6 สิ่งเสริมสิริมงคล รถยนต์ บูชาไว้รวยๆปังๆแคล้วคลาดปลอดภัย

การออกรถนอกจากการตรวจสภาพรถแล้ว คนไทยเราก็มีความเชื่อเรื่อง ฤกษ์งามยามดีสำหรับการออกรถเพื่อ หาเงินหาทองประกอบทำธุรกิจบ้าง อยากได้ความปลอดภัยเพื่อใช้ในครอบครัวบ้าง ก็สุดแล้วแต่ความเชื่อของแต่ละบุคคลครับ

สำหรับคนที่กำลังจะออกรถแล้วจะต้องมีขั้นตอนเพื่อเพิ่มความสิริมลคลอย่างไร ในบทความนี้มีคำชอบให้ 6 วิธีง่ายๆที่จำให้คุณ รวยๆปังๆ และเพิ่มความอุ่นใจปลอดภัยในการใช้รถด้วยนะครับ

1.ฤกษ์ออกรถ

การดูฤกษ์งามยามดีนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับความเชื่อแต่ละบุคคล เพราะการดูฤกษ์งามยามดีนั้นมีความเชื่อมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพราะเชื่อว่าหากเลือกเวลาที่ดี สื่งที่กำลังจะตามมาก็ย่อมต้องดีด้วยทั้งความปราถนา ความราบรื่น ไร้อุปสรรคขัดขวาง ดังนั้นฤกษ์ออกรถหลายๆคนที่มีความเชื่อจะไม่มองข้ามสิ่งเหล่านี้ เพราะในแต่ละปี แต่ละช่วงเวลา รวมมถึงวันเกิดของเจ้าของก็จะไม่เหมือนกันครับ

เชื่อว่าหลายๆคนมักจะสงสัยว่า บางคนนั้นทำไมจะต้องบีบแตร์ดังๆ ก่อนขยับรถออก ความเชื่อที่ว่าการสงเสียงดังๆหรือด้วยการบีบแตร์เอา ฤกษ์เอาชัยนั่นเอง

2. เลือกสีรถให้ตรงกับฮวงจุ้ยของตัวเอง

การเลือกสีรถยนต์ให้ตรงกับฮวงจุ้ยของตัวเอง ในความเชื่อแล้วจะเกี่ยวกับการเสริมดวงฮวงจุ้ยในหลายๆด้าน ทั้งการเงินความรุ่งเรือง บุคลิก รวมไปถึงความปลอดภัย

3. การเลือกดอกไม้ พวงมาลัย ของไหว้ เพื่อบูชาแม่ย่านาง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประจำพาหนะ

แม่ย่านยาง เป็นตำนานที่เล่าขานกันมาตั้งแต่ในสมัยอดีต สมัยที่ยังใช้เรือเป็นยานพาหนะ ซึ่งก่อนที่คนสมัยก่อนจะโดยสารลงเรือก็จะกราบไหว้แม่ย่านางก่อน

โดยในปัจจุบันถือว่าเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับสำหรับรถใหม่ทั้งหลาย ไม่ใช่เฉพาะ รถมือสอง เท่านั้น คือการบูชาแม่ย่านางโดยตามความเชื่อแล้วจะคอยปกป้องดูแลรักษายานพาหนะไม่ว่าจะเป็นรถหรือเรือก็ตาม การบูชาแม่ย่านางจะช่วยให้แคล้วคลาดจากภัยอันตรายหรือสิ่งไม่ดีทั้งปวงดังนั้นสิ่งที่สำคัญก็คือ ดอกไม้สีที่เป็นสีประจำวันเกิดของแต่ละคนจะมีดังนี้

  • คนเกิดวันอาทิตย์ ควรใช้พวงมาลัยริบบิ้นสีเขียว
  • คนเกิดวันจันทร์ ควรใช้พวงมาลัยริบบิ้นสีม่วง
  • คนเกิดวันอังคาร ควรใช้พวงมาลัยริบบิ้นสีน้ำเงิน
  • คนเกิดวันพุธ ควรใช้พวงมาลัยริบบิ้นสีเหลือง
  • คนเกิดวันพฤหัสบดี ควรใช้พวงมาลัยริบบิ้นแดง
  • คนเกิดศุกร์ ควรใช้พวงมาลัยริบบิ้นชมพู
  • คนเกิดวันเสาร์ ควรใช้พวงมาลัยริบบิ้นฟ้า

4. การปิดทอง เจิมอักขระ และพรมน้ำมนต์

ถือว่าเป็นพิธีกรรมดั่งเดิมที่ขาดไม่ได้ และเป็นความเชื่อที่นอยมสืบต่อๆกันมา โดยเป็นกุศโลบายเพื่อให้ผู้ใช้รถ ไม่ขับเข้าไปในสถานที่อบายมุขต่างๆ และการปัดเป่าสิ่งไม่ดี พร้อมคำสั่งสอนของพระสงฆ์ที่แต่ละท่านนับถือมาพึ่งปฎิบัติอย่างเคร่งครัด

เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หลายๆคนมักจะนิยมติดไว้กับรถ เช่น พระเครื่อง หรือเครื่องรางเทพเจ้าต่างๆ รวมไปถึงผ้ายันต์อาจารย์ดัง ที่เคารพและศรัทธา เพื่อเชื่อกันว่าวัตถุมงคลเหล่านี้ จะคอยปกป้องและรักษาให้ปลอดภัยจากร้ายกลายเป็นดี และ เหตุร้ายแรงกลายเป็นเบา หรือไม่มีอุบติเหตุเกิดขึ้น

6.เลขทะเบียนรถ “พลังแห่งตัวเลข”

แน่นอนว่ารถของเราจะมีป้ายทะเบียนที่เป็นตัวเลขทั้งด้านหน้าและด้านหลังของรถยนต์ ซึ่งในศาสตร์ของตัวเลขนั้นบอกว่า พลังแห่งตัวเลขจะมีพลังและผลที่ต่างกันออกไปทั้งผลดีและเป็นกาลกิณี โดยตัวเลขจะเสริมในเรื่องของความรำรวย ความปลอดภัย ความสำเร็จในด้านต่างๆ ฉะนั้นตามดวงราษีและวันเกิดของแต่ละคนจะไม่เหมือนกันครับ

ทั้งหมดนี้เรียกว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ที่ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหนก็ได้ทำสืบต่อกันมาเพื่อความเป็นสิริมงคล ทั้งนี้ความไม่ประมาท และมีน้ำใจบนท้องถนน คือสิ่งที่จะต้องยึดมั่นในการใช้ถนนส่วนรวม เพราะการขับรถหากคุณติดสินใจผิดแม้เพียงนิด อาจถึงชีวิตเลยก็ว่าได้ครับ

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

ทิ้งก้นบุหรี่ลงท้องถนน มีโทษปรับสูงสุด 1 หมื่น ผู้แจ้งจับ ได้ 50% ของค่าปรับ

จากเพจเฟสบุคสายตรงกฎหมาย ของทนายรัชพล ได้โพสข้อกฎหมายหนึ่งไว้ว่า ทิ้งบุหรี่บนท้องถนน มีโทษปรับตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและควาเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 33 และมาตรา 57

