โดนสวมป้ายทะเบียน ถูกใช้ไปกระทำความผิด ทำอย่างไรดี

ในปัจจุบันทางตำรวจจราจรมีการใช้กล้องในการจับผู้กระทำความผิด กฎจราจร ขับรถทับเส้นต้องห้าม หรือ ขับรถด้วยความเร็วเดินกำหนด ก็จะมีใบแจ้งเตือนเพื่อให้ไปเสียค่าปรับส่งมาถึงหน้าบ้าน แต่เอ๊… รถที่กระทำความผิดที่อยู่ในภาพนั้นกลับไม่ใช่รถของเรา แต่มีทะเบียนเดียวกัน แบบนี้ ต้องทำอย่างไรดี? บทความนี้ผมจะมาบอกให้ได้ทราบครับ

จะทำอย่างไรหากพบว่า
ก่อนอื่นจะต้องรีบไปแจ้งความกับทางโรงพัก โดยได้พบการสวมทะเบียนด้วยการแจ้งหลักฐานเป็นรูปถ่าย VDO หรือ เอกสารประกอบการกระทำความผิดที่ส่งมายังบ้านเจ้าของทะเบียน พร้อมทั้งชี้รายละเอียดของรถยนต์โดยมีความแตกต่างจากรถที่สวมทะเบียนอย่างไร เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบในระบบออก

หากพบว่ารถที่ซื้อมา เป็นทะเบียนปลอมหรือไปสวมทะเบียนของผู้อื่นมา

สิ่งแรกที่ควรทำก็คือการเช็คต้นสายปลายเหตุ จากการซื้อรถของคุณให้ดี เหตุของการสวมป้ายทะเบียน เพราะมันเป็นไปได้หลายกรณี รถที่คุณซื้อมาอาจจะเคยก่อคดีอาชญากรรมหรือ หลุดจำนำ หนีไฟแนนซ์ และไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดๆ ให้คุณไปตรวจสอบกับกรมขนส่งทางบกว่ารถของคุณอันที่จริงแล้วทะเบียนอะไรกันแน่

มารู้โทษของการสวมทะเบียนปลอมกันก่อนครับ
การสวมทะเบียนปลอม คือการนำป้ายทะเบียนของรถคันอื่น ไม่ว่าจะเป็นการปกปิด ปลอมแปลงป้ายททะเบียน หรืออำพราง เช่น การนำปากกาหรือสีมาแต้มเพื่อให้เกิดการเข้าใจปิด นำสติ๊กเกอร์ติดที่ป้าย หรือทำปลอมขึ้นมาเอง ทั้งหมดนี้ก็อยู่ในข้อหาเดียวกันคือ การใช้ทะเบียนปลอม ซึ่งเป็นความเปิดทางอาญาต้องมีโทษ ทั้งจำและทั้งปรับ ตามกฎหมายดังนี้

ความผิด มาตรา ๒๖๕ ผู้ใดปลอดเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปี และปรับตั้งแต่ หกหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท

ความผิด มาตรา ๒๖๘ ผู้ใดใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำผิดตาม มาตรา ๒๖๔ มาตรา๒๖๖ หรือ มาตรา ๒๖๗ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชน ต้องระวางโทษดังทที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ

พระราชบัญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒

มาตรา ๖ ห้ามมิให้ผู้ใดใช้รถดังต่อไปนี้ รถที่ถูกเพิกถอนการจดทะเบียน
มาตรา ๖๐ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามมาตรา ๖ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท

มาตรา ๑๔ รถใดที่จดทะเบียนแล้วห้ามมิให้ผู้ดำเปลี่ยนแปลงตัวรถหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้และใช้รถนั้นเว้นแต่เจ้าของรถจะนำไปให้นายทะเบียนไว้และใช้รถนั้น เว้นแต่เจ้าของรถนำรถไปให้นายทะเบียนตรวจสภาพก่อน

มาตรา ๖๐ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามาตรา ๖ ต้องระวางโทษหรือปรับไม่เกินสองพันบาท

มาตรา ๑๑ รถที่จดทะเบียนแล้วต้องงมีและแสดงแผ่นป้ายและเครื่องหมายครบถ้วนถูกต้องตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

และมาตรา ๖๐ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามมาตรา ๑๑ต้องงระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท

เมื่อเห็นบทลงโทษแบบนี้แล้ว รู้สึกว่ามันไม่คุ้มกับการกระทำผิดไหมครับ แถมยังมีประวัติติดตัวอีกด้วยนะครับ

หากใครอยากเปลี่ยนป้ายทะเบียนรถก็สามารถทำได้ครับ เพียงแค่คุณขอแจ้งการเปลี่ยนเลขทะเบียนใหม่ที่สนักงานขนส่งประจำจังหวัด ด้วยวิธีการชำระค่าธรรมเนียม ขอเปลี่ยนแปลงเลขทะเบียนรถจำนวน 775 บาท หากรถยังอยู่ในไฟแนนซ์ ในการขอเปลี่ยนแปลงป้ายทะเบียนจะต้องขอเปลี่ยนเลขทะเบียนอีก 500 บาท และเสียค่ามัดจำในการนำคู่มือจดทะเบียนออกมาด้วย

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

GR Cotolla Hatchback เมื่อเป็นแบบ 3 ประตูจะมีหน้าตาอย่างไร?

GR Cotolla Hatchback เมื่อเป็นแบบ 3 ประตูจะมี หน้าตาอย่างไร?

TOYOTA เพิ่งเปิดตัว GR Corolla Hatchback สายพันธุ์แรลลี่ตัวใหม่ล่าสุด เฉพาะในอเมริกาเท่านั้น ในตัวรถแฮทช์แบคสุดเร้าใจคันนี้ได้นำส่วนประกอบสำคัญหลายๆส่วนจาก TOYOTA GR Yaris ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ส่งขาย ในหลายๆประเทศอย่างมีจำกัด และสาวกที่รีบจองก็ได้ชิมความร่าเริงของน้อง GR Yaris ไปแล้ว และสำหรับคนที่จองไม่ทันนั้นก็ต้องพลาดกับตัวพิเศษนี้ไปอย่างน่าเสียดาย สำหรับลูกค้าที่กำลังตั้งตารอ ทาง TOYOTA เองก็ยังไม่มีการยืนยันว่าจะมีการทำ TOYOTA Corolla เป็นแบบ สามประตู Hatchback ออกมาหรือไม่ แต่สิ่งที่เราทำได้คือการสร้างฝันด้วยภาพ จาก X-TOMI DESIGN

GR Corolla เป็นรถยนต์ HatchBack สมรรถนะยอดเยี่ยมล่าสุดที่ได้กระแสตอบรับ Hot สุดๆ จากกลุ่มทีมงานวิศวะกรรมทางด้านสมรรถนะของ GR และคราวนี้ก็มุ่งสู่ตลาดสหรัฐฯ และก่อนที่ GR Corolla ลงสู่ท้องถนน

นอกจากขนาดที่กระทัดรัดดูคล่องตัวแล้ว ความแตกต่างระหว่าง GR Corolla และ GR Yaris คือขนาดของประตูใน GR Yaris มีขนาดที่เล็กกว่านั้นเป็นแบบ สามประตูในขณะที่ GR Corolla ที่มีประตูที่ใหญ่กว่าในแบบห้าประตู แม้ว่าเลย์เอาต์ แบบประตูขนาดใหญ่ไม่ใกล้ความจริงเท่าไหร่นัก แต่ก็ยังยากที่จะคาดเดาว่า แท้จริงแล้วจะออกมาเป็นรูปแบบหน้าตาแบบไหนกันแน่

