รถมือสองราคาตั้งแต่ 200,000 ถึง 400,000 บาท

สี : ขาว

Toyota HIACE COMMUTER 2.7 (เบนซิน+CNG) ปี 2012

1. สเปคเด่น (Key Specifications)

• เครื่องยนต์: เบนซิน 4 สูบ 2TR-FE, 2.7 ลิตร VVT-i
• กำลังสูงสุด: 151 แรงม้า (PS)
• แรงบิดสูงสุด: 241 นิวตัน-เมตร
• ระบบเกียร์: ธรรมดา 5 จังหวะ
• ระบบเชื้อเพลิง: เบนซิน และ ก๊าซ CNG (ติดตั้งจากโรงงาน/ศูนย์บริการ)
• จำนวนที่นั่ง: 16 ที่นั่ง

2. จุดเด่นและข้อดีของ HIACE เบนซิน + CNG

• ต้นทุนเชื้อเพลิงต่อกิโลเมตรที่ต่ำมาก: คือหัวใจหลักของรถรุ่นนี้ การใช้ CNG ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างมีนัยสำคัญ เหมาะสำหรับรถที่ต้องวิ่งเยอะในแต่ละวัน
• เครื่องยนต์เดินเรียบและเงียบกว่าดีเซล: เพิ่มความสบายให้แก่ผู้โดยสาร
• เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: การเผาไหม้ของก๊าซ CNG สะอาดกว่าน้ำมันดีเซล
• ความทนทานตามมาตรฐานโตโยต้า: เครื่องยนต์ 2TR-FE ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน และการติดตั้งระบบ CNG จากศูนย์ทำให้มั่นใจได้ในมาตรฐานและความปลอดภัย

3. ตารางเปรียบเทียบรุ่นย่อย (Commuter ณ ปี 2012)

4. การประเมินมูลค่าของแต่ง/ของที่อัปเกรด

5. อัตราสิ้นเปลืองและราคาเปิดตัว

• อัตราสิ้นเปลือง:
  • CNG: ประมาณ 1.0 - 1.5 บาท/กิโลเมตร
  • น้ำมันเบนซิน: ประมาณ 7 - 9 กม./ลิตร
• ราคาเปิดตัว (ณ ปี 2012): ประมาณ 1,237,000 บาท

Isuzu D-MAX 1.9 SPARK (2018) พร้อมตู้ทำความเย็น

1. สเปคเด่น (Key Specifications)

• เครื่องยนต์: ดีเซล RZ4E-TC 1.9 ลิตร Ddi Blue Power (150 แรงม้า, 350 นิวตัน-เมตร)
• ระบบเกียร์: ธรรมดา 6 จังหวะ
• รุ่นย่อย: Spark S (มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกพื้นฐานครบ)
• สามารถทำความเย็นได้ ประมาณ +15°C จนถึง -25°C
• น้ำหนักสามารถบรรทุกได้ ประมาณ 1-1.5 ตัน

*** หมายเหตุ อุณหภูมิตามข้อความเป็นข้อมูลที่อ้างอิงมาจากเว็บไซต์ทั่วไป ในการใช้งานจริงอาจจะมีการคลาดเคลื่อนตามอายุของตู้ และคอมเพรสเซอร์เครื่องทำความเย็น สภาพแวดล้อม รวมถึงสภาพอากาศด้วย ***

2. จุดเด่นและข้อดีของ Isuzu D-MAX SPARK

• สุดยอดความประหยัด: เครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power คือมาตรฐานของวงการในเรื่องอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ต่ำ ช่วยลดต้นทุนการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ทนทาน ไว้ใจได้: ชื่อเสียงของ Isuzu คือการรับประกันความทนทานของเครื่องยนต์และแชสซีส์ที่พร้อมสำหรับงานหนัก
• ดูแลรักษาง่าย: เป็นรถตลาดที่หาอะไหล่ง่าย มีค่าบำรุงรักษาต่ำ และมีศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศ
• ราคาขายต่อดี: เป็นแบรนด์ที่ตลาดมีความต้องการสูง ทำให้มูลค่าของรถไม่ตกลงเร็ว

3. ตารางเปรียบเทียบรุ่นย่อย (SPARK ณ ปี 2018)

ข้อดีของรุ่น S: ให้ความสบายในการขับขี่มากกว่ารุ่น B เพราะมีทั้งวิทยุ, กระจกไฟฟ้า และเซ็นทรัลล็อกมาให้จากโรงงาน เหมาะสำหรับเจ้าของที่ขับเองหรือต้องการดูแลพนักงานขับรถให้สะดวกสบายขึ้น

4. การประเมินมูลค่าของแต่ง/ของที่อัปเกรด

5. อัตราสิ้นเปลืองและราคาเปิดตัว

• อัตราสิ้นเปลือง: เมื่อบรรทุกและเปิดระบบทำความเย็น จะอยู่ระหว่าง 9 - 13 กม./ลิตร
• ราคาเปิดตัว (ณ ปี 2018): Isuzu D-MAX Spark 1.9 S ราคาประมาณ 558,000 บาท