ตามข้อกฎหมายระบุไว้ว่า ห้ามมิให้ผู้ใดเทสิ่งปฎิกูล มูลฝอย น้ำโสโคก หรือสิ่งอื่นใดลงบนถนนหรือในทางนี้ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท และค่าปรับที่ได้จากการเปรียบเทียบปรับ ให้แบ่งแก่ผู้แจ้งกึ่งหนึ่ง ตามมาตรา 48

โดยพฤติกรรมคนสูบบุหรี่ส่วนใหญ่ จะสูบบุหรี่แล้วโดยลงพื้นโดยทันทีหลังจากนี้อาจจะต้องเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ โดยเฉพาะการสูบบนรถพอหมดก็ทิ้งลงบนถนนนอกจากจะทำให้บ้านเมืองสกปรกแล้วยังก่อให้เกิดความเดือนร่อนแก่ผู้อื่นตามมาและยังเป็นเรื่องผิดกฎหมายอีกด้วย

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรียกว่าเป็นกระแสในโลกโซเชี่ยล ตามเพจคนใช้รถต่างๆพอสมควร โดยมีการโพสและแชร์ภาพและ VDO ที่ถ่ายจากกล้องหน้ารถเป็นจำนวนมาก จนเป็นกระแสฮือฮา จนหลายคนอยากมีรายได้เสริมกันเลยทีเดียว

สามารถอ่านข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่

ขับแท็กซี่ อย่างไรให้อยู่รอดในช่วง Covid-19 ปลอดภัยทั้งพนักงานและลูกค้า

เทคนิคขับ Taxi อย่างไรให้อยู่รอดในช่วง Covid-19

บทความนี้จะมายกเอาหัวข้ออาชีพที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ รถแท็กซี่สาธารณะนี่แหละเพราะใกล้ชิดกับลูกค้ามากที่สุด ลุกค้ามักจะกลัวว่าการนั่งรถแท็กซี่สาธารณะนั้นเสี่ยงติด Covid-19 ได้มากที่สุด

ในช่วงวิกฤติ Covid-19 แบบนี้ ชาวแท็กซี่หลายๆคนก็คงกังวลในเรื่องของรายได้ ที่กำลังลดถอดถอยหายไปในช่วง วิกฤติแบบนี้แน่นอนว่า วลีไม่เลือกงานไม่ยากจนนั้นก็ใช้ได้เสมอ บทความนี้จะมายกเอาหัวข้ออาชีพที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ รถแท็กซี่สาธารณะนี่แหละเพราะใกล้ชิดกับลูกค้ามากที่สุด ลุกค้ามักจะกลัวว่าการนั่งรถแท็กซี่สาธารณะนั้นเสี่ยงติด Covid-19 ได้มากที่สุด ฉะนั้นเราจะแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร ลองมาดูกันครับ

1.มีมาตราการใช้อุปกรณ์ป้องกันพื้นฐาน

มีการติดตั้ง แอลกอฮอล์เจลสำหรับให้ผู้โดยสาร รวมไปถึงมาตราการการป้องกันต่างๆ ที่ใช้กันอย่างเป็นสากลเช่นติดตั้งอุปกรณ์ฉากกั้นสำหรับคนคับและผู้โดยสาร และพนักงานขับแท็กซี่จะต้องสวมหน้ากากอนามัยและสวมถุงมือทุกครั้งที่ปฎิบัติงาน ก็เป็นการเพิ่มความปลอดภัยทั้งพนักงานขับรถและลูกค้า หากว่าคุณมั่นใจว่ามีมาตรการเหล่านี้ภายในรถคุณก็ติดสติ๊กเกอร์ว่ามีมาตรการการป้องกัน Covid 19 สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าไปเลยครับ

2. ทำความสะอาดฆ่าเชื้อภายในรถอยู่สม่ำเสมอ

สิ่งที่จำเป็นสำหรับการให้บริการนั้นคือความสะอาดด้วยแอลกอฮอลหรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรคต่างๆ โดยสามารถของอุปกรณ์ต่างๆภายในรถและการผสมน้ำยาฆ่าเชื้อต่างๆก็สามารถทำได้หลายวิธีไม่ใช่แค่แอลกอฮอลที่เราเข้าใจเท่านั้น โดยสามารถดูได้จาก ลิงค์นี้เลยครับ “ฆ่าเชื้อ Covid – 19 ในรถคุณได้ง่ายๆ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หาได้ภายในบ้านคุณ” เชื่อว่าลูกค้าส่วนใหญ่ก็ต้องการใช้บริการรถแท็กซี่ที่มีความสะอาดเรียบร้อยมีกลิ่นหอม แน่นอนครับว่า ถ้าหากรถของคุณทำความบ่อยๆเกิดความประทับใจกับลูกค้า ลูกค้าอาจจะขอเบอร์ติดต่อจากคุณเพื่อเป็นขาประจำของคุณก็เป็นได้นะครับ

3. งดการสนทนาที่ไม่จำเป็น

การสนทนาเรื่อยเปื่อยบางครั้งอาจจะสร้างบรรยากาศที่ไม่ค่อยดีสำหรับลูกค้าท่มาใช้บริการในช่วงนี้นะครับ เพราะแน่นอนว่าลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะระวังในเรื่องของน้ำลายหรือ ลมหายใจมากเลยทีเดียวและทุกครั้งที่มีการสนทนา ก็จะมีน้ำลายต่างๆกระเด็นออกมาติดตามอุปกรณ์ต่างๆภายในรถ ฉะนั้นช่วงนี้ สนทนาเท่าที่จำเป็นดีกว่าครับ

4. จ่ายเงินผ่านระบบ Mobile Banking เลี่ยงสัมผัส

การจ่ายเงินรับเงินสด เหรียญหรือธนบัตรก็ถือว่าเป็นพฤติกรรมแพร่เชื้อโรคจากคนสู่คนได้ดีอีกช่องทางหนึ่งเลยก็ว่าได้ แนะนำว่าช่วงนี้เน้นการจ่ายผ่านระบบ Mobile Banking ซึ่งเป็นทางเลือกที่สัมผัสกันน้อยทื่สุดหรือถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ แนะนำให้มีตระก้าหรือถาดสำหรับรับเงินแล้วฉีดแอลกอฮอล์เพื่อฆ่าเชื้อดีกว่าครับ

5. ไม่เลือกผู้โดยสารไม่ยากจน

เรียกว่า ปัญหาที่แท๊คซี่หลายๆคนมักจะรายได้น้อยคือการเลือกลูกค้ากลุ่มที่มีระยะทางไกลๆ โดยมีความเชื่อว่า การสตาร์ทรถที่ 35 บาท วิ่งในระยะสั้นๆ นั้นได้กำไรมากกว่า แต่ในสถานการณ์แบบนี้ จะหาลูกค้ายังยากเลยนะครับ ไม่ควรเลือก

6. มีบริการหน้ากากอนามัย

สำหรับลูกค้าบางท่านอาจจะมีการหละหลวมไม่มีอุปกรณ์ในการป้องกัน แนะนำให้คุณลงทุนซักนิดจัดหาซื้อหน้ากากอนามัยติดรถสำหรับแจกไว้เลยครับ ลงทุนนิดหน่อยแต่ถือว่าซื้อใจ และช่วยสังคมไปในตัวนะครับ

