต่ก็ถือว่ายังรับได้

เหตุผลว่าทำไม ถึงคาดว่าเข้ามาเป็นตลาดรถมือสอง

ราคาเปิดตัวที่ 989,000 – 1,199,000 บาท ถือว่าเป็นราคาที่ไม่สูงมากเมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาปในอดีต ซึ่งขนาดและอ๊อพชั่นของรถก็ทำเอาหลายๆคนอดใจไม่ไหว เพราะด้วยหน้าตาที่น่ารักแปลกตา ทำให้สาวๆนั้นรีบต่อแถวซื้อใบจองกันเป็นแถวๆ และกลุ่มตลาดรถมือสองเตรียมรองรับกับสถานการณ์รถไฟฟ้ามือสองก็อาจจะเริ่มมีเพิ่มเข้ามามากขึ้น

BYD ATTO 3

เป็นรุ่นที่เปิดตลาด Compact SUV ได้อย่างน่าสนใจ และสามารถเรียกกระแสการใช้รถไฟฟ้า ขนาดเล็กด้วยราคาเปิดตัวเริ่มต้นเพียงแค่ 1.09 ล้านบาท ทำให้คนไทยเริ่มไปตั้งตารอแห่จองคิวกันตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น โดยในล๊อตแรก กวาดยอดจองสูงถึง 2,507 ตั้งแต่วันแรกที่เปิดประตู เพราะด้วยชื่อเสียงอันทรงพลังของ BYD ที่ทำตลาดรถไฟฟ้า EV มาแล้วหลายพื้นที่ ทำให้ทั้งคนเอเชียและยุโรปต่างไว้ใจ และมั่นใจในเรื่องคุณภาพ โดยจุดเด่นคือ Blade Battery LFP ที่มั่นใจในเรื่องของคุณภาพเหนือกว่าแบตเตอรี่ของแบรนด์อื่นๆ

เหตุผลว่าทำไม ถึงคาดว่าเข้ามาเป็นตลาดรถมือสอง

เนื่องด้วยความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาของระบบเก็บพลังงานที่ก้าวกระโดดจึงทำให้คนเริ่มหันไปสนใจในเรื่องของศักยภาพของความจุแบตเตอรี่มากยิ่งขึ้น BYD ATTO3 สามารถทำระยะทางได้เพียงแค่ 345 กิโลเมตรเท่านั้น โดยตอนวางขายนั้นเคลมว่าสามารถทำได้สูงสุด 410 กิโลเมตรเลยทีเดียว และในรุ่นตัว Extended Range วิ่งได้จริงที่ 420 กิโลเมตร โดยเคลมไว้ที่ 480 กิโลเมตร และสำหรับคนที่เคยลองขับแล้ว จะรู้สึกถึงความไม่สบายในสรีระของบางคน เพราะพวงมาลัยนั้นอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าเบาะ ทำให้ปวดหลัง ปวดคอเวลาเดินทางไกล

BYD Dolphin

เป็นรถไฟฟ้าอีกหนึ่งรุ่นที่มียอดจองถล่มทลาย เพราะของแถมที่ติดมากับรุ่นนี้ เรียกว่ามหาศาลเลยทีเดียว ทั้งประกันภัยที่แถมให้ในปีแรก ประกันตัวรถให้ถึง 8 ปี และยังมีอุปกรณ์ต่อพ่วงไฟฟ้า รวมไปถึง สายชาร์จ AC Portable Charger

เหตุผลว่าทำไม ถึงคาดว่าเข้ามาเป็นตลาดรถมือสอง

รถที่มีขนาดเล็ก แบบนี้กับราคาที่จับต้องได้ง่าย ก็อาจจะทำให้ลูกค้าหลายๆคนแห่ไปซื้อใช้แบบยังไม่ได้ไตร่ตรองเท่าที่ควรก็รีบเป็นเจ้าของกันแล้ว และเชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะพอใจในรถที่มีห้องโดยสารเล็กๆ แบบนี้ จึงทำให้คาดการณ์ว่าในปีหน้าจะมีรถอีกหลายๆแบรนด์เข้ามาชนตลาดและมีรถที่ตอบโจทย์ของผู้บริโภคกลุ่มเหล่านั้นมากกว่า จึงทำให้กลายเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้บริโภคหลายๆคนอาจจะมีความคิดที่จะเปลี่ยนรถนั่นเอง