สรุปและคำแนะนำสุดท้าย

สำหรับรถคันนี้ ในราคา 319,000 บาท ถือเป็น "ดีลที่น่าพิจารณาอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจเฉพาะทาง"

• ต้นทุนรวมหากทำเองจากรถใหม่: ~741,000 บาท
• ราคาขายคันนี้: 319,000 บาท

Toyota Yaris 1.2 E (โฉมไมเนอร์เชนจ์ 2017)

นี่คือ Yaris โฉมไมเนอร์เชนจ์ครั้งสำคัญ ที่ปรับดีไซน์ด้านหน้าให้เหมือนกับ Yaris Ativ ทำให้ดูทันสมัยและโฉบเฉี่ยวขึ้น แต่จุดขายที่แท้จริงคือการปฏิวัติมาตรฐานความปลอดภัยในกลุ่มรถ Eco Car ด้วยการใส่อุปกรณ์ความปลอดภัยมาให้แบบเต็มพิกัดตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น

สเปคเด่น (Key Specifications)

• เครื่องยนต์: เบนซินรหัส 3NR-FE, 4 สูบ 1.2 ลิตร Dual VVT-i
• กำลังสูงสุด: 86 แรงม้า (PS)
• แรงบิดสูงสุด: 108 นิวตัน-เมตร
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i
• ระบบความปลอดภัยพื้นฐาน (มาตรฐานทุกรุ่นย่อย):
  • ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง
  • ระบบควบคุมการทรงตัว VSC
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC
  • ระบบเบรก ABS / EBD / BA

จุดเด่นและข้อดีของรถยนต์

มาตรฐานความปลอดภัยที่เหนือกว่าใครในยุคนั้น

• จุดเด่น: คือจุดขายที่สำคัญที่สุด การติดตั้ง ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง และระบบ VSC/TRC/HAC มาให้เป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย
• ข้อดี: สร้างความมั่นใจสูงสุดในการขับขี่ ซึ่งในเวลานั้นคู่แข่งในระดับเดียวกันยังไม่มีใครให้มาครบเท่านี้

ความน่าเชื่อถือและความทนทานสไตล์ Toyota

• จุดเด่น: ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานของเครื่องยนต์และระบบเกียร์ ปัญหาน้อย ไม่จุกจิก
• ข้อดี: ค่าบำรุงรักษาต่ำ อะไหล่หาง่ายและมีราคาไม่แพง เหมาะสำหรับเป็นรถคันแรก

ห้องโดยสารกว้างขวางและใช้งานได้จริง

• จุดเด่น: การออกแบบภายในทำได้ดี มีพื้นที่วางขากว้างขวาง และพื้นห้องโดยสารด้านหลังเรียบสนิท
• ข้อดี: แม้จะเป็นรถขนาดเล็ก แต่ให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง นั่งสบาย และเบาะหลังพับแยกแบบ 60:40 (รุ่น E ขึ้นไป) เพื่อเพิ่มพื้นที่ได้

การขับขี่ที่นุ่มนวลและง่ายดาย

• จุดเด่น: เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร จับคู่กับเกียร์ Super CVT-i ให้การตอบสนองที่นุ่มนวลต่อเนื่อง
• ข้อดี: ทำให้การขับขี่ในเมืองเป็นเรื่องง่ายและไม่เมื่อยล้า พวงมาลัยเบา ควบคุมง่าย

เปรียบเทียบความแตกต่างของรุ่นย่อย (ณ ปี 2017)

สรุป: รุ่น E ให้สิ่งที่จำเป็นและสะดวกสบายเพิ่มขึ้นจากรุ่น J อย่างชัดเจน เช่น ล้ออัลลอย, กระจกพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว, และ Bluetooth ซึ่งทำให้การใช้งานประจำวันสะดวกสบายขึ้นมาก

อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง

• ตาม Eco Sticker: 20.0 กม./ลิตร
• ใช้งานจริงโดยเฉลี่ย:
  • ในเมือง: ประมาณ 12-15 กม./ลิตร
  • นอกเมือง: ประมาณ 16-19 กม./ลิตร

ราคาเปิดตัว (ณ เดือนกันยายน 2017)

• รุ่น 1.2 J: 529,000 บาท
• รุ่น 1.2 E: 559,000 บาท
• รุ่น 1.2 G: 609,000 บาท

BMW X1 sDrive18i Sport (E84) LCI ปี 2013

นี่คือ X1 เจเนอเรชันแรกในโฉม LCI (ไมเนอร์เชนจ์) หัวใจสำคัญคือการใช้พื้นฐานเดียวกับ BMW 3-Series (E91) ทำให้มีสถาปัตยกรรมแบบ "ขับเคลื่อนล้อหลัง" และ "พวงมาลัยไฮดรอลิก" ซึ่งให้ฟีลลิ่งการขับขี่ที่ดิบและเป็นธรรมชาติแบบ BMW ยุคเก่าแท้ๆ