7. อาชีพเสริมสำหรับแท็กซี่

จริงๆแล้ว การขับแท็กซี่ก็ใช่ว่าจะต้องขับแท็กซี่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น คุณอาจจะหา ของเล่น ของฝาก ต่างๆเพื่อเป็นรายได้เสริมอีก 1 ทางสำหรับรายได้ เพื่อที่จะนำมาเป็นทุนในการซื้ออุปกรณ์ป้องกันต่างๆ หรือดีไม่ดีก็อาจจะเป็นรายได้เสริมเงินในกระเป๋าของคุณอีก 1 ทางด้วย

และนี่ก็เป็น 7 วิธีสำหรับทางรอดของรถบริการสาธาณะหรือแท็กซี่ที่จะผ่านวิกฤติในช่วง Covid 19 ที่เกิดขึ้น ถ้าหากเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็จะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าอาชีพอะไรก็สามารถมีความเสี่ยงได้ทั้งสิ้น

แต่ถ้าหากคุณต้องการรถแท็กซี่มือสองสภาพดี สามารถติดต่อสอบถามกับทาง กฤษฎากู๊ดคาร์ ยินดีให้คำปรึกษาทุกปัญหาการออกรถได้ตลอด 24 ชั่วโมงเลยนะครับ

หรือเข้าชมเว็ปไซด์รถมือสอง กฤษฎากู๊ดคาร์โดยตรง สามารถดูได้ที่
https://www.kitsadagoodcar.com/

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

เปิดวันนี้ มอเตอร์เวย์ บางปะอิน-โคราช นายกฯ เป็นประธานเปิด 16-00 น.

นายกจ่อ ลงตรวจความพร้อม เปิดทดลองใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-นครราชสีมา 7 เมษายน เวลา 16-00 น. รองรับการเดินทางประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้

เมื่อวันที่ 6 เม.ย. ที่ผานมา นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะเป็นประธานในพิธี เปิดใช้งานทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางประอิน-นครราชสีมา (ช่วงอำเภอปากช่อง-อ.สีคิ้ว) เพื่อรองรับการเดินทางช่วงสงกรานต์ 2564 ในวันพุธที่ 7 เมษายน 2564 นี้โดยกรมทางหลวงได้ขับเคลื่อนตามนโยบายและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ปละจะเปิดทดลองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 6 หรือ M6 สายบางปะอิน – นครราชสีมา ช่วงปากช่อง- สีคิ้ว (บริเวณผ่านอ่างเก็บน้ำลำตะคอง) ให้ประชาชนใช้ฟรี ไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายในช่วงเทศกลางสงกรานต์ระหว่างวันที่ 9-19 เมษายน 2564

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยว่า การเปิดทดลองใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หมายเลข 6 สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ช่วงปากช่อง-สีคิ้ว (บริเวณผ่านอ่างเก็บน้ำลำตะคอง) มีจุดเริ่มต้นทางเข้าบริเวณทางเบี่ยงบนทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ประมาณ กม.65 และไปสิ้นสุดที่ทางออกหมายเลข 201 ประมาณ 5 กิโลเมตร รวมระยะทาง 35.75 กิโลเมตร ซึ่งจะช่วยระบายนถและบรรเทาปัญหาการจราจรในเส้นทางไป-กลับภาคอีสาน โดยจะเปิดการจราจรในทิศทางเดียว ในช่วงวันที่ 9-13 เม.ษ. 64 เปิดใช้ทางออก (มุ่งหน้าภาคอีสาน) และช่วงวันท่ 14-19 เม.ย. 64 เปิดใช้ทิสทางขาเข้า (มุ่งหน้ากรุงเทพฯ) โดยจะอนุญาตให้เฉพาะรถยนต์ 4 ล้อเท่านั้น ซึ่งได้เตรียมความพร้อมของเส้นทางปรับปรุงการเชื่อทางเข้า-ออก จุดกลับรถ ไฟฟ้าและแสงสว่าง และติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV เพื่อติดตามสภาพการจราจร ตลอดเส้นทาง เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชน

ติดตามข่าวสารอัพเดทเพิ่มเติมได้ที่

หรือคุณสนใจรถมือสองสภาพดีสามารถติดต่อได้โดยตรงที่

www.kitsadagoodcar.com

ซื้อรถมือสองอย่างไรให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุด ต้องคำนึงอะไรบ้าง

รถมือสอง นั้นเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่เริ่มต้นอยากมีรถ และยิ่งเป็นรถคันแรกกับคนที่พึ่งจะมีรถด้วยหละก็ จะต้องคิดให้ดีๆและดูรายละเอียดในเรื่องของการออกรถให้อย่างชัดเจน ศึกษาเรื่องไฟแนนซ์ และ ยอดจัดให้ดี ก่อนและสิ่งที่สำคัญลำดับต่อไปคือการเลือกรถที่คุณชอบ สำหรับบทความนี้จะมาบอกว่า ก่อนที่คุณจะซื้อรถมือสองนั้น คุณจะต้องคิดถึงเรื่องอะไรบ้าง

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจในด้านแหล่งซื้อรถก่อน ว่าโดยหลักๆแล้วรถมือสอง จะถูกเรียกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ รถบ้าน และ รถเต็นท์ ซึ่งรถ2ประเภทนี้ จะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน

รถบ้าน มีข้อดีข้อเสียอย่างไร

รถบ้าน คือ รถที่เจ้าของใช้เองประกาศขายเอง เรียกว่าเป็นการประกาศขายโดยตรงระหว่างเจ้าของและผู้ซื้อโดยตรง ซึ่งมีข้อดีคือการที่ได้ทราบถึงประวัติของรถยนต์และนิสัยใจคอของผู้ขายได้โดยตรง ถ้าหากพบว่าเจ้าของเป็นคนที่จริงใจ ผู้ซื้อก็จะได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ซึ่งในข้อดีก็มีข้อเสียคือรถบ้านส่วนใหญ่ก็จะขายกันตามสภาพ การซื้อขายนั้นก็จะไม่มีการรับประกันใดๆ ผู้ซื้อก็จะต้องเป็นคนหาแหล่งเงินกู้ หรือดำเนินการทางด้านเอกสารด้วยตัวเอง

รถเต็นท์ มีข้อดีข้อเสียอย่างไร

รถเต็นท์ คือการซื้อขายรถผ่านพ่อค้าคนกลางหรือนายหน้าซึ่งไม่ใช่เป็นเจ้าของรถโดยตรง ซึ่งในปัจจุบันการซื้อขายแบบเต็นท์ก็จะต้องคำนึงถึงความน่าเชื่อถือเป็นหลัก ทั้งเต็ทน์ที่เป็นผ้าใบและเต็นท์ที่เป็นแบบโชว์รูมที่มีการตกแต่งให้ดูทันสัมยน่าเชื่อถือ การซื้อรถที่เต็นท์คือความสะดวกสบายในการไปดูรถ มีหลากหลายรุ่นปี หลายราคาให้ได้ตัดสินใจ มีบริการดูแลในเรื่องของเอกสาร การประสานงานกันสถาบันการเงิน แต่การซื้อรถกับทางเต็น์หรือโชว์รูม ก็อาจจะมีค่านำเนินการเพิ่มเติม ซึ่งก็ถือว่าเป็นข้อเสียของการซื้อรถเต็นท์