TOYOTA GR Corolla เครื่องยนต์ เทอร์โบชาร์จ 300 แรงม้า 223 กิโลวัตต์ อินไลน์ -3 ขนาด 1.6 ลิตร 3 สูบ ซึ่งจับคู่ขนาดเกียร์ธรรมดาขนาด 6 สปีด เครื่องยนต์รหัส G16E-GTS อันทรงงพลังให้กำลัง 100 แรงม้า (75 กิโลวัตต์) ต่อสูบและใช้วิศวกรรมอันชาญฉลาดเช่นการใช้ไอพ่นระบายความร้อน ด้วยน้ำมัน วาล์วไอเสียที่ใหญ่ขึ้น และฝาสูบกลึงเพื่อความแข็งแรงระบบขับเคลื่อนที่เน้นคนขับนี้จะจับคู่กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเหมือนกับ GR Yaris คือระบบ GR-Four ของ TOYOTA ซึ่งงสามารถกระจายแรงบิดตามโหมดการขับขี่นั่นเอง

GR Corolla มาในการตกแต่งด้วยรุ่นมาตราฐานขนานนามว่า Core หรือการปรับแต่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและส่วนด้านหลังเพิ่ม คาร์บอนไฟเบอร์ เฟืองท้ายทอร์ชั่นลิมิเต็ดสลิปแรงบิดด้านหน้าและด้านหลังและ ฝากระโปรงที่ดุดันมากยิ่งขึ้น

อ่านข่าวสารรถยนต์เพิ่มเติม

Haval H6 ฉลองความสำเร็จครั้งใหม่ได้รับคะแนนความปลอดภัยระดับห้าดาว

Haval H6 ฉลองความสำเร็จครั้งใหม่ได้รับคะแนนความปลอดภัยระดับห้าดาว


เมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา โครงการประเมินรถยนต์ใหม่แห่งออสตราเลเซีย (Australasian New Car Assessment Program หรือ ANCAP) ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระที่ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงในด้านความปลอดภัยของยานยนต์ ประกาศว่า รถยนต์ครอบครัวยอดนิยม Haval H6 (HAVAL H6) ได้รับคะแนนความปลอดภัยระดับห้าดาว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า จุดแข็งด้านความปลอดภัยในแบรนด์ฮาวาลของเกรท วอลล์ มอเตอร์ (GWM) เป็นที่ยอมรับในระดับสากลอีกครั้ง

คุณคาร์ลา ฮอร์เว็ก (Carla Hoorweg) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ANCAP กล่าวว่า “รถรุ่นนี้เป็น SUV รุ่นแรกในรอบหลายปีที่เกรท วอลล์ มอเตอร์ นำเข้าในกลุ่มตลาดออสตราเลเซีย การส่งมอบรถยนต์ระดับห้าดาวตามเกณฑ์ปี 2565 ซึ่งเป็นเกณฑ์ล่าสุดของ ANCAP นั้นสะท้อนให้เห็นว่า ทางแบรนด์ยังคงเดินตามมาตรฐานความปลอดภัยล่าสุดของ ANCAP และความคาดหวังด้านความปลอดภัยของผู้บริโภค”

ผลการทดสอบพบว่า Haval H6 ทำคะแนนได้ในระดับ “ดี” ในด้านการปกป้องผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ โดยได้คะแนนเต็มในการทดสอบการชนด้านข้าง การชนแบบเฉียง การปกป้องการบาดเจ็บของกระดูกต้นคอ การให้ความช่วยเหลือและนำผู้บาดเจ็บออกจากรถ นอกจากนี้ Haval H6 ยังมีโครงรถยนต์ทำจากเหล็กกล้ากำลังสูงกว่า 70% โดยมาพร้อมกับถุงลมนิรภัยแบบหลายทิศทาง เพื่อปกป้องผู้โดยสารเบาะหน้าและหลังไม่ให้บาดเจ็บเมื่อรถชน

ในแง่ของการปกป้องผู้โดยสารที่เป็นเด็กนั้น Haval H6 แสดงให้เห็นความปลอดภัยอันเป็นเลิศในการทดสอบ โดยได้คะแนนเต็มในการทดสอบแบบไดนามิกด้านข้าง เพราะติดตั้งจุดยึดตามมาตรฐาน ISOFix และจุดยึดส่วนบนในเบาะหลังไว้ต่ำ ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งระหว่างเบาะเด็กกับตัวรถ ส่งผลให้รถปกป้องเด็กได้ดีขึ้น

Haval H6 ยังมีผลลัพธ์โดดเด่นในด้านการทดสอบระบบช่วยเหลือ โดยระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) แบบ Car-to-Car เปิดโอกาสให้รถเลี่ยงและบรรเทาผลกระทบจากการชนได้ ซึ่งระบบช่วยเบรกที่ตรวจจับรถด้านข้าง (junction) จะช่วยให้รถเบรกได้อัตโนมัติ เพื่อเลี่ยงไม่ให้ปะทะกับรถที่กำลังมุ่งเข้ามา ปกป้องความปลอดภัยของผู้ขับขี่ให้ถึงขีดสุด

สำหรับการปกป้องกลุ่มผู้เปราะบางบนถนน Haval H6 ก็ทำคะแนนได้ดีเช่นกัน โดยออกแบบกันชนให้มีพื้นที่ดูดซับแรงอย่างเหมาะสม ซึ่งลดแรงกระแทกได้ระดับหนึ่ง และช่วยลดโอกาสที่จะทำให้ขาของผู้เดินเท้าบาดเจ็บให้มากเท่าที่จะเป็นไปได้ นอกจากนี้ ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติยังตรวจจับผู้เดินเท้าและคนขี่จักรยานได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ตอบสนองได้อย่างทันท่วงที

คุณคาร์ลา ฮอร์เว็ก กล่าวว่า “นี่เป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจมากสำหรับแบรนด์ฮาวาลของเกรท วอลล์ มอเตอร์” โดยผลลัพธ์อันดีจากการทดสอบของ ANCAP ยังเป็นเครื่องพิสูจน์จุดแข็งด้านความปลอดภัยของแบรนด์ฮาวาลด้วย ปัจจุบัน รถหลาย ๆ รุ่นในแบรนด์นี้ได้นำมาซึ่งประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นแก่ลูกค้าในตลาดต่าง ๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี และอียิปต์

แบรนด์ฮาวาล จะนำสมรรถนะอันเป็นเลิศของรถรุ่นHaval H6 ในการทดสอบ ANCAP ไปต่อยอด โดยจะยังคงยกให้ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ และมุ่งพัฒนาสมรรถนะความปลอดภัยของ

อ่านข่าวสารเพิ่มเติม

Suzuki รวมมือกับ Skydrive เล็งสร้างธุรกิจเทคโนโลยียานยนต์บินได้

สกายไดรฟ์ และ ซูซูกิ เล็งสร้างความร่วมมือทางธุรกิจและเทคโนโลยีรถบินได้

นาย โทโยตะ และ ฮามามัตสึ ที่ประเทศ ญี่ปุ่น ในวันที่ 28 มีนาคม 2022 กรุงเกียวโด บริษัท เจบีเอ็น-เอเชียเน็ท/อินโฟเควสท์ เริ่มพิจารณาเรื่องการพัฒนาและผลิตรถบินได้ รวมถึงการพัฒนาตลาดในอินเดีย

โดย บริษัท สกายไดรฟ์ อิงค์ SkyDrive Inc. และบริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น Suzuki Motor Corporation ประกาศสร้างความร่วมมือในธุรกิจยานยนต์บินได้แห่งอนาคต เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมาบริษัทสกายไดรฟ์คือผู้นำด้านการผลิตรถบินได้ในญี่ปุ่น โดยปัจจุบันกำลังพัฒนารถบินได้พลังงานไฟฟ้าขนาดเล็กสองที่นั่ง พร้อมกับวางแผนผลิตอย่างเต็มรูปแบบซูซูกิคือหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของญี่ปุ่น โดยมีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ขนาดเล็กในตลาดต่างประเทศ

เงื่อนไขของข้อตกลงระบุว่า สกายไดรฟ์และซูซูกิจะเริ่มพิจารณาสร้างความร่วมมือทางธุรกิจและเทคโนโลยีในหลากหลายส่วน ครอบคลุมถึงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี การวางแผนผลิตและการวางระบบผลิตปริมาณมาก การพัฒนาตลาดต่างประเทศโดยมุ่งเน้นที่ประเทศอินเดียเป็นอันดับแรก และการส่งเสริมความพยายามในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน

สกายไดรฟ์ตั้งเป้าว่าจะเริ่มให้บริการแอร์แท็กซี่ (Air Taxi) ในมหกรรมเวิลด์เอ็กซ์โป 2025 ที่นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น รวมถึงเริ่มให้บริการในภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศ

ซูซูกิถือคติที่ว่า “พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเหนือกว่าโดยให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลัก” และปัจจุบันได้นำเสนอผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการเดินทางเคลื่อนที่ 3 หมวดหมู่ ได้แก่ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์เรือ โดยบริษัทตั้งเป้าว่าจะต้องเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคขาดไม่ได้ ด้วยการปรับตัวให้ใกล้ชิดกับวิถีชีวิตของผู้บริโภคและทำหน้าที่เป็นยานพาหนะที่พาไปยังที่ต่าง ๆ สำหรับการสร้างความร่วมมือกับสกายไดรฟ์จะช่วยให้ซูซูกิมีโอกาสได้สำรวจและอาจเพิ่มรถบินได้เป็นธุรกิจหมวดหมู่ที่ 4 ของบริษัท

บริษัท สกายไดรฟ์ ก่อตั้งขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2018 โดยมีภารกิจหลักคือ “การเป็นผู้นำการปฏิวัติการเดินทางที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในรอบหนึ่งศตวรรษ” นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา บริษัทได้เดินหน้าพัฒนารถยนต์บินได้และโดรนขนส่งสินค้าอย่างไม่หยุดยั้ง และมุ่งมั่นผนึกกำลังกับองค์กรต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมวิสัยทัศน์ที่มีร่วมกันเกี่ยวกับโลกแห่งอนาคตที่ผู้คนสามารถใช้ยานบินเป็นพาหนะในการเดินทางในชีวิตประจำวัน สกายไดรฟ์เป็นบริษัทเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จในการทดสอบบินแบบมีคนขับ และปัจจุบันกำลังมีส่วนร่วมในการออกแบบระบบเพื่อรองรับการเดินทางทางอากาศในอนาคต ในฐานะที่เป็นสมาชิกของสภาความร่วมมือภาครัฐ-เอกชนเพื่อปฏิวัติการเดินทางทางอากาศของญี่ปุ่น ปัจจุบัน โดรนขนส่งสินค้าของบริษัทซึ่งรับน้ำหนักได้สูงสุด 30 กิโลกรัม ได้ถูกนำไปใช้แล้วในหลายสถานที่ของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในพื้นที่ภูเขา นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าว่าจะเปิดให้บริการรถบินได้ในบริเวณอ่าวโอซากาในปี 2025 ทั้งนี้ สกายไดรฟ์มีสำนักงานใหญ่อยู่ในย่านชินจูกุ กรุงโตเกียว โดยมีคุณโทโมฮิโระ ฟุคุซาวะ ดำรงตำแหน่งซีอีโอของบริษัท   


ยานยนต์บินได้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่าอากาศยานไฟฟ้าที่บินขึ้นและลงจอดในแนวดิ่ง หรือ eVTOL (electric vertical takeoff and landing) โดยเป็นอากาศยานที่ใช้พลังงานไฟฟ้า บินด้วยระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ และบินขึ้น-ลงจอดในแนวดิ่ง ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าล่าสุดในแวดวงการเดินทาง และการพัฒนารถบินได้กำลังได้รับการสนับสนุนในหลายประเทศทั่วโลก โดยในญี่ปุ่นนั้น สภาความร่วมมือภาครัฐ-เอกชนเพื่อปฏิวัติการเดินทางทางอากาศ (Public-Private Council for Air Mobility Revolution) ได้รับการจัดตั้งขึ้นในปี 2018 และมีการประชุมอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งคาดว่าจะนำไปสู่การให้บริการแอร์แท็กซี่ในเขตเมือง การขนส่งรูปแบบใหม่ในพื้นที่ภูเขาและเกาะที่ห่างไกล และการขนส่งในกรณีฉุกเฉินเมื่อเกิดภัยพิบัติ ทั้งนี้ กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (METI) และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยว (MLIT) ได้ร่วมกันวางโรดแมปเพื่อเริ่มธุรกิจในปี 2023 และใช้งานอย่างเต็มรูปแบบในปี 2030 

อ่านข่าวสารยานยนต์เพิ่มเติม


10 รถบ้านที่นิยมนำมาแต่งเป็นรถยนต์สายแคมป์ “Camper Car”

ช่วงนี้กระแสการเที่ยวแบบกินธรรมชาติและบรรยากาศป่าเขานั้นกำลังได้รับความนิยมมากในหมู่ครอบครัว และรวมไปถึงหมู่เพื่อนฝูง ไม่ว่าทั้งไปแบบคาราวาน กระแสนิยมการเที่ยวแบบนี้กำลังมาแรง แต่สำหรับผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุบางท่านอาจจะไม่สะดวกที่จะนอนเต็นท์เหมือนกับหนุ่มๆสาวๆ อันนี้ก็แล้วแต่บุคคลนะครับ ฉะนั้นเรามาดูกันครับ ว่ามีรถยนต์รุ่นไหนกันบางที่ชาวแคมป์เปอร์ นิยมนำมาดัดแปลงกันครับ

1. TOYOTA Commuter

TOYOTA Commuter เป็นรถยอดนิยมที่สุดในตตลาดประเทศไทย เพราะสามารถนำมาดัดแปลงได้หลากหลาย ด้วยเนื้อที่ใช้สอยกว้างขวางและสูง และรุ่นย่อยที่มีเครื่องยนต์ที่หลากหลาย ทำให้มีเนื้อที่เหลือมากพอทีจะทำไปตกแต่งเป็นรถบ้าน ด้วยพื้นที่ที่ยาวถึง 5,380 มม. กว้าง 1,880 มม. และสูงถึง 2,285 มม. และรุ่นเครื่องยนต์ 3.0 ดีเซล Commonrail Turbo ก็ถือว่าตอบโจทย์สำหรับคนที่ชอบเดินทางไกลแบบที่ราบสูง จึงเป็นรถยนต์นิยมนำมาทำและค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมก็ถือว่าอยู่ในระดับที่รับได้



2. TOYOTA Hiace

รถตู้เตี้ย TOYOTA Hiace หรือสมญานามว่า “โม่งน้อย” เรียกว่าเล็กแต่กระทัดรัดแต่คล่องตัว เหมาะสำหรับคนที่ชอบไปเที่ยวแบบครอบครัว จำนวนไม่เยอะมาก สายแคมป์นิยมนำไปดัดแปลงเป็น Camper Car เพราะสามารถเป็นทั้งครัวเคลื่อนที่ หรือ ที่นอนแบบกระทัดรัด เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 3.0 เหมือนกับ ตัวหลังคาสูง แต่ได้น้ำหนักและความคล่องตัวที่มากกว่า

3.Nissan Urvan

Nissan Urvan เป็นรถตู้ที่มีราคาถูกและคุ้มค่าที่สุดในท้องตลาด และยังเป็นรถตู้ที่มีพื้นที่เหลือใช้หลังคาสูงอีกหนึ่งรุ่น โดยทั่วไปมักจะนำไปดัดแปลงเพื่อเก็บสัมภาระจักรยานหรือ ของใช้ต่างๆสำหรับแคมป์ สามารถพับเพื่อเพิ่มพื้นที่เป็นที่นอน แบบเรียบง่าย หรือถ้าหากคนที่มีงบมากหน่อยก็อาจจะดัดแปลงหลังคาเป็นแบบ VIP เพื่อเพิ่มเติมในเรื่องความสวยงามหรือ TV ต่างๆ เข้าไปด้วยก็สวยไม่เบา โดยเครื่องยนต์ที่ใช้จะเป็น 2.7 เบนซิน เกียร์ธรรมดา เน้นดูแลง่ายๆ สบายๆตามสไตล์ผู้ชายๆ สบายๆ