สเปคเด่น (Key Specifications)

• เครื่องยนต์: เบนซิน 4 สูบ Naturally Aspirated (ไม่มีเทอร์โบ) รหัส N46
• ความจุ: 1,995 ซีซี
• กำลังสูงสุด: 150 แรงม้า (HP) ที่ 6,400 รอบต่อนาที
• แรงบิดสูงสุด: 200 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบต่อนาที
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Steptronic
• ระบบขับเคลื่อน: ขับเคลื่อนล้อหลัง (sDrive)

จุดเด่นและข้อดี (Highlights & Advantages)

ฟีลลิ่งการขับขี่แบบ BMW แท้ๆ

• คือเสน่ห์ที่หาไม่ได้ใน X1 รุ่นใหม่ ด้วยพื้นฐานขับหลังและพวงมาลัยไฮดรอลิก ทำให้การตอบสนองมีน้ำหนักแน่น เป็นธรรมชาติ และสื่อสารกับผู้ขับขี่ได้ดีเยี่ยม

ราคาค่าตัวที่เข้าถึงง่ายที่สุด

• ด้วยราคาเพียงสามแสนกว่าบาท ทำให้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการได้ครอบครองรถยนต์ตระกูล SAV จากแบรนด์ BMW

ความอเนกประสงค์ในร่าง SAV

• มีความสูงใต้ท้องรถที่มากกว่ารถเก๋ง ทำให้ขับผ่านทางขรุขระหรือน้ำท่วมขังได้ดีกว่า และมีพื้นที่เก็บสัมภาระที่ใช้งานได้หลากหลาย

ดีไซน์ Sport ที่ยังดูดี

• รุ่น Sport จะได้เบาะนั่งทรงสปอร์ตที่โอบกระชับและพวงมาลัยสปอร์ตที่ดูดุดันกว่ารุ่นปกติ

อัตราสิ้นเปลือง (Fuel Consumption)

• ใช้งานจริงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 9 - 12 กม./ลิตร (ค่อนข้างกินน้ำมัน)

ราคา (Price)

• ราคาเปิดตัว (ป้ายแดงปี 2013): ประมาณ 2,149,000 บาท

✅ เช็คศูนย์ตลอด ประวัติดีมาก

Toyota Hilux Revo Z-Edition 2.4 Entry (ตอนเดียว) ปี 2021

นี่คือ Revo โฉมปรับปรุงใหม่ (Facelift) ที่มีหน้าตาหล่อเหลา ออกแบบมาเพื่อการขนส่งโดยเฉพาะ ด้วยการปรับช่วงล่างให้เตี้ยลงเพื่อเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่บนทางเรียบและช่วยให้การขนของขึ้น-ลงทำได้สะดวกยิ่งขึ้น

สเปคเด่น (Key Specifications)

• เครื่องยนต์: ดีเซล 4 สูบ รหัส 2GD-FTV VN Turbo
• ความจุ: 2,393 ซีซี
• กำลังสูงสุด: 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที
• แรงบิดสูงสุด: 343 นิวตันเมตร ที่ 1,400 - 2,800 รอบต่อนาที
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ
• แชสซีส์: SuperFrame ที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่งทนทาน
• สามารถบรรทุกสินค้าได้สูงสุดอยู่ที่ประมาณ 1,000 - 1,200 กิโลกรัม

จุดเด่นและข้อดี (Highlights & Advantages)

ความทนทานและไว้ใจได้ (Proven Reliability)

• หัวใจของรถเพื่อการพาณิชย์คือความทนทาน ซึ่งเครื่องยนต์ 2GD-FTV และโครงสร้างแชสซีส์ของ Toyota ได้รับการยอมรับในระดับโลกเรื่องความอึด ถึก ทน

พร้อมใช้งานทันทีกับตู้ทึบ 1.55 เมตร (Ready-to-Work)

• นี่คือความคุ้มค่าที่สุดของรถคันนี้ การมีหลังคาตู้ทึบความสูง 1.55 เมตร ซึ่งเป็นขนาดที่สมดุลระหว่างปริมาตรการบรรทุกและการต้านลม ทำให้รถพร้อมสำหรับธุรกิจขนส่งทันที
• ประหยัดเงินและเวลา: ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการติดตั้งหลังคาใหม่ และไม่ต้องเสียเวลาไปดำเนินการแจ้งดัดแปลงสภาพกับกรมการขนส่งทางบก

ช่วงล่างเพื่อการขนส่งบนทางเรียบ (Z-Edition)

• ทรงตัวดีเยี่ยม: การที่ตัวรถเตี้ยลงจากโรงงาน ทำให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ขับขี่บนถนนทั่วไปและทางด่วนได้อย่างมั่นคงกว่ารถกระบะทรงสูง
• สะดวกต่อการใช้งาน: ความสูงของพื้นกระบะที่ลดลง ทำให้การยกสินค้าขึ้นหรือลงจากรถทำได้ง่ายและเหนื่อยน้อยลง