เมื่อทราบพอสมควรแล้ว ว่าแหล่งขายรถมือสองทั้งสองรูปแบบนั้นแตกต่างกันอย่างไร ขั้นตอนต่อไป Kitsadagoodcar ก็ขอแนะนำการดูรถมือสองอย่างไรให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุด

เอกสารประกอบกับตัวรถนั้นสำคัญ

เอกสารประกอบรถยนต์นั้น คนทั่วไปมักเรียกว่า “เล่ม” เล่มทะเบียนรถยนต์ หรือสมุดจดทะเบียนสามารถสังเกตุได้ว่าเป็นเล่มแท้หรือไม่ ถูกสวมเล่มมาหรือไม่ เพราะบางกรณีอาจจะเจอว่า รถสองคันนั้นมี ป้ายทะเบียนเลขเดียวกัน จังหวัดเดียวกัน ก็เท่ากับว่าทะเบียนคันใดคันหนึ่งโดนสวมนั้นเอง ซึ่งในสมุดจดทะเบียนสามารถดูได้ดังต่อไปนี้ โดยสามารถสังเกตุได้จาก หน้า 16 รายการเสียภาษี เพราะการเสียภาษีทุกครั้งทุกปี จะต้องมีการพิมพ์รายละเอียดทุกครั้ง เพราะฉะนั้นการพิมพ์การเสียภาษีทุกครั้งจะต้องมีระยะห่างของช่องไฟที่แตกต่างกัน ไม่ทเ่ากัน แต่ถ้าหากการพิมพ์มีช่องไฟเหมือนกัน น้ำหมึกหรืออัตราลักษณ์การพิมพ์เหมือนกันทุกบรรทัด สามารถสมมุติฐานได้ว่า ผิดสังเกตุ ให้ระวังเรื่องการปลอมแปลงสมุดจดทะเบียน และ หน้า 18 แสดงการเปลี่ยนโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์จดประกอบหรือไม่ มีการดัดแปลงหรือถูกเปลี่ยนสภาพมาหรือไม่หรือหากเป็นการนำเข้าจดประกอบ ได้ดำเนินการมาอย่างถูกกฎหมายหรือไม่ถูกต้องหรือเปล่า สามารถตรจสอบได้จากหน้า 18 ซึ่งกรมขนส่งทางบกจะเป็นผู้แก้ไขในส่วนนี้เท่านั้น

ไมล์แท้หรือไมล์เทียม

ทุกวันนี้การเปลี่ยนเลขไมล์นั้นสามารถทำได้ง่ายๆ ผู้ซื้อจะต้องคำนึงถึงเลขไมล์เป็นหลัก ว่ามีการสอดคล้องกับปีรถยนต์คนนั้นๆ หรือไม่ สภาพภายในรถสอดคล้องหรือไม่ สภาพภายนอกนั้นเป็นอย่างไร สอดคล้องกับการใช้งานหรือเปล่า และในปัจจุบัน ทางศูนย์มีการให้บริการข้อมูลของตัวรถนั้นๆ สามารถโทรสอบถามตรวจสอบได้ว่าเข้าศุนย์บริการครั้งสุดท้ายเท่าไหร่ หรือจะตรวจสอบกับดิลเลอร์นั้นๆได้เช่นกัน

ทดลองขับเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ควรปล่อยผ่าน

บางครั้งการมองแต่ภายนอกนั้นมันยังไม่เพียงพอต่อการตัดสินใจ เพราะรถยนต์เป็นสิ่งของต้องใช้ ฉะนั้นสิ่งที่ควรจะต้องทำเป็นอย่างยิ่งคือ การทดลองขับและสังเกตุอาการต่างๆ ให้ถี่ถ้วนเพื่อความมั่นใจขึ้นอีกระดับ โดยจุดที่ควรสังเกตุคือช่วงล่าง ว่ามีอาการร่อนหรือไม่ มีเสียงจากที่ใด รวมไปถึงความรู้สึกเมื่อขับว่าผิดปกติอย่างไร ความสมบูรณ์ของเครื่องยนต์ ว่ามีอาการสั่นหรือไม่ ความร้อนเครื่องยนต์ รวมไปถึงเสียงต่างๆภายในห้องเครื่องว่าเกิดสิงผิดปกติไหมอย่างไร ถ้าหากเกิดปัญหาเหล่านี้ ให้ปรึกษากับทางผู้ขายว่าจะแก้ไขอย่างไรฉะนั้น ก่อนจะซื้อจะต้องตกลงให้อย่างถี่ถ้วน

รถสวยก็มีความเสี่ยง

ถึงคุณจะเห็นว่ารถมือสองสภาพสวยเหมือนกับรักแรกพบ แต่ก็อย่าพึ่งวางใจไปนะครับ เพราะบางครั้งสภาพที่สวยอาจจะผ่านอุบัติเหตุหนักๆ ก็เป็นได้นะครับ แนะนำให้ดูสีของตัวถังและสังเกตุความเพี้ยนของสีว่าแตกต่างกันหรือไม่ จุดที่สังเหตุหลักๆ คือ ไฟหน้าและไฟหลัง จะต้องมีสภาพที่คล้ายคลึงกัน ถ้าหากว่าส่วนใดส่วนหนึ่งใหม่ก็กว่า สันนิษฐานไปก่อนได้เลยครับ ว่าอาจจะเปลี่ยนเพราะสาเหตุอะไรซักอย่าง และอุปกรณ์ต่างๆจะต้องเก่าหรือใหม่ตามอายุของรถเช่น รถ 10 ปี แน่นอนว่าไฟหน้าอาจจะต้องมีแตกลายงาบ้าง หรือ ขุ่นหมองบ้างเป็นเรื่องปกติของอายุ

เรียกว่ายี่ห้อของรถยนต์เองก็มีผลต่อการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน รถที่มีความนิมสูงหรือแบรนด์ตลาดก็จะได้จะสามารถขอสินเชื่อที่สูงตามไปด้วย และผู้จำหน่ายหรือตัวแทนเองก็มีอำนาจการขอสินเชื่อได้เช่นกันหากเป็นโชว์รูมใหญ่ๆ ทางไฟแนนซ์ก็จะให้ยอดจัดที่สูงก็จะได้สินเชื่อที่มากกว่าปกติเพราะสถาบันการเงินจะมีการตรวจสอบแหล่งที่มาของรถยนต์ รถยนต์ที่สามารถตรวจสอบได้ก็จะสร้างความมั่นใจให้กับสถาบันทางการเงินนั้นๆอีกด้วย

ฉะนั้นถ้าหากต้องการซื้อรถมือสองที่มีความน่าเชื่อถือ สามารถไว้ใจได้ และขอสินเชื่อได้สูง สามารถติดต่อกับทาง โชว์รูมรถมือสอง กฤษฎากู๊ดคาร์ ได้โดยตรงตามลิงค์นี้เลยครับ kitsadagoodcar