Wuling Air EV

เจ้าจิ๋วขนาดเล็กที่ เป็นรถที่มำกำลังเพียงแค่ 41 แรงม้า 110 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่ ขนาด 17.3 kWh สามารถวิ่งได้เพียงแค่ 200 km. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และใช้เวลาในการชาร์จ ต่อครั้ง 8.5 ชั่วโมง Top Speed ความเร็วสูงสุดที่ 106 และราคาในช่วงมือหนึ่งนั้นอยู่ราวๆ 395,000 จนไปถึง 465,000 บาทครับ

เหตุผลว่าทำไม ถึงคาดว่าเข้ามาเป็นตลาดรถมือสอง

แต่สิ่งที่สำคัญคือรถรุ่นนี้เป็นรถที่โครงการหมู่บ้านหลายๆที่ ได้นำไปเป็นสิ่งจูงใจเพื่อกระตุ้นยอดขายเพื่อให้คนที่กำลังตัดสินใจซื้อบ้าน และเดินทางไม่สะดวกได้มีรถยนต์ขนาดเล็กเพื่ออำนวยความสะดวกและแก้ปัญหา และแน่นอนว่าเมื่อเป็นรถที่ลูกค้าได้เป็นของแถม ก็ต้องมีปัญหาตามมาเช่นสเปคของรถก็ไม่ตรงตามความต้องการเท่าไหร่นักจึงทำให้ในปีหน้าลูกค้ากลุ่มนี้เริ่มทยอยปล่อยออกสู่ตลาดรถมือสองนั่นเอง สำหรับใครที่สนใจจะซื้อรุ่นนี้ ปีหน้ารับรองว่าได้เป็นเจ้าของกันอย่างแน่นอน

Neta V
เป็นรถไฟฟ้าขนาดเล็กอีกรุ่นที่ ได้รับการตอบรับมาเป็นอย่างดี เพราะด้วยเรื่องของความคุ้มค่า ราคาในช่วงการเปิดตัวและ อุปกรณ์สุดแสนจะจำเป็น ที่แถมมาให้ในกล่อง พร้อมติดตั้งทำให้หลายๆคนนั้นก็ตัดสินใจเดินเข้าศูนย์ได้ไม่ยาก

เหตุผลว่าทำไม ถึงคาดว่าเข้ามาเป็นตลาดรถมือสอง

สำหรับคนที่ได้ลองขับพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าไม่เหมาะกับการเดินทางไกลเอาซะเลยเพราะเสียเวลาในการชาร์ตเป็นอย่างมาก เมื่อต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเพราะเมื่อเดินทางจริง สามารถทำระยะไกลได้ไม่ถึง 300 กิโลเมตร รวมแวะจุดพักแล้วก็อาจจะไม่ถึง 280 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เพราะด้วยปัจจัยการอื่นๆของการเดินทาง ก็ทำให้ระยะที่ทำได้นั้นสั้นลง เพราะถ้าหากบางคนที่ต้องการเดินหน้ารถไฟฟ้าต่อ ก็คงจะไปดูรุ่นที่สามารถเดินทางได้ไกลกว่านี้ จึงอาจจะเป็นเหตุผลที่หลายๆคนเริ่มแห่ทยอยขายในอนาคตนั่นเอง