ค่าบำรุงรักษาต่ำ

• ด้วยความเป็นรถตลาด ทำให้หาอะไหล่ได้ง่าย มีทั้งอะไหล่แท้และอะไหล่ทดแทนในราคาที่เป็นมิตร สามารถเข้ารับบริการได้ทุกอู่ทั่วประเทศ

อัตราสิ้นเปลือง (Fuel Consumption)

• ตัวรถเปล่า: ประมาณ 14 - 16 กม./ลิตร
• เมื่อติดตั้งตู้ทึบสูง 1.55 ม.: คาดว่าอัตราสิ้นเปลืองจริงขณะใช้งานจะอยู่ที่ประมาณ 11 - 14 กม./ลิตร (แปรผันตามน้ำหนักบรรทุกและความเร็ว)

ราคา (Price)

• ราคาเปิดตัว (ป้ายแดงปี 2021): ประมาณ 594,000 บาท (สำหรับรุ่นพื้นฐาน)

Toyota Corolla Altis 1.8 ESPORT (E170) ปี 2015

นี่คือโฉมที่ 11 ของ Corolla Altis ที่พลิกโฉมดีไซน์สู่ความสปอร์ตอย่างชัดเจน โดยเฉพาะรุ่น "ESPORT" ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเจาะตลาดกลุ่มวัยรุ่นและคนวัยทำงานที่ต้องการรถยนต์ที่ดูโฉบเฉี่ยว ขับสนุก แต่ยังคงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือตามแบบฉบับของ Toyota

สเปคเด่น (Key Specifications)

• เครื่องยนต์: เบนซิน 4 สูบ รหัส 2ZR-FBE Dual VVT-i
• ความจุ: 1,798 ซีซี
• กำลังสูงสุด: 141 แรงม้า (HP) ที่ 6,000 รอบต่อนาที
• แรงบิดสูงสุด: 177 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด พร้อม Paddle Shift
• รองรับน้ำมัน: E85
• ระบบกันสะเทือนหลัง: ทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง

จุดเด่นและข้อดี (Highlights & Advantages)

ดีไซน์สปอร์ตเฉพาะตัว (ESPORT Exclusive Design)

• ชุดแต่ง ESPORT: กระจังหน้า, กันชน, และสเกิร์ตข้างดีไซน์สปอร์ตเฉพาะรุ่น
• ไฟหน้า: โปรเจคเตอร์รมดำ พร้อมไฟ LED Daylight
• ล้ออัลลอย: ขนาด 17 นิ้ว ลายเฉพาะรุ่น ESPORT

สมรรถนะที่ขับสนุกกว่า (Enhanced Driving Performance)

• ช่วงล่างปรับจูนพิเศษ: หนึบและเฟิร์มกว่า Altis รุ่นย่อยอื่นเล็กน้อย
• เครื่องยนต์ 1.8L + CVT 7 สปีด: การจับคู่ที่ลงตัว อัตราเร่งดีและยังคงความนุ่มนวล

ความทนทานและค่าบำรุงรักษาต่ำ (Reliability & Low Maintenance)

• ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานสูง ไม่ค่อยมีปัญหาจุกจิกตามสไตล์ Toyota
• ค่าบำรุงรักษาและค่าอะไหล่ไม่แพง หาได้ง่ายทั่วประเทศ

เปรียบเทียบความแตกต่างของรุ่นย่อย (ปี 2015)

• 1.8 E: รุ่นเริ่มต้นของเครื่อง 1.8 (ล้อ 16", ไม่มี Paddle Shift)
• 1.8 G: รุ่นเน้นความหรูหรา (เพิ่ม Cruise Control, เบาะคนขับไฟฟ้า)
• 1.8 ESPORT (รุ่นที่คุณสนใจ):
  • ตำแหน่ง: รุ่นสปอร์ต ชัดเจนด้วยชุดแต่งและล้อ 17 นิ้ว
  • สิ่งที่เหนือกว่ารุ่น G: ชุดแต่ง ESPORT, ล้อ 17 นิ้ว, 

อัตราสิ้นเปลือง (Fuel Consumption)

• ใช้งานจริงโดยเฉลี่ย: ประมาณ 12 - 15 กม./ลิตร
• ในเมือง: ประมาณ 9 - 11 กม./ลิตร
• นอกเมือง/ทางไกล: ประมาณ 15 - 18 กม./ลิตร

ราคา (Price)

• ราคาเปิดตัว (ป้ายแดงปี 2015): 899,000 บาท

Toyota HILUX REVO 2.4 (2022) SINGLE Entry MT (พร้อมตู้บรรทุกและ ไฮดรอลิกลิฟท์ท้าย)

