รถมือสองชลบุรี

ไมล์แท้ 11X,XXX Km.เช็คศูนย์ตลอด เครื่อง 2500 ดีเซล เบาะใหญ่ VIP 9 ที่นั่ง ป้ายฟ้าแท้ๆ ตั้งแต่เกิด ไม่เคยเปลี่ยนป้าย ดูแลง่าย ออกรถปี 2021 แท้ๆ 31/5/2021 โฉมหน้าใหม่ ไมเนอร์เชนจ์ โฉม NISSAN URVAN 2.5 หลังคาสูง ไฟหน้าใหม่ ไมเนอร์เชนจ์ เครื่อง 2500 ดีเซล เกียร์ธรรมดา ประหยัดมาก ABS เพาเวอร์ ไฟฟ้าทั้งคัน รถสวยจัด มือเดียว ออกห้างตั้งแต่ป้ายแดง พร้อมใช้งาน การันตีสภาพ รถสวย ไม่เคยชน ออกรถได้เลย ไม่ต้องรอรถ รถสวย ไมล์แท้ ประวัติดีมากๆ คุ้มมากๆ ประหยัดไปหลายแสน อย่าเพิ่งตัดสินใจซื้อ ถ้าท่านยังไม่เห็นคันนี้ ออกห้าง 1.2 ล้าน ประหยัดไปหลายแสนโคตรคุ้ม ได้รถสวย ไม่เคยชน คู่มือ BOOK SERVICE กุญแจสำรองครบ

Nissan URVAN 2.5 (2021) NV350 เบาะใหญ่ VIP 9 ที่นั่ง ป้ายฟ้า: รถตู้โดยสารอเนกประสงค์เพื่อธุรกิจและครอบครัว

Nissan URVAN NV350 เป็นรถตู้โดยสารขนาดใหญ่ที่ได้รับความไว้วางใจในตลาดเมืองไทยมายาวนาน ด้วยชื่อเสียงด้านความทนทาน เครื่องยนต์ดีเซลที่ทรงพลัง และห้องโดยสารที่กว้างขวาง สำหรับรุ่นปี 2021 นี้ ยังคงเป็น NV350 ที่ได้รับการปรับปรุงและนำเสนอในรูปแบบที่หลากหลาย โดยเฉพาะรุ่น เบาะใหญ่ VIP 9 ที่นั่ง ป้ายฟ้า ซึ่งเป็นรถตู้โดยสารที่จดทะเบียนสำหรับบุคคลทั่วไป (ไม่ใช่รถสาธารณะป้ายเหลือง) เหมาะสำหรับธุรกิจเช่ารถส่วนตัว โรงแรม หรือการใช้งานในครอบครัวขนาดใหญ่ที่ต้องการความสะดวกสบายระดับ VIP

สเปกเด่นของ Nissan URVAN 2.5 (2021) NV350 เบาะใหญ่ VIP 9 ที่นั่ง

1. เครื่องยนต์ดีเซล YD25DDTi 2.5 ลิตร Commonrail Turbo:

   • ขนาด: 2,488 ซีซี (2.5 ลิตร) 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบแปรผัน (VGS Turbo) พร้อม Intercooler

   • กำลังสูงสุด: 129 แรงม้า (PS) ที่ 3,200 รอบ/นาที

   • แรงบิดสูงสุด: 356 นิวตันเมตร ที่ 1,400 - 2,000 รอบ/นาที

   • เกียร์: ธรรมดา 5 จังหวะ หรือ อัตโนมัติ 5 จังหวะ (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย)

   • สมรรถนะ: เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร ให้พละกำลังและแรงบิดที่เพียงพอต่อการขับเคลื่อนรถตู้ขนาดใหญ่พร้อมผู้โดยสารเต็มคัน แรงบิดสูงในรอบต่ำช่วยให้ออกตัวและเร่งแซงได้ดี แม้จะเป็นรถตู้ แต่ก็ให้ความประหยัดน้ำมันในระดับที่น่าพอใจ

2. ห้องโดยสาร VIP 9 ที่นั่ง:

   • รูปแบบเบาะ: การจัดวางเบาะแบบ VIP 9 ที่นั่ง มักจะหมายถึงการจัดวางที่เน้นความสะดวกสบายของผู้โดยสารเป็นหลัก โดยอาจมีการปรับปรุงเบาะให้มีขนาดใหญ่ขึ้น หรูหราขึ้น มีที่วางแขน หรือพื้นที่วางขาที่กว้างขวางกว่ารุ่นมาตรฐาน

   • ความกว้างขวาง: NV350 มีจุดเด่นที่ห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบายสำหรับผู้โดยสารทุกคน

   • ระบบปรับอากาศ: มีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังแยกต่างหาก เพื่อการกระจายความเย็นที่ทั่วถึง

3. ดีไซน์ภายนอกและภายในที่เน้นประโยชน์ใช้สอย:

   • ดีไซน์ภายนอก: รูปทรงกล่องเน้นพื้นที่ใช้สอยภายในสูงสุด ประตูสไลด์ด้านข้างขนาดใหญ่ช่วยให้ผู้โดยสารขึ้น-ลงสะดวก

   • ภายใน: แผงคอนโซลหน้าออกแบบให้ใช้งานง่าย ตำแหน่งเกียร์อยู่บนคอนโซล (Dash-mounted shifter) ช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างระหว่างเบาะคู่หน้า

4. ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน:

   • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า

   • ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System) และ EBD (Electronic Brake-force Distribution)

   • โครงสร้างตัวถังนิรภัย

5. ป้ายฟ้า (รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน หรือ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน):

   • บ่งบอกว่าเป็นรถที่จดทะเบียนสำหรับใช้งานส่วนตัว ไม่ใช่รถโดยสารสาธารณะ ทำให้ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเส้นทางหรือการรับผู้โดยสารแบบรถป้ายเหลือง

ข้อดีของ Nissan URVAN 2.5 (2021) NV350 เบาะใหญ่ VIP 9 ที่นั่ง:

1. ความทนทานและเชื่อถือได้: Nissan Urvan มีชื่อเสียงมายาวนานในเรื่องความอึด เหมาะกับการใช้งานหนักและต่อเนื่อง

2. เครื่องยนต์ดีเซลทรงพลัง: เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ให้แรงบิดที่ดีเยี่ยม เหมาะกับการบรรทุกผู้โดยสารเต็มคันและการเดินทางไกล

3. ห้องโดยสารกว้างขวาง: พื้นที่ภายในกว้างขวาง นั่งสบาย ไม่อึดอัด

4. เบาะ VIP 9 ที่นั่ง: การจัดวางเบาะที่เน้นความสะดวกสบายเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการบริการระดับพรีเมียม หรือครอบครัวขนาดใหญ่

5. ค่าบำรุงรักษาไม่สูงเกินไป: อะไหล่หาง่าย และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาโดยรวมถือว่าสมเหตุสมผลสำหรับรถตู้

Isuzu D-MAX 1.9 SPARK (2022) B (รถตู้ทำความเย็น)

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านรถกระบะ ตู้ทึบ และรถบรรทุกหนัก ผมขอสรุปสเปกเด่น จุดขาย และการพิจารณาเรื่องน้ำหนักบรรทุกสูงสุดของ Isuzu D-MAX 1.9 SPARK (2022) B รถตู้ทำความเย็น COLD WAY ความสูง 1.60 เมตร พัดลม 3 ตัว ครับ Isuzu D-MAX 1.9 SPARK (2022) B (รถตู้ทำความเย็น) Isuzu D-Max SPARK เป็นรถกระบะตอนเดียวที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในงานเชิงพาณิชย์ ด้วยชื่อเสียงด้านความทนทาน เครื่องยนต์ดีเซลที่ประหยัดน้ำมัน และค่าบำรุงรักษาที่คุ้มค่า สำหรับรุ่นปี 2022 นี้ ยังคงเป็น D-Max เจเนอเรชันที่ 3 (All-New D-Max) ซึ่งมาพร้อมเครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง โดยรุ่น B MT เป็นรุ่นเริ่มต้นสำหรับกระบะตอนเดียวเกียร์ธรรมดา

สเปกเด่นของรถพื้นฐาน (Isuzu D-MAX 1.9 SPARK 2022 B MT):

1. เครื่องยนต์ดีเซล RZ4E-TC 1.9 Ddi Blue Power:

   • ขนาด: 1,898 ซีซี (1.9 ลิตร) 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบแปรผัน (VGS Turbo) พร้อม Intercooler

   • กำลังสูงสุด: 150 แรงม้า (PS) ที่ 3,600 รอบ/นาที

   • แรงบิดสูงสุด: 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800 - 2,600 รอบ/นาที

   • เกียร์: ธรรมดา 6 จังหวะ (MT)

   • สมรรถนะ: เครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power ได้รับการยอมรับในเรื่องของ ความประหยัดน้ำมัน และให้พละกำลังที่เพียงพอสำหรับการบรรทุกหนัก รวมถึงการขับขี่ที่คล่องตัว แรงบิดสูงมาตั้งแต่รอบต่ำ ช่วยให้ออกตัวและเร่งแซงได้ดี

2. ตัวถัง SPARK (กระบะตอนเดียว):

