Ferrari F171 ทดสอบวิ่งก่อนเผยโฉมอย่างเป็นทางการ (SpyShot)

Ferrari ภายใต้รหัส F171 ขุมพลังเครื่อง V6 คราวนี้มาพร้อมกับระบบ Hybrid ออกทดสอบการวิ่งบนถนนจริงกับตัวถังที่พร้อมผลิตจริง

ถือว่าเป็นครั้งแรกของ Ferrari ที่เริ่มผลิตเครื่องยนต์ ขนาด V6 ที่ทำงานควบคู่กับระบบ Hybrid และเชื่อว่าในบรรดาแฟนๆก็ต่างจับตามองรอคอยเพื่อแข่งขันกับซุปเปอร์คาร์คู่แข่งอย่าง McLaren Artura ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ขนาด V6 Hybrid เช่นกัน

จากภาพ Spy Shot ทำให้เราได้เห็นรูปทรงรูปร่างหน้าตาและความปราดเปรียวที่แท้จริงๆของ Ferrari ที่กำลังเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการเป็นครั้งแรก แม้ว่าจะเต็มไปด้วยสติ๊กเกอร์ลายพรางต่างๆ หรือมีส่วนที่ต่อหรือขยายหลอกๆ เพื่อที่พยายามปกปิดหลายๆส่วน

Ferrari รุ่นใหม่คันนี้จะใช้เครื่องยนต์ขนาดV6 เทอร์โบคู่ขนาด 3.0 ลิตร ตัวใหม่ล่าสุดที่จะนำมาทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าและชุดแบตเตอรี่ แต่ในส่วนของรถบบไฮบริดยังไม่เปิดเผยข้อมูลออกมาแน่ชัดต้องคอยติดตามในอนาคต มีเพียงแต่ข่าวลือที่อ้างว่า ขุมพลังคราวนี้อาจจะถึงระดับ 700 แรงม้าเลยทีเดียว

และยิ่งไปกว่านั้น F171 จะมีการทำงานของระบบไฮบริดที่แตกต่างจาก SF90 เพราะใน F171 จะขับเคลื่อนเฉพาะล้อหลังเท่านั้น ซึ่งจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับเพิ่มกำลังและแรงบิดแบบชั่วคราวเท่านั้นและคาดว่าจะสามารถวิ่งได้ด้วยไฟฟ้าไกลถึง 25-30 กิโลเมตรเลยทีเดียว

เรียกว่ามามาคราวนี้ ทาง Ferrari ให้ความสำคัญกับระบบ ไฮบริดนี้พอสมควรเนื่องจากว่าอาจจะนำไปใช้ในรุ่น Purosague รถ SUV รุ่นแรกของค่าย ซึ่งในรุ่นนี้จะให้แฟลทปอร์มที่รองรับเครื่องยนต์ V6 V8 และ V12

เรียกว่าอดใจรออีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น เราก็จะได้เห็นซุปเปอร์คาร์ไฮบริดขุมพลัง V6 ของ Ferrari คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปลายปีนี้

Cradit ภาพจาก : CarScoops

หากต้องการรถมือสองสภาพดี สามารถติดต่อสอบถามหรือปรึกษาทุกปัญหาการจัดไฟแนนซ์ได้ที่ https://www.kitsadagoodcar.com/

อ่านข่าวรถใหม่ << คลิ๊ก

อ่านข่าวอัพเดทรถใหม่เพิ่มเติม

เตรียมเปิดประมูล TOYOTA Supra จากภาพยนต์ The Fast & The Furious

บริษัทประมูล Barrett-Jackson ในสหรัฐอเมริกา ได้นำเอารถสปอร์ท TOYOTA Supra ที่เคยใช้ถ่ายทำหนัง The Fast & The Furious เมื่อปี 2001 หรือภาคแรกบุกเบิก ก่อนจะมีภาคต่อๆมา มาออกประมูลเพื่อหาผู้ดูแลรายใหม่ โดยบริษัทประมูลได้ยืนยันว่านี่คือรถที่ถูกใช้ถ่ายทำจริงๆ และไม่ได้เป็นรถที่ทำเลียนแบบขึ้นมาใหม่แต่อย่างใด พร้อมทั้งมีประกาศนียบัตรเพื่อยืนยันการรับมอบให้อีกด้วย

TOYOTA Supra MK4 ภายนอกของคันนี้ได้ถูกตกแต่งด้วยชิ้นส่วนทั้งสปอยเลอร์และสเกิร์ตข้าง Bomex สปอยเลอร์ขนาดใหญ่ จาก AR Performance ล้อโตจาก Dazz Motorsport Racing Hart M5 Tuner ขนาด 19 นิ้ว พร้อมด้วยตัวถังสีส้ม Lamborghini Diablo Candy Orange และสติ๊กเกอร์ ‘Nuclear Gladiator”ด้านข้างอะเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้รถคันนี้มีความเด่นชัดๆในหนัง The Fast & The Furious

ในขณะที่ขุมพลังยังคงเป็นเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 6 สูบ ความจุ 3.0 ลิตร รหัส 2JZ-GTE ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ซึ่งคันนี้จะไม่มีการปรับจูนอะไรใดๆ เพราะใช้เป็นรถยนต์ที่วิ่งในฉากถ่ายทำเท่านั้น