รถคันนี้คือ Toyota Hilux Revo Single Cab (กระบะตอนเดียว) รุ่นปี 2022 ซึ่งเป็นโฉมปัจจุบันที่ได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงความแข็งแกร่ง ทนทาน และประหยัดน้ำมันที่เป็นเอกลักษณ์ของ Toyota Hilux Revo ไว้ และที่สำคัญคือติดตั้ง ตู้บรรทุก และ ไฮดรอลิกลิฟท์ท้าย ซึ่งเพิ่มความสะดวกในการขนถ่ายสินค้าหนักอย่างมาก

สเปกเด่นของรถพื้นฐาน (Toyota HILUX REVO 2.4 2022 SINGLE Entry MT):

1. เครื่องยนต์ดีเซล 2GD-FTV 2.4 ลิตร VN Turbo:

   • ขนาด: 2,393 ซีซี (2.4 ลิตร) 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VN Turbo พร้อม Intercooler

   • กำลังสูงสุด: 150 แรงม้า (PS) ที่ 3,400 รอบ/นาที

   • แรงบิดสูงสุด: 343 นิวตันเมตร ที่ 1,400 - 2,800 รอบ/นาที

   • เกียร์: ธรรมดา 5 จังหวะ (MT)

   • สมรรถนะ: เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร GD Super Power ให้พละกำลังและแรงบิดที่สูงเหมาะสมสำหรับการบรรทุก และการขนส่ง เกียร์ธรรมดาช่วยให้ควบคุมกำลังและประหยัดน้ำมันได้ดี

2. ตัวถัง SINGLE Cab (ตอนเดียว):

   • ออกแบบมาเพื่อการใช้งานเชิงพาณิชย์เป็นหลัก เน้นพื้นที่บรรทุกสูงสุด และความคล่องตัว

3. ช่วงล่างที่แข็งแกร่งทนทาน:

   • ด้านหน้าอิสระปีกนกคู่, ด้านหลังแหนบซ้อน ซึ่งเหมาะสมกับการบรรทุกหนัก

   • ล้อกระทะเหล็กมาตรฐานที่ทนทานสำหรับการบรรทุก

4. ความน่าเชื่อถือ: Toyota Hilux Revo ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานสูง ค่าบำรุงรักษาต่ำ และอะไหล่หาง่าย

คุณสมบัติพิเศษของตู้บรรทุกและไฮดรอลิกลิฟท์ท้าย:

1. ตู้บรรทุก:

   • วัสดุ: ผนังภายในเป็น ไฟเบอร์กลาส (FRP) ซึ่งมีน้ำหนักเบาและทนทาน

   • พื้นตู้: เป็นวัสดุกันลื่น

   • ประตูท้าย: เป็นแบบบานเปิดคู่เพื่อความสะดวกในการขนถ่ายสินค้า

   • ความสูง: 1.60 เมตร

2. ไฮดรอลิกลิฟท์ท้าย:

   • ฟังก์ชัน: นี่คือจุดเด่นสำคัญของรถคันนี้ Tail Lift เป็นระบบยกสินค้าขึ้น-ลงจากพื้นดินไปยังพื้นตู้รถ (และในทางกลับกัน) ด้วยระบบไฮดรอลิกไฟฟ้า ช่วยให้การขนถ่ายสินค้าหนักหรือสินค้าที่มีขนาดใหญ่ทำได้ง่าย รวดเร็ว และปลอดภัย โดยไม่ต้องใช้แรงงานคนจำนวนมาก

   • Safe Working Load (SWL): มีป้ายระบุชัดเจนว่า SWL 600 KG (Safe Working Load 600 กิโลกรัม) หมายความว่าลิฟท์ท้ายนี้สามารถยกสินค้าได้สูงสุด 600 กิโลกรัมอย่างปลอดภัย

   • การควบคุม: ควบคุมด้วยรีโมทคอนโทรลแบบมีสาย

3. การจดทะเบียน: ควรตรวจสอบว่าตู้บรรทุกและลิฟท์ท้ายที่ติดตั้งมานั้น ได้มีการแจ้งลงเล่มทะเบียนรถเรียบร้อยแล้วหรือไม่ เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย

จุดขายหลักของ Toyota HILUX REVO 2.4 (2022) SINGLE Entry MT (พร้อมตู้บรรทุกและ Tail Lift):

• "รถบรรทุกพร้อมใช้ ขนถ่ายง่าย ทนทาน": เป็นโซลูชันที่ครบวงจรสำหรับธุรกิจที่ต้องขนส่งสินค้าหนัก หรือสินค้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการขนถ่าย

• ไฮดรอลิกลิฟท์ท้าย: เพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการขนถ่ายสินค้าอย่างมหาศาล ลดการใช้แรงงานคนและประหยัดเวลา