   • ออกแบบโครงสร้างแชสซีส์ใหม่ ให้แข็งแกร่งและรองรับน้ำหนักบรรทุกได้ดีขึ้น

   • ความคล่องตัว: ด้วยขนาดที่กะทัดรัด ทำให้รถมีความคล่องตัวสูงในสภาพการจราจรในเมือง

3. ช่วงล่างที่แข็งแกร่งทนทาน:

   • ด้านหน้าอิสระปีกนก 2 ชั้น พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง

   • ด้านหลังแหนบซ้อน (Leaf Spring) ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการบรรทุกหนัก

4. ความน่าเชื่อถือและค่าบำรุงรักษาต่ำ:

   • Isuzu D-Max มีชื่อเสียงโดดเด่นในเรื่องความทนทาน อะไหล่หาง่าย และค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่สมเหตุสมผล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับรถเชิงพาณิชย์

สรุปสเปกตู้ทำความเย็น COLD WAY ความสูง 1.60 เมตร พัดลม 3 ตัว

ตู้ทำความเย็น (Refrigerated Box) หรือที่นิยมเรียกว่า "ตู้เย็น" สำหรับรถกระบะ เป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิสินค้า เช่น อาหารสด อาหารแช่แข็ง ผลไม้ ยา หรือดอกไม้

1. ประเภทตู้: ตู้ทำความเย็น (Refrigerated Box)

2. วัสดุ:

   • ผนัง/หลังคา/พื้น: ใช้ แผ่นฉนวนสำเร็จรูป (Sandwich Panel) ซึ่งประกอบด้วยผิวภายนอกและภายในเป็นแผ่น ไฟเบอร์กลาส (FRP) กับ สเตนเลส ประกบกับแกนกลางที่เป็นฉนวนความร้อนประสิทธิภาพสูง ด้วย โฟมโพลียูรีเทน (Polyurethane Foam - PU Foam) ที่มีความหนาแน่นสูง

   • โครงสร้าง: ใช้ อลูมิเนียม ในการขึ้นโครงและขอบมุม เพื่อความแข็งแรง ทนทานต่อการกัดกร่อน และน้ำหนักที่เหมาะสม

   • พื้นตู้: เป็นอลูมิเนียมลายกันลื่น เพื่อความทนทานและสุขอนามัย

3. ขนาด:

   • ความสูงภายใน/ภายนอก (จากพื้นกระบะ): 1.60 เมตร (ตามที่คุณระบุ) ซึ่งเป็นความสูงที่เหมาะสมสำหรับการขนส่งสินค้าที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิและยังคงความคล่องตัวในการขับขี่

4. ระบบทำความเย็น (COLD WAY):

   • ยี่ห้อ: COLD WAY เป็นผู้ผลิตชุดทำความเย็นสำหรับรถยนต์

   • พัดลม: 3 ตัว (ตามที่คุณระบุ) การมีพัดลม 3 ตัวบ่งชี้ถึงการกระจายความเย็นที่ดีภายในตู้ เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าได้รับความเย็นทั่วถึง

   • อุณหภูมิ: ตู้ทำความเย็นสามารถควบคุมอุณหภูมิได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับสเปกของชุดทำความเย็น COLD WAY (เช่น รักษาความเย็นปกติ 0 ถึง +10 องศาเซลเซียส หรือแช่แข็ง -18 ถึง -25 องศาเซลเซียส) โดยทั่วไปจะมีชุดควบคุมอุณหภูมิในห้องโดยสาร

   • แหล่งพลังงาน: ชุดทำความเย็นมักจะใช้พลังงานจากเครื่องยนต์รถยนต์ (ขับเคลื่อนด้วยคอมเพรสเซอร์) หรือบางรุ่นอาจมีระบบไฟฟ้าเสริมสำหรับเสียบปลั๊กเมื่อจอด

5. รูปแบบประตู:

   • โดยทั่วไป ตู้ทำความเย็นมักมีประตูด้านท้ายเป็นแบบบานเปิดคู่ (Double Swing Door) พร้อมซีลยางกันความเย็นรั่วไหลอย่างแน่นหนา และอาจมีประตูด้านข้างเพิ่มเติมตามความต้องการใช้งาน

จุดขายหลักของ Isuzu D-MAX 1.9 SPARK (2022) B ตู้ทำความเย็น COLD WAY:

• "โซลูชันครบวงจรสำหรับธุรกิจขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิ": เป็นรถที่พร้อมใช้งานทันทีสำหรับธุรกิจที่ต้องการขนส่งสินค้าที่เน่าเสียง่าย หรือต้องการการควบคุมอุณหภูมิ

• เครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power ประหยัดและแรง: ให้ทั้งพละกำลังที่เพียงพอสำหรับการบรรทุก และโดดเด่นเรื่องอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ต่ำมาก

• ตู้ทำความเย็น COLD WAY คุณภาพดี: มีพัดลม 3 ตัว ช่วยกระจายความเย็นได้ทั่วถึง มั่นใจได้ในการรักษาคุณภาพสินค้า

• ความทนทานและค่าบำรุงรักษาต่ำ: Isuzu มีชื่อเสียงด้านความอึด อะไหล่หาง่าย และค่าใช้จ่ายในการดูแลที่คุ้มค่า

✅ จดทะเบียนเป็นตู้บรรทุก ถูกต้องทุกอย่าง

Isuzu D-MAX 1.9 SPARK (2020) B MT (รถตู้ทึบบรรทุก)

Isuzu D-Max SPARK เป็นรถกระบะตอนเดียวที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในงานเชิงพาณิชย์ ด้วยชื่อเสียงด้านความทนทาน เครื่องยนต์ดีเซลที่ประหยัดน้ำมัน และค่าบำรุงรักษาที่คุ้มค่า สำหรับรุ่นปี 2020 นี้ เป็น D-Max เจเนอเรชันที่ 3 (All-New D-Max) ซึ่งมาพร้อมเครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยรุ่น B MT เป็นรุ่นเริ่มต้นสำหรับกระบะตอนเดียวเกียร์ธรรมดา

สเปกเด่นของรถพื้นฐาน (Isuzu D-MAX 1.9 SPARK 2020 B MT):

1. เครื่องยนต์ดีเซล RZ4E-TC 1.9 Ddi Blue Power:

   • ขนาด: 1,898 ซีซี (1.9 ลิตร) 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบแปรผัน (VGS Turbo) พร้อม Intercooler

   • กำลังสูงสุด: 150 แรงม้า (PS) ที่ 3,600 รอบ/นาที

   • แรงบิดสูงสุด: 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800 - 2,600 รอบ/นาที

   • เกียร์: ธรรมดา 6 จังหวะ (MT)

   • สมรรถนะ: เครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power ได้รับการยอมรับอย่างสูงในเรื่องของ ความประหยัดน้ำมัน และให้พละกำลังที่เพียงพอสำหรับการบรรทุกหนัก รวมถึงการขับขี่ที่คล่องตัว แรงบิดสูงมาตั้งแต่รอบต่ำ ช่วยให้ออกตัวและเร่งแซงได้ดี

2. ตัวถัง SPARK (กระบะตอนเดียว):

   • ออกแบบโครงสร้างแชสซีส์ใหม่ ให้แข็งแกร่งและรองรับน้ำหนักบรรทุกได้ดีขึ้น

   • ความคล่องตัว: ด้วยขนาดที่กะทัดรัด ทำให้รถมีความคล่องตัวสูงในสภาพการจราจรในเมือง

3. ช่วงล่างที่แข็งแกร่งทนทาน:

   • ด้านหน้าอิสระปีกนก 2 ชั้น พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง

   • ด้านหลังแหนบซ้อน (Leaf Spring) ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการบรรทุกหนัก

4. ความน่าเชื่อถือและค่าบำรุงรักษาต่ำ:

   • Isuzu D-Max มีชื่อเสียงโดดเด่นในเรื่องความทนทาน อะไหล่หาง่าย และค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่สมเหตุสมผล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับรถเชิงพาณิชย์

จุดขายหลักของ Isuzu D-MAX 1.9 SPARK (2020) B MT ตู้ทึบสูง 2.10 เมตร:

• "สุดยอดความคุ้มค่าและประสิทธิภาพสำหรับงานขนส่ง": การรวมกันของรถกระบะ Isuzu 1.9 Ddi Blue Power ที่ประหยัดน้ำมัน และตู้ทึบที่สูงเป็นพิเศษ ทำให้เป็นโซลูชันที่ยอดเยี่ยมสำหรับธุรกิจขนส่ง

• เครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power ประหยัดและแรง: ให้ทั้งพละกำลังที่เพียงพอสำหรับการบรรทุกหนัก และโดดเด่นเรื่องอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ต่ำมาก

• ตู้ทึบขนาดใหญ่ (สูง 2.10 เมตร): เพิ่มปริมาตรการบรรทุกสินค้าได้อย่างมหาศาล เหมาะสำหรับสินค้าที่มีขนาดใหญ่หรือปริมาตรเยอะ

• ความทนทานและค่าบำรุงรักษาต่ำ: Isuzu มีชื่อเสียงด้านความอึด อะไหล่หาง่าย และค่าใช้จ่ายในการดูแลที่คุ้มค่า