4.Dongfeng Camper Van

เชื่อว่าหลายๆคนอาจจะไม่คุ้นกับแบรนด์นี้ อันที่จริงแล้ว พ่อค้าแม่ค้าแนว Food Truck จะคุ้นหูคุ้นตากับยี่ห้อนี้กันดี เพราะเชื่อว่า ด้วยราคาที่จับต้องได้ไม่ยาก ทำให้เป็นเสนห์ของแบรนด์รุ่นนี้ แถมยังสะดวกด้วยบริการส่งอะไหล่ถึงที่ของแบรนด์ตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งเป็นจุดแข็งของเขาในเรื่องของการบริการอะไหล่

สำหรับคนที่ชอบเที่ยวป่าเที่ยวเขาไกลๆอาจจะต้องคิดเยอะซักหน่อย เพราะด้วยน้ำหนักทที่มากพอสมควรอาจจะเป็นปัญหาในเรื่องของเส้นทาง แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบเที่ยวตามชานเมืองก็จัดไปเลยครับ รับรองถูกใจแน่นอนครับ

5.Joylong A6 Van

สุดยอดแบรนด์จีนชื่อแปลกอีกหนึ่งรุ่นที่สายรถตู้เขาจะรู้จักกันดีว่านี่แหละแบรนด์เทพ ถึงมีหน้าตาเหมือนกับ TOYOTA Hiace Commuter ก็จริง แต่ถ้าสังเกตดีๆจะได้ในเรื่องของความยาวของตัวถัง และกว้างกว่าเล็กน้อย ซึ่งสามารถเหลือพื้นที่ในการต่อเติมได้เยอะเลย


6.Volkswagen microbus

รถคลาสสิกสไตล์เด็กแนว เรียกว่าเป็นรถขวัญใจของวัยเด็กจนไปถึงวัยผู้ใหญ่ ที่ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็ราคาไม่ตก อีกทั้งหน้าตาก็ดึงดูดให้ใครๆที่พบเห็นก็อยากขอถ่ายรูป หากคันไหนสภาพดีหน่อยก็สามารถเล่นราคาได้อย่างตามใจผู้ขายไม่ใช่แค่ดัดแปลงที่ตัวรถเท่านั้น แต่อาจจะเพิ่มหัวลากเข้าไปด้วยก็เทห์ไม่ใช่เล่น ได้ทั้งพักผ่อน ได้ทั้งบรรยากาศและความสวยงาม อาจจะเห็นพ่อค้าแม่ขายนำรถไปดัดแปลงเป็นร้านขายกาแฟเคลื่อนที่เรียกว่าเป็นรถที่หลากๆลายจริงๆครับ

7. TOYOTA Vigo/REVO

รถกระบะไทยนิยม ที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย และอะไหล่หาง่าย เรียกว่าเป็นทุกอย่างให้เธอแล้วกับรถกระบะรุ่นนี้ คุณอาจจะเห็นว่ารถกระบะรุ่นนี้ขนอ้อย แต่หลายๆคนก็ทำมันไปทำเป็นรถบ้าน ทั้งเป็นแบบเต็นท์ และเป็นแบบตู้ Caravan โดยค่าใช้จ่ายในการดัดแปลงอาจจะขึ้นอยู่กับความหรูหราและความสวยงามของห้อง ถ้าหากว่าซื้อแบบสำเร็จรูปแบบมีห้องน้ำภายในตัวรถ เรียกว่า ทั้งสะดวกสบาย และมีควาเป็นส่วนตัวอีกด้วย

8.Volkswagen Caravelle


รถตู้ สไตล์ VIP ที่ไม่คิดว่าจะนำมาทำเป็นรถบ้านได้ แต่อันที่จริงแล้วมันห้ามความสุดของมนุษย์ไม่ได้แน่นอนครับ อาจจำมีเนื้อที่ที่ดูไม่สูงหรือโปร่งมากนักแต่ก็เหมาะสำหรับคนที่ชอบไปตากอากาศ และต้องการมีที่นอนแบบง่ายๆสบายๆ โล่งโปร่งด้วยประตูสไลด์ 2 ฝั่ง และฝาท้ายที่เปิดได้สูง บางคนอาจจะดัดแปลงในส่วนของหลังคาเพื่อเพิ่มเนื้อที่ สามารถต่อเพิ่มเพื่อทำเป็นครัวหล่อๆ

9. Suzuki Jimny

เจ้าจิ๋วสายลุย สุดเทห์ที่เชื่อว่าหลายคนยัง งงๆ ว่ามันเอาไปทำรถ Camper Car ได้อย่างไร เพราะเนื้อที่อันจิ๋วจะไปอาศัยอยู่ได้อย่างไร อย่างที่บอกครับไม่มีใครหยุดความสุดของมนุษย์ได้ เพราะการดัดแปลงเนื้อที่แบบง่ายๆโดยใช้เบาะเสริมแบบแนวราบ เรียบจนไปถึงเบาะคนนั่งหน้า ก็สามารถนอนเหยียดได้ยาวๆ ได้ถึง 180 cm. สำหรับคนที่ตัวไม่สูงมาก ส่วนคนที่ตัวใหญ่ แนะนำว่ามองเป็นรุ่นอื่นจะดีกว่าครับ

10. Suzuki Carry

จัมโบ้ปิ๊กอัพจาก Suzuki ที่เน้นเอาไปในทางการใช้ในอุตสาหกรรม งานขนาดเล็ก และยังเป็นได้ทั้ง Food Truck ใครจะเชื่อว่า มันจะถูกนำมาดัดแปลงให้กลายเป็นรถสายเที่ยวและดัดแปลงให้กลายเป็นที่พักถ้าหากคุณเป็นคนที่ชอบเที่ยวแต่ไม่ชอบความยุ่งยาก ก็แนะนำเลยครับ ด้วยราคาไม่สูงมาก และดูแลไม่ยาก แต่มีข้อแม้ในเรื่องของสถานที่อาจจะเที่ยวได้ไม่ไกลมากนัก ด้วยเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร เบนซินอาจจะพาคุณขึ้นเขาลงห้วยไม่ได้ แต่ก็ถือว่าคนนิยมนำมาทำรถ Camper Car อีกรุ่นหนึ่งครับ

ทั้งหมดนี้ก็เป็น 10 อันดับรถยอดนิยม ที่สายแคมป์ปิ้งนิยมนำมาดัดแปลงเป็นเพื่อท่องเที่ยวหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบเที่ยว ก็อาจจะนำแนวคิดเหล่านี้นำไปทำหรือดัดแปลงเป็นรถยนต์สำหรับพักผ่อนตามสไตล์ของตัวเอง หากต้องการรถเพื่อนำไปทำหรือดัดแปลง กฤษฎากู๊ดคาร์ ยินดีจะให้คำปรึกษาและแนะนำทั้งการออกรถหรือนำรถไปดัดแปลงต่างๆเพื่อให้ลูกค้าประทับใจที่สุด

อ่านบทความสาระน่ารู้เพิ่มเติม

8 อันดับรถยนต์ไฟฟ้ามาแรงที่น่าจับตามองในงาน Motor Show 2022

ในปี 2022 เป็นปีที่รถยนต์ไฟฟ้าเริ่มต้นการทำตลาด และวางขายกันอย่างจริงจัง และภายใน Motor Show ที่เริ่มจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. – 3 เม.ย.65 ที่อิมแพคอารีน่าเมื่องทองธานี ก็กลายมาเวทีสังเวียนประชันเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าที่แบรนด์ต่างๆ เรามาดูกันครับ ว่า รถยนต์ที่คาดว่ายอดขายถล่มทลาย และมีคนสนใจจับตามองมากที่สุดจะเป็นรุ่นไหนบ้าง