การประมูลรถยนต์ TOYOTA Supra จากภาพยนต์ The Fast & The Furious คันนี้จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 17-19 มิถุนายนนี้ ณ ลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยปัจจุบันยังไม่มีการคาดการณ์ราคาประมูลสูงสุดออกมาแต่เชื่อว่า ในงานนี้จะมีผู้ที่มารุ่วมประมูลรถคันนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว

หากต้องการรถมือสองสภาพดี สามารถติดต่อสอบถามหรือปรึกษาทุกปัญหาการจัดไฟแนนซ์ได้ที่ https://www.kitsadagoodcar.com/

อ่านข่าวรถใหม่ << คลิ๊ก

อ่านข่าวอัพเดทรถใหม่เพิ่มเติม

BMW M4 Campetition Convertible 2021 ใหม่ตัวแรงหลังคาผ้าพร้อมขุมพลัง 510 แรงม้า

BMW M4 Campetition Convertible 2021 ใหม่ตัวนี้เป็นรถแบบเปิดประทุนพร้อมขุมพลัง M TwinPower Turbo เครื่องยนต์เบนซินขนาด 3.0 ลิง ให้กำลังสูงสุด 510 แรงม้า และรถบบขับเคลื่อน 4 ล้อ M xDrive เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว

BMW M4 Campetition Convertible 2021 เป็นเครื่องยนต์ 6สูบแถวเรียงบ M TwinPower Turbo ความจุ 3.0 ลิตรให้กำลัง 510 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด M Steptronic พร้อมเทคโนโลยี Drivelogic และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ M xDrive ที่เน้นการส่งกำลังไปยังล้อคู่หลังให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียงแค่ 3.7 วินาที

และนอกจากนี้ ระดับขับเครื่องสี่ล้อ M xDrive ยังมีโหมดให้เลือกถึง 3 โหมด ได้แก่ 4WD, 4WD Sport แลพ 2WD ที่สามารถส่งกำลังทั้งหมดไปยังล้อคู่หลัง พร้อมทั้งปิดการทำงานของระบบเสถียรภาพด้วย

ชุดหลังคาของ BMW M4 Competition Convertible เป็นแบบ Soft-top ที่มีน้ำหนักลดลงจากเดิมถึง 40% พร้อมทั้งช่วยเพิ่มพื้นที่ในการเก็บสัมภาระอีกถึง 80 ลิตร สามารถเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้าได้ในเวลา 18 วินาที

ดีไซน์ภายนอกได้รื้อใหม่หมด ด้านหน้าแต่งด้วยกระจังหน้า M ขนาดใหญ่ และเพิ่มช่องดักลมด้านหน้าขนาดใหญ่ที่บริเวณกันชนหน้าเพื่อส่งอากาศเข้าไปยังเครื่องยนต์และระบบเบรคให้ดียิ่งขึ้น โป่งซุ่มล้อมีขนาดที่ใหญ่กว่า รุ่นปกติ ปลายท่อไอเสียแบบ 4 ท้อ พร้อมดิฟฟิวเซอร์ M ฯลฯ อีกทั้งผู้ซื้อสามารถเลือกตกแต่งแบบ M CarBon หรือ BMW M Performance Parts ได้

ช่วงล่างของ M4 Competition Convertible จะเป็นแบบ Adaptive M Suspenstion พร้อมพวงมาลัยแบบ M Servotronic เป็นอุปกรณ์มาตราฐาน เสริมด้วยระบบเบรกแบบ M Compound หรือสามารถเลือกระบบเบรค M Carbon Ceramic เป็นออปชั่นเสริม ในรุ่นนี้จะใส่เป็นล้ออัลลอย M น้ำหนักเบา ขนาด 19 นิ้วที่คู้หน้า และ 20นิ้วที่ล้อคู่

ภายในห้องโดยสารติดตั้งเบาะนั่งแบบ M Sport พร้อมวัสดุหนัง Extended Merino เป็นอุปกรณ์มาตราฐานสามารถเลือกเบาะนั่งเป็นแบบบักเก็ต M Carbon ได้ อีกทั้งยังมีปุ่ม M บริเวณพวงมาลัยเพื่อตั้งค่าตัวรถให้เหมาะสมกับการขับขี่ และหากเลือกติดตั้งระบบ M Drive Perfesstional ก็จะมีโหมด Track ให้เล่นอีกด้วย

หากต้องการรถมือสองสภาพดี สามารถติดต่อสอบถามหรือปรึกษาทุกปัญหาการจัดไฟแนนซ์ได้ที่ https://www.kitsadagoodcar.com/

อ่านข่าวรถใหม่ << คลิ๊ก

อ่านข่าวอัพเดทรถใหม่เพิ่มเติม

KIA Telluride รถกระบะทรงสปอร์ต คาดมาแบ่งตลาดรถกระบะในอนาคต

KIA เตรียมตัวเปิดรถกระบะเพื่อทำตลาดแข่งกับเจ้าตลาดรถกระบะอย่าง TOYOTA Hilux และ Ford Ranger ตอนนี้สำหรับคนที่ให้ความสนใจอาจจะต้องติดตามกันไปก่อนว่าจะเป็นอย่างไร