• พร้อมใช้งานทันที: ตู้ทึบที่ติดตั้งมาแล้ว ทำให้สามารถนำไปใช้งานได้ทันที

เกียร์ออโต้แท้ๆ หายาก ไมล์แท้ 6 พันโล ย้ำว่า 6 พันโลแท้ๆ รถสวย สภาพเดิมๆ สภาพป้ายแดง จดทะเบียนปี 2024 ( คศ 2023 ) โฉม ALL NEW HIACE 2.8 GL โฉมเดียวกับที่ขายในโชว์รูม ไม่ต้องรอรถ รถใหม่รอไม่มีกำหนด หายากมากๆ เครื่องดีเซล 2.8 เกียร์ออโต้ ขับง่าย ประหยัดมากๆ เจ้าของเดิมออกป้ายแดงมา การันตีสภาพ สะอาดเรียบร้อย ไม่โทรมเจ้าของเก่าดูแลดีมาก หาอยู่ไม่ผิดหวังครับ ( ตัวรถมีเอกสารรับรองผ่านการตรวจสอบโครงสร้างตัวถังหลักแชสซีไม่มีอุบัติเหตุครับ ) การันตีสภาพ รถสวย รถบ้านแท้ๆ มือเดียว ภายในสะอาดเรียบร้อยไม่มีรอยเลย เอกสารติดรถคู่มือการใช้งาน สามารถเช็คประวัติย้อนหลังได้ครับ การันตีหารุ่นนี้อยู่ไม่ผิดหวังแน่นอนกับรถสภาพเหมือนใหม่แบบนี้และราคาที่ดีที่สุดในตอนนี้ครับ ยังอยู่ในวารันตีจากศูนย์ สบายใจหายห่วง

การันตีสภาพ รถสวย ดูรถไม่เป็นสบายใจได้ การันตี พาไปตรวจสภาพที่ศูนย์ ก่อนจอง เพื่อความสบายใจของท่าน กับการได้รถที่คุ้มค่ากับเงินที่ท่านเสียไป คุ้มที่สุด        

Toyota HIACE 2.8 (2024) GL AT: รถตู้โดยสารยอดนิยมที่ปรับโฉมใหม่

Toyota HIACE เจเนอเรชันที่ 6 (รหัส H300) เปิดตัวในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2019 โดยแยกไลน์การผลิตจาก Commuter และ Majesty อย่างชัดเจน HIACE (ในรุ่น GL) จะเน้นการใช้งานเชิงพาณิชย์สำหรับขนส่งผู้โดยสารในระดับที่กว้างขวางและคุ้มค่า เน้นความทนทาน และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สมเหตุสมผล ซึ่งรุ่นปี 2024 นี้ยังคงต่อเนื่องจากรุ่นปรับโฉมล่าสุด

สเปกเด่นของ Toyota HIACE 2.8 (2024) GL AT

1. เครื่องยนต์ดีเซล 1GD-FTV 2.8 ลิตร VN Turbo:
• ขนาด: 2,755 ซีซี (2.8 ลิตร) 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VN Turbo พร้อม Intercooler
• กำลังสูงสุด: 177 แรงม้า (PS) ที่ 3,400 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด: 420 นิวตันเมตร ที่ 1,400 – 2,600 รอบ/นาที
• เกียร์: อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift
• สมรรถนะ: ให้พละกำลังที่เหลือเฟือสำหรับรถตู้โดยสาร สามารถขับเคลื่อนได้อย่างสบายแม้บรรทุกผู้โดยสารเต็มคัน และมีแรงบิดที่ดีสำหรับการออกตัวและเร่งแซง เกียร์อัตโนมัติช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ โดยเฉพาะในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น
• ความประหยัดและทนทาน: เครื่องยนต์ 1GD เป็นที่ยอมรับในเรื่องของความทนทาน ประหยัดน้ำมัน และค่าบำรุงรักษาไม่แพงตามมาตรฐาน Toyota
2. ห้องโดยสาร 12 ที่นั่งที่กว้างขวางและยืดหยุ่น:
• การจัดวางที่นั่ง: 12 ที่นั่ง (เป็นมาตรฐานสำหรับ HIACE GL) ออกแบบมาให้มีพื้นที่กว้างขวาง สามารถปรับเบาะเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้
• การเข้า-ออก: ประตูสไลด์ด้านข้างที่เปิดได้กว้าง ช่วยให้ผู้โดยสารขึ้น-ลงได้สะดวก
• ระบบปรับอากาศ: มีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารทุกตำแหน่ง กระจายความเย็นได้ทั่วถึง
3. ช่วงล่างที่เน้นความทนทานและการบรรทุก:
• ช่วงล่างที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการบรรทุกผู้โดยสารจำนวนมากและใช้งานหนัก ยังคงให้ความมั่นคงในการขับขี่
• โครงสร้างตัวถังแบบ Semi-bonnet (เครื่องยนต์อยู่ด้านหน้าคนขับ) ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดเสียงรบกวนในห้องโดยสาร
4. ฟังก์ชันอำนวยความสะดวก:
• เครื่องเสียง: วิทยุ USB, AUX, Bluetooth พร้อมลำโพง 4 ตำแหน่ง
• พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า (EPS): ช่วยให้การบังคับเลี้ยวสะดวกสบายและแม่นยำขึ้น
• กระจกไฟฟ้า One-touch: สำหรับคนขับ
5. ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน:
• ถุงลมนิรภัย 3 ตำแหน่ง: (คู่หน้า และหัวเข่าคนขับ)
• ระบบเบรก ABS/EBD/BA:
• ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (VSC): ช่วยป้องกันการลื่นไถล
• ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TRC): เพิ่มการยึดเกาะถนน
• ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HAC):
• ไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน (ESS):
• กล้องมองหลัง (Back Camera): พร้อมสัญญาณกะระยะด้านหลัง (2 จุด)

ข้อดีของ Toyota HIACE 2.8 (2024) GL AT เมื่อเทียบกับรุ่นย่อยอื่นๆ และรุ่นก่อนหน้า:

1. เหนือกว่า HIACE GL (เกียร์ธรรมดา):
• เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ: เป็นจุดเด่นที่สำคัญที่สุด ทำให้การขับขี่สะดวกสบายและไม่เมื่อยล้า โดยเฉพาะในการจราจรติดขัด หรือการขับขี่ระยะไกล การเปลี่ยนเกียร์ราบรื่นกว่า
• กล้องมองหลังและเซ็นเซอร์กะระยะ: ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการถอยจอดรถตู้ขนาดใหญ่
2. เหนือกว่า Toyota Commuter (โฉมเดิม):
• เครื่องยนต์ใหม่ 1GD-FTV 2.8 ลิตร: ให้กำลังและแรงบิดสูงกว่าเครื่องยนต์ 1KD-FTV 3.0 ลิตร ของ Commuter เดิมอย่างชัดเจน ทำให้รถมีสมรรถนะที่ดีกว่า ประหยัดน้ำมันกว่า และปล่อยมลพิษน้อยกว่า
• โครงสร้างตัวถังแบบ Semi-bonnet: เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า เนื่องจากเครื่องยนต์อยู่ด้านหน้ารถ ไม่ได้อยู่ใต้เบาะนั่งคนขับ
• ช่วงล่างที่ดีขึ้น: ให้ความรู้สึกการขับขี่ที่มั่นคงและนุ่มนวลกว่า Commuter เดิม
• ระบบความปลอดภัยพื้นฐานที่ดีกว่า: มี VSC, TRC, HAC, ESS ซึ่ง Commuter เดิมไม่มี

สรุปจุดขายหลักของ Toyota HIACE 2.8 (2024) GL AT:

• ความสะดวกสบายในการขับขี่ (เกียร์ AT): เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รุ่นนี้เป็นที่นิยมสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องใช้งานรถตู้เป็นเวลานาน
• สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม (เครื่อง 2.8L): ให้พละกำลังที่เหลือเฟือและทนทาน เหมาะสำหรับงานโดยสาร
• ความน่าเชื่อถือของ Toyota: การันตีด้วยชื่อเสียงในเรื่องคุณภาพ ความทนทาน และค่าบำรุงรักษาที่คุ้มค่า อะไหล่หาง่าย มีศูนย์บริการทั่วประเทศ
• ห้องโดยสารกว้างขวาง 12 ที่นั่ง: ตอบโจทย์ธุรกิจบริการขนส่งผู้โดยสารได้อย่างเต็มที่
• อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและปลอดภัยที่จำเป็น: กล้องมองหลัง, VSC, TRC ช่วยเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยในการใช้งาน

โดยรวมแล้ว Toyota HIACE 2.8 (2024) GL AT เป็นรถตู้โดยสารที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการรถที่ทนทาน มีสมรรถนะดีเยี่ยม สะดวกสบายในการขับขี่ และมีความคุ้มค่าในการดำเนินธุรกิจขนส่งผู้โดยสารครับ

ตัวท๊อปสุดของรุ่น 2.0 EL NAVI ปลายปี 2014 แท้ๆ โฉมใหม่ HONDA ACCORD 2.0 EL การันตีสภาพ รถสวย+เลขไมล์แท้ 22X,XXX Km.เข้าศูนย์ตลอดทุกระยะ ไม่เคยขาด เฉลี่ยใช้งานปีละ 2 หมื่นโล รถบ้านแท้ๆ ซื้อเงินสด ไม่บวกแวท