1.MG ZS EV

เปิดตัวอย่างเป็นที่น่าสนใจ กับ รถครอบครัว EV ไฟฟ้า 100% จากทาง MG ที่เปิดด้วยการจองในงานรับส่วนลดแบบจุกๆ ถึง 240,000 – 246,000 บาท จากราคา 1,890,000 -1,269,000 บาท เหลือเพียงแค่ 949,000 -1,023,000 บาทเท่านั้น ทั้ง 2 รุ่นย่อย D และ X

จุดโดดเด่นที่ได้เห็นคือ มอเตอร์์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 177 แรงม้า เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 22 แรงม้า ได้แรงบิดสูงสุดถึง 280 นิวตันต่อเมตร ลดลงจากเดิม 70 นิวตันต่อเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลาแค่ 8.6 วินาที แบตเตอรี่ Lithium-ion ทมีความจุ 5.03 kWh สามารถวิ่งได้ไกลถึง 320 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มๆ 1 ครั้งรองรับกาสรชาร์จ แบบ AC และรองรับสูงสุด 7 kW 7 ชั่วโมง ชาร์ตเร็วด้วยระบบชาร์จ DC รองรับสูงสุด 76 kW 0-80% ภายในเวลา 45 นาที เท่านั้น และยังสามารถรองรับการเชื่อมต่อแบบ 5G และยังติดตั้งระบบขับขี่อัจฉรียะ (intelligent Driving) ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ถือว่าเปิดตัวมาด้วยความคุ้มค่าและน่าสนใจทีเดียวครับ

2.Nissan LEAF

เป็นอีกหนึ่งรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่มีดีไซน์โฉบเฉี่ยวถูกใจสำหรับคนที่ชอบความหรูหราไม่ตกยุกต์ ด้วยกระจังหน้าที่เป็นแบบ V-Motion ความโดดเด่นด้วยไฟที่เป็นเหมือนกับบูมเมอแรง แบตเตอรี่ความจุถึง 40 kWh สามารถขับเคลื่อนได้ไกลถึง 311 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครัง รับประกันแบตเตอรี่นานถึง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร ระบบไฟฟ้าถึง 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร ในงานเปิดราคา 1,990,000 บาท

3.MINI Electric Collection Edtion

ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า ขบเคลื่อนล้อหน้าแบบ Hybrid Synchronous ให้กำลังสูงสุถึง 184 แรงม้า ที่ 7,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร (27-51 กิโลกรัม/เมตร)

รถพลังงานไฟฟ้า 100% จาก Mini รุ่นพิเศษ Limited Edtion ที่มีขายเพียงแค่ 40 คันในประเทศไทยเท่านั้น มาพร้อมกับหลังคา แบบ Multitone Roof น้ำเงิน San Marino Blue เหลือบ ฟ้า Pearly Blue ไล่ไปถึงดำ Jet Black เด่นชัดและเคลมว่าเป็นเทคนิคการพ่นสีแบบใหม่ของ Mini ที่โรงงาน Oxfrod จากประเทศอังกฤษ และในรส่วนรูปลักษณ์หน้าตาก็ยังเป็น Cooper SE โดดเด่นด้วยดีไซน์ล้ออันลอยขนาด 17 นิ้ว ลายที่เป็นเอกลักษณ์ ภายในงานจะมีให้เลือกถึง 2 เฉดสี (Island Blue และสีเทา Rooftop Grey เปิดราคาที่ 2,459,000 บาท ราคาจำหน่ายจะรวมแพคเกจ MSI Standard บำรุงงรักษานาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และวารันตีนาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง)

4.Volvo XC40 Pure Electric

รถ SUV หรู ซีดานระดับพรีเมี่ยม ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของแบรนด์ และยังเป็นการเปิด ตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในอาเซียน ติดตั้งแบตเตอรี่ ลิเธียม ไอออน 78 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ที่ใช้เวลาชาร์ตไฟจาก 0-100% เพียงแค่ 6-8 ชั่วโมง ด้วยเครื่องชาร์์ตไฟแบบมาตราฐานขนาด 11 กิโลวัตต์ แบบ Wall Box EV Charger และสามารถเลือกใช้ระบบชาร์จเร็ว โดยสามารถชาร์จไฟได้ถึง 80%ภายในเวลา 40 นาที และเมื่อชาร์จเต็ม 100% จะสามารถวิ่งได้ไกลถึง 400 กิโลเมตร ตามมาตรฐานการทดสอบ WLTP ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวแบบ ควบคุมแยกเพลาหน้า Electric Rear Axle Drive EFRD เป็นระบบส่งกำลังสูงถึง 408 แรงม้า ทรงพลังด้วยแรงบิดสูงสุด 660 นิวตันเมตร และสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลา 4.9 วินาที และทำความเร็วได้สูงสุดถึง 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ราคาเปิดตัวเริ่มต้นที่ 2.59 ล้านบาท

5.Ora Goodcat 2022

เรียกว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้ากระแสนิยมที่มาแรงจนหยุดไม่อยู่ กับเจ้า Ora Good cat แมวอ้วน S-SUV อเนคประสงค์ 5 ที่นั่งรูปทรงสุดน่ารักผสมกับแนว เรโทร ซึ่งมีขนาดตังถังที่ไม่เล็กและไม่ใหญ่ ยาว 4,235 มิลลิเมตร กว้าง 1,825 มิลลิเมตร สูง 1,596 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,650 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,510 กิโลกรัม มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 143 แรงม้า หรือ 105 kW แรงบิด 210 นิวตันเมตร NEDC ขับเคลื่อล้อหน้า วิ่งได้ไกลถึง 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ระบบชาร์ตเร็วเต็มที่ 80% ใช้เวลาเพียงแค่ 40 นาที ความจุสูงสุด ที่ 63.139 kWh ทำความเร็วได้สูงสุดถึง 152 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอีกรุ่น สามารถวิ่งได้ 400 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

เปิดราคาภายในงาน
ORA Good Cat รุ่น 400 TECH จากราคา 989,000 บาท เป็นราคา 828,500 บาท

ORA Good Cat 400 PRO จากราคา 1,059,000 บาท เป็นราคา 898,500 บาท

ORA Good Cat 500 ULTRA จากราคา 1,199,000 บาท เป็นราคา 1,038,500 บาท

6.Mitsubishi OutLander PHEV

Mitsubishi OutLander PHEV ถือว่าเป็นรถครอบครัวปลั๊กอิน Hybrid พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบซูเปอร์-ออลวิลล์คอนโทรล (S-AWC) กระแสนิยมที่มาแรงมากในช่วงนี้ ด้วยความที่เป็นรถ ทรง SUV และเป็นรถที่ DNA เทคโนโลยีของ Mitsubishi Pajero สายลุยที่และมีเทคโนโลยี เครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงถึง 305 แรงม้า ทำงานควบคู่กับแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออน ที่มีความจุ13.8 kWh พร้อมระบบ Save-Charge สำหรับชาร์ตขณะขับขี่ สามารถชาร์ตไฟแบบ Regular Charging จนถึง 100% ได้ในเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง และ Quick Charging จนถึง 80% ภายในเวลา 25 นาที หัวชาร์จแบบ CHAdeMO เรียกว่าเป็นรถอเรคประสงค์และคุ้มค่าสำหรับการใช้งานมากๆครับ
ราคาจำหน่าย จะมีให้เลือก 2 รุ่นย่อย
รุ่น GT ราคา 1,640,000 บาท
รุ่น GT-Premium ราคา 1,749,000

7.MG Cyberster

ทีเด็ดภายในงาน เป็นที่น่าจับตามองสุดๆ เพราะ MG Cyberster รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% พร้อมห้องโดยสารสไตล์ E Sport คันแรกของโลก ที่มีความทันสมัยและความอัจฉรียะ

ภายในงานเปิดให้จองเพื่อร่วมพัฒนารถสปอร์ทไฟฟ้า Cyberster เป็นกลุ่มแรกในประเทศไทย ก่อนเปิดตัวเวอร์ชั่น จำหน่ายจริงในปี 2566