เดิมที แบรนด์ KIA จะเน้นไปทางรถหรูและรถรถครอบครัวที่มีรูปทรงดูเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งนาย Damien Meredith ประธานเจ้าหน้าที่ผ่านปฎิบัติการของ KIA Australia ยอมรับว่าเขาไม่รู้ว่าแผนการเปิดตัวกระบะของทางค่ายรถยนต์ในเกาหลีใต้มีทิศทางแนวโน้มเป็นอย่างไร

Damien Meredith เชื่อว่ารถปิคอัพดูอัลแค็บจาก KIA จะสามารถขายได้ถึง 20000 คันต่อปี หรือคิดเป็นของยอดขาย VLC ทั้งหมด ซึ่งไม่ไม่ง่ายเพราะในตลาดที่มี จ้าวแห่งรถกระบะเดิมอยู่ อย่างเช่น Isuzu D-Max, TOYOTA Hilux , Mitsubishi Triton, Nissan Navara และ Ford Ranger ก็ยังแข่งขันกันอย่างดุเดือด

ซึ่งก่อนหน้านี้ KIA Australia ยอมรับมีเป้าหมายที่จะวางขายรถกระบะ 4 ประตูและ แค็บ 2 ประตู พร้อมขุมพลังดีเซลและเบนซินให้มีความหลากหลาย แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับตลาด ว่ามีความต้องการอย่างไร

หากต้องการรถมือสองสภาพดี สามารถติดต่อสอบถามหรือปรึกษาทุกปัญหาการจัดไฟแนนซ์ได้ที่ https://www.kitsadagoodcar.com/

อ่านข่าวรถใหม่ << คลิ๊ก

อ่านข่าวอัพเดทรถใหม่เพิ่มเติม

Ford F-150 Lightning กระบะไฟฟ้าล้วน ขนาด Full Size ขุมพลัง 563 แรงม้า

Ford F-150 Lighting รุ่นใหม่กระบะ Full Size ขุมพลังไฟฟ้าล้วน 100% ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วในสหรัฐอเมริกา ติดตั้งขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 563 แรงม้า แรงบิดสูสุด 1050 นิวตันเมตร แรงสุดเท่าที่เคยมีมาในกระบะสายตระกูล F-150

Ford F-150 Lighting ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานรุ่น F-150 เป็นกระบะที่ขายดีที่สุดของทางยุโรป สามารถเร่งความเร็ว จาก 0-100 ได้ราวๆ 4 วินาทีปลายๆ และคาดว่า แรงยิ่งกว่ารุ่น Raptor เสียอีก

พละกำลังของของ F-150 Lighting ส่งผลทำให้สามารถบรรทุกน้ำหนักได้ 2000 ปอนด์ หรือประมาณ 907 กิโลกรัม ใรุ่นปกติที่ติดตั้งล้อขนาด 18 นิ้ว และน้ำหนักลากจูงถึง 10000 ปอนด์ หรือ 4536 กิโลกรัม ในรุ่น XLT และ Lariat โดยต้องติดตั้งแบตเตอรี่แบบ Extended-range และอุปกรณ์เสริมแบบ Max Trailer Tow Package

แบตเตอรี่มีทั้งหมด 2 ขนาด ทั้งแบบ Standard-range ที่สามารถใช้งานได้เป็นระยะทาง 370 กิโลเมตร และแบบ Extended Range ที่เพิ่มระยะขับขึ้นเป็น 483 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน EPA ของอเมริกา

Ford F-150 Lightning มาพร้อมเครื่องชาร์จภายในบ้านที่มีกำลัง 80 แอมป์ เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน สามารถชาร์จแบ็ตลูกขนาดใหญ่แบบ Extended-range จากระดับ 15-100% ได้ในเวลาราว 8 ชั่วโมง หรือหากชาร์จ 1 ชั่วโมง จะได้ระยังทางขับขี่ประมาณ 48 กิโลเมตรและยังรองรับการชาร์จด่วนแบบ DC ขนาด 150 กิโลวัตต์จากระดับ 15-80% ในเวลาราว 41 นาที หรือชาร์จเพียงแค่ 10นาทีก็จะสามารถขับขี่ได้ถึงระยะทาง 87 กิโลเมตรเลยทีเดียว

และนอกจากนี้ Ford F-150 Lightning ยังมีระบบ Pro Power Onboard เพื่อจ่ายไฟให้ กับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ สูสุดรวมดัน 9.6 กิโลวัตต์ แบ่งเป็นช่องจ่ายไฟด้านหน้า 2.4 กิโลวัตต์ และบริเวณกระบะท้าย 7.2 กิโลวัตต์ โดยการจ่ายไฟจะหยุดลงอัตคโนมัติเมื่อแบตเตอรี่ตัวรถลดลงเหลือ 1 ต่อ 3 หรือสามารถตั้งค่าเพื่อให้จ่ายไฟจนกว่าจะถึงระดับต่ำสุด เพื่อขับไปชาร์จยังสถานีใกล้เคียงได้