เครื่องยนต์ 2.0 เบนซิน รุ่นใหม่ ออโต้ ไม่เคยติดแก๊ส ประหยัดมากๆ ดูแลง่าย ไม่จุกจิก

ออปชั่นเยอะๆล้นๆ PUSH START เบาะไฟฟ้า เนวิเกเตอร์ แอร์ดิจิตอล กุญแจ LEY LESS พ.มัลติ ครุยคอนโทรล จอถอยหลัง

รถสวย พร้อมใช้งาน ยินดีพาไปเช็คสภาพที่ศูนย์ก่อนจองเพื่อความสบายใจของท่าน ว่าได้รถที่ดีและคุ้มค่า สวยไม่สวย ดูที่เบาะ ไม่เคยหุ้มใหม่ เราขายความจริง ไม่กลับไมล์ เพื่อให้ท่านดูแลรถต่อได้อย่างสบายใจ

ฟรีดาวน์ ดอกเบี้ยถูก รับรถได้ทันที ออกรถง่ายที่สุด รับฟังทุกเงื่อนไข

Honda Accord 2.0 (2014) EL Navi AT: ซีดานยอดนิยมที่ครบครัน

Honda Accord เจเนอเรชันที่ 9 (รหัสตัวถัง CR) เปิดตัวในช่วงปี 2013-2014 โดยได้รับการออกแบบใหม่ให้ดูหรูหราและทันสมัยยิ่งขึ้น พร้อมห้องโดยสารที่กว้างขวางและเทคโนโลยีที่ครบครัน รุ่น 2.0 EL Navi AT เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงในตลาด เนื่องจากมาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครันและระบบนำทาง (Navi)

สเปกเด่นของ Honda Accord 2.0 (2014) EL Navi

1. เครื่องยนต์เบนซิน R20A 2.0 ลิตร i-VTEC:
• ขนาด: 1,997 ซีซี (2.0 ลิตร)
• จำนวนกระบอกสูบ: 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบแปรผันวาล์ว i-VTEC
• กำลังสูงสุด: 155 แรงม้า (PS) ที่ 6,500 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด: 190 นิวตันเมตร ที่ 4,300 รอบ/นาที
• เกียร์: อัตโนมัติ 5 จังหวะ (Automatic Transmission)
• สมรรถนะ: เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ให้พละกำลังที่เพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งในเมืองและนอกเมือง การตอบสนองที่นุ่มนวลและต่อเนื่องตามสไตล์เครื่องยนต์ Honda ที่เน้นความราบรื่น
• ความประหยัด: ด้วยเทคโนโลยี i-VTEC ทำให้มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีสำหรับรถซีดานขนาดกลางในยุคนั้น
2. ห้องโดยสารที่กว้างขวางและสะดวกสบาย:
• ดีไซน์ภายใน: ออกแบบให้ดูพรีเมียมและใช้งานง่าย ด้วยวัสดุคุณภาพดีและการจัดวางที่ลงตัว
• เบาะนั่ง: หุ้มด้วยหนังแท้ (หรือหนังสังเคราะห์) ให้ความรู้สึกนุ่มสบายและรองรับสรีระได้ดี โดยเฉพาะเบาะนั่งคนขับที่มักจะปรับไฟฟ้าได้
• พื้นที่ภายใน: กว้างขวางเป็นพิเศษทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทำให้ผู้โดยสารนั่งสบาย ไม่อึดอัด เหมาะสำหรับการเดินทางไกล
• ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ Dual Zone: แยกโซนซ้าย-ขวา เพื่อความสบายของผู้โดยสารแต่ละฝั่ง
3. ฟังก์ชันอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยี:
• ระบบนำทาง (Honda Satellite-Linked Navigation System): เป็นจุดเด่นของรุ่น Navi ช่วยให้การเดินทางสะดวกสบายขึ้น
• หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบ i-MID (Intelligent Multi-Information Display): แสดงข้อมูลการขับขี่และระบบต่างๆ ของรถ
• หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ (Audio Display Touchscreen): ควบคุมระบบเครื่องเสียงและความบันเทิง
• ระบบเครื่องเสียง: รองรับ CD, MP3, USB, AUX และ Bluetooth
• พวงมาลัย Multi-function: ควบคุมระบบเครื่องเสียง, Cruise Control, และรับสายโทรศัพท์ได้
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control):
• ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (One Push Ignition System):
• กล้องส่องภาพด้านหลัง (Multi-angle Rearview Camera): ช่วยในการถอยจอด
4. ช่วงล่างที่ให้ความนุ่มนวลและมั่นคง:
• ช่วงล่างที่ได้รับการปรับจูนมาเพื่อความสมดุลระหว่างความนุ่มนวลในการโดยสารและความมั่นคงในการขับขี่ ให้ความรู้สึกที่มั่นใจเมื่อใช้ความเร็ว
• โครงสร้างตัวถัง ACE (Advanced Compatibility Engineering) ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและปลอดภัย
5. ระบบความปลอดภัยมาตรฐานสูง:
• ถุงลมนิรภัย: คู่หน้า, ด้านข้าง (รวม 4 ตำแหน่ง)
• ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System): ป้องกันล้อล็อก
• ระบบ EBD (Electronic Brake Distribution): กระจายแรงเบรก
• ระบบ BA (Brake Assist): เสริมแรงเบรกฉุกเฉิน
• ระบบ VSA (Vehicle Stability Assist): ระบบควบคุมการทรงตัว
• ระบบ HSA (Hill Start Assist): ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
• สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS - Emergency Stop Signal):

จุดขายหลักของ Honda Accord 2.0 (2014) EL Navi AT:

1. "ซีดานขนาดกลางที่คุ้มค่าและใช้งานได้หลากหลาย": Accord เป็นรถที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ทั้งในเมืองและเดินทางไกล ด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวาง ความสะดวกสบาย และฟังก์ชันที่ครบครันในราคาที่จับต้องได้ในตลาดมือสอง
2. ความน่าเชื่อถือและค่าบำรุงรักษาที่สมเหตุสมผล: Honda ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน อะไหล่หาได้ง่าย และค่าบำรุงรักษาที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับรถยุโรป ทำให้เป็นตัวเลือกที่ประหยัดในระยะยาว
3. ห้องโดยสารที่กว้างขวางและสะดวกสบาย: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยภายในรถมากเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะสำหรับการเดินทางกับครอบครัว หรือการใช้งานส่วนตัว
4. ฟังก์ชัน Navi ที่ช่วยในการเดินทาง: ระบบนำทางที่ติดตั้งมาจากโรงงานช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่และค้นหาเส้นทาง
5. สมรรถนะที่เพียงพอและขับขี่ง่าย: เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ให้พละกำลังที่เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป และการขับขี่ที่นุ่มนวล ทำให้เป็นรถที่ขับง่ายและสบาย

โดยรวมแล้ว Honda Accord 2.0 (2014) EL Navi AT เป็นรถซีดานมือสองที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์นั่งขนาดกลางที่เน้นความคุ้มค่า ความน่าเชื่อถือ ห้องโดยสารที่กว้างขวาง และฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครันครับ

TOYOTA MAJESTY 2.8 Standard ตัวรถผลิตและออกรถปี 2020 แท้ๆ รถครอบครัว การันตีสภาพ รถสวย+เลขไมล์แท้ๆ 6 หมื่นกว่า Km เช็คศูนย์ตลอด ประวัติดีมากๆ ดูแลดีมากๆ การันตีสภาพ หากมีชนหนัก-พลิกคว่ำ ยินดีคืนเงิน ดูรถไม่เป็นก็ซื้อได้

เครื่องยนต์ ดีเซล 2.8 TURBO ออโต้ แรงและประหยัดมากๆ ขับง่าย ดูแลง่าย ไม่จุกจิก

ออปชั่นเพียบๆ
ประตูดูด เบาะหนังแท้ แอร์ดิจิตอล Start/Stop Engine พวงมาลัย multifunction จอภาพ Touch Screen (7"), USB, ช่องต่อ ipod, Bluetooth, Daytime Running Lights ไฟท้าย LED ไฟหน้า LED

รถบ้านแท้ๆ มือเดียว สีเดิมจากโรงงานไม่มีริ้วรอยเลยครับ ภายในสะอาดเรียบร้อยไม่มีรอยเลย เอกสารติดรถคู่มือการใช้งาน BOOKSERVICE กุญแจสำรองครบ สามารถเช็คประวัติย้อนหลังได้ครับ การันตีหารุ่นนี้อยู่ไม่ผิดหวังแน่นอน คุ้มมากๆ แฟนพันธุ์แท้ รถครอบครัว ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ดูรถไม่เป็นก็ซื้อได้ เพราะเรารับประกันว่า รถสวย+เลขไมล์แท้ เราขายความจริง ไม่มีการกลับไมล์ เพื่อให้ท่านดูแลต่อได้อย่างสบายใจ เช็คศูนย์ ทุกระยะ ไม่เคยขาด ข้อแนะนำ ราคาไม่ถูกที่สุด แต่กล้าท้าว่า สภาพดีมากและวิ่งน้อยที่สุดในตลาด        

Toyota Majesty 2.8 (2019) Standard

Toyota Majesty คือรถตู้ MPV เจเนอเรชันที่ 6 ของ Hiace (H300) ที่ได้รับการออกแบบและพัฒนาให้ยกระดับความหรูหราและความสะดวกสบายขึ้นอย่างชัดเจน เพื่อมาแทนที่ Commuter สำหรับงานโดยสารระดับพรีเมียมโดยเฉพาะ เปิดตัวในประเทศไทยช่วงปลายปี 2019 โดยรุ่น Standard เป็นรุ่นเริ่มต้นของ Majesty ที่เน้นความคุ้มค่าในระดับพรีเมียม

สเปกเด่นของ Toyota Majesty 2.8 (2019) Standard:

1. เครื่องยนต์ดีเซล 1GD-FTV 2.8 ลิตร VN-Turbo:

   • ขนาด: 2,755 ซีซี (2.8 ลิตร)
   • กำลังสูงสุด: 163 แรงม้า (PS) ที่ 3,600 รอบ/นาที
   • แรงบิดสูงสุด: 420 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,200 รอบ/นาที
   • เกียร์: อัตโนมัติ 6 จังหวะ
   • สมรรถนะ: ให้พละกำลังที่เพียงพอต่อการขับเคลื่อนรถตู้ขนาดใหญ่ได้อย่างสบาย ตอบสนองดีแม้บรรทุกเต็มคัน ด้วยแรงบิดที่สูงตั้งแต่รอบต่ำ ทำให้การออกตัวและเร่งแซงเป็นไปอย่างมั่นใจ
   • ความประหยัดและทนทาน: เป็นเครื่องยนต์ดีเซลที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน ประหยัดน้ำมัน และค่าบำรุงรักษาไม่แพงตามแบบฉบับ Toyota

2. ห้องโดยสารขนาดใหญ่ 11 ที่นั่ง พร้อมเบาะหนังสีเบจทั้งคัน:

   • ความหรูหรา: เบาะหนังสีเบจช่วยเพิ่มความรู้สึกโปร่งโล่ง กว้างขวาง และหรูหราให้กับห้องโดยสารอย่างมาก
   • การจัดวางที่นั่ง: 11 ที่นั่ง (2-2-3-4) เป็นการจัดวางที่เน้นความยืดหยุ่นในการรองรับผู้โดยสารจำนวนมาก
   • พื้นที่วางขาและศีรษะ: ออกแบบมาให้มีพื้นที่กว้างขวาง นั่งสบายตลอดการเดินทาง
   • ระบบปรับอากาศแยกโซน: มีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารทุกตำแหน่ง รวมถึงช่องแอร์บนเพดานที่กระจายความเย็นได้อย่างทั่วถึง

3. ช่วงล่างที่เน้นความสบาย (4-link coil spring ด้านหลัง):

   • แตกต่างจาก Hiace Commuter รุ่นเดิมและรถตู้ทึบที่ใช้แหนบ ด้านหลังของ Majesty ใช้ช่วงล่างแบบ 4-link coil spring ที่ให้ความนุ่มนวลและมั่นคงในการขับขี่สูงขึ้นอย่างชัดเจน ช่วยลดแรงกระแทกและอาการโยนตัว ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น
   • โครงสร้างตัวถังแบบ Monocoque ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำกว่ารถตู้บรรทุก ช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่

4. ฟังก์ชันอำนวยความสะดวก:

   • ประตูสไลด์ไฟฟ้าด้านซ้าย: (บางรุ่นย่อยอาจมี 2 ข้าง หรือเป็นออปชัน) ช่วยให้การขึ้น-ลงสะดวกสบายยิ่งขึ้น
   • จอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว: สำหรับระบบเครื่องเสียง รองรับ Apple CarPlay / Android Auto (สำหรับรุ่นปี 2019 อาจต้องตรวจสอบการรองรับโดยละเอียด)
   • พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน: ควบคุมเครื่องเสียงและรับสายโทรศัพท์ได้สะดวก
   • ช่องจ่ายไฟ USB: สำหรับผู้โดยสารหลายตำแหน่ง
   • ช่องเก็บของและที่วางแก้วน้ำ: มากมายทั่วทั้งห้องโดยสาร

5. ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน:

   • ถุงลมนิรภัย 3 ตำแหน่ง: (คู่หน้า และหัวเข่าคนขับ)
   • ระบบเบรก ABS/EBD/BA: ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรก
   • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (VSC): ช่วยป้องกันการลื่นไถล
   • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TRC): เพิ่มการยึดเกาะถนน
   • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HAC): ช่วยป้องกันรถไหลเมื่อออกตัวบนทางชัน
   • กล้องมองหลัง: (บางรุ่นย่อยอาจเป็นออปชัน)
   • เซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้าและด้านหลัง

สรุปความแตกต่างที่สำคัญของ Majesty 2.8 Standard จากHiace Commuter :

• เหนือกว่า Hiace Commuter (รุ่นเดิม):
  • Majesty Standard ยังคงให้ความหรูหราและความสบายที่เหนือกว่า Commuter เดิมอย่างชัดเจน ทั้งในด้านดีไซน์ภายนอกและภายใน, ช่วงล่างที่นุ่มนวลกว่า และฟังก์ชันอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยกว่า

จุดขายหลักของ Toyota Majesty 2.8 (2019) Standard:

1. "ความหรูหราที่เข้าถึงได้": เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการรถตู้ MPV ที่มีระดับความหรูหราและความสะดวกสบายเหนือกว่ารถตู้ทั่วไป แต่ในราคาที่จับต้องได้มากกว่ารุ่นท็อป
2. ความสบายระดับพรีเมียมสำหรับทุกคน: ด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวาง เบาะหนังสีเบจ และช่วงล่างที่นุ่มนวล ทำให้ผู้โดยสารทุกคนสัมผัสได้ถึงความสบายตลอดการเดินทาง
3. เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร ที่ทรงพลังและทนทาน: มั่นใจได้ในสมรรถนะการขับขี่สำหรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ ทั้งรับ-ส่งผู้บริหาร ครอบครัว หรือแม้แต่การท่องเที่ยว
4. ความน่าเชื่อถือของ Toyota: การันตีด้วยชื่อเสียงของแบรนด์ในเรื่องคุณภาพ ความทนทาน และค่าบำรุงรักษาที่ไม่แพง ทำให้เป็นรถที่คุ้มค่าในระยะยาว
5. ความอเนกประสงค์สำหรับครอบครัวใหญ่หรือธุรกิจ: เหมาะสำหรับเป็นรถครอบครัวสำหรับผู้ที่สมาชิกเยอะ หรือสำหรับธุรกิจบริการรับ-ส่งลูกค้าที่ต้องการความสะดวกสบายเป็นพิเศษ

Mercedes-Benz E350e 2.0 W213 (2019) AMG Dynamic: ซีดานหรู Plug-in Hybrid ผสานความสปอร์ต

Mercedes-Benz E-Class รหัสตัวถัง W213 คือเจเนอเรชันที่ 10 ที่เปิดตัวในช่วงกลางปี 2010s ซึ่งปฏิวัติการออกแบบทั้งภายนอกและภายในให้ดูหรูหรา ล้ำสมัย และผสานความเป็นสปอร์ตอย่างลงตัว รุ่น E350e เป็นรุ่นที่นำเสนอเทคโนโลยี Plug-in Hybrid (PHEV) ที่สามารถเสียบปลั๊กชาร์จไฟและวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ระยะทางหนึ่ง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วงปี 2019 โดยเฉพาะรุ่น AMG Dynamic ที่มาพร้อมชุดแต่ง AMG ทั้งภายนอกและภายใน

สเปกเด่นของ Mercedes-Benz E350e 2.0 W213 (2019) AMG Dynamic

1. ระบบขับเคลื่อน Plug-in Hybrid (PHEV):
• เครื่องยนต์เบนซิน: M274 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว Turbo
• ขนาด: 1,991 ซีซี (2.0 ลิตร)
• กำลังสูงสุด: 211 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด: 350 นิวตันเมตร ที่ 1,200-4,000 รอบ/นาที
• มอเตอร์ไฟฟ้า:
• กำลังสูงสุด: 88 แรงม้า (PS)
• แรงบิดสูงสุด: 440 นิวตันเมตร
• กำลังรวมทั้งระบบ (System Output): 286 แรงม้า (PS)
• แรงบิดรวมทั้งระบบ (System Torque): 550 นิวตันเมตร
• เกียร์: อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-Tronic)
• แบตเตอรี่: Lithium-ion (ในรุ่นนี้เป็นขนาด 6.2 kWh)
• สมรรถนะ: ด้วยพละกำลังรวมที่สูง ทำให้รถมีอัตราเร่งที่รวดเร็วและทรงพลังอย่างน่าประทับใจ (0-100 กม./ชม. ประมาณ 6.2 วินาที) ตอบสนองได้ทันใจในทุกช่วงความเร็ว และยังคงความนุ่มนวลตามสไตล์เบนซ์
• การวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน: สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ประมาณ 30-33 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ด้วยความเร็วสูงสุดประมาณ 130 กม./ชม. เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง
• ความประหยัด: เป็นจุดเด่นสำคัญของ PHEV หากมีการเสียบปลั๊กชาร์จไฟสม่ำเสมอ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงลงได้อย่างมหาศาล
2. ชุดแต่ง AMG Dynamic:
• ดีไซน์ภายนอก:
• กันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้างดีไซน์ AMG: เพิ่มความสปอร์ต ดุดัน และโดดเด่น
• กระจังหน้า Diamond Grille: พร้อมโลโก้ดาวสามแฉกขนาดใหญ่ตรงกลาง
• ล้ออัลลอย AMG Multi-spoke ขนาด 19 นิ้ว: ดีไซน์สปอร์ต
• ไฟหน้า MULTIBEAM LED: (ในรุ่น AMG Dynamic) เป็นเทคโนโลยีไฟหน้าที่ล้ำสมัย ให้ความสว่างสูงสุด พร้อมปรับลำแสงอัตโนมัติตามสภาพถนนและรถสวน
• ดีไซน์ภายใน:
• พวงมาลัย Multi-function แบบสปอร์ต 3 ก้าน: หุ้มหนัง Nappa พร้อม Paddle Shift
• เบาะนั่งสปอร์ต: หุ้มหนัง ARTICO/DINAMICA หรือหนังแท้ (เป็นออปชัน)
• แป้นเหยียบสเตนเลสแบบสปอร์ต:
• วัสดุตกแต่งภายใน: อาจเป็นลาย Aluminium หรือ Carbon Fiber Look
• หลังคา Panoramic Sunroof: (เป็นออปชันที่นิยมในรุ่นนี้) เพิ่มความโปร่งโล่ง
3. ห้องโดยสารที่หรูหราและล้ำสมัย:
• ภายในออกแบบอย่างประณีต ใช้วัสดุคุณภาพสูง การตัดเย็บละเอียด
• จอแสดงผลคู่แบบ Widescreen Cockpit: หน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว 2 จอต่อเนื่องกัน (สำหรับมาตรวัดและระบบ Infotainment) สร้างความรู้สึกหรูหราและล้ำยุค
• ระบบควบคุมและสั่งการด้วย Touchpad: บนคอนโซลกลาง
• ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ THERMATIC: แยกโซน
• ระบบไฟ Ambient Lighting: ปรับเปลี่ยนสีได้ถึง 64 สี สร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร
• ระบบเครื่องเสียง Burmester Surround Sound System: (เป็นออปชันที่นิยม) ให้คุณภาพเสียงระดับพรีเมียม
• ระบบ Apple CarPlay / Android Auto: รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน
4. ช่วงล่าง AGILITY CONTROL พร้อมระบบถุงลม AIR BODY CONTROL (ในบางรุ่นย่อย/ออปชัน):
• ช่วงล่างที่ปรับจูนมาอย่างดีเพื่อความสมดุลระหว่างความนุ่มนวลและความมั่นคง
• AIR BODY CONTROL: (ถ้ามี) เป็นระบบช่วงล่างถุงลมแบบ Multi-chamber ที่สามารถปรับความสูงและความหนืดของโช้คอัพได้อย่างอิสระ ทำให้รถมีความนุ่มนวลสูงสุด และยังคงการควบคุมที่แม่นยำในทุกสภาพถนน
• มีโหมดการขับขี่ DYNAMIC SELECT (Eco, Comfort, Sport, Sport+, Individual) ให้เลือกปรับการตอบสนองของเครื่องยนต์ มอเตอร์ไฟฟ้า เกียร์ พวงมาลัย และช่วงล่าง
5. ระบบความปลอดภัยและช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง (Driving Assistance Systems):
• ถุงลมนิรภัยหลายตำแหน่ง: (มักจะ 7-9 ตำแหน่ง)
• ระบบ PRE-SAFE®: เตรียมความพร้อมของรถก่อนเกิดการชน
• ระบบ Active Brake Assist: ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
• ระบบ ATTENTION ASSIST: เตือนอาการเหนื่อยล้า
• ระบบ Active Parking Assist: ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ
• กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา (Parking Pilot with 360° Camera): ช่วยให้การจอดรถง่ายและปลอดภัยขึ้น
• ระบบ Blind Spot Assist: เตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา
• ระบบ Lane Keeping Assist: ช่วยประคองรถให้อยู่ในเลน (ในบางรุ่นย่อย/ออปชัน)

จุดขายหลักของ Mercedes-Benz E350e 2.0 W213 (2019) AMG Dynamic:

1. "รถซีดานหรู Plug-in Hybrid ที่ครบเครื่องที่สุด": E350e เป็นรถที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ ทั้งความประหยัดด้วยโหมดไฟฟ้าล้วน, สมรรถนะที่ยอดเยี่ยมจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า, ความหรูหรา, และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
2. ประหยัดน้ำมันอย่างมหาศาลด้วยเทคโนโลยี PHEV: หากมีการเสียบปลั๊กชาร์จไฟอย่างสม่ำเสมอ รถคันนี้สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ในชีวิตประจำวัน ช่วยลดค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงลงอย่างมาก และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
3. ดีไซน์ AMG Dynamic ที่สปอร์ตและดึงดูดสายตา: ชุดแต่ง AMG ทั้งภายนอกและภายใน ทำให้รถดูสปอร์ต ดุดัน และแตกต่างจาก E-Class รุ่นมาตรฐานอย่างชัดเจน
4. ห้องโดยสารที่ล้ำสมัยและหรูหรา: Widescreen Cockpit และ Ambient Lighting 64 สี สร้างบรรยากาศที่พรีเมียมและไฮเทค พร้อมความสบายระดับสูงสำหรับผู้โดยสารทุกคน
5. สมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม: พละกำลังรวม 286 แรงม้า และแรงบิด 550 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์ 9G-Tronic ทำให้การขับขี่สนุกสนาน ตอบสนองดี และนุ่มนวล
6. เทคโนโลยีความปลอดภัยและช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง: ระบบต่างๆ ที่ให้มาช่วยเพิ่มความมั่นใจและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

โดยรวมแล้ว Mercedes-Benz E350e 2.0 W213 (2019) AMG Dynamic เป็นรถซีดานหรูมือสองที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสเทคโนโลยี Plug-in Hybrid ที่ล้ำสมัย สมรรถนะที่เร้าใจ ความประหยัดน้ำมันอย่างโดดเด่น และความหรูหราในแบบฉบับ Mercedes-Benz พร้อมภาพลักษณ์สปอร์ตเต็มขั้นครับ

ไฮไลท์รถยนต์

รายละเอียดเพิ่มเติม

Toyota Hilux Revo 2.4 (2017) SINGLE J (พร้อมตู้ทึบและระบบทำความเย็น)

Toyota Hilux Revo Single Cab J เป็นรุ่นเริ่มต้นของกระบะตอนเดียว Revo ที่เน้นความคุ้มค่าและความทนทานสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์โดยเฉพาะ รุ่นปี 2017 นี้ยังคงเป็นเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มผู้ประกอบการขนส่ง

สเปกเด่นของรถพื้นฐาน (Toyota Hilux Revo 2.4 SINGLE J 2017)

• เครื่องยนต์:
• เครื่องยนต์ดีเซล 2GD-FTV 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VN Turbo พร้อม Intercooler
• ขนาด: 2,393 ซีซี (2.4 ลิตร)
• กำลังสูงสุด: 150 แรงม้า (PS) ที่ 3,400 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด: 343 นิวตันเมตร ที่ 1,400 - 2,800 รอบ/นาที (สำหรับเกียร์ธรรมดา)
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ (สำหรับรุ่น J)
• ระบบขับเคลื่อน: 2 ล้อหลัง (2WD)
• ช่วงล่าง:
• ด้านหน้า: อิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง
• ด้านหลัง: แหนบซ้อน (Over-slung type) แข็งแรงทนทาน ออกแบบมาเพื่อการบรรทุกหนัก

ตู้ทึบพร้อมระบบทำความเย็น (แอร์ MPC COOL พัดลม 2 ตัว ความสูง 1.80 เมตร)

การติดตั้งตู้ทึบพร้อมระบบทำความเย็นสำหรับรถคันนี้บ่งชี้ว่ารถคันนี้ถูกดัดแปลงมาเพื่อการขนส่งสินค้าที่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิ เช่น อาหารสด, ผักผลไม้, เครื่องดื่ม, หรือสินค้าที่ไวต่อความร้อน

• ตู้ทึบ:
• วัสดุ: โดยทั่วไปตู้สำหรับระบบทำความเย็นมักจะสร้างจาก แผ่นไฟเบอร์กลาส (FRP) หรือแผ่นแซนด์วิชพาเนล (Sandwich Panel) ที่มีฉนวนกันความร้อนอยู่ตรงกลาง (เช่น โฟม PU หรือ XPS) เพื่อรักษาอุณหภูมิภายในตู้
• โครงสร้าง: มักจะใช้โครงสร้างอลูมิเนียมเพื่อความแข็งแรงและน้ำหนักเบา
• ความสูงภายในตู้: 1.80 เมตร ซึ่งเป็นความสูงที่เหมาะสมสำหรับการขนส่งสินค้าทั่วไปที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิ
• ระบบทำความเย็น (แอร์ MPC COOL พัดลม 2 ตัว):
• ยี่ห้อ/รุ่น: MPC COOL เป็นยี่ห้อระบบทำความเย็นสำหรับรถขนส่งที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย
• ประเภท: การระบุว่า "แอร์" และ "พัดลม 2 ตัว" บ่งชี้ว่าเป็นระบบทำความเย็นที่ใช้คอมเพรสเซอร์จากเครื่องยนต์รถ (Direct Drive) หรือคอมเพรสเซอร์แยก (Standby Unit) เพื่อสร้างความเย็น และมีพัดลมระบายความเย็น 2 ตัวภายในตู้เพื่อกระจายความเย็นให้ทั่วถึง
• ประสิทธิภาพ: ระบบทำความเย็นนี้เหมาะสำหรับการขนส่งสินค้าที่ต้องการอุณหภูมิประมาณ +0 องศาเซลเซียส ถึง +15 องศาเซลเซียส (สำหรับสินค้าแช่เย็นทั่วไป) หรืออาจจะต่ำกว่านั้นได้เล็กน้อย ขึ้นอยู่กับสเปกของชุดทำความเย็นและฉนวนของตู้
• การใช้งาน: ระบบนี้จะทำงานโดยใช้พลังงานจากเครื่องยนต์รถ ทำให้สามารถรักษาอุณหภูมิได้ตลอดการเดินทาง

จุดขายหลักของ Toyota Hilux Revo 2.4 (2017) SINGLE J พร้อมตู้ทึบและระบบทำความเย็น:

1. "รถขนส่งห้องเย็นพร้อมใช้งานในราคาคุ้มค่า": เป็นโซลูชันที่ครบวงจรสำหรับธุรกิจที่ต้องการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิ โดยไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการดัดแปลงเพิ่มเติม
2. ความน่าเชื่อถือของ Toyota Revo: เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ที่ทนทาน ประหยัดน้ำมัน และค่าบำรุงรักษาไม่แพง อะไหล่หาง่าย มีศูนย์บริการทั่วประเทศ ทำให้มั่นใจในการใช้งานเชิงพาณิชย์ระยะยาว
3. ระบบทำความเย็นที่เหมาะสม: แอร์ MPC COOL พร้อมพัดลม 2 ตัว เป็นระบบที่เพียงพอสำหรับการขนส่งสินค้าแช่เย็นทั่วไป ช่วยรักษาคุณภาพสินค้าตลอดการเดินทาง
4. ความคล่องตัว: ขนาดของกระบะตอนเดียวทำให้รถมีความคล่องตัวสูง สามารถเข้าถึงพื้นที่แคบ หรือขนส่งในเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. ความคุ้มค่าในการลงทุน: เป็นรถมือสองที่ผ่านการดัดแปลงมาแล้ว ทำให้มีราคาที่จับต้องได้เมื่อเทียบกับการซื้อรถใหม่และติดตั้งระบบเอง

โดยรวมแล้ว Toyota Hilux Revo 2.4 (2017) SINGLE J พร้อมแอร์ MPC COOL พัดลม 2 ตัว และตู้สูง 1.80 เมตร เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการรถขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิที่ทนทาน คุ้มค่า และพร้อมใช้งานในราคาที่ประหยัด

✅ เครื่องยนต์ 2.8 ลิตร สำหรับงานบรรทุกหนักโดยเฉพาะ

Toyota Hilux Revo 2.8 (2021) SINGLE Entry (พร้อมหลังคาสแตนเลสใหม่)

Toyota Hilux Revo Single Cab Entry เป็นรถกระบะตอนเดียวที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานเชิงพาณิชย์เป็นหลัก โดยเน้นความทนทาน ความคุ้มค่า และความอเนกประสงค์สำหรับการดัดแปลง สำหรับรุ่นปี 2021 นี้ มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร ที่ให้พละกำลังที่สูงขึ้น เหมาะสำหรับงานบรรทุกหนักหรืองานที่ต้องการสมรรถนะเป็นพิเศษ

สเปกเด่นของรถพื้นฐาน (Toyota Hilux Revo 2.8 SINGLE Entry 2021 

• เครื่องยนต์:
• เครื่องยนต์ดีเซล 1GD-FTV 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VN Turbo พร้อม Intercooler
• ขนาด: 2,755 ซีซี (2.8 ลิตร)
• กำลังสูงสุด: 204 แรงม้า (PS) ที่ 3,400 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด: 420 นิวตันเมตร ที่ 1,400 - 3,400 รอบ/นาที
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ (ส่วนใหญ่ในรุ่น Entry)
• ระบบขับเคลื่อน: 2 ล้อหลัง (2WD)
• ช่วงล่าง:
• ด้านหน้า: อิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง
• ด้านหลัง: แหนบซ้อน (Over-slung type) แข็งแรงทนทาน ออกแบบมาเพื่อการบรรทุกหนัก

หลังคาสแตนเลส (สูง 2.10 เมตร ของใหม่)

การติดตั้งหลังคาสแตนเลสใหม่ที่มีความสูง 2.10 เมตร เป็นจุดเด่นสำคัญของรถคันนี้ครับ

• วัสดุ: สแตนเลส เป็นวัสดุที่ยอดเยี่ยมสำหรับหลังคากระบะ เนื่องจากมีคุณสมบัติดังนี้:
• ทนทานต่อการกัดกร่อนสูง: ไม่เป็นสนิม ไม่ผุกร่อนง่าย เหมาะกับสภาพอากาศของประเทศไทย
• แข็งแรง: สามารถรองรับน้ำหนักและแรงกระแทกได้ดี
• ทำความสะอาดง่าย: ผิวเรียบลื่น ดูแลรักษาง่าย
• ภาพลักษณ์: ให้ความรู้สึกแข็งแกร่ง ทนทาน และเป็นมืออาชีพ
• ความสูง: 2.10 เมตร (จากพื้นกระบะถึงหลังคาสูงสุด) เป็นความสูงที่ค่อนข้างมากสำหรับหลังคากระบะตอนเดียว ซึ่งมีข้อดีคือ:
• เพิ่มปริมาตรการบรรทุก: สามารถบรรทุกสินค้าที่มีความสูงมาก หรือสินค้าที่มีปริมาตรเยอะได้ดีเยี่ยม
• เหมาะสำหรับสินค้าเฉพาะทาง: เช่น เฟอร์นิเจอร์, กล่องลังขนาดใหญ่, หรือสินค้าที่ต้องการพื้นที่แนวตั้ง
• "ของใหม่": การที่หลังคาสแตนเลสเป็นของใหม่ หมายความว่า:
• คุณจะได้รับหลังคาที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีการสึกหรอหรือเสียหายจากการใช้งาน
• มั่นใจในความแข็งแรงและประสิทธิภาพในการปกป้องสินค้า

จุดขายหลักของ Toyota Hilux Revo 2.8 (2021) SINGLE Entry พร้อมหลังคาสแตนเลสใหม่:

1. "รถกระบะบรรทุกหนักพร้อมพื้นที่ใช้สอยสูงสุด": การรวมกันของเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร ที่ทรงพลังของ Revo และหลังคาสแตนเลสสูง 2.10 เมตร ทำให้รถคันนี้เป็นโซลูชันที่สมบูรณ์แบบสำหรับการขนส่งสินค้าที่มีปริมาตรมาก หรือมีน้ำหนักมาก
2. สมรรถนะเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร ที่เหนือกว่า: เครื่องยนต์ 1GD-FTV ให้พละกำลังและแรงบิดที่สูงมาก ทำให้รถสามารถบรรทุกหนักและขับเคลื่อนได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะบนทางราบหรือทางลาดชัน
3. ความทนทานและคุ้มค่าของ Toyota: Revo ขึ้นชื่อเรื่องความน่าเชื่อถือ อึด ถึก ทน และค่าบำรุงรักษาที่ไม่แพง อะไหล่หาง่าย มีศูนย์บริการทั่วประเทศ ทำให้มั่นใจในการใช้งานเชิงพาณิชย์ระยะยาว
4. หลังคาสแตนเลสใหม่ที่แข็งแรงและเพิ่มพื้นที่: วัสดุสแตนเลสให้ความทนทานสูงสุด ไม่ต้องกังวลเรื่องสนิมหรือการผุกร่อน และความสูง 2.10 เมตร ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการบรรทุกสินค้าที่มีขนาดใหญ่
5. พร้อมใช้งานทันที: รถมาพร้อมหลังคาใหม่ ทำให้คุณสามารถนำไปใช้งานได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาหรือค่าใช้จ่ายในการดัดแปลงเพิ่มเติม

โดยรวมแล้ว Toyota Hilux Revo 2.8 (2021) SINGLE Entry พร้อมหลังคาสแตนเลสใหม่สูง 2.10 เมตร เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการรถกระบะบรรทุกหนักที่ทรงพลัง ทนทาน มีพื้นที่บรรทุกสูงสุด และพร้อมใช้งานทันทีครับ

ไมล์น้อย 6 หมื่นกว่าโลแท้ๆ ตัวรถผลิตและจดทะเบียนปี 2015 แท้ๆ BENZ C300 AMG Dynamic Blue TEC HYBRID W205 สเปคหายาก สีดำภายในสีแดง เครื่องดีเซลไฟฟ้า (ไฮบริด) ออโต้ รุ่นใหม่ 204 แรงม้า แรงขับสนุกแต่ประหยัดสุดๆตัวท๊อปสุด AMG PACKAGE หลังคาแก้ว Panoramic Sunroof เนวิเกเตอร์ จอถอย เบาะไฟฟ้าเมมโมรี่เต็มตัว ล้อ AMG ขอบ 18 แบตไฮบริด รถแท้ออกศูนย์ BENZ THAILAND ไม่ใช่รถเกรย์ นำเข้าอิสระ การันตีสภาพ รถสวย ไมล์แท้ ประวัติดี เจ้าของดูแลดีมากๆ เราขายความจริง ไม่มีการกลับไมล์ เพื่อให้ท่านดูแลรถต่อได้อย่างสบายใจ หาอยู่ไม่ผิดหวังครับ (ตัวรถมีเอกสารรับรองผ่านการตรวจสอบโครงสร้างตัวถังหลักแชสซีไม่มีอุบัติเหตุครับ) การันตีสภาพ รถสวย ไม่เคยชน

สภาพเดิมๆ ไม่เคยแต่งใดๆทั้งสิ้น ดูรถไม่เป็นสบายใจได้ การันตีพาไปตรวจสภาพที่ศูนย์ ก่อนจอง เพื่อความสบายใจของท่าน กับการได้รถที่คุ้มค่ากับเงินที่ท่านเสียไป

ฟรีดาวน์ ออกรถง่าย จัดไฟแนนซ์ผ่านง่าย รับฟังทุกเงื่อนไข ได้ดอกเบี้ยพิเศษ

Mercedes-Benz C300 2.1 W205 (2015) BlueTEC Hybrid AMG Dynamic: ซีดานหรูดีเซลไฮบริดผสานความสปอร์ต

Mercedes-Benz C-Class รหัสตัวถัง W205 เป็นเจเนอเรชันที่ 4 ที่ปฏิวัติการออกแบบให้หรูหราและทันสมัยอย่างก้าวกระโดด สำหรับรุ่น C300 BlueTEC Hybrid นี้เป็นรุ่นที่นำเสนอเทคโนโลยีไฮบริดควบคู่กับเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าและเน้นประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันอย่างมากในยุคปี 2015 โดยเฉพาะรุ่น AMG Dynamic ที่มาพร้อมชุดแต่ง AMG ทั้งภายนอกและภายใน

สเปกเด่นของ Mercedes-Benz C300 2.1 W205 (2015) BlueTEC Hybrid AMG Dynamic

1. เครื่องยนต์ดีเซล Hybrid (BlueTEC Hybrid):
• เครื่องยนต์ดีเซล: 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ (รหัส OM651)
• ขนาด: 2,143 ซีซี (2.1 ลิตร)
• กำลังสูงสุด: 204 แรงม้า (PS) ที่ 3,800 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด: 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600-1,800 รอบ/นาที
• มอเตอร์ไฟฟ้า:
• กำลังสูงสุด: 27 แรงม้า (PS)
• แรงบิดสูงสุด: 250 นิวตันเมตร
• กำลังรวมทั้งระบบ: ประมาณ 231 แรงม้า (PS)
• แรงบิดรวมทั้งระบบ: ประมาณ 750 นิวตันเมตร (เป็นแรงบิดที่สูงมากสำหรับรถซีดานขนาดนี้)
• เกียร์: อัตโนมัติ 7 จังหวะ (7G-Tronic Plus)
• สมรรถนะ: ด้วยแรงบิดมหาศาลจากระบบไฮบริดและเครื่องยนต์ดีเซล ทำให้รถมีอัตราเร่งที่รวดเร็วและทรงพลังอย่างน่าทึ่ง (0-100 กม./ชม. ประมาณ 6.4 วินาที) ตอบสนองได้ทันใจในทุกช่วงความเร็ว และยังคงความนุ่มนวลตามสไตล์เบนซ์
• ความประหยัด: เป็นจุดเด่นสำคัญของ BlueTEC Hybrid มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะการขับขี่ในเมืองที่มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานได้ดี
2. ชุดแต่ง AMG Dynamic:
• ดีไซน์ภายนอก:
• กันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้างดีไซน์ AMG: เพิ่มความสปอร์ต ดุดัน และโดดเด่น
• กระจังหน้า Diamond Grille: พร้อมโลโก้ดาวสามแฉกขนาดใหญ่ตรงกลาง
• ล้ออัลลอย AMG ขนาด 18 นิ้ว: ลาย 5 ก้านคู่ ดีไซน์สปอร์ต
• ไฟหน้า LED High Performance: ให้ความสว่างและดีไซน์ที่ทันสมัย
• ดีไซน์ภายใน:
• พวงมาลัย Multi-function แบบสปอร์ต 3 ก้าน: หุ้มหนัง Nappa (ในบางรุ่นย่อย) พร้อม Paddle Shift
• เบาะนั่งสปอร์ต: หุ้มหนัง ARTICO/DINAMICA (ในบางรุ่นย่อย) หรือหนังแท้ (เป็นออปชัน)
• แป้นเหยียบสเตนเลสแบบสปอร์ต:
• วัสดุตกแต่งภายใน: อาจเป็นลาย Aluminum หรือ Carbon Fiber Look
3. ห้องโดยสารที่หรูหราและทันสมัย:
• ภายในออกแบบอย่างประณีต ใช้วัสดุคุณภาพสูง การตัดเย็บละเอียด
• จอแสดงผลกลางแบบลอยตัวขนาดใหญ่: สำหรับระบบ Infotainment Audio 20 CD พร้อม Touchpad Controller
• ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ THERMATIC: แยกโซน
• ระบบไฟ Ambient Lighting: ปรับเปลี่ยนสีได้ สร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร
• ระบบควบคุมและสั่งการด้วย Touchpad: ช่วยให้ใช้งานระบบ Infotainment ได้ง่ายและสะดวก
4. ช่วงล่างที่เน้นสมรรถนะและความสบาย (Agility Control):
• ช่วงล่างที่ได้รับการปรับจูนมาอย่างดี เพื่อความสมดุลระหว่างความนุ่มนวลในการโดยสารและความมั่นคงในการขับขี่
• มีโหมดการขับขี่ DYNAMIC SELECT (Eco, Comfort, Sport, Sport+, Individual) ให้เลือกปรับการตอบสนองของเครื่องยนต์ เกียร์ พวงมาลัย
5. ระบบความปลอดภัยมาตรฐานสูง:
• ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง: (คู่หน้า, ด้านข้าง, ม่านนิรภัย, หัวเข่าคนขับ)
• ระบบเบรก ABS/EBD/BAS/ESP: ระบบเบรกและควบคุมเสถียรภาพที่สมบูรณ์แบบ
• ระบบ Active Parking Assist: ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ
• ระบบ Attention Assist: ระบบเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่
• ระบบ Adaptive Brake with Hold Function: ช่วยให้รถหยุดนิ่งบนทางลาดชันโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้างไว้
• กล้องมองหลัง:

จุดขายหลักของ Mercedes-Benz C300 2.1 W205 (2015) BlueTEC Hybrid AMG Dynamic:

1. "เทคโนโลยีไฮบริดดีเซลที่โดดเด่นและประหยัดขั้นสุด": เป็นรถซีดานหรูที่มาพร้อมเทคโนโลยี BlueTEC Hybrid ซึ่งมอบทั้งสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม (แรงบิดสูงมาก) และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ต่ำอย่างน่าประทับใจ ทำให้เป็นรถที่คุ้มค่าในระยะยาวเรื่องค่าเชื้อเพลิง
2. ดีไซน์ AMG Dynamic ที่สปอร์ตและหรูหรา: ชุดแต่ง AMG ทั้งภายนอกและภายใน ทำให้รถดูดุดัน สปอร์ต และมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างจาก C-Class รุ่นทั่วไปอย่างชัดเจน
3. สมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจและนุ่มนวล: ด้วยพละกำลังจากระบบไฮบริดและเครื่องยนต์ดีเซลผสานกับเกียร์ 9G-Tronic ทำให้รถมีอัตราเร่งที่ดีเยี่ยม การตอบสนองที่ฉับไว แต่ยังคงความนุ่มนวลและเงียบตามสไตล์ Mercedes-Benz
4. ห้องโดยสารที่พรีเมียมและทันสมัย: การออกแบบภายในที่สวยงาม ใช้วัสดุคุณภาพสูง และฟังก์ชันอำนวยความสะดวกที่ครบครัน มอบประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับ
5. ความปลอดภัยระดับสูง: ระบบความปลอดภัยมาตรฐานที่ให้มาอย่างครบถ้วน ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่
6. ภาพลักษณ์ที่ดี: การเป็นเจ้าของ Mercedes-Benz C-Class ในรุ่นท็อปอย่าง AMG Dynamic ยังคงให้ภาพลักษณ์ของความสำเร็จและรสนิยมที่ดี

โดยรวมแล้ว Mercedes-Benz C300 2.1 W205 (2015) BlueTEC Hybrid AMG Dynamic เป็นรถซีดานหรูมือสองที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการรถที่มีดีไซน์สปอร์ตโดดเด่น สมรรถนะที่ยอดเยี่ยม ความประหยัดน้ำมันขั้นสูงด้วยเทคโนโลยีดีเซลไฮบริด และภาพลักษณ์ระดับพรีเมียม ในราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับรถใหม่ครับ