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

4 วิกฤติที่เป็นต้นเหตุทำให้รถมือสองปรับราคา

ถ้าหากใครติดตามราคารถมือ 2 ในช่วงนี้ก็จะสังเกตว่า ประกอบการหลายๆแห่งเร่งปรับตัวปรับราคา เพื่อประคองให้ผ่านพ้นวิกฤติในช่วงนี้จึงทำให้ผู้ที่กำลังคิดจะซื้อรถมือสองถือว่าเป็นโอกาสทองเลยก็ว่าได้ครับ เพราะตอนนี้หลายๆรุ่นกำลังปรับตัวลดราคา 20,000 ถึง 50,000 บาทเลยทีเดียว ลองมาดูกันครับว่า 4 วิกฤติที่เป็นต้นเหตุทำให้รถมือสองมีการปรับราคาลงลดอย่างรวดเร็ว

1.วิกฤติโรคระบาด Covid-19

วิกฤติโรคระบาดครั้งใหญ่ที่ผ่านมา เป็นปัญหาให้กับสถาบันทางการเงินของโลกเป็นอย่างมากอันเนื่องผลกระทบของการปิดตัวของบริษัทหลายๆแห่ง ส่งผลทำให้ประชาชนที่เป็นหนี้ทางการเงินไม่สามารถส่งงวดรถและปิดได้ จึงเป็นปัญหาส่งผลให้ถูกยืดรถเข้าจำหน่ายสู่ท้องตลาดเป็นจำนวนมากทำให้ในตลาดรถมือสองต้องปรับตัวในเรื่องของสภาพคล่องทางการเงินเหล่านี้เพื่อผ่านพ้นวิกฤตินี้นั้นเอง

2.วิกฤติราคาน้ำมันเบนซินที่มีการปรับตัวสูงขึ้น

เรียกว่าเป็นวิกฤติที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในช่วงนี้ เพราะน้ำมันตลาดโลกมีการปรับตัวและผันผวนสูง อันเนื่องมาจากสถานการณ์หลายๆด้านรอบโลก เช่นโรคระบาด สงคราม และ เศรษฐกิจ จึงทำให้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มว่าจะปรับสูงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้คนหันไปเล่นรถยนต์พลังงานทางเลือกอื่นๆนั่นเอง

3.วิกฤติกระแสรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่กำลังเข้ามาแทนที่

ช่วงนี้ถูกพูดถึงรถยนต์ที่มาแรงสุดในตอนนี้ ก็คงพูดกันเป็นปากเป็นเสียงเดียวกันว่า ยังไงก็ต้องรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่กำลังมีบทบาทเข้ามาแทนที่รถเครื่องยนต์สันดาป จึงทำให้แบรนด์รถยนต์หลายๆที่มีการทำตลาดคลอบคลุมกลับกลุ่มผู้บริโภค รวมไปถึงโครงการอุดหนุนผู้ที่กำลังหันไปสนใจรถพลังงานไฟฟ้า EV กันอย่างมากขึ้น

4.สถาบันการเงินมีการปรับตัวในเรื่องของยอดจัดราคาแต่ละรุ่น

การปรับตัวของสถาบันการเงิน เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการรถยนต์มือสองโดยตรง อันเนื่องมาจากการแบกรับหนี้เสียของผู้บริโภคจากการคืนรถเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ หลายๆสถาบัน เสียเครดิตกับทางธนาคารโลกจึงมีการปรับในส่วนของยอดจัดลงในจุดนี้เอง ผู้ประกอบการจึงมีการปรับลดราคารถยนต์มือสองหลายๆรุ่นลงตามเพื่อให้ลูกค้าสามารถรับยอดจัดเต็มจำนวนได้นั่นเอง

สำหรับใครที่กำลังสนใจออกรถมือสองถือว่าช่วงนี้เป็นโอกาสดีโอกาสทอง ของคนที่กำลังจะซื้อรถยนต์มือสองนั่นเอง เพราะอยู่ในช่วงที่ราคาถูกที่สุด และหลายๆรุ่นก็หั่นราคาถึง 50,000 บาทเลยทีเดียว และถ้าหากใครสนใจรถยนต์มือสอง สามารถดูรถสวยๆคุณภาพดีๆได้ที่โชว์รูม กฤษฎากู๊ดคาร์ ได้เลยครับ