MG Cyberster เวอร์ชั่นต้นแบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าสามารถทำความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายในไม่ถึง 3 วินาที และแบตเตอรี่ที่สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางมากกว่า 800 กิโลเมตร ต่อการชาร์จในแต่ละครั้ง

8.MG EP

MG EP เป็นรถไฟฟ้า Model ใหม่ที่กำลังจะออกมาเปิดตัวในงาน เรียกว่าความคุ้มค่านั้นอยู่ที่ราคาของตัวรถที่สามารถจับต้องได้โดยราคาที่เปิดตัวนั้นอยู่ที่ 988,000 บาท ส่วนราคาใหม่ที่ปรับลงนั้นอยู่ที่ 761,000 บาท และ รุ่น MG EP PLUS จากเดิมอยู่ที่ 980,000 บาท ราคาใหม่ก็ได้ปรับลงเหลือ 771,000 บาทเท่านั้น
ระบบขับเคลื่อน มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุดถึง 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุดถึง 260 นิวตันเมตร เป็นระบบมอเตอร์ขับเคลื่อนที่ล้อหน้า ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร ใน 8.8 วินาทีความเร็วสูงสุด 185 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง แบตเตอรี่ Lithium-ion

ข่าวรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพิ่มเติม

สายมูต้องทำหลังจากออกรถ พร้อมการเตรียมของและขั้นตอนการทำพิธี

คนไทยกับความเชื่อนั้นเป็นสิ่งที่ควบคู่กันมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะทำสิ่งใดล้วนแล้วแต่ มีเหตุผลในการกระทำมาเกี่ยวข้องเสมอ หลายคนเชื่อว่าการเริ่มต้นปฎิบัติสิ่งดีๆ ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งต่างๆได้ดีตามไปด้วย การทำสิ่งต่างๆ หลังจากออกรถใหม่ก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่ศิริมงคลในการใช้รถเท่านั้น แต่รวมไปถึงความโชคดี มั่งคั่งหลังจากที่ใช้รถในการขับเคลื่อนอาชีพ ขับเคลื่อนรายได้และขับเคลื่อนเงินทองอีกด้วย

และการออกรถนั้นก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นรับสมาชิกใหม่ๆเข้ามาในครอบครัว ร่วมทุกข์ร่วมสุขร่วมชีวิตเป็นเพื่อคู่กาย ฉะนั้นการรับสมาชิกใหม่ก็จะต้องมีการทำฑิธีต่างๆเพื่อให้หลังจากออกรถไปแล้ว จะต้องมีแต่สิ่งดีๆ เป็นคู่บุญ คู่ชีวิตอีกด้วย คนไทยเราจึงมีพิธี และ วิธีการเสริมศิริมงคลให้กับชีวิตหลังจากที่รับรถอีกด้วยเรามาดูกันครับว่าต้องทำอย่างไรบ้าง

เตรียมดอกไม้ธูปเทียน เพื่อไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

แน่นอนว่าคนไทยเรานั้นมีความเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มองไม่เห็นมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะ การไหว้บูชาเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น ก็ถือว่าเป็นการเคารพสิ่งต่างๆที่คุ้มครองปกป้องรถยนต์เราให้ดลกันดานทั้งความโชคดี ปลอดภัย แคล้วคลาด รวมไปถึงเงินทองอีกด้วย และนอกจากนี้ การเตรียมดอกไม้ก็ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ สื่อความหมายในการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นๆด้วยนั่นเอง

ดอกดาวเรือง เป็นดอกไม้มงคลชนิดหนึ่งซึ่งความเชื่อของคนโบราณจะเชื่อกันว่าการบูชาด้วยดอกดาวเรืองจะหมายถึงความรุ่งเรื่องเงินทอง และหนุนนำในความเจริญรุ่งเรืองหน้าที่การงาน นอกจานี้ยังเป็นดอกไม้ที่แข็งแกร่ง ปลุกได้ง่าย โตเร็วและทนทาน จึงหมายถึงความมั่นคง โดยจะสื่อถึงครอบครัว และความรักอีกด้วย

ดอกกุหลาบ ยังคงเป็นสัญลักษณ์มนต์สะกดของความรักที่ไม่เสื่อมคลาย เป็นตัวแทนแห่งความรักโดยเฉพาะเมื่อนำมาไหว้บูชารถยนต์ก็มักจะสื่อความหมายไปในเรื่องของความสุข มีไมตรีจิต จะเห็นได้จากการไหว้บูชาขอในเรื่องของความอุบอุ่น ความสุขในครอบครัว ความสุขของคู่รัก รวมไปถึงเพื่อบูชาสำหรับใช้เป็นยานพาหนะที่ใช้ในงานแต่งงาน

ความเชื่อเกี่ยวกับการไหว้แม่ย่านางรถ

สิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับการไหว้บูชาแม่ย่านางรถ มีดังนี้

  • ธูป 9 ดอก
  • เทียน 2 เล่ม
  • ดอกไม้ 1 กำ ใช้เป็นดาวเรืองหรือเป็นกล้วยไม้ก็ได้ นำไปติดไว้ที่กระจังหน้ารถหรือที่กันชน
  • น้ำแดง 1 ขวด
  • หมาก พลู และยาเส้น 3 คำ
  • ขนมหวาน เช่น ขนมเทียน ขนมเข่ง ขนมถ้วยฟู เป็นต้น
  • ผลไม้ 5 อย่าง
  1. สับปะรด ออกเสียงตรงกับคำว่า อั้งไล้ ในภาษาจีน ซึ่งมีความหมายว่า การเรียกโชคลาภ เงินทอง และความเป็นสิริมงคล
  2. แก้วมังกร แทนความอุสมสมบูรณ์์และความร่ำรวย ยิ่งถ้าหากผลไม้มีเนื้อสีแดงยิ่งเพิ่มความเป็นศิริมงคลมากยิ่งขึ้น
  3. ทับทิม หมายถึงความแน่นแฟ้า ความสามัคคี
  4. มะพร้าว ในภาษาสันสกฤต คือ ศรีปาละ ซึ่งแผลว่าผลไม้ของเทพเจ้า
  5. กล้วยหอม ถือเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้แท้การเรียกโชคลาภและความเป็นมงคลให้เข้ามา

ขั้นตอนการไหว้แม้ย่านางรถ

ตามธรรมเนียมโบราณสมัยก่อน มักไหว้ในวันสงกรานต์ สำหรับรถทัวร์ห หรือรถบรรทุกมักไหว้ปีละ 2 ครั้ง ในปัจจุบัน แต่โดยส่วนมากแล้วจะถือเอาความสะดวกของเจ้าของรถมากกว่า ว่าสะดวกช่วงไหนแต่ถ้าเป็นได้การไหวแม่ย่านางรถควรไหว้ในตอนรุ่งเช้าของวันใหม่

คาถาสำหรับบูชาแม่ย่านาง

สุทินนัง วัตถุทานัง อาสะวะ ขะยาวะหัง โหตุ
ทุติยัมปิ สุทินนัง วัตถุทานัง อาสะวะ ขะยาวะหัง โหตุ
ตะติยัม สุทินนัง วัตถุทานัง อาสะวะ ขะยาวะหัง โหตุ

ลูกขอถวายสิ่งของเหล่านี้แก่แม่ย่านางรถ ขอท่านจงรับซึ่งสิ่งของเหล่านี้เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายเทอญ
หลังจากนั้น รอจนธูปหมดดอกแล้วจึงจุดยาสูบ 3 มวนให้เจ้าที่หากนั้นจึงกล่าวคำลาของไว้แม่ย่านางรถ

สวดคำลาของไหว้แม่ย่านางรถ

“ตั้งนะโม 3 จบ” 
พุทธังลา ธัมมังลา สังฆังลา
ข้าพเจ้าขอลาสิ่งของเหล่านี้เพื่อให้เป็นทานต่อไป เป็นยารักษาโรค อย่าให้เกิดโทษ
เสสัง มังคะลา ยาจามะ
หลังจากกล่าวคำลาของไหว้แม่ย่านางรถแล้ว ก็เป็นอันเสร็จพิธี และนิยมนำของไหว้ไปรับประทานเพื่อความเป็นสิริมงคล หรือแจกเพื่อนบ้าน ญาติ หรือคนในครอบครัว

และนอกจากนี้ ยังมีการเจิมรถ เพื่อเป็นสิริมงคล
มีความเชื่อว่าการเจิมรถออกรถใหม่หรือรับรถใหม่ สิ่งที่ไม่ควรทำที่สุดคือการนำรถไปที่อโคจร เช่น ผับ บาร์ หรือ ร้านเหล้า แต่ควรนำไปเจิมรถปิดทอง พรมน้ำมนต์ หรือเดินสายทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคล เพื่อปัดเป่าสิ่งไม่ดี และขอพรให้เจอแต่สิ่งดีๆ มีความราบรื่นและปลอดภัยในการเดินทาง จะได้แคล้วคลาด จากภัยอันตรายยต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้

ควรมีเครื่องบูชา

การมีเครื่องสักการะกราบบูชานั้นเป็นเรื่องที่ดี เพราะการมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะเป็นเครื่องเตือนใจให้แก่ตัวเอง และมีสติในการขับรถ และเพื่อการเป็นสิริมงคล โดยการมีพระพุทธรูปองค์เล็กๆ หรือเครื่องบูชาที่เคารพกราบไหว้ โดยจะต้องมีเครื่องสักกราระบูชาได้แก่ กล้วย 1 หวี น้ำมนต์ เครื่องประดับหรือสร้อยทองแหวนทอง และเงินที่ลงท้ายจำนวนด้วย 99 หรือ 999 หรือแบงค์ที่ลงท้ายด้วย 99 ก็ได้ และนอกจากนี้ ควรใส่เสื้อผ้าสีที่เป็นศิริมลคล เสริมดวงของตัวเองอีกด้วย

จากความเชื่อทั้งหมดนี้เกี่ยวกับการออกรถการบูชาถือว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ การทำพิธีต่างๆ สามารถช่วยให้คุณมีความมั่นใจในการขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น และมีสติในการขับ อีกทั้งการขับก็ให้ปลอดภัยก็ต้องมีน้ำใจกับเพื่อนร่วมทางบนท้องถนนด้วยนะครับ

อ่านโหราศาสตร์เพิ่มเติม

ซากแมลงหน้ารถอันตรายกว่าที่คุณคิดต้องรีบจัดการ เตรียมอุปกรณ์ พร้อมวิธีกำจัด

หลายๆคนอาจจะเคยเจอประสบการณ์สุดแสนจะปวดหัวกับซากแมลงต่างๆที่มากระทบกับหน้ารถจนเกิดความสกปรกหลังจากที่เดินทางต่างจังหวัด ซึ่งหากคราบเหล่านี้ยิ่งปล่อยไว้นานๆก็จะยิ่งแห้งติดรถ ล้างออกยากหากทำความสะอาดไม่ถูกวิธีก็จะทำให้สีถลอกแทนที่คราบเหล่านี้จะออกก็กลายมาเป็นซ่อมสี และนอกจากปัญหาซากแมลง ภายในตัวแมลงนั้นก็จะแปลงสภาพมาเป็นกรดอ่อนๆ ทำให้สีมีรอยด่าง แต่ไม่ต้องงเป็นกังวลนะครับ วันนี้ทาง Kitsadagoodcar มีเคล็ดไม่ลับมาฝากทุกท่านที่เจอปัญหานี้ครับ

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมก่อนทำความสะอาดมีดังต่อไปนี้

  • สำลี
  • Baby Oil หรือ น้ำมันมะพร้าว
  • ผ้าสะอาด ไมโครไฟเบอร์ ไม่ควรใช้ผ้าที่มีความแข็ง
  • กระดาษทิชชู่เปียก หากไม่มี ใช้ผ้าเปียกหมาดๆ (แต่จะทำให้ผ้าสกปรกซักคราบออกยาก)

ขั้นตอนการทำความสะอาดและขจัดคราบ

  1. หารอยเปื้อน โดยยังไม่ต้องทำการล้างออก
  2. ให้ใช้น้ำมันมะพร้าว หรือ Baby oil เทลงบนสำลี หรือ ทิชชู่ ให้ชุ่มทั่วๆแผ่น
  3. นำแผ่นทิชชู่ที่มี น้ำมันมะพร้าวหรือ Baby Oil เช็ดในบริเวณที่มีซากแมลง คราบสกปรก รวมไปถึง ยางไม้ต่างๆ โดยใช้วิธีปาดออกไปในททิศทางเดียว ไม่ควรเช็ดวนเพราะจะยิ่งทำให้เลอะกว้างขึ้น หรือหากเจอซากแมลงที่มีความแข็งอาจจะททำให้รถเป็นรอยได้
  4. เช็ดรอย น้ำมันมะพร้าวหรือ Baby oil ด้วยผ้าแห้ง หรือผ้าไมโครไฟเบอร์เมื่อคราบสกปรกหมดไปแล้วก็ให้ล้างน้ำด้วยแชมพูรถยนต์ และเคลือบสีตามปกติ

เพียงแค่นี้ การขจัดซากแมลง และการทำความสะอาดรถก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ไม่ยากอีกต่อไป ที่สำคัญแนะนำว่าหากพบสิ่งเหล่านี้ ก็ให้รีบทำความสะอาดทันทีเพราะหากปล่อยไว้นานๆก็อาจจะทำให้คุณแก้ไขได้ยาก จนไปถึงการกัดสีรถจนเสียหายได้ครับ

ต้องการอ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม


เติมน้ำมันเครื่องผิดเบอร์ เกิดปัญหาอะไรบ้าง

ปัญหาการเติมน้ำมันผิด เบอร์ถือว่าเป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้บนความเข้าใจผิด ของผู้ใช้รถ อันที่จริงแล้ว การเติมน้ำมันเครื่องผิดเบอร์อาจจะไม่ทำให้เกิดปัญหาที่ร้ายแรงมากนักแต่ทางที่ดี การเติมน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับขนาดเครื่องยนต์ก็จะทำให้เกิดประโยชน์และเครื่องยนต์ที่มากกว่านั่นเอง

ในกรณีที่ ที่เราใส่น้ำมันผิดเกรด และหนืดขึ้นเช่นรถยนต์ต้องใช้ความหนืดที่ 0W-40 แต่ใส่ขนาด 0W-15 เพราะเชื่อว่า ความข้นจะช่วยลดการสึกหรอได้ดีขึ้น

เพราะน้ำมันที่หนืดมากนั้นจะมีการไหลของน้ำมันได้ไม่เร็วพอ

แต่อันที่จริงแล้วกรณีที่ใส่น้ำมันที่มีค่าความหนืดสูงกว่าเครื่องยนต์ที่รองรับได้ น้ำมันเครื่องอาจจะไหลเข้าไปตามช่องว่างตามเพลาข้อเหวี่ยงและแบริ่งได้ยากและไม่ทั่วถึง จึงทำให้น้ำมันเครื่องไม่สามารถสร้างแผ่นฟีล์มป้องกันได้ดี อาจจะทำให้มีส่วนที่เป็ลเหล็กเสียสีกันและสึกหรอแค่นั้นไม่พอเครื่องยนต์อาจจะต้องสูญเสียพลังงานในการปั้มน้ำมันที่ข้นหนืดเกินความจำเป็นทำให้ลดประสิทธิภาพในการทำงานยิ่งขึ้น ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง

น้ำมันที่ข้นหนืดจะสามารถถ่ายเทความร้อนได้อยากกว่าน้ำมันที่มีความข้นหนืดน้อย โดยอุณหภูมิของเครื่องยนต์อาจจะสูงขึ้นซึ่งส่งผลทำให้สารที่มีในน้ำมันเครื่องนั้นเสื่อมสภาพอาจจเกิดการทำงานที่ผิดพลาดของเครื่องยนต์ หรือเกิดคราบเขม่าควันน้ำมันเครื่อง ได้