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

ทางหลวงโคราช เปิดมอเตอร์เวย์ เตรียมระบายรถช่วง ลำตะคอง 9-19 เมษายนนี้

ทางหลวงโคราช เปิดมอเตอร์เวย์ เตรียมระบายรถช่วง ลำตะคอง 9-19 เมษายนนี้


เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2564 นายชิตพล เหล่าอัน ผู้อำนวยการทางหลวงนครราชสีมาที่ 2 เปิดเผยว่า จากการที่ลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมระบบความปลอดภัยของทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองถนนมอเตอร์เวย์หมายเลข 6 บางปะอิน – นครราชสีมา ที่จำเปิดให้ประชาชนได้ทดลองใช้เดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2564 เพื่อลดการจราจรติดขัด ระหว่างวันที่ 9-19 เมษายน 2564 นั้นแขวงทางหลวงนครราชสีมาที่ 2 ได้ทำการทดสอบเปิดไฟฟ้าส่องสว่างตลอด 24 ชม. ตลอดเส้นทางและติดป้ายเหลืองบนเส้นทางและติดป้ายเตือนความเร็วบนถนนมอเตอร์เวย์หมายเลข 6 ชั่วคราวโดยให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและห้ามผู้ขับขี่หยุเรถเพื่อทำการบันทึกภาพ

ซึ่งเส้นทางถนนมอเตอร์เวย์ที่จะเปิดให้ใช้ชั่วคราวในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ จะเปิดให้วิ่งช่องขาออกจากกรุ่งเทพมหานครเท่านั้น ส่วนช่องทางขาเข้าจังหวัดนครราชสีมาฝั่งเขื่อนลำตะคองยังปิดห้ามใช้ ซึ่งเป็นการเดินรถแบบวันเวย์ เพื่อระบายรถขาออกจากกรุงเทพให้ช่วงวันที่ 9-19 เมษายน โดยจุดทางขึ้นมอเตอร์เวย์จะเปิดให้ขึ้นบริเวณหน้าศุนย์พักพิงสุนัขจรจัดนครชัยบุรินทร์ ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 65 บ้านหนองไผ่ล้อม ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาไปจนถึงจุดลงถนนมอเตอร์เวย์ ที่บริเวณด่านเก็บเงินค่าผ่านทางอำเภทสีคิ้ว รวมระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตร ซิ่งรถที่ลงถนนมอเตอรืเวย์จุดนี้ สามารถเดินทางไปยังภาคอีสานตอนบน สู่ถนนทางหลวงหมายเลข 201 ไปสู่จังหวัดชัยภูมิ และสามารถเดินทางไปภาคอีสานตอนล่าง ทางถนนหลวงหมายเลข 24 จังหวัดบุรีรัมน์ ได้

ส่วนการเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯก็จะเปิดเดินรถแบบวันเวย์ในช่องทางเดียวกันโดนเปิดให้ใช้เส้นทางในวันที่ 14-19 เมษายน 2564 โดยจะเปิดจุดขึ้นมอเตอร์เวย์ บริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางอำเภอสีคิ้ว และไปลงที่บริเวณหน้าศูนย์พักพิงสุนัขจรจัด นครชัยบุรินทร์ รวมระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตรเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้าจากสถิติการจราจรช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปีบนถนนมิตรภาพผ่านจังหวัดนครราชสีมาจะมีรถยนต์วิ่งผ่านบนถนนมิตรภาพมากกว่า 200,000 คันต่อวัน โดยคาดว่าการเปิดใช้ถนนมอเตอร์เวย์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้จะมีรถใช้เส้นทางบนถนนมอเตอร์เวย์ประมาณ 40,000 คันต่อวัน ซึ่งจะสามารถช่วยระบายปัญหาการจราจรติดขับช่วงเทศกาลสงกรานต์ได้เป็นอย่างมาก

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่

ประเภทป้ายทะเบียนรถตู้ต่างกันอย่างไร ศึกษาให้เข้าใจก่อนจดทะเบียนใช้งาน

ประเภทป้ายทะเบียนรถตู้ต่างกันอย่างไร ศึกษาให้เข้าใจก่อนจดทะเบียนใช้งาน

รถตู้สามารถนำมาใช้งานได้หลากหลายประเภท และสามารถนำมาประกอบอาชีพรับจ้างต่างๆได้มากมายจึงมีการจัดสรรโดยการแบ่งประเภทป้ายให้เป็นระบบมากขึ้น หากว่าคุณกำลังสนใจในอาชีพรถตู้รับจ้างหละก็ จะต้องมาทำความรู้จักชนิดของป้ายแบบและประเภทของรถตู้แบบพื้นฐานกันก่อนนะครับ

ประเภทของรถตู้สามารถแบ่งได้อย่างไร

นอกจากการแบ่งตามลักษณะของสีป้ายทะเบียนแล้ว เราสามารถแบ่งตามลักษณะหรือจำนวนที่นั่งภายในรถตู้ได้

ฉะนั้นการศึกษาในเรื่องของข้อมูลนั้นเป็นเรื่องสำคัญนะครับ หากคุณกำลังคิดอยากจะออกรถตู้มือสองซักคันเพื่อมาวิ่งงาน จะต้องเตรียมตัวอย่างไร และจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้างเพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายจะได้ไม่เป็นปัญหาตามมาภายหลัง

ก่อนที่จะซื้อรถตู้ซักคันเพื่อที่จะไปใช้งานประเภทไหน เราจะต้องศึกษาประเภทของรถตู้เสียก่อน

รถตู้รับจ้างมีกี่ประเภท และประเภทของรถตู้นั้นมีอะไรบ้าง?

ในปัจจุบันรถตู้บริการที่วิ่งตามท้องถนนนั้นมีทั้งโดยสารประจำทาง และ รถตู้ส่วนบุคคล ซึ่งสามารถสังเกตุได้จากประเภทของป้ายซึ่งจะมีสีของป้ายที่ต่างกัน

1.ป้ายทะเบียนสีฟ้า เป็นป้ายที่สามารถโดยสารเกิน 7 คนหรือที่เราเข้าใจกันว่า รถโดยสาร 11 ที่นั่ง โดยอัตราของภาษีจะจะคิดตามน้ำหนักของรถยนต์ การจดทะเบียนต้องมีที่นั่งครบทั้ง 11 ที่นั่ง

2.ป้ายทีเบียนสีเหลือง เป็นป้ายทะเบียนจะมีทั้งรถตู้โดยสาร แบบประจำทาง และ รถตู้โดยสารแบบไม่ประจำทาง หรือที่หลายคนเรียกกันว่า ป้ายใหญ่