อ่านข่าวสารรถยนต์เพิ่มเติม

5. ข้อจำกัดเหล่านี้ที่อาจจะทำให้บางคนไม่เหมาะกับการใช้รถไฟฟ้า EV

รถยนต์ไฟฟ้าล้วนเต็มไปด้วยคุณสมบัติที่มีประโยชน์และข้อดีมากมายทั้งในเรื่องของความประหยัด ความแรง ความเงียบ และพลังงานสะอาด แต่มันก็ยังถือว่ามีจุดด้อยที่ทำให้คนบางกลุ่มไม่สามารถเข้าถึงหรือจับต้องได้นั่นก็รถพลังงานไฟฟ้า EV ซึ่งก็จะมีข้อจำกัดหลายๆด้านที่ทำให้คนบางกลุ่มนั้นไม่สามารถเข้าถึงรถประเภทนี้ได้ มีใครกันบ้างลองมาอ่านดูครับ

1.ไม่เหมาะกับคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อาศัยแบบ คอนโด หรือ อพาร์ตเมนต์
ปัญหาหลักของคนที่เช่าอาศัยในคอนโดหรืออพาร์ตเมนต์นั่นก็คือ จุดชาร์ตและที่จอดที่ยังไม่มีในคอนโดขนาดกลาง ด้วยค่าใช้จ่ายของที่พักอากาศัยเหล่านี้จะต้องแบกรับ ก็ทำให้ขาดแคลนจุดชาร์จไปโดยปริยาย แต่น้อยที่ ที่เจ้าของอพาร์ตเมนต์สามารถอนุญาตให้ทำการติดตั้งระบบชาร์ตได้แต่ก็อาจจะต้องตกลงกับทางเจ้าของพื้นที่ ซึ่งมีความยุ่งยากในการติดตั้งและตกลงเป็นอย่างมาก จึงทำให้คนเช่าคอนโดหรืออพาร์ตเมนต์ต้องไปชาร์ตที่สถานีบริการแทน

2.ไม่เหมาะสำหรับคนที่เดินทางไกลบ่อย เพราะปัญหาในเรื่อง ระยะเวลาในการชาร์ตของรถ EV CAR

สิ่งที่รถพลังงานไฟฟ้ายังไม่สามารถแก้ปัญหาและพัฒนาได้ดีนั้นก็คือระยะเวลาในการชาร์ตพลังงาน ซึ่งใช้เวลาในการชาร์ตนานกว่ารถเครื่องยนต์สันดาบ ซึ่งเมื่อถ้าหากคุณเป็นคนทีเดินทางไกลๆ ก็อาจจะต้องวางแผนในการเดินทางและหาจุดชาร์ตไว้ล่วงหน้า เพราะคุณจะต้องเสียเวลาอย่างน้อยๆ 15-45 นาทีเพื่อชาร์ตให้ได้ 80 % ทำให้เพิ่มระยะเวลาในการเดินทางขึ้นไปอีกนั่นเอง

3.ไม่เหมาะกับคนที่ยังขับรถไม่ระวังถ้าหากคุณเป็นคนที่ขับรถไม่ระมัดระวัง ไม่ควรขับรถไฟฟ้า EV