ราคาจำหน่ายของ Ford F-150 Lighting เปิดราคาขายเริ่มต้นที่ 39,974 ดอลลาห์หสรัฐ หรือประมาณ 1,250,000 บาท ในรุ่นที่เหมาะสมกับการพาณิชย์ และเริ่มต้นที่ 52,974 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,660,000 ในรุ่น XLT ขึ้นไป

หากต้องการรถมือสองสภาพดี สามารถติดต่อสอบถามหรือปรึกษาทุกปัญหาการจัดไฟแนนซ์ได้ที่ https://www.kitsadagoodcar.com/

อ่านข่าวรถใหม่ << คลิ๊ก

อ่านข่าวอัพเดทรถใหม่เพิ่มเติม

Subaru Solterra electrical Crossover จากแบรนด์ ดาวลูกไก่

Subaru เป็นแบรนด์ที่ขึ้นชื่อรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อและเป็นแบรนด์ที่ นานๆทีจะมีผลผลิตรถยนต์ใหม่ๆออกมาสู่สายตาชาวโลก เจาะกลุ่มลูกค้าประเภท สายลุยรวมไปถึงกลุ่มสายซิ่งที่เน้นรถยนต์แบบขับเคลื่อนทุกล้อ ล่าสุด Subaru ซุ่มพัฒนาทางด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ร่วมกับ TOYOTA ซึ่งจะเปิดตัวรถยนต์ คอรสโอเวอร์ขนาดกระทัดรัด ขับเคื่อนด้วยมอเตอร์กลังงานไฟฟ้า โดยใช้พลังงานจากแบตเบอรี่ลิเธียมในช่วงกลางปี 2565 หรือกลางปีหน้านั้นเอง

Subaru เรียกรถไฟฟ้ารุ่นนี้ว่า Solterra ซึ่งผสมผสานคำระหว่างคำในภาษาลาตินซึ่งหมายถึง ดวงอาทิตย์ และโลก และครอสโอเวอร์คันนี้เคยถูกเปิดตัวในเดือนเมษายนต์ที่ผ่านมาในงาน Shanghai 2021 ด้วยรถยนต์ต้นแบบแนวคิด TOYOTA BZ4X

ต้องออกตัวกันก่อนว่า Subaru Solterra ถือกำเนิดขึ้นมาไม่ได้เป็นคู่แข่งทางตลาดของ Subaru Forester เพราะมีระบบขับเคลื่อนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และ ขนาดของตัวถัง Solterra จะมีขนาดที่ใหญ่กว่า Subaru XV เล็กน้อยแต่ก็ยังมาในรูปแบบ 5 ที่นั่งตามสไตล์รถเน้นความคล่องตัว ซึ่งจะเห็นหน้าตาที่คล้ายกับ TOYOTA RAV4 รวมไปถึงขนาดตัวถังด้วย ครอสโอเวอร์ทั้งสองรุ่นจาก TOYOTA และ SUBARU จะใช้แพลทฟอร์มเดียวกันคือ EV แบบแยกส่วน โครงสร้างแชสซีในส่วนของ Subaru จะมีชื่อเรียกว่า e-Subaru Global Platform หรือ eSGP ส่วนโตโยต้าจะเรียกแพลทฟอร์มตัวถังของรถรุ่นนี้ว่า e-TNGA

TOYOTA BZ4X Concept 2021 ในงานแสดงรถยนต์ Shanghai auto แสดให้เห็นรูปแบบของตัวรถแนวคิดการปรับเปลี่ยนระบบขับเคลื่อน แต่ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลจำเพาะโดยมีข่าวลืมว่าตำแหน่งของแบตเตอรี่ลิเธี่ยม ที่วางอยู่ที่พื้น โดยแพลทฟอร์มที่ออกแบบสามารถบางแบตเตอรี่ตั้งแต่ 50-100 กิโลวัตต์-ชั่วโมง แพลทฟอร์มนี้ยังรองรับระบบขับเคลื่อนทุกล้อ ซึ่ง Subaru ได้ออกแบบการขับเคลื่อนไฟฟ้าด้สนการเทแรงบิดจากมเอตร์ลงไปในล้อทั้ง 4 เรียกว่าเป็นความรู้เก่าความชำนาญมาทั้งชีวิจในการพัฒนารถยนต์ที่ขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ

คาดการณ์ว่า ในช่วงปี 2565 มีความเป็นไปได้สูงมากๆที่ Subaru Solterra จะมาถึงในยุโปรและอเมริกาพร้อมจำหน่ายอย่างเต็มที่ในรูปแบบ ครอสโอเวอร์ไฟฟ้า ส่วน TOYOTA BZ4X พลังงานแบตฯ คาดว่าออกจะออกมาทำตลาดในปี 2566 คาดว่าการสร้างรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ของ Subaru และ TOYOTA จะเดินสายการผลิตที่ ประเทศจีนและญี่ปุ่นสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าทรงครอสโอเวอร์อย่าง Subaru Solterra ถือว่าไม่ใช่รถ EV ของแบรนด์เนื่องจากรถพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกสุดของ Subaru เป็นรถมินรคาร์ไฟฟ้ารุ่น Stella ที่เคยวางจำหน่ายในญี่ปุ่น เมื่อปี 2552 ยังไงก็คงต้องติดตามกันต่อนะครับ