  • หมวดนำหน้ารหัส 30-35 เป็นรหัสของป้ายรถตู้แบบไม่ประจำทาง หมวดนำหน้าจะเป็นตัวเลข 30 ถึง 35 ป้ายทะเบียนจะเป็นพื้นเหลือง ตัวอักษรนูนสีดำ และภายในป้ายจะประกอบด้วย ตัวอักษร THAILAND ตามด้วยรหัสจังหวัด รหัสแสดงประเภทรถ หมายเลขทะเบียนรถจะมีตั้งแต่ 0001-9999 จะต้องมีเครื่องหมาย ขส.ตามด้วยชื่อจังหวัด
  • หมวดนำหน้ารหัส 36 เป็นรหัสของป้ายรถตู้แบบไม่ประจำทาง หรือรถโดยสารไม่ประจำทาง รถตู้ชนิดพิเศษ หมวดนำหน้าจะเป็นตัวเลข 36 ตัวอักษรสีฟ้า ป้ายพื้นสีขาวสะท้อนแสง มีอักษร THAILAND ตามด้วยรหัสจังหวัด รหัสประเภทรถ ขีดระหว่างตัวเลข หมายเลขของทะเบียนจะมีตั้งแต่ 0001-9999 จะต้องมีเครื่องหมาย ขส.ตามด้วยชื่อจังหวัด
  • หมวดนำหน้ารหัส 10-19 เป็นรหัสของป้ายรถตู้โดยสารประจำทาง หมวดตัวเลขนำหน้าจะเป็นเลข 10 ถึง 19 ป้ายทะเบียนจะเป็นพื้นเหลือง ตัวอักษานูนสีดำ จะประกอบด้วย ตัวอักษา THAILAND ตามด้วยรหัสจังหวัด รหัสแดงประเภทรถยนต์ มีเส้นขีดระหว่างตัวเลข หมายเลขทะเบียน 0001-9999 จะต้องมีเครื่องหมาย ขส. และตามด้วยชื่อจังหวัด

3.ป้ายทะเบียนดำ คือรถตู้ที่ใช้งานภายใน จะต้องมีที่นั่งเท่ากับหรือน้อยกว่า 7 ที่นั่ง

  • หมวดนำหน้ารหัส 40-49 เป็นรหัสของรถประเภทรถตู้โดยสารส่วนบุคคลป้ายทะเบียนจะเป็นพื้นขาวตัวอักษรนูนสีดำ ปละภายในป้ายทะเบียนจะประกอบด้วย ตัวอักษร THAILAND ตามด้วยรหัสจังหวัด รหัสแสดงประเภทรถ 44-49 ขีดระหว่างตัวเลข หมายเลขของทะเบียนจะมีตั้งแต่ 0001-9999 จะต้องมีเครื่องหมาย ขส. และตามด้วยชื่อจังหวัด

ตามกฎหมายการเปลี่ยนแปลงตัวรถเพื่อให้ผิดไปจากชนิดของทะเบียนจะมีโทษตามกฎหมายดังนี้

กรณีเปลี่ยนปลงตัวรถหรือ ส่วนใดส่วนหนึ่งของรถให้ผิดจากประเภทป้ายที่ได้จดทะเบียน มีอัตราโทษ ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 (แก้ไขเพิ่มเติมถึง พ.ศ.2537) ปรับไม่เกิน 2,000 บาท ครับ

และถ้าหากคุณต้องการซื้อรถตู้มือสองสภาพดี ทางเรายินดีให้คำปรึกษาทุกปัญหาการออกรถ รวมไปถึงมีบริการขับรถไปให้ดูหรือจัดไฟแนนซ์ถึงหน้าบ้านหากสนใจสามารถโทรติดต่อได้ที่  กฤษฏากู๊ดคาร์

สามารถชมเว็ปไซด์หลักของตามลิงค์ที่ให้ไว้ได้เลยครับ www.kitsadagoodcar.com

อ่านสาระน่ารู้เพอิ่มเติมได้ที่

1 เมษา ตั้งด่านตรวจ ควบคู่บังคับใช้กฎหมายใหม่

รองผบ.ตร. แถลงมาตราฐานการตั้งด่านใหม่ ตามหลายเมืองใหญ่ ส่วนด่าน กทม คาด จริงจังเริ่ม 1 เม.ย. ควบคู่บังใช้กฎหมายใหม่ ทันเทศกาลสงกรานต์ วางกำลังรับมือ 10-16 เมษายนนี้ 7 วันอันตราย

พลตำรวจเอก กำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พลตำรวจเอกสุวัฒน์แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งให้ทุกพื้นที่รับทราบการ ตั้งด่านตรวจ ที่ต้องมีความพร้อมตามมาตราฐานที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งให้ทุกพื้นที่รับทราบการตั้งด่านตรวจ ต้องมีความพร้อมมาตราฐานที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดเมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา คือมีความเป็นมาตรฐาน โปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ โดยใช้เทคโนโลยีประกอบการตั้งด่าน พร้อมยินดีถูกตรวจสอบจากประชาชน

สิ่งที่เป็นหลักฐานสามารถตรวจสอบได้ คือกล้อง CCTV เคลื่อนที่ติดตั้งตามตัวผู้ปฎิบัติหน้าที่ และด่านต่างๆ กวดขันเรื่องวินัยจราจร ตรวจวัดแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาล และตรวจวัดมลพิษทางอากาศ ด่านอาชญกรรม ฯลฯ และจะต้องมีป้ายสัญลักษณ์ที่มีมาตรฐานเดียวกัน และนำเทคโนโลยีมาใช้ อาทิเช่น ด่านเมา จากเดิมที่เคยมีปัญหาการร้องเรียนต่างๆ ก็จัดให้มีกล้องบันทึกภาพแบบเรียลไทม์ไว้ตามจุดเพื่อยืนยันผลด้วย

ส่วนการจะตั้งจุดตรวจจะต้องมีผู้ควบคุมกำกับดูแล คือ ผู้บังคับการแต่ละพื้นที่นอกจากนี้ยังมีป้ายแสดงข้อความหากต้องการร้องเรียนสามารถติดต่อได้ที่ สายด่วน ตร.1599 และเบอร์โทรผู้บังคับการในพื้นที่นั้นๆ

พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์กล่าวต่อว่า ทาง ผบ.ตร.ได้ให้จัดทำฐานข้อมูล TPCC (Traffic Police Checkpoint Control) เพื่อกำหนดจุดตั้งด่าน ลงรายมือชื่อผู้ปฏิบัติงานในด่านต่างๆลงในแผนที่ ซึ่งผู้บังคับบัญชาสามารถตรวจสอบ การตั้งจุดตรวจมีการซ้ำซ้อนกันหรือไม่ ได้รับการอนุญาต ทุกๆด่านจะต้องมีการได้รับอนุมัติจากผู้บังคับการ ซึ่งจะต้องใช้เหตุผลในการตั้งด่าน อาทิ จุดที่มีอาชญากรรมสูง มีการละเมิดกฎหมายอยู่บ่อยครั้ง หรือได้รับข้อมูลว่าเป็นพื้นที่ยาเสพติดเป็นจุดเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบ่อย หรือมีสถานบริการอยู่จำนวนมากที่ต้องตั้งเพื่อป้องปราบปรามผู้ที่เมาแล้วขับ

รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ในตอนนี้หลานสถานีมีความพร้อม มีการจัดตั้งด่านตรวจ ที่มีมาตราฐานไปแล้ว ในจังหวัดอาทิ อุบลราชธานี นครราชสีมา เนื่องจากใกล้ช่วง 7 วันอันตรายสำหรับกรุงเทพ

อ่านข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่นี่

หรือคุณสนใจรถมือสองสภาพดีสามารถติดต่อได้โดยตรงที่

www.kitsadagoodcar.com

CP All รวมกับ EA ติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้าตาม 7-Eleven กว่า 27 สาขาในปีนี้