• SWL 600 KG: สามารถยกสินค้าหนักได้สูงสุด 600 กิโลกรัมอย่างปลอดภัย

• ตู้บรรทุก: ปกป้องสินค้าจากสภาพอากาศและการโจรกรรม

• เกียร์ธรรมดา: ควบคุมกำลังได้เต็มที่ ทนทาน ประหยัดน้ำมัน

• ความน่าเชื่อถือของ Toyota: การันตีด้วยคุณภาพ ค่าบำรุงรักษาต่ำ และราคาขายต่อดี

โดยรวมแล้ว Toyota HILUX REVO 2.4 (2022) SINGLE Entry MT พร้อมตู้บรรทุกและ ไฮดรอลิกลิฟท์ท้าย คันนี้ เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการรถกระบะบรรทุกที่ทนทาน มีกำลังดี และมีฟังก์ชันการขนถ่ายสินค้าที่สะดวกและปลอดภัยเป็นพิเศษครับ

ไฮไลท์รถยนต์

รายละเอียดเพิ่มเติม

รถ ออกมาตั้งแต่ป้ายแดง เจ้าของดูแลอย่างดีมากๆ สภาพดีที่สุดแน่นอน คุณเลือกได้จะซื้อรถแบบไหน คุณคือคนที่เลือกเอง รับฟังทุกเงื่อนไข ซื้อคันนี้ได้รถสวยมากๆแต่ ราคามือสอง คุ้มสุดๆ ประหยัดเป็นแสน 

Toyota Yaris Ativ 1.2 (2022) Sport AT: อีโคคาร์ซีดานยอดนิยมที่เน้นความคุ้มค่าและประหยัด

Toyota Yaris Ativ เป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กในกลุ่ม Eco Car Sedan ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศไทย ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย ห้องโดยสารกว้างขวาง อุปกรณ์ครบครัน และความประหยัดน้ำมันที่เป็นจุดเด่นของรถยนต์โตโยต้า สำหรับรุ่นปี 2022 นี้ เป็นช่วงที่ Yaris Ativ ยังคงอยู่ในโฉมปัจจุบัน (ก่อนที่จะมีการปรับโฉมใหม่ในช่วงปลายปี 2022) และรุ่น Sport AT ถือเป็นรุ่นย่อยที่ได้รับความนิยมสูง ด้วยอุปกรณ์มาตรฐานที่เพียงพอต่อการใช้งาน และความคุ้มค่า

สเปกเด่นของรถพื้นฐาน (Toyota Yaris Ativ 1.2 2022 Sport AT):

1. เครื่องยนต์เบนซิน 3NR-FE 1.2 ลิตร Dual VVT-iE:

   • ขนาด: 1,197 ซีซี (1.2 ลิตร) 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-iE

   • กำลังสูงสุด: 92 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที

   • แรงบิดสูงสุด: 109 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที

   • เกียร์: อัตโนมัติ Super CVT-i

   • สมรรถนะ: เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร Dual VVT-iE ให้พละกำลังที่เพียงพอต่อการใช้งานในเมืองและการเดินทางต่างจังหวัดในระยะทางไม่ไกลนัก เน้นความประหยัดน้ำมันเป็นหลัก เกียร์ CVT ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ราบรื่นและต่อเนื่อง

   • มาตรฐาน Eco Car Phase 2: มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีเยี่ยม (ประมาณ 23.3 กม./ลิตร ตามมาตรฐาน Eco Car)

2. ดีไซน์ภายนอกและภายในที่ทันสมัย:

   • ภายนอก: รูปทรงซีดาน 4 ประตูที่ดูโฉบเฉี่ยวและทันสมัย ไฟหน้า Projector Lens แบบ LED (ในรุ่น Sport ขึ้นไป)

   • ภายใน: ห้องโดยสารออกแบบตามหลักสสรีรศาสตร์ ใช้วัสดุคุณภาพดีในระดับ Eco Car

3. ห้องโดยสารที่กว้างขวางและสะดวกสบาย:

   • แม้จะเป็นรถ Eco Car แต่ Yaris Ativ มีห้องโดยสารที่กว้างขวาง นั่งสบายสำหรับผู้โดยสาร 4-5 คน

   • พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายขนาดใหญ่

4. ฟังก์ชันอำนวยความสะดวก:

   • หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว: รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto (ในรุ่น Sport ขึ้นไป)

   • พวงมาลัย Multi-function: ควบคุมเครื่องเสียงและโทรศัพท์

   • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ:

5. ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน:

   • ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง (คู่หน้า, ด้านข้าง, ม่านถุงลม, หัวเข่าคนขับ)

   • ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System) และ EBD (Electronic Brake-force Distribution)

   • ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist)

   • ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control)

   • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control System)

   • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill-start Assist Control)

ข้อดีของ Toyota Yaris Ativ 1.2 (2022) Sport AT เมื่อเทียบกับรุ่นย่อยอื่นๆ:

1. ความคุ้มค่าที่ลงตัว:

   • เป็นรุ่นที่ได้ออปชันสำคัญที่จำเป็นต่อการใช้งานในปัจจุบัน เช่น ไฟหน้า LED, หน้าจอสัมผัสรองรับ Apple CarPlay/Android Auto, Smart Entry/Push Start และที่สำคัญคือ ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง ซึ่งเพิ่มความปลอดภัยอย่างมาก เมื่อเทียบกับรุ่น Entry

2. ประหยัดน้ำมัน:

   • ด้วยเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร และเกียร์ CVT ทำให้มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ยอดเยี่ยม เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

3. ความน่าเชื่อถือของ Toyota:

   • ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน ค่าบำรุงรักษาต่ำ อะไหล่หาง่าย และราคาขายต่อดี

สรุปจุดขายหลักของ Toyota Yaris Ativ 1.2 (2022) Sport AT:

• "อีโคคาร์ซีดานออปชันครบ ประหยัด ปลอดภัย คุ้มค่า": เหมาะสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์นั่งส่วนบุคคลคันแรก, รถสำหรับใช้งานในเมือง, หรือรถสำหรับครอบครัวขนาดเล็กที่เน้นความประหยัดและฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน

• ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง: เพิ่มความปลอดภัยที่เหนือกว่า Eco Car ทั่วไปในยุคนั้น

• ออปชันทันสมัย: หน้าจอสัมผัส, Smart Entry/Push Start

• เครื่องยนต์ 1.2L: ประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ

• ความน่าเชื่อถือ: แบรนด์ Toyota ที่ได้รับการยอมรับ

โดยรวมแล้ว Toyota Yaris Ativ 1.2 (2022) Sport AT เป็นรถยนต์นั่งมือสองที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการ Eco Car Sedan ที่คุ้มค่า ประหยัด และมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยที่ครบครันครับ

สี : ขาว

Toyota HIACE 2.7 (2012) Commuter VVT-i Van (ติดแก๊ส CNG จากศูนย์)

สเปกเด่นของรถพื้นฐาน (Toyota HIACE 2.7 2012 Commuter):

เครื่องยนต์เบนซิน 2TR-FE 2.7 ลิตร VVT-i:

• ขนาด: 2,694 ซีซี (2.7 ลิตร) 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VVT-i
• กำลังสูงสุด: 151 แรงม้า (PS) ที่ 4,800 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด: 241 นิวตันเมตร ที่ 3,800 รอบ/นาที
• เกียร์: ธรรมดา 5 จังหวะ หรือ อัตโนมัติ 4 จังหวะ (ขึ้นอยู่กับคัน)

สมรรถนะ: เครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร VVT-i ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน ให้กำลังเพียงพอต่อการบรรทุกผู้โดยสารเต็มคัน และทำงานร่วมกับระบบเชื้อเพลิงทางเลือกอย่าง CNG ได้เป็นอย่างดี

อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง (เบนซิน): ประมาณ 8-10 กม./ลิตร

ห้องโดยสารและการบรรทุก:

• การจัดวางที่นั่ง: 15 ที่นั่ง (มาตรฐาน) รองรับผู้โดยสารจำนวนมาก
• ระบบปรับอากาศ: มีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารทุกตำแหน่ง กระจายความเย็นได้ทั่วถึง
• ช่วงล่าง: ด้านหลังแบบแหนบซ้อน (Leaf Spring) ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานหนักและบรรทุกผู้โดยสารจำนวนมากโดยเฉพาะ

คุณสมบัติพิเศษของระบบ CNG (ติดตั้งจากศูนย์ Toyota):

• ประหยัดค่าเชื้อเพลิงสูงสุด: CNG มีราคาถูกกว่าน้ำมันเบนซินอย่างมีนัยสำคัญ ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมหาศาล เหมาะสำหรับรถที่วิ่งงานบ่อยหรือวิ่งทางไกล
• คุณภาพและความปลอดภัยมาตรฐานโรงงาน: การติดตั้งจากศูนย์โตโยต้าทำให้มั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัยสูงสุด ระบบได้รับการจูนให้ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์อย่างสมบูรณ์ และจดทะเบียนเป็นรถเชื้อเพลิง 2 ระบบถูกต้องตามกฎหมาย

จุดขายหลักของ Toyota HIACE CNG:

• "รถตู้โดยสารที่ประหยัด คุ้มค่า และทนทานที่สุด": เหมาะสำหรับธุรกิจรับ-ส่งผู้โดยสาร, โรงเรียน, โรงงาน ที่ต้องการลดต้นทุนค่าเชื้อเพลิงอย่างจริงจัง
• ระบบ CNG จากศูนย์: มั่นใจในคุณภาพ ความปลอดภัย และความประหยัด
• เครื่องยนต์ 2.7L VVT-i: ทนทานเป็นเลิศ ดูแลง่าย เหมาะกับการใช้งานแก๊ส
• ห้องโดยสาร 15 ที่นั่ง: รองรับผู้โดยสารได้จำนวนมาก
• ความน่าเชื่อถือของ Commuter: อะไหล่หาง่าย อู่ซ่อมแพร่หลาย ราคาขายต่อดี