หากต้องการรถมือสองสภาพดี สามารถติดต่อสอบถามหรือปรึกษาทุกปัญหาการจัดไฟแนนซ์ได้ที่ https://www.kitsadagoodcar.com/

อ่านข่าวรถใหม่ << คลิ๊ก

อ่านข่าวอัพเดทรถใหม่เพิ่มเติม

Citroen My Ami รถ EV รถส่งพลังงานไฟฟ้า ตัวเล็กกระทัดรัด

Citroën My Ami รถส่งของขนาดเล็กที่ ผลิตมาเพื่อตอบโจทย์ใช้งานประเภทธุรกิจ Ecommerce เน้นความคล่องตัวกระทัดรัดในการขนส่ง ซึ่งในตลาดรถประเภทนี้ในทางยุโรปจะมี Volkswagen Canddy, Renault Kangoo, Peugeot Partner และ Citroën ก็สร้างความแตกต่างด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้า

Citroën My Ami Cargo

ล่าสุด Citroën My Ami Cargo ได้เปิดตัวรถขนของขนาดเล็กที่มีน้ำหนักเพียงแค่ 425 กิโลกรัม (ยังไม่รวมกับน้ำหนักแบตเตอรี่) โดยใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 5.5 kWh ให้กำลัง 8 แรงม้า

รถยนต์ขนาดเล็กกระทัดรัดสุดน่ารักคันนี้ จะเหมาะสมกับถนนและสภาพการเดินทางตามตรอกซอยซอยในยุโรป เพราะบางพื้นที่นั้นมีเส้นทางขนาดเล็ก ตัวรถมีความยาวเพียงแค่ 2.41 ม. กว้าง 1.39 ม. สูง 1.52 ม. วงเลี้ยว 7.2 ม. ซึ่งสามารถบรรทุกของได้ถึง 140 กก. ความกว้างภายใน มีความจุ 400 ลิตร ระยะเวลาในการชาร์จแบเตอรี่เครื่องยนต์ 3 ชม. วิ่งได้ 75 กม. และสามารถเสีบชาร์จกับไฟบ้านที่มีแรงดันปกติที่ 220 โวลต์ โดยใช้เวลาเพียงแค่ 3 ชั่วโมงก็เต็มแล้ว เหมาะกับการใช้งานในเมืองทำให้สามารถเดินทางตามซอยเล็กๆ และบริการส่งของให้ถึงผู้รับได้อย่างสะดวก

อันที่จริงแล้ว Citroen Ami สามารถเป็นได้ทั้งรถส่งของและรถโดยสาร แต่จะมีความแตกต่างกันที่ห้องโดยสารภายใน โดยรถส่งของจะปรับให้เหลือที่นั่งเพียงคนเดียวเพื่อให้มีที่ว่างสำหรับใส่ของมากยิ่งขึ้น และยังมีฉากกั้นแนวตั้งระหว่างคนขับและพื้นที่บรรทุกสินค้า

สำหรับราคาค่าตัวของเจ้าตัวจิ๋วนี้จะอยู่ที่ 6,490 ยูโร หรือราวๆประมาณ 5,600 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณราวๆ 240,000 บาทและกำลังวางจำหน่ายในทางยุโรป

หากต้องการรถมือสองสภาพดี สามารถติดต่อสอบถามหรือปรึกษาทุกปัญหาการจัดไฟแนนซ์ได้ที่ https://www.kitsadagoodcar.com/

อ่านข่าวรถใหม่ << คลิ๊ก

อ่านข่าวอัพเดทรถใหม่เพิ่มเติม

สัปดาห์แห่งการรับรถ TOYOTA GR Yaris กำลังลงสู่ท้องถนนเป็นที่เรียบร้อย

TOYOTA Motor Thailand เริ่มมีการส่งมอบรถ GR Yaris ล๊อตแรกสู่มือลูกค้า ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2564 ณ TOYOTA Body Service บางนา TOYOTA GR Yaris ในรุปแบบของการนำเข้า ได้ถูกเปิดตัวสู่สาธารณชนอย่างเป็นทางการในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 37 เมื่อเดือนธันวาคม 2563 โดยมีการรับเปิดจองด้วยจำนวนจำกัด และได้รับเสียงตอบรับจากผู้ชื่นชอบรถแนวสปอร์ทอย่างเกินความคาดหมาย และมียอดของถึง 500 คัน

สำหรับ GR Yaris จะเริ่มทยอยส่งมอบให้กับลูกค้าชาวไทยในจำนวน 127 คัน ซึ่งแม้ว่าจะเป็นรถยนต์ที่มีราคาสูง แต่ด้วยความเชื่อมั่นในชื่อเล่ยงและสุดยอดสมรรถนะที่เป็นตำนานระดับโลกทำให้สามารถจำหน่ายได้หมดในระยะเวลาอันรวดเร็ว