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ขับรถไม่ระมัดระวัง ก็อาจจะทำให้เสียตังมากกว่าใช่รถน้ำมัน เพราะการวางตำแหน่งที่สำคัญอย่างแบตเตอรี่อยู่ในจุดที่ต่ำสุดของโครงสร้างรถ EV และยังเสี่ยงต่อความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งมีราคาค่าซ่อมและอะไหล่สงเทียบเท่าระใหม่คันนึงเลยทีเดียว ถ้าหากเราลองวิเคราะห์ในเรื่องของถนนประเทศไทยก็จะทราบว่า อุปสรรค์ในการเดินทางนั้นไม่ใช่แค่การติดไฟแดงนาน หรือ เส้นทางที่ยังทำไม่เสร็จข้ามปีข้ามศตวรรษเท่านั้น แต่มันเป็นเรื่องของสภาพถนนที่คล้ายกับพื้นผิวของดวงจันทร์ในหลายๆแห่ง อาจจะสร้างความเสียหายในจุดนั้นจะทำให้ประกันยังแบกรับภาระจนล้นมาถึงเงินในกระเป๋าของผู้ใช้อีกด้วย และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ กำลังขับเคลื่อนมีความแรงสูงไม่ต้องรอรอบออกตัวได้รวดเร็ว อาจจะทำให้เผลอไปเหยียบคันเร่งจนทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้

4.ไม่เหมาะสำหรับคนที่อยู่ในพื้นที่มีน้ำท่วมบ่อย เพราะรถไฟฟ้า EV ยังไม่มีระบบป้องกันการลุยน้ำท่วมขังได้ดีพอ

ซึ่งต้องบอกว่าประเทศไทยเราเป็นประเทศทางตอนใต้ของเอเชียซึ่งมีทั้งสภาพอากาศและพายุฝนตลอดปีจึงทำให้เกิดน้ำท่วมขังสูงในหลายๆพื้นที่อยู่บ่อยครั้ง รวมไปถึงทั้งชาญเมืองและในเมืองทำให้รถไฟฟ้าที่ยังไม่มีระบบป้องกันน้ำเข้าระบบในหลายๆรุ่นไม่สามารถลุยน้ำท่วมขังสูงได้ นั่นเอง

5.รถไฟฟ้ายังไม่เหมาะกับคนที่มีงบจำกัด เพราะ EV CAR ยังเป็นระบบใหม่ซึ่งทำให้ราคาค่าอะไหล่สูง

รถไฟฟ้า EV CAR ถึงจะเป็นรถที่มีอะไหล่ไม่เยอะเหมือนกับรถสันดาป แต่ถึงจะมีอะไหล่ไม่มากก็ราคาแต่ละชิ้นนั้นแพงเอาเรื่อง เรียกว่าเป็นสิ่งใหม่ของทางประกันยนต์ในประเทศไทยที่จะต้องปรับตัวในการแบกรับภาระกับสิ่งเหล่านี้จึงทำให้มีค่าประกันของรถแต่ละขนาดที่แพงมากๆ ในส่วนนี้คนที่กำลังตัดสินใจซื้อก็จะต้องศึกษาและหาข้อมูลในภาระส่วนต่างนี้ให้ได้นั่นเอง

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

รวมปัญหาจริง คนใช้รถไฟฟ้า ลูกค้าหรือ “หนูทดลอง”

สำหรับคนที่ย้ายจากรถเครื่องยนต์สันดาปเป็นรถพลังงานไฟฟ้าอาจจะร้องโอดครวญกันไม่น้อย เพราะหลังจากที่เหล่ากลุ่มคนที่รีบไปจับจองเป็นเจ้าของรถไฟฟ้าพลังงาน EV เป็นจำนวนมาก ถึงขั้นเรียกกลุ่มคนที่ขับ EV CAR ว่า “หนูทดลอง”

ซึ่งบทความนี้จะมาพูดเกี่ยวกับปัญหาจริงๆ ของรถไฟฟ้าจากผู้ที่เคยมีประสบการณ์กับรถไฟฟ้าพลังงาน EV หลังจากใช้งานมาเป็นระยะเวลาสั้นๆ ว่ามีปัญหาอะไรบ้าง

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวรถ แต่มันกลับอยู่ที่หัวชาร์จ