รถมือเดียวออกห้าง รถสวย สภาพเดิมๆ ออกรถปลายปี 2018 จดทะเบียนปี 2019 NISSAN NOTE 1.2 V เครื่อง 1.2 อีโคคาร์ ออโต้ ประหยัดมากๆ สบายใจหายห่วง การันตีสภาพ สะอาดเรียบร้อย ไม่โทรมเจ้าของเก่าดูแลดีมาก หาอยู่ไม่ผิดหวังครับ สีดิมจากโรงงาน ภายในสะอาดเรียบร้อยไม่มีรอยเลย ไม่เคยแต่ง สภาพดีมากๆ รถเทิร์นหน้าโชว์รูม เจ้าของดูแลดีมากๆ รถบ้านแท้ๆ เลขไมล์แท้ๆ 9X,XXX Km. ประวัติดีมากๆ

เอกสารติดรถคู่มือการใช้งาน BOOK SERVICE กุญแจสำรองครบ สามารถเช็คประวัติย้อนหลังได้ครับ การันตีหารุ่นนี้อยู่ไม่ผิดหวังแน่นอนกับรถสภาพเหมือนใหม่แบบนี้และราคาที่ดีที่สุดในตอนนี้ครับ รถบ้านแท้ๆ ไม่ใช่รถเช้าหรือรถยึดประมูลจากไฟแนนซ์

ฟรีดาวน์ ออกรถง่ายที่สุด ได้รถสภาพสวยมากๆ แต่ราคามือสอง คุ้มมากๆ สวยไม่สวย ดูที่เบาะไม่เคยหุ้มใหม่

Nissan Note 1.2 (2019) V Hatchback: Eco Car ที่กว้างขวางและออปชันครบครัน

สเปกเด่นของรถพื้นฐาน (Nissan Note 1.2 2019 V Hatchback):

เครื่องยนต์เบนซิน HR12DE 1.2 ลิตร DOHC 3 สูบ:

• ขนาด: 1,198 ซีซี (1.2 ลิตร) 3 สูบแถวเรียง DOHC 12 วาล์ว
• กำลังสูงสุด: 79 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด: 106 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที
• เกียร์: อัตโนมัติ XTRONIC CVT

สมรรถนะ: เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร 3 สูบ ถูกออกแบบมาเพื่อเน้นความประหยัดน้ำมันสูงสุด เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง ให้ความคล่องตัวสูง และมีเกียร์ XTRONIC CVT ที่ช่วยให้การขับขี่ราบรื่นต่อเนื่อง

อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง: ประมาณ 18-20 กม./ลิตร (ตามมาตรฐาน Eco Car) ถือว่าประหยัดมาก

ห้องโดยสารที่กว้างขวางและอเนกประสงค์:

• พื้นที่ภายใน: โดดเด่นด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวาง โดยเฉพาะพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารตอนหลังที่สบายกว่า Eco Car ทั่วไป
• พื้นที่เก็บสัมภาระ: ด้านท้ายมีขนาดใหญ่เพียงพอต่อการใช้งาน และสามารถพับเบาะหลังเพื่อเพิ่มพื้นที่ได้
• ดีไซน์ภายใน: แผงคอนโซลดีไซน์เรียบง่าย เน้นฟังก์ชันการใช้งานที่สะดวก

ฟังก์ชันอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยี (รุ่น V):

• หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว สำหรับระบบเครื่องเสียงและ Infotainment
• พวงมาลัย Multi-function พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง
• ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
• กุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Intelligent Key) และปุ่ม Push Start
• กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า
• กล้องมองหลัง

ระบบความปลอดภัยมาตรฐานสูง (สำหรับ Eco Car):

• ถุงลมนิรภัยคู่หน้า (SRS Airbags)
• ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System), EBD (Electronic Brake-force Distribution), BA (Brake Assist)
• ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว VDC (Vehicle Dynamic Control)
• ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist)
• ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning - FCW)
• ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking - IEB)

จุดขายหลักของ Nissan Note 1.2 (2019) V Hatchback:

• "Eco Car ที่กว้าง ออปชันครบ และปลอดภัย": เหมาะสำหรับผู้มองหารถยนต์ขนาดเล็กที่เน้นความประหยัดสำหรับการใช้งานในเมือง แต่ยังได้ฟังก์ชันและระบบความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม
• ห้องโดยสารใหญ่: จุดเด่นคือพื้นที่วางขาด้านหลังที่กว้างเป็นพิเศษ
• เทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำหน้า: มีระบบเตือนการชน (FCW) และช่วยเบรกฉุกเฉิน (IEB) เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่
• ประหยัดน้ำมันสูงสุด: ด้วยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่โดดเด่นถึง 18-20 กม./ลิตร
• ออปชันครบครันในรุ่น V: ทั้งหน้าจอสัมผัส, Push Start, แอร์ Auto, และกล้องมองหลัง