นอกจากนี้ลูกค้าจะได้รับสิทธิพิเศษ มากมายได้แก่

  • ประกันภัยชั้น 1 TOYOTA Care 1 ปี
  • แพ็กเกจบำรุงรักษารถยนต์ระยะเวลา 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร และ GR Yaris Home Service : Pock amd Drop บริการรับ-ส่งรถเข้าศูนย์บริการโตโยต้า โดยไม่มีค่าใช้จ่าย (เฉพาะศูนย์บริการท่เข้าร่วมโครงการและภายใต้เงื่อนไขของผู้แทนจำหน่าย)
  • สิทธิการเป็นสมาชิก GR Yaris Club Thailand
  • สิทธิเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษต่างๆ เช่น ร่วมสนุกด้วยการขับในสนามแข่ง TOYOTA Gazoo Racing Motorsport
  • สิทธิ์การอบรมหลักสูตร Racing School เต็มรูปแบบโดย TOYOTA Gazoo Tacing Academt Thailand

โดย TOYOTA GR Yaris เป็นรถสปอร์ต Hatchback สายพันธุ์แรง แชมป์แรลลี่โลกได้ถูกพัฒนาจากประสบการณ์จากทีมแข่งมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกของ TOYOTA Gazoo Racing ในการใช้ความเชี่ยวชาญและประสปการณ์การออกแบบรถยนต์จากสนามแข่ง WRC

TOYOTA GR Yaris ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ เบนซินรหัส G16-GTS แบบแถวเรียง 3สูบ เทอร์โบ DOHC 1 วาล์ว ขนาด 1.6 ลิตร (1618 cc.) ขุมพลังเครื่องยนต์ 3 สูบพละกำลังสูงความแรงระดับ 261 แรงม้า (PS) พร้อมแรงบิด 360 นิวตันเมตรจับคู่กับเกียร์ธรรมดาแบบ 6 จังหวะ iMT (Intelligent Manual Transmission) สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 230 กม./ชม. พละกำลังของเครื่องยนต์จะส่งผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อสไตล์สปอร์ทที่เรียกว่า “GR-FOUR” พร้อมโหมดการทำงานแบบ 3 รูปแบบ ที่แยกแรงบิดระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง คือ Normal (60/40) SPORT (30/70) และ Track (50/50) เพื่อช่วยให้การทรงตัวและยึดเกาะได้อย่างมั่นใจในทุกสถานภาพ แม้ขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงทำให้ได้สมรรถนะในการขับขี่ที่ดีเยี่ยม สนนราคาค่าตัวในรุ่นนี้ตั้งแต่เปิดตัว 2,690,000 บาท

ภายในเป็นโทนสีดำ เบาะหนังแท้ พวงมาลัยหุ่มหนัง หัวเกียร์หุ่มหนัง พร้อมสัญลักษณ์ GR แต่ไม่เป็นเบาะไฟฟ้า เครื่องเสียงจะเป็น (JBL Premium Sound System) จอทรัชสรีนขนาด 8 นิ้วเชื่อมต่อ USB AUX Bluetooth และสามารถเชื่อต่อโทรศัพท์มือถือระบบนำทางแผนที่ พร้อมลำโพง JBL 8 ตำแหน่ง และยังมีปลั๊กไฟ 12 โวลท์ ทั้งหมดนี้จะมีอยู่ภายในห้องโดยสารของ GR Yaris ตัวพิเศษนี้

สำหรับผู้ที่จองรถ TOYOTA GR Yaris ภายในสัปดาห์นี้เริ่มทยอยรับรถกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับข่าว สารรถยนต์ ที่เราจะนำมาอัพเดทต่อไปเป็นเรื่องอะไรต้องคอยติดตามกันนะครับ

อ่านบทความรถใหม่ทั้งหมด

www.kitsadagoodcar.com

7 ข้อดีของการซื้อรถมือสอง ที่รถมือหนึ่งไม่มีอย่างแน่นอน

เชื่อว่าหลายๆคนกำลังติดสินใจว่า เงินก้อนที่มีอยู่ในมือนี้ จะเอาไปซื้อรถมือหนึ่งหรือรถมือสองดี ซื้อรถมือหนึ่งจะผ่อนไหวมั้ย? แล้วซื้อรถมือสองสภาพจะเป็นอย่างไรกันนะ? เชื่อว่าหลายๆคนคงมีคำถามมากมายในหัว รวมไปถึงความกลัวที่ยังไม่เกิดขึ้นในอนาคตเลยด้วยซ้ำ แม้ว่าในปัจจุบันค่ายรถตลาดหลายๆค่าจะมีโปรโมชั่นฟรีดอกเบี้ย ดาวน์น้อย ผ่อนนาน ของแถมมากมายขนาดไหน แต่รถมือสองก็ยังเป็นตัวเลือกของใครหลายๆคนอยู่ดี แน่นอนว่า คุณอาจจะยังไม่ทราบว่าการซื้อรถมือสองนั้นมีข้อดีที่รถมือหนึ่งไม่มี ลองอ่านดูครับว่ามีอะไรบ้าง

7 ข้อดีของการซื้อรถมือสอง ที่รถมือหนึ่งไม่มีอย่างแน่นอน

  • รถใหม่ราคาถูกกว่า
  • ได้รถสเปคที่ดีกว่า แต่ราคาเท่าๆกัน
  • ได้รถขนาดใหญ่แต่คุณภาพดีกว่า
  • ทำสัญญาปุ๊ปจ่ายเงินปั๊ปได้รถกลับทันที
  • ลดภาระและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป
  • ค่าเสื่อมสภาพของรถน้อยกว่าป้ายแดง
  • ซื้อเงินสดได้ง่ายกว่า