เพราะปัญหาของระบบจ่ายไฟนั้นยังไม่เสถียรมากนัก ซึ่งผู้ใช้รายหนึ่งได้กล่าวว่า “ตื่นเช้ามารถไฟฟ้ามีแบตเพียงแค่ 3% เท่านั้น”
ปัญหานี้เกิดจาก การชาร์จทิ้งไว้และมีเหตุการณ์ไฟตกในช่วงกลางคืนทำให้ระบบกล่องนั้นหยุดการทำงานในทันที เรียกว่าเล่นเอาคอมเมนต์ถล่มทลาย ว่าแท้จริงแล้วรถ EV นั้นไม่ได้เหมาะกับการรถคันแรกอย่างแท้จริง

รถ EV ไม่เหมาะสำหรับผู้อาศัยในคอนโดหรืออพาร์ทเมนท์

สำหรับคนที่อาศัย อยู่ภายในคอนโดหรืออพาร์ทเมนต์ก็ไม่สามารถชาร์จไฟฟ้าได้ซึ่งจะต้องคอนหาแทนชาร์ตตามสถานีต่างๆ ซึ่งก็มีจุดชาร์จอย่างจำกัดถึงแม้ว่าผู้ที่ใช้รถ EV จะเพิ่มขึ้นก็ตาม

รถยนต์ EV CAR ไม่เหมาะกับการเดินทางไกล

รถ EV CAR ยังถือว่ามีจุดบอร์ดในเรื่องของความร้อนที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากที่ได้ใช้งานไปนานๆรวมไปถึงกับระยะทางไกลๆ ขึ้นทางลาดชัน ก็ทำให้เกิดความร้อนสูง ภายในระบบขับเคลื่อนทำให้ระบบตัดนั้นทำงาน

EV CAR เกิดเพลิงไหม้บ่อยครั้งในประเทศจีน
เรียกว่าในประเทศจีนมีรายงานอยู่บ่อยครั้งว่า รถยนต์ EV CAR มักจะเกิดเพลิงไหมหรือควันจากใต้ท้องรถอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉลี่ย 3-6 คันต่อวันซึ่งเป็นเรื่องที่หลายๆคนก็รู้สึกตระหนักถึงความพร้อมของรถยนต์ไฟฟ้า ว่ามันพร้อมที่จะนำมาใช้งานแล้วจริงหรือ

ค่าประกันต่อปีอันแสนแพง
สิ่งที่คนมีรถจะต้องเจอและหนีไม่พ้นก็คือเรื่องของประกันต่อปี ของรถ EV CAR ในปัจจุบันจะถูกกับหนดที่ทุนประกันต่างทั้งอะไหล่และค่าเสื่อมของชิ้นส่วนต่างๆ รถ EV CAR ขนาดเล็กเริ่มต้นที่ 20,000 บาทโดยประมาณ ส่วนรถ EV CAR ขนาดกลาง นั้นเริ่มต้นที่ 38,000 เลยทีเดียว ถือว่าเป็นค่าประกันต่อปีที่สูงมากเลยทีเดียว

อาการตายน้ำตื้น

เรียกว่าอาการตายน้ำตื้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะพบเจอในรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นรถประเภทไหนก็ตามแต่กลับมาเป็นในรถยนต์ประเภท EV CAR เพราะไม่ว่าจะลุยน้ำท่วม น้ำขัง ล้วนแล้วแต่พร้อมดับทั้งสิ้นจึงทำให้ผู้ที่ใช้ในหลายๆพื้นที่ ที่น้ำท่วมขังบ่อยๆ ก็เริ่มทยอยถอดใจกับรถ EV Car กันเป็นแถวๆเลยทีเดียว

บทความข้างต้นไม่ได้มีเจตนาที่จะโจมตีผู้ที่เลือกรถ EV CAR แต่อย่างใดซึ่งเป็นเพียงสิ่งที่ผู้ใช้หลายๆคนได้แชร์ประสบการณ์มาเพื่อเป็นวิทยาทานให้กับผู้บริโภคที่กำลังจะตัดสินใจซื้อรถ EV CAR หรือเตรียมตัวรับมือกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากใช้งานรถประเภทนี้

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม