รถมือสอง คัดสภาพ ดอกเบี้ยพิเศษ ผ่อนถูก

• เครื่องยนต์: ดีเซล 4 สูบ 2GD-FTV, 2.4 ลิตร (2,393 ซีซี) VN-Turbo และ Intercooler
• กำลังสูงสุด: 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด: 343 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400 - 2,800 รอบ/นาที
• ระบบเกียร์: ธรรมดา 5 จังหวะ
• ระบบขับเคลื่อน: ล้อหลัง

• ความทนทานและน่าเชื่อถือ: เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งที่ผู้ประกอบการไว้วางใจในเรื่องความทนทานของเครื่องยนต์และแชสซีส์ สามารถใช้งานหนักได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน
• เครื่องยนต์ 2.4L ที่สมดุล: ให้พละกำลังที่เพียงพอต่องานบรรทุก แต่ยังคงไว้ซึ่งอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ดีเยี่ยม ช่วยควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ค่าบำรุงรักษาต่ำ: ด้วยความเป็นรถตลาดอันดับหนึ่ง ทำให้หาอะไหล่ง่าย มีราคาไม่แพง และมีศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศ
• ราคาขายต่อดีที่สุดในตลาด: เป็นรถกระบะที่มีราคาขายต่อแข็งแกร่ง ทำให้มูลค่าของรถไม่ตกลงเร็ว

• อัตราสิ้นเปลือง: เมื่อวิ่งตัวเปล่าประมาณ 13-16 กม./ลิตร เมื่อบรรทุกและเปิดระบบทำความเย็น จะอยู่ระหว่าง 9 - 13 กม./ลิตร

*** หมายเหตุ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น พฤติกรรมการขับขี่, สภาพการจราจร, และอุณหภูมิที่ตั้งไว้สำหรับตู้เย็น ***

• ราคาเปิดตัว (ณ ปี 2021): Toyota Hilux Revo 2.4 Single Entry MT ราคาประมาณ 589,000 บาท

สำหรับ Toyota HILUX REVO 2.4 Entry ปี 2021 พร้อมตู้ทำความเย็น คันนี้ ในราคา 469,000 บาท ถือเป็น "รถทำเงินสภาพใหม่ ที่คุ้มค่าการลงทุนอย่างยิ่ง"

วิเคราะห์ความคุ้มค่า:

• ราคาขาย: 469,000 บาท
• ราคาเปิดตัวรถใหม่: 589,000 บาท
• บวก ค่าดัดแปลง (ประเมินขั้นต่ำ): 170,000 บาท
• ต้นทุนรวมหากทำเองจากรถใหม่: ~759,000 บาท

สรุป: ประหยัดจากต้นทุนการทำรถใหม่ไปถึง 290,000 บาท หรือลดลงกว่า 38%!

• เครื่องยนต์: เบนซิน 4 สูบ R18Z1, 1.8 ลิตร (1,799 ซีซี) SOHC i-VTEC
• กำลังสูงสุด: 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด: 172 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบ/นาที
• ระบบเกียร์: อัตโนมัติ CVT
• ระบบขับเคลื่อน: ล้อหน้า
• เชื้อเพลิง: รองรับน้ำมันสูงสุด E85

ดีไซน์สปอร์ตสไตล์คูเป้:

HR-V มีการออกแบบที่โดดเด่น ด้วยเส้นสายที่เฉียบคมและมือเปิดประตูหลังที่ซ่อนไว้ ทำให้ตัวรถดูคล้ายรถสปอร์ตคูเป้ 3 ประตู

• หลังคาที่ลาดเอียง (Coupe-like Roofline): ทำให้รถดูเพรียวบางและปราดเปรียว
• มือจับประตูหลังแบบซ่อน: ทำให้ดูเหมือนรถเป็นแบบ 2 ประตู ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น

ความอเนกประสงค์ด้วยเบาะ "Ultra Seat":