1.รถใหม่ราคาถูกกว่า

เพราะในปัจจุบันรถมือสองมันมาไวไปไวกว่าที่คุณคิด เชื่อหรือไม่ว่า เมื่อรถรุ่นใหม่ๆ ออกมาไม่ถึง 3-6 เดือน บางครั้งคุณอาจจะเจอรุ่นที่คุณกำลังอยากได้ในตลาดรถมือสองสภาพดีสวยๆและมีราคาที่ถูกกว่ารถป้ายแดงอย่างแน่นอน อาจจะถูกกว่าถึงหลักแสนเลยทีเดียว และบางคันภายในยังไม่แกะพลาสติกหุ้มเบาะออก ฉะนั้นต้องอดใจรอซักนิดนึงครับรับรองได้รถใหม่ สวย และดีแน่นอนครับ

2.ได้รถสเปคที่ดีกว่า แต่ราคาเท่าๆกัน

เรียกว่ามันเป็นเรื่องปกติของรถยนต์มือสองอยู่แล้ว ว่ารถมือสองต้องถูกกว่ามือหนึ่ง ถ้าหากคุณมีเงินอยู่หนึ่งก้อนเพื่อที่ตัดสินใจจะซื้อรถมือหนึ่งสเปคที่พอใช้ได้ แต่ถ้าหากลองหันไปมองมือสอง ก็จะได้สเปคที่สูงกว่ามีความปลอดภัยมากกว่าแต่ราคาเท่าๆกัน ยังไงก็ต้องเลือกดีๆนะครับ

3.ได้รถขนาดใหญ่แต่คุณภาพดีกว่า

ในส่วนของข้อนี้จะคล้ายๆกับข้อ 2 แต่จะแตกต่างตรงที่ว่า หากคุณอยากได้รถป้ายแดง MPV ขนาดเล็ก แต่ถ้าหากคุณลองมอรถมือสืองที่มีราคาไม่ต่างกันมากนัก อาจจะได้รถ SUV ที่มีขนาดใหญ่ได้เลยครับ

4.ทำสัญญาปุ๊ปจ่ายเงินปั๊ปได้รถกลับทันที

การออกรถป้ายแดงรุ่นใหม่คุณจะต้องเสียเงินจองเพื่อรอรถรุ่นใหม่ๆป้ายแดง ไม่ใช่ว่าคุณจะรับรถกลับบ้านได้ทันที เพราะอันที่จริงการจองรถป้ายแดงจะต้องรอการขนส่งเพื่อมายังศูนย์นั้นๆ และค่อยจำหน่ายออกไป แต่ถ้าเป็นรถมือสองจะไม่เป็นแบบนั้นคือเมื่อจองรถแล้วผลไฟแนนซ์ผ่าน สามารถรับรถได้ทันที

5.ลดภาระและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป

ทราบหรือไม่ว่าการออกรถป้ายแดงนั้นไม่ใช่แค่วางเงินดาวน์ รอรถรับรถมาขับแล้วจะจบนะครับ เพราะรถป้ายแดงจะบังคับให้คุณต้องเสียเงินตรวจเช็คในแต่ละระยะซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่ 5,000 กิโลเมตร แต่ละครั้งจะมีราคาที่สูงมากซึ่งบางอย่างก็เรียกว่ายังไม่จำเป็นจะต้องเปลี่ยนด้วยซ้ำแต่ถ้าหากว่าคุณไม่เข้าศูนย์เช็คระยะตามที่กำหนดไว้ก็จะขาดประกันทันทีแต่ถ้าหากเป็นรถมือสองทางเต็นท์หรือศูนย์จะมีการเปลี่ยนของเหลวต่างๆรวมไปถึงตรวจสภาพก่อนออกถึงมือลูกค้าอย่างน้อยๆก็สามารถใช้ไปได้ 8,000 ถึง 10,000 กิโลเมตรจึงประหยัดค่าใช้จ่ายบางส่วนไปได้พอสมควร

6.ค่าเสื่อมสภาพของรถน้อยกว่าป้ายแดง

เชื่อว่ารถมือหนึ่งป้ายแดงเมื่อถูกขับออกมาจากโชว์รูมแล้ว ราคามูลค่าของจะลูกลดลงหลายแสนเลย ถือว่าหนักพอสมควรกับค่าเสื่อมสภาพของรถป้ายแดง แต่ถ้าหากเป็นรถมือสองก็จะเสื่อมสภาพน้อยกว่าหรือถ้าหากเป็นรถเก่าที่คนนิยมหรือสะสมมูลค่าอาจจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวเลยด้วยซ้ำ