โดยเครื่องยนต์ในสมัยใหม่ๆจะเน้นไปในทางการประหยัดน้ำมันถึงทำให้ใช้น้ำมัยที่มีความข้นหนืดต่ำเป็นส่วนใหญ่ ฉะนั้นการเลือกซื้อน้ำมันเครื่องอาจจะต้องศึกษาเพื่อที่จะเลือกใช้น้ำมันเครื่องให้เหมาะสมกับรถของคุณ


การเติมน้ำมันเครื่องผิดเบอร์ จากความหนืดที่มากไปใส่ในเครื่องยนต์ที่ต้องการความหนืดน้อยทำได้หรือไม่


การเติมน้ำมันเครื่องที่ข้นหนืดเกินไป อาจจะไม่ส่งผลให้รับรู้ได้โดยตรงแต่ถ้าหากสังเกตุจากการใช้จะพบว่า เครื่องยนต์มีการกินน้ำมันมากยิ่งขึ้น และ การทำงานของเครื่องยนต์ก็หนักขึ้นอีกด้วย


แต่ถ้าหากนำน้ำมันเครื่องที่มีความหนืดน้อย ไปใส่เครื่องยนต์ที่ต้องการความหนืดมาก อาจจะส่งผลให้เกิดความเสียหายร้ายแรงได้

น้ำมันที่หนืดน้อยไปสำหรับเครื่องยนต์บางประเภท ทำให้ชั้นฟีล์มที่เคลือบเครื่องยนต์อาจจะไม่เพียงพอ ทำให้การป้องกันไม่เต็มที่ แรงเฉือนที่สูงและจะทำให้เกิดความร้อนในเครื่องยนต์ และจะทำให้เกิดผลกระทบกับวาล์วททำให้เสียงของการสึกหรอ

การผสมน้ำมันเครื่องระหว่างน้ำมันเครื่องสังเคราห์แท้ และน้ำมันเครื่องแบบกึ่งสังเคราห์เข้าด้วยกัน

การผสมน้ำมันเครื่องนั้นเป็นพฤติกรรมที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหากนำน้ำมันเครื่องที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่าไปเติมกับน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ จะทำให้ประสิทธิภาพนั้นต่ำลงจึงไม่แนะนำให้ทำอย่างยิ่งครับ

การผสมน้ำมันที่มีความข้นหนืดต่างกันนั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะถ้าหากนำน้ำมันเครื่องที่มีความข้นหนืดน้อยกว่าเครื่องยนต์ที่ต้องการความข้นหนืดขงน้ำมันเครื่องสูงอาจจะทำให้เกิดความเสียหายของเครื่องยนต์ได้

การผสมน้ำมันเครื่องต่างยี่ห้อ ทำได้หรือไม่

การผสมน้ำมันต่างยี่ห้อนั้นก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องห้ามเพราะในแต่ละยี่ห้อนั้น มีสารเสริมประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน การผสมเอาสารต่างๆที่แตกต่างกันเข้าด้วยกันนั้น ทำให้สารเคมีบางงชนิดนั้นทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ แต่ก็ไม่ทำให้เครื่องยนต์นั้นเสียหายเพราะน้ำมันเครื่องที่ต่างยี่ห้อ แต่ก็ยังมีความข้นหนืดที่เท่ากัน

สัญญาณที่บ่งบอกว่า คุณกำลังเติมน้ำมันเครื่องผิดเบอร์หรือน้ำมันเครื่องที่ไม่เหมาะสมนั้นจะเกิดอะไรบ้าง

  • เครื่องยนต์นั้นจะมีเสียงของการทำงานที่ดังขึ้น หรือเริ่มมีเสียงดังติ๊กๆ ขณะเริ่มสตาร์ทรถ เพราะชิ้นส่วนบางตัวต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อให้เครื่องยนต์ติด
  • รอยหยดของน้ำมันเครื่อง ตามซีลน๊อตต่างๆ อาจจะมีการรั่วซึมออกจากส่วนต่างๆได้เนื่องจากใช้น้ำมันเครื่องผิดประเภทของเครื่องยนต์
  • เริ่มมีกลิ่นไหม้หรือมีกลิ่นควันของไอเสีย ในกรณีที่เครื่องยนต์นั้นหล่อหลื่นได้ไม่เต็มประสิทธิภาพหรือน้ำมันเครื่องปกป้องการสึกหรอไม่เต็มที่ ชิ้นส่วนบางชิ้นอาจจะเส้นหายและถูกเผาไหม้จนเกิดกลิ่นของเหล็กทำให้ชิ้นส่วนเสียหายได้
  • น้ำมันเครื่องหาย หรือ พร่อง ลงไปเยอะต้องเติมน้ำมันเครื่องบ่อยขึ้น
  • น้ำมันเชื้อเพลิงหมดเร็วในกรณีที่เติมน้ำมันเครื่องที่มีความข้นหนืดเกินไปและอาจจะลดทอนการทำงานของประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ และเพิ่มภาระการทำงานของเครื่องยนต์มากยิ่งขึ้น ผลที่ตามมาคือ อัตราความสิ้นเปลืองข้อน้ำมันเชื้อเพลิงก็เพิ่มขึ้นไปด้วยนั่นเอง

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

Porsche จับมือ Pixar จ่อผลิต “Sally Carrera” จากการตูนเรื่อง Cars

ถ้าคุณเป็นแฟนตัวยงจากอนิเมชั่นดังของค่าย Pixar Studio อย่าง Cars 4 ล้อซิ่ง..ซ่าท้าโลก ที่เคยฉายในจอเงิน เมื่อปี 2006 เรื่องราวการผจญภัยของเหล่ารถยนต์หลากหลายรุ่นที่มีชีวิตจิตใจเต็มไปด้วยการแข่งขันความเร็ว และในอีกไม่ช้าทาง Porsche ก็ถือวาระ 20 ปีเต็ม ก็ได้ผุดไอเดียเจ๋งๆ สร้างโปรเจกต์พิเศษ ร่วมกับบริษัทหนังยักษ์ใหญ่

ตามรายงาน ได้ระบุไว้ว่า Porsche และ Pixer Studios จะร่วมมือกันทำโปรเจกต์ใหม่ที่เป็นสิ่งสร้างความน่าสนใจให้กับวงการณ์ยานยนต์และน่าจับตามองเพราะเขากำลังจะสรรค์สร้างที่จะให้ออกมาโลดแล่นในชีวิตจริง และสามารถขับขี่ยลโฉมไปไหนมาไหนได้ด้วย

ในภาพยนต์เรื่อง Cars นั้น Sally Carrera เป็นตัวละคร รถยนต์ Porche รุ่น 2002 996-Generation 911 Carrera ที่เปรียบเสมือนนางเอกของเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ โดยนางจะเป็นคันสีฟ้าเมทัลลิก และมีเอกลักษณ์ที่สปอยเลอร์ ด้านท้าย รวมทั้งมีล้อลายเทอร์โบสุดเทห์ เรียกว่าเป็นตัวละครรถยนต์ที่ออกแบบรถที่นำมาใช้ในภาพยนต์สวยไม่ใช่เล่น

ในข้อมูลเบื้องต้น Porche คาดว่าการผลิต Sally Carrera จะถูกเร่งผลิตอย่างรวดเร็วที่สุด ก็น่าจำเป็นช่วงสิ้นปีนี้ แต่ขณะนี้การผลิตยังถูกชะงักอยู่ เพราะผลกระทบทางด้านสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่สาวน้อย Sally Carrera ถูกสร้างขึ้นมาจนสมบูรณ์ ก็จะถูกนำไปประมูลขายโดนที่ยังไม่ได้ตั้งราคาเปิดประมูล เพื่อนำรายได้เข้าองค์กรการกุศลเพื่อสตรี อย่าง Girls Inc. ตามลำดับ



อ่านข่าวสารยานยนต์เพิ่ม