นี่คือจุดแข็งที่สุดที่ไม่มีใครเทียบได้ เบาะหลังสามารถพับและปรับเปลี่ยนได้หลากหลายรูปแบบ ทำให้ HR-V สามารถบรรทุกของที่มีขนาดใหญ่หรือสูงได้อย่างน่าทึ่ง

• Utility Mode: พับเบาะหลังราบเรียบเพื่อขนของขนาดใหญ่
• Long Mode: พับเบาะหน้าและหลังเพื่อขนของที่มีความยาวมาก
• Tall Mode: ยกเบาะรองนั่งขึ้นเพื่อขนของทรงสูง

เครื่องยนต์ 1.8L ที่ทนทานและไว้ใจได้:

เป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการพิสูจน์มาอย่างยาวนานในเรื่องความทนทาน, ไม่จุกจิก, และมีค่าบำรุงรักษาที่ไม่สูง

• ความน่าเชื่อถือและความทนทานสูง: เป็นเครื่องยนต์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน หากมีการบำรุงรักษาตามกำหนด สามารถใช้งานได้ยาวนาน
• ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงดีเยี่ยม: เทคโนโลยี i-VTEC ช่วยควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วให้เหมาะสมกับรอบเครื่องยนต์ ทำให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพสูงสุด

ออปชันครบครันในรุ่น RS:

เป็นรุ่นท็อปสุดที่ให้ออปชันระดับพรีเมียมมาอย่างเต็มที่

• ดีไซน์ภายนอกที่โดดเด่น: ชุดแต่ง RS รอบคัน, ไฟหน้าและไฟตัดหมอกแบบ LED, และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตสีทูโทน
• ภายในห้องโดยสารที่หรูหรา: เบาะนั่งหุ้มหนังสีดำแบบสปอร์ต, หลังคากระจก Panoramic Sunroof
• เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน: กล้องมองภาพขณะถอยจอดปรับมุมมอง 3 ระดับ, ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง, และระบบเบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Brake Hold

• อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย: อยู่ที่ประมาณ 13 - 15 กม./ลิตร
• ราคาเปิดตัว (ณ ปี 2019): 1,119,000 บาท

สำหรับ Honda HR-V 1.8 RS ปี 2019 คันนี้ ในราคา 579,000 บาท ถือเป็น "รถ Crossover SUV รุ่นท็อป ที่คุ้มค่าและน่าใช้งานมาก"

วิเคราะห์ความคุ้มค่า:

• ราคาขาย: 579,000 บาท
• ราคาเปิดตัว: 1,119,000 บาท
• ส่วนต่าง: ประหยัดจากรถใหม่ป้ายแดงไปถึง 540,000 บาท หรือลดลงกว่า 48%!

• เครื่องยนต์: ดีเซล 4 สูบ RZ4E-TC, 1.9 ลิตร (1,898 ซีซี) Ddi Blue Power
• กำลังสูงสุด: 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด: 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 - 2,600 รอบ/นาที
• ระบบเกียร์: ธรรมดา 6 จังหวะ
• ระบบขับเคลื่อน: ล้อหลัง

ความประหยัดน้ำมันที่เป็นเลิศ:

นี่คือจุดแข็งที่สุดของเครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power ที่ให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันดีที่สุดในกลุ่มรถกระบะ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้อย่างมีนัยสำคัญ

• เครื่องยนต์ขนาดเล็ก: ด้วยความจุเพียง 1.9 ลิตร แต่สามารถให้กำลังและแรงบิดที่สูง ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดน้ำมัน
• เทคโนโลยี Blue Power: เน้นการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง

ความทนทานและไว้ใจได้:

Isuzu เป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับสูงสุดในด้านความทนทานของเครื่องยนต์และโครงสร้างแชสซีส์ สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน มีปัญหาจุกจิกน้อย

• โครงสร้างแชสซีส์ "Isuzu Dynamic Drive Platform": ได้รับการปรับปรุงให้แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก เพิ่มความแข็งแรงขึ้นจากเดิมถึง 23%

ห้องโดยสารกว้างขวาง:

การเป็นรถ 4 ประตู (Cab-4) ทำให้มีพื้นที่สำหรับผู้โดยสารตอนหลังที่นั่งสบาย เหมาะสำหรับการใช้งานเป็นรถครอบครัว

• พื้นที่ห้องโดยสารที่เพิ่มขึ้น: D-MAX โฉมใหม่ถูกขยายระยะฐานล้อให้ยาวขึ้น ทำให้มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางกว่ารุ่นเดิม
• การออกแบบที่ทันสมัย: การออกแบบแผงคอนโซลเน้นความทันสมัยและใช้วัสดุที่ดูดีขึ้น

ค่าบำรุงรักษาต่ำ:

ด้วยความเป็นรถตลาดอันดับหนึ่ง ทำให้หาอะไหล่ง่าย มีราคาไม่แพง และมีศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศ

• อะไหล่หาง่ายและราคาไม่แพง: ทำให้ราคาของชิ้นส่วนต่างๆ มีราคาที่สมเหตุสมผล
• ความคุ้นเคยของช่าง: ช่างตามอู่นอกทั่วไปมีความเชี่ยวชาญในการซ่อมบำรุง

ราคาขายต่อดีที่สุดในตลาด:

เป็นแบรนด์ที่ตลาดมือสองมีความต้องการสูง ทำให้มูลค่าของรถไม่ตกลงเร็ว

• อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย: อยู่ที่ประมาณ 15 - 18 กม./ลิตร ซึ่งประหยัดยอดเยี่ยม
• ราคาเปิดตัว (ณ ปี 2020): 686,000 บาท

สำหรับ Isuzu D-MAX 1.9 CAB-4 S MT ปี 2020 คันนี้ ในราคา 459,000 บาท ถือเป็น "รถกระบะ 4 ประตูสภาพใหม่ ในราคาที่คุ้มค่ามาก"

วิเคราะห์ความคุ้มค่า:

• ราคาขาย: 459,000 บาท
• ราคาเปิดตัว: 686,000 บาท
• ส่วนต่าง: ประหยัดจากรถใหม่ป้ายแดงไปถึง 227,000 บาท หรือลดลงกว่า 33%!

• เครื่องยนต์: เบนซิน 4 สูบ 3SZ-VE, 1.5 ลิตร DOHC VVT-i
• กำลังสูงสุด: 101 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด: 133 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที
• ระบบเกียร์: อัตโนมัติ 4 จังหวะ
• ระบบขับเคลื่อน: ล้อหลัง (เป็นจุดเด่นเฉพาะตัวในกลุ่ม Mini MPV)

ความทนทานและค่าบำรุงรักษาต่ำ:

นี่คือจุดแข็งที่สุดของ Avanza ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานสูงมากตามแบบฉบับโตโยต้า, ปัญหาจุกจิกน้อย, และมีค่าบำรุงรักษาที่ "ถูก" ที่สุดในกลุ่มรถ 7 ที่นั่ง

• อะไหล่หาง่ายและราคาไม่แพง: ด้วยความที่เป็นรถตลาด ทำให้ราคาอะไหล่หลายชิ้นมีราคาที่ไม่แพง
• โครงสร้างและเครื่องยนต์ที่ไม่ซับซ้อน: ช่างทั่วไปสามารถเข้าใจและซ่อมบำรุงได้ง่าย ไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ
• อู่ซ่อมทั่วไปสามารถซ่อมได้: ทำให้มีทางเลือกในการซ่อมบำรุงมากขึ้น ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก

ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง:

เป็น Mini MPV เพียงไม่กี่รุ่นที่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ซึ่งให้ข้อดีในเรื่องความทนทานเมื่อต้องบรรทุกหนักหรือวิ่งขึ้นทางชันบ่อยๆ