7.ซื้อเงินสดได้ง่ายกว่า

เชื่อว่าหลายๆคนถ้าหากมีเงินสด 4 แสน แล้วตั้งคำถามว่าจะซื้อมื่อสอง หรือ ดาวน์มือ 1 ดี ก็จะต้องตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าดาวน์มือหนึ่งดีกว่ากันอย่างแน่นอน แต่เชื่อหรือไม่ว่าถ้าหากคิดถึงผลที่จะตามมาในอนาคตว่าคุณดาวน์มือหนึ่ง 4 แสน แต่คุณจะต้องผ่อนรถไปอีกยาวๆกับสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ อาจจะดูไม่ค่อยเหมาะซักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากซื้อสดเป็นรถยนต์มือสองคุณก็สามารถภาระออกไปได้เยอะเลยนะครับ

ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลคร่าวๆของข้อดีของการซื้อรถมือสองที่บางสิ่งไม่สามารถหาได้ในรถมือหนึ่ง ซึ่งหลายๆคนอาจจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป นอกจากราคาแล้ว หากคุณยิ่งมีประสปการณ์ในการเลือกซื้อรถมือสองแล้วหละก็ เชื่อว่าจะต้องได้รถดีในราคาที่คุ้มอย่างแน่นอนครับ

ติดตามข่าวรถใหม่ได้ที่ ข่าวรถใหม่

ติดตามบทความสาระน่ารู้ได้ที่ สาระน่ารู้

บทความที่เกี่ยวข้อง

Huawei Seres SF5 รถ EV 551 แรงม้า ใช้ทั้งระบบเสียบปลั๊กชาร์ต และระบบปั่นไฟฟ้าในตัว

บริษัทผลิตสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ Huawei Seres SF5 ได้เปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่งาน Auto Shanghai 2021 ที่ผ่านมา

สำหรับรถไฟฟ้า Huawei Seres SF5 เป็นรถยนต์รูปทรงอเนคประสงค์ Cross Over และเปิดให้ลูค้าที่สนใจสามารถขับรุ่นนี้ได้ที่ Huawei Experience Stores ในประเทศจีน

ดีไซน์รูปทรงคล้ายๆและไฟท้ายแอบคล้ายกับ Porsche Macan แต่มีขนาดเพียงแค่ HR-V ดีไซน์ดูหรูหราและสวยงามมีความลาดโค้งในแบบคูเป้ แต่ดีไซน์ด้านหน้ามีรวมมเรียบง่ายสะอาดตา มีลูกเล่นไฟ DRLs รูปตัว L เชื่อมกับชุดไฟหน้าด้านบนที่เป็นแบบ LED ลงตัว

มิติตังถังไม่เล็กไม่ใหญ่เน้นขับง่ายทั้งในเมืองและนอกเมือง โดยมีความยาวที่ 4,700 มม. กว้าง 1,930 มม. และสูง 1,625 มม. มีระยะของฐานล้อกว้าง 2,875 มม. ภายในตัวรถโดดเด่นด้วยชุดจอกลางขนาดใหญ่ทรงตั้งคล้าย I-Pad รวบรวมเอาจอแสดงผลและสวิทช์การควบคุมทั้งหมดไว้ภายในระบบจอสัมผัสนี้ เรือนไมบ์เองเป็นแบบดิจิต้อล เกียร์เป็นแบบหมุนเรียบง่ายโดยเกียร์ประเภทนี้เริ่มถูใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น

ในส่วนของระบบเครื่องยนต์

ทำหน้าที่ชาร์ตไฟฟ้าให้แบ๊ตเตอร์รี่ เป็นแบบเทอร์โบ 1.5 ลิตร ซึ่งในรุ่นมอเตอร์คู่ให้กำลังถึง 551 แรงม้า แรบิด 820 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ภายใน 4.7 วินาที ในส่วนของระบบพลังงานแบตเตอรี่นั้นยังไม่มีการเปิดเผย แต่เมื่อใช้งานเฉพาะระบบไฟฟ้าสามารถวิ่งได้ 180 กิโลเมตร แต่ถ้าใช้ร่วมกับการปั่นไฟจากเครื่องยนต์ สามารถวิ่งได้ไกลถึง 1,000 กว่ากิโลเมตรเลยทีเดียว

ในระบบความปลอดภัยและระบบอำนวยความสะดวกต่างๆ Huawei Seres SF5 ได้ติดตั้งระบบขับขี่อัตโนมัติ Level 2 Autonomous มาให้ และยังมีกล้องรอบคันพร้อมเซนเซอร์ เรดาร์อัลตราโซนิก ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน เตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรคฉุกเฉิน

โดยรุ่นนี้จะมาพร้อมกับ 2 ตัวเลือกทั้งมอเตอร์เดี่ยวและมอเตอร์คู่ สนนราคาเริ่มต้นที่ 216,800 หยวน หรือราวๆราคาไทย 1.047 ล้านบาท หากเป็นราคาเข้าไทยคาดว่าจะสูงถึงราวๆ 2 ล้านบาทตามกฎหมายบ้านเราและต้องคอยติดตามนะครับ

หากต้องการรถมือสองสภาพดี สามารถติดต่อสอบถามหรือปรึกษาทุกปัญหาการจัดไฟแนนซ์ได้ที่ https://www.kitsadagoodcar.com/

อ่านข่าวรถใหม่ << คลิ๊ก

อ่านข่าวอัพเดทรถใหม่เพิ่มเติม