CP All รวมกับ EA ติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้าตาม 7-Eleven กว่า 27 สาขาในปีนี้

ผู้นำด้านสถานีอัดประจุไฟฟ้าอย่าง บริษัท พลังงานมหานคร ภายใต้เครื่องหมายการค้า “EA Anywhare” ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ EA ได้ประกาศความร่วมมือกับ 4 พันธมิตร ยักษ์ใหญ่ “คาร์เท็กซ์ – ซีพี ออลล์-บริดจสโตน เอใซีใที และโรบินสัน”

ได้ผุดโครงการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าปูพรมทั่วไทย ตอบโจทย์สังคมไทยเข้าสู่ยานยนต์สมัยใหม่อย่างเต็มตัว ด้วยเริ่มต้นจากการติดตั้งระบบเทคโนโลยีการชาร์จที่ล้ำสมัย สะดวกสบาย และปลอดภัย

โดยนำร่อง บมจ.ซีพีออลล์ ผู้ก่อนตั้งร้าน เซเว่น อีเลฟเว่นในประเทศไทย โดยคุณวิเชียร จิงวิโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ร่วมกับบริษัทพลังงานมหานคร จำกัด หรือ EA โดยจะมีการติดตั้งสถานีชารจ์รถยนต์ไฟฟ้า บริเวณที่หน้าร้านเซเว่น อีเลฟเว่น จำนวน 21 สาขา เพื่ออำนวยความสะดวกและตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ ของลูกค้าทุกกลุ่มตลอด 24 ชั่วโมงภายใต้โครงการ 7 Go Green ตามยุทธศาสตาร์ด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมของยริษัท เพื่อให้ประเทสไทยเข้าสู้ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัวในอนาคต

อ่านข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่

หรือคุณสนใจรถมือสองสภาพดีสามารถติดต่อได้โดยตรงที่

www.kitsadagoodcar.com


รถมือสอง ปี 90’s กระแสแรงกำลังมา รุ่นไหนน่าปั้นรุ่นไหนน่าเก็บ

เชื่อว่ารถมือสอง โดยส่วนใหญ่ถ้าหากพูดถึงรถสะสมปี 90 หลายๆคนก็ต้องนึกถึงรถรุ่นใหญ่ๆอย่าง TOYOTA Supra ,Mazda RX7 ,Honda NSX หรือไม่ก็ Nissan Skyline อย่างแน่นอน อันที่จริงแล้วเจ้ารถที่มีราคาต่ำหลายๆคันที่อยู่ในท้องตลาดบ้านเรา บางครั้งอาจจะถูกจอดลืมแบบไม่เห็นค่า แต่คุณรู้หรือไม่ว่า กระแสรถเก่า ในปี 90 ที่ผมจะยกตัวอย่างในบทความนี้ เรียกว่ากำลังจะกลับมาสวนกระแสรถระบบพลังงานไฟฟ้าที่กำลังจะเข้ามาแทนที่ในปัจจุบัน ทำให้คนหันมาเริ่มเก็บเจ้ารถเก่าที่เป็นรุ่นที่มีเรื่องราวต่างๆ มากมายให้ได้คุยในหมู่นักอนุรักษ์ และเคยอยู่ในยุคที่เฟืองฟูสุดๆของวิวัฒนาการรถยนต์ อย่างปี ค.ศ. 90 ลองมาดูกันครับว่ากระแสรถ 90’s ตอนนี้ มีรุ่นไหนปีไหนบ้างที่น่าเก็บครับ

1.Mitsubishi Lancer 1992-1996 (EVOLUTION)

เรียกว่า เป็นรถกระแสนิยมสำหรับคนอายุประมาณ 30 ขั้นไปจะเข้าใจดีว่าในช่วงเวลานั้นๆ เจ้า Mitsubishi Lancer ปี 1992-1996 หรือที่วงการนักเลงรถนิยมเรียกกันว่า E-CAR ถือว่าเป็นที่วัยรุ่นนำมาปั้น เป็น Mitsubishi Evolution I, II, และ III

โดยเรียกว่า ปัจจัยที่ทำให้รุ่นนี้เป็นกระแสนิยมคือ หนังดังจาก Thunder Bolt “เร็วฟ้าผ่า” ที่นำแสดงโดย เฉินหลง หรือ Jackie Chan ซึ่งทำให้รุ่นนี้ดูน่าขับน่าอวดมากขึ้น หากคุณจะนำมาขับใช้งานเก๋าๆ ก็ไม่อายใคร หรือจะนามาแต่งเพิ่มเติมเพื่อเก็บก็ไม่ยากเกินไปเพราะอะไหล่ยังสามารถหาได้ตามท้องตลาดตามคลับแต่งรถหรือ กลุ่มเฉพาะ ในปัจจุบันยังสามารถหาซื้อได้ตามเต็นท์รถมือสองหรือตามบ้าน

2.Honda Civic EG 3 Door 1992-1995

เชื่อว่า สาวก 90’s ไม่มีใครไม่รู้จักกับสมยานามติดปากว่า “ซีวิคสามดอ” อย่างแน่นอน เพราะเป็นชื่อนิยมเรียกเล่นๆจนติดหู ตั้งแต่หนุ่มเล็กจนไปถึงหนุ่มใหญ่วัยกลางคน เรียกว่าเป็นสุดยอดรถรุ่นเล็กของนักเลงรถใน ยุคนั้น ทีเปิดตัวมาในราคา 361,000 บาท ในรุ่น LX เกียร์ธรรมดาเท่านั้นโดยพกเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 91 แรงม้า และอีกรุ่นย่อยเป็นเกียร์อัตโนมัติ รุ่น EX ในราคา 396,000 บาท ในสมัยนั้น แต่ในปัจจุบัน คงหาเครื่องเดิมๆยากไปแล้วเพราะวัยรุ่นไทยส่วนใหญ่นิยมนำไปวางเครื่อง K20 หรือที่สายซิ่งเรียกว่า เครื่อง “เทคฝาแดง” ด้วยบอดี้ที่เล็ก มีน้ำหนักเบา รูปทรงความเตี้ยศูนย์ถ่วงต่ำนักเลงรุ่นเก่าๆนิยมมักเรียกรูปโฉมนี้กันว่า “โฉมเตารีด” โครงสร้างเล้กน้ำหนักเบา จึงรีดความแรงได้ดี ถูกใจสายซิ่งหลายๆสำนักแข่งจึงเลือกบอดี้เป็นตัวเลือกแรกๆ

3.Nissan Cefiro A31

เป็นรถยอดนิยมของนักเลงรถซิ่งเป็นอย่างมาก เพราะด้วยลักษณะของบอดี้ที่ใหญ่ ขับหลัง ฝากระโปรงที่ยาว สามารถวางเครื่องใหญ่ๆ ระดับ RB20 ,RB26 หรือ1JZ ,2 JZ ได้อย่างเหลือๆ อีกทั้งรูปทรงที่เตี้ย แบน เหมือนกับ Silvia S13, S14, S15 ทำให้เจ้า A31 กลายเป็นตัวเลือกของหลายๆสำนักแข่งที่นำเอาไปดัดแปลงสภาพจนร่างแก่่ๆ ออกมาเป็นหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว จบๆแบบไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม ถ้าหากว่าคุณสนใจแล้วหละก็ สามารถหาจับได้ตั้งแต่ ราคา 80,000 จนไปถึง 2 แสนปลายๆ