• การรองรับน้ำหนักบรรทุกที่ดีเยี่ยม: เมื่อรถมีการบรรทุกหนัก แรงกดจะไปอยู่ที่ล้อหลังซึ่งเป็นล้อขับเคลื่อนพอดี ทำให้มีแรงยึดเกาะถนนที่ดีขึ้น
• รัศมีวงเลี้ยวที่แคบกว่า: เนื่องจากล้อหน้ามีหน้าที่เพียงบังคับทิศทาง ทำให้สามารถออกแบบมุมเลี้ยวของล้อให้กว้างขึ้นได้
• ความทนทานของช่วงล่าง: ระบบขับเคลื่อนล้อหลังมีความแข็งแรงทนทานสูง และออกแบบมาเพื่อรองรับงานหนัก

ความคล่องตัวในเมือง:

ด้วยขนาดตัวถังที่กระทัดรัดและวงเลี้ยวที่แคบ ทำให้การขับขี่ในเมือง, การหาที่จอด, และการกลับรถในซอยแคบทำได้อย่างคล่องตัว

ห้องโดยสาร 7 ที่นั่งอเนกประสงค์:

สามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 7 คน เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลาง หรือใช้รับ-ส่งผู้โดยสารในธุรกิจขนาดเล็ก

ข้อดีของรุ่น S: เป็นรุ่น "ท็อปสุด" ที่ให้ภาพลักษณ์ที่ดูดีและสปอร์ตที่สุด ด้วยชุดแต่งสเกิร์ตรอบคันและล้ออัลลอยลายพิเศษ

• อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย: อยู่ที่ประมาณ 12 - 14 กม./ลิตร
• ราคาเปิดตัว (ณ ปี 2013): 699,000 บาท

• เครื่องยนต์: เบนซิน 3 สูบ DOHC, 1.0 ลิตร VTEC TURBO
• กำลังสูงสุด: 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด: 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 - 4,500 รอบ/นาที
• ระบบเกียร์: อัตโนมัติ CVT
• ความปลอดภัย: Honda SENSING (ติดตั้งเป็นมาตรฐานทุกรุ่นย่อย)

เครื่องยนต์ 1.0L VTEC TURBO:

ให้แรงบิดสูงเทียบเท่าเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร แต่มาในรอบที่ต่ำกว่า ทำให้มีอัตราเร่งที่สนุกสนานและทันใจ ในขณะเดียวกันก็มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ดีเยี่ยม

• สมรรถนะที่ทรงพลัง: อัตราเร่งที่ฉับไวและตอบสนองได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองและการเร่งแซง
• ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงดีเยี่ยม: ด้วยเทคโนโลยี Downsizing และ Direct Injection ทำให้มีการเผาไหม้ที่มีประสิทธิภาพสูง

ห้องโดยสารที่กว้างขวาง:

ยังคงเป็นผู้นำในด้านความกว้างขวางของห้องโดยสาร โดยเฉพาะพื้นที่วางขาของผู้โดยสารตอนหลังที่ให้ความสบายเกินกว่ารถในระดับเดียวกัน

• พื้นที่วางขาด้านหลัง: กว้างขวางมากเมื่อเทียบกับรถยนต์ในระดับเดียวกัน ทำให้ผู้โดยสารตอนหลังสามารถนั่งได้อย่างสบาย
• พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย: กว้างขวางถึง 519 ลิตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใหญ่ที่สุดในคลาสเดียวกัน

Honda SENSING เป็นมาตรฐาน:

การที่รุ่นปี 2023 ให้ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันขั้นสูงมาเป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญมาก

• ช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันอุบัติเหตุ: ด้วยระบบเตือนการชน (CMBS) และระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKAS)
• ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่: ด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC)

ข้อดีของรุ่น SV: เป็นรุ่นที่ให้ความ "คุ้มค่าที่สุด" เพราะได้ออปชันสำคัญที่สร้างความสะดวกสบายมาครบถ้วน ทั้งเบาะหนัง, แอร์ออโต้, และยังคงได้ระบบความปลอดภัย Honda SENSING เต็มรูปแบบ

• อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย: อยู่ที่ประมาณ 20 - 23 กม./ลิตร ซึ่งประหยัดมาก
• ราคาเปิดตัว (ณ ปี 2023): Honda City 1.0 SV Sedan ราคา 679,000 บาท

• เครื่องยนต์: ดีเซล 4 สูบ RZ4E-TC, 1.9 ลิตร Ddi Blue Power
• กำลังสูงสุด: 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด: 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 - 2,600 รอบ/นาที
• ระบบเกียร์: ธรรมดา 6 จังหวะ
• ระบบขับเคลื่อน: ล้อหลัง

• เครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power: ขึ้นชื่อเรื่องความ "ประหยัดน้ำมัน" เป็นเลิศ แต่ยังคงให้กำลังและแรงบิดที่เพียงพอสำหรับการบรรทุก ทำให้มีต้นทุนการขนส่งต่อเที่ยวที่ต่ำ
• ความทนทานและไว้ใจได้: Isuzu เป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับสูงสุดในด้านความทนทานของเครื่องยนต์และโครงสร้างแชสซีส์ เหมาะกับการใช้งานหนักและต่อเนื่อง
• ค่าบำรุงรักษาต่ำ: เป็นรถตลาดที่หาอะไหล่ง่าย มีราคาไม่แพง และมีศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศ
• ราคาขายต่อดีที่สุดในตลาด: เป็นรถกระบะที่มีราคาขายต่อแข็งแกร่ง ทำให้มูลค่าของรถไม่ตกลงเร็ว

• สเปคตู้บรรทุก: ตู้ทึบอลูมิเนียม/ไฟเบอร์จากอู่มาตรฐาน ความสูง 1.80 เมตร เป็นความสูงที่กำลังดี สามารถจุสินค้าได้ปริมาณมากและยังคงความคล่องตัวในการขับขี่
• ข้อดีของตู้บรรทุก: สามารถป้องกันสินค้าจากสภาพอากาศ (แดด, ฝน, ฝุ่น) ได้อย่างสมบูรณ์ และป้องกันการสูญหายของสินค้าระหว่างการขนส่งได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับธุรกิจขนส่งพัสดุ, สินค้าอุปโภคบริโภค, หรืออุปกรณ์ต่างๆ
• น้ำหนักบรรทุกสุทธิ (โดยประมาณ): โดยทั่วไปรถที่ดัดแปลงลักษณะนี้จะมีการเสริมแหนบเพื่อเพิ่มความสามารถในการบรรทุก ทำให้สามารถรองรับน้ำหนักได้อย่างปลอดภัยในช่วง 1.5 - 2.0 ตัน

สำหรับ Isuzu D-MAX 1.9 SPARK B ปี 2021 พร้อมตู้ทึบ คันนี้ ในราคา 389,000 บาท ถือเป็น "รถทำเงินสภาพดี ที่คุ้มค่าการลงทุน"

วิเคราะห์ความคุ้มค่า:

• ราคาขาย: 389,000 บาท
• ราคาเปิดตัวรถใหม่: 547,000 บาท
• บวก ค่าดัดแปลง (ประเมินขั้นต่ำ): 45,000 บาท
• ต้นทุนรวมหากทำเองจากรถใหม่: ~592,000 บาท

สรุป: ประหยัดจากต้นทุนการทำรถใหม่ไปถึง 203,000 บาท หรือลดลงกว่า 34%!

• เครื่องยนต์: เบนซิน 4 สูบ 2NR-FE, 1.5 ลิตร Dual VVT-i
• กำลังสูงสุด: 108 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด: 140 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบ/นาที
• ระบบเกียร์: อัตโนมัติ CVT พร้อม Sport Sequential Shift 7 สปีด
• ระบบขับเคลื่อน: ล้อหน้า
• เชื้อเพลิง: รองรับน้ำมันสูงสุด E20

• อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย: อยู่ที่ประมาณ 15 - 17 กม./ลิตร
• ราคาเปิดตัว (ณ ปี 2018): 750,000 บาท

• เครื่องยนต์: เบนซิน 4 สูบ R18Z1, 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC
• กำลังสูงสุด: 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที
• ระบบเกียร์: อัตโนมัติ CVT
• ระบบขับเคลื่อน: ล้อหน้า
• เชื้อเพลิง: รองรับน้ำมันสูงสุด E85

• อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย: อยู่ที่ประมาณ 13 - 15 กม./ลิตร
• ราคาเปิดตัว (ณ ปี 2018): 1,099,000 บาท

• เครื่องยนต์: ดีเซล 4 สูบ 2GD-FTV, 2.4 ลิตร (2,393 ซีซี) VN-Turbo และ Intercooler
• กำลังสูงสุด: 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที
• ระบบเกียร์: ธรรมดา 5 จังหวะ
• ระบบขับเคลื่อน: ล้อหลัง

• ความทนทานและน่าเชื่อถือ: เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งที่ผู้ประกอบการไว้วางใจในเรื่องความทนทานของเครื่องยนต์และแชสซีส์ สามารถใช้งานหนักได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน
• เครื่องยนต์ 2.4L ที่สมดุล: ให้พละกำลังที่เพียงพอต่องานบรรทุก แต่ยังคงไว้ซึ่งอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ดีเยี่ยม ช่วยควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ค่าบำรุงรักษาต่ำ: ด้วยความเป็นรถตลาดอันดับหนึ่ง ทำให้หาอะไหล่ง่าย มีราคาไม่แพง และมีศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศ
• ราคาขายต่อดีที่สุดในตลาด: เป็นรถกระบะที่มีราคาขายต่อแข็งแกร่ง ทำให้มูลค่าของรถไม่ตกลงเร็ว

• สเปคตู้บรรทุก: ตู้ทำความเย็นคุณภาพสูงจาก MPC COOL ความสูงภายใน 1.90 เมตร ภายในเป็นสแตนเลสลอนที่ทนทานและทำความสะอาดง่าย
• ข้อดีของตู้บรรทุก: สามารถรักษาคุณภาพของสินค้าที่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับธุรกิจขนส่งอาหารสด, อาหารแช่แข็ง, ผักผลไม้, นม, ยาและเวชภัณฑ์ หรือเครื่องสำอาง ซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูง
• น้ำหนักบรรทุกสุทธิ (โดยประมาณ): สามารถรองรับน้ำหนักได้อย่างปลอดภัยในช่วง 2.0 - 3.0 ตัน (เนื่องจากมีการเสริมแหนบและเปลี่ยนโช้คอัพ)
• อุณหภูมิที่ทำได้: ด้วยชุดทำความเย็นจาก TOPCOLD ที่มีคอยล์เย็นพัดลม 2 ตัว สามารถทำอุณหภูมิได้ทั้งแบบ แช่เย็น (Chilled, 0 ถึง +18°C) และ แช่แข็ง (Frozen, ถึง -18°C)

*** หมายเหตุ: อุณหภูมิตามข้อความเป็นข้อมูลที่อ้างอิงมาจากเว็บไซต์ทั่วไป ในการใช้งานจริงอาจจะมีการคลาดเคลื่อนตามอายุของตู้, คอมเพรสเซอร์เครื่องทำความเย็น สภาพแวดล้อม รวมถึงสภาพอากาศด้วย ***

• อัตราสิ้นเปลือง: เมื่อวิ่งตัวเปล่าประมาณ 13-16 กม./ลิตร เมื่อบรรทุกและเปิดระบบทำความเย็น จะอยู่ระหว่าง 9 - 13 กม./ลิตร
• ราคาเปิดตัว (ณ ปี 2022): Toyota Hilux Revo 2.4 Single Entry MT ราคาประมาณ 594,000 บาท

สำหรับ Toyota HILUX REVO 2.4 Entry ปี 2022 พร้อมตู้ทำความเย็น คันนี้ ในราคา 499,000 บาท ถือเป็น "รถทำเงินสภาพใหม่ ที่คุ้มค่าการลงทุนที่สุด"

วิเคราะห์ความคุ้มค่า:

• ราคาขาย: 499,000 บาท
• ราคาเปิดตัวรถใหม่: 594,000 บาท
• บวก ค่าดัดแปลง (ประเมินขั้นต่ำ): 180,000 บาท
• ต้นทุนรวมหากทำเองจากรถใหม่: ~774,000 บาท

สรุป: ประหยัดจากต้นทุนการทำรถใหม่ไปถึง 275,000 บาท หรือลดลงกว่า 35%!

• เครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power: ขึ้นชื่อเรื่องความ "ประหยัดน้ำมัน" เป็นเลิศ แต่ยังคงให้กำลังและแรงบิดที่เพียงพอสำหรับการบรรทุก ทำให้มีต้นทุนการขนส่งต่อเที่ยวที่ต่ำ
• ความทนทานและไว้ใจได้: Isuzu เป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับสูงสุดในด้านความทนทานของเครื่องยนต์และโครงสร้างแชสซีส์ เหมาะกับการใช้งานหนักและต่อเนื่อง
• ค่าบำรุงรักษาต่ำ: เป็นรถตลาดที่หาอะไหล่ง่าย มีราคาไม่แพง และมีศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศ
• ราคาขายต่อดี: เป็นรถกระบะที่มีราคาขายต่อแข็งแกร่งที่สุดในตลาด

• สเปคตู้บรรทุก: ตู้ทึบอลูมิเนียม/ไฟเบอร์จากอู่มาตรฐาน ความสูง 1.50 เมตร เป็นความสูงที่คล่องตัวมาก เหมาะสำหรับการเข้า-ออกใต้อาคารหรือลานจอดรถที่มีเพดานต่ำ
• ข้อดีของตู้บรรทุก: สามารถป้องกันสินค้าจากสภาพอากาศ (แดด, ฝน, ฝุ่น) ได้อย่างสมบูรณ์ และป้องกันการสูญหายของสินค้าระหว่างการขนส่งได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับธุรกิจขนส่งพัสดุ, สินค้าอุปโภคบริโภค, หรืออุปกรณ์ต่างๆ
• น้ำหนักบรรทุกสุทธิ (โดยประมาณ): โดยทั่วไปรถที่ดัดแปลงลักษณะนี้จะมีการเสริมแหนบเพื่อเพิ่มความสามารถในการบรรทุก ทำให้สามารถรองรับน้ำหนักได้อย่างปลอดภัยในช่วง 1.5 - 2.5 ตัน

• อัตราสิ้นเปลือง: เฉลี่ยประมาณ 15 - 18 กม./ลิตร (เมื่อวิ่งตัวเปล่า) และจะลดลงตามน้ำหนักบรรทุก
• ราคาเปิดตัว (ณ ปี 2021): Isuzu D-MAX Spark 1.9 B MT ราคาประมาณ 547,000 บาท

สำหรับ Isuzu D-MAX 1.9 SPARK B ปี 2021 พร้อมตู้ทึบ คันนี้ ในราคา 359,000 บาท ถือเป็น "รถทำเงินสภาพใหม่ ในราคาที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง"

วิเคราะห์ความคุ้มค่า:

• ราคาขาย: 359,000 บาท
• ราคาเปิดตัวรถใหม่: 547,000 บาท
• บวก ค่าดัดแปลง (ประเมินขั้นต่ำ): 40,000 บาท
• ต้นทุนรวมหากทำเองจากรถใหม่: ~587,000 บาท

สรุป: ประหยัดจากต้นทุนการทำรถใหม่ไปถึง 228,000 บาท หรือลดลงกว่า 38%!