4.BMW E36 (นกแก้ว)

เรียกว่าเป็นรถสายยุโรปที่มีรูปทรงบอดี้ อมตะตลอดกาล อีกหนึ่งรุ่นในปัจจุบันถือว่าเป็นรถที่หาได้ไม่ยากมาก แต่หารถสภาพดีๆ ยากกว่าเพราะคุณมักจะไม่เจอเครื่องเดิมช่วงล่างดีเหมือนสมัยหนุ่มๆ นอกจากคุณรับช่วงต่อมาจากคนเล่นรุ่นนี้ฉายาที่ถูกตั้งขึ้นมาเพราะดูจากหน้าตารุปโฉมที่เหมือนกับ “นกแก้ว” แต่ในปัจจุบันราคามือสอง ก็ถือว่าไม่แรงมากนัก และการดูแลในเรื่องของค่าอะไหล่ก็ไม่หนักหนาเหมือนกับเมื่อก่อน ซึ่งอะไหล่บางตัวก็สามารถหาได้ไม่ยากมากแล้ว อีกทั้งหน้าตาที่ดูเทห์และมีชุดแต่งหลายสำนักให้เลือกเล่นทั้ง M Performance, Alpina, AC Schnitzer,Breyton หรือ Hamman จึงทำให้นักปั้นหน้าใหม่ๆก็เริ่มที่จะหันมาเล่นรุ่นนี้ เชื่อว่าใครที่ชอบในทรงของ BMW ก็จัดไปปั้นต่อได้เลยครับ

5.Subaru Impreza STi

Subaru อาจจะไม่ใช่รถแบนด์ที่ใครหลายๆคนรู้จักนิสัยใจคอเป็นอย่างดีออกจะเฉพาะกลุ่มซะด้วยซ้ำหรือไม่ก็ถูกหลายๆคนเมินไม่หันมามองเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับคนที่เล่นรถแรงแบรนด์รองของดีตั้งแต่โรงงาน อย่าง SUBARU Impreza STi ตัวนี้ที่ในปัจจุบันก็มีราคาที่ไม่เกินเอื้อมมากนัก ตอบสนองรถสายซิงในฝันของใครหลายๆคนได้เป็นอย่างดีสำหรับ Model 2bb ปี 1994-1997 เครื่องยนต์ 2.2 ลิตร แบบเทอร์โบชาร์จ (Turbocharged) 4 สูบ ให้กำลัง 276 แรงม้า เรียกว่าเป็นรถที่แรงตั้งแต่บ้านเกิดเปิดตัว ราคาที่หาได้อยู่ราวๆ 3 แสน ต้นๆ จนไปถึง 6 แสนปลายๆ ขั้นอยู่กับสภาพว่าสมบูรณ์แค่ไหน และเป็นคู่แข่งตลอดกาลของ Mitsubishi Lancer Evolution มาตั้งแต่แรกเริ่มจึงทำให้ เป็นที่โด่งดังในหมู่รถ 4 ประตู และขอเตือนก่อน ถ้าเจอบนท้องถนน ถึงจะ cc. ไม่เกิน 2.0 หรือเทียบเท่าก็อย่าคิดจะลองของกับพี่เขาดีกว่าครับ

6.Nissan 200 SX

รถสปอร์ตคูเป้ที่ติดตลาดในยุคนั้นทรง riftback ตัวแรงนำเข้าจากญี่ปุ่นเป็นรุ่นสานตำนาน Roadster ไฟ Popup ตามวิวัฒนาการของยุคนั้นๆได้อย่างลงตัว ตำนานรถดริฟต์ นิยมมาเปลี่ยนหน้าเป็น Nissan Silvia เพราะมีราคาที่ถูกและเบาะกว่า ซึ่งนำพาร์ทหน้าของ Silvia มาใสได้พอดีเป๊ะๆ ถ้าใครครอบครองได้เป็นเจ้าของพูดเต็มปากเลยว่าหล่อดึงดูดสายตาไม่ใช่น้อย

Nissan 200SX เริ่มเปิดตัวเมื่อในปี 1992 เป็นปีแรก และวางเครื่อง CA18DET ทั้งในเกียร์ธรรมดาราคา 985,000 บาท และเกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,030,000 บาท เครื่องเดิมก็แรงพอตัว รหัส CA18DET 1.8 เทอร์โบ 170 แรงม้า ถ้าหากเพิ่มอ๊อฟชั่นอย่าง ซันรูฟ ก็จะถูกอัพราคาเพิ่มขึ้นถึง 3 หมื่นเลยทีเดียว และรุ่นไมเรอ์เชนจ์ช่วงสุดท้ายในปี 1996 ราคาดีดไปถึง 1.35 ล้านบาท ก่อนรุ่นนี้จะค่อยๆ หายไปอย่างเงียบๆ เหลือไว้แต่ตำนาน โดยพักหลังนักแต่งรถมักจะวางเครื่องเป็น SR20 DET ฝาแดงเครื่องแรง 2.0 ลิตร อัพความแรงไปได้กว่า 250 แรงม้า เรียกว่าถูกใจนักเลงสายซิ่งได้เป็นอย่างดีในปัจจุบันยังพอหาซื้อเป็นเจ้าของได้ เริ่มต้นจากราคา 5 แสนกลางๆจนไปถึง 9 แสนต้นๆ แล้วแต่สภาพและความพอใจของเจ้าของรถครับ

7.TOYOTA MR2 SW20

MR2 เป็นรถเครื่องวางกลางลำรุ่นแรกของ TOYOTA ขับเคลื่อนล้อหลังอย่างเต็มรูปแบบหรือเรียกกันว่า Mid-Engine Rear Wheel Drive โดยจะเน้นความสปอร์ทแบบ Super CAR ถือกำเนิดเปิดตัวในปี 1984 และได้ออกแบบใหม่ในปี 1989 ตัวถังมีขนาดใหญ่ขึ้น และน้ำหนักที่มากกว่ารุ่นก่อน เนื่องจากการเพิ่มในเรื่องของความกว้างของห้องโดยสารโดยเน้นความสนุกในการขับขี่แต่ยังคงให้ความประหยัด

8.TOYOTA COROLLA AE101

หลายคนคงไม่เชื่อว่า TOYOTA COROLLA รหัส AE101 เป็นรุ่นที่จะติดรถสุดฮิตน่าเก็บของกลุ่มวัยรุ่น ยุกต์ 90 เพราะด้วยความฮิตติดตลาดตั้งแต่รุ่นพ่อสู่รุ่นลูกทำให้เป็นรุ่นอมตะยอดนิยมจนมาถึงทุกวันนี้ และยิ่งกว่านั้นประวัติที่ทำให้เป็นตำนานก็คือ เป็นรุ่นแรกที่ได้ใช้โลโก TOYOTA รูป 3 ห่วงที่ใช้กันในปัจจุบันจึงกลายมาเป็นฉายา โตโยต้า โคโลล่า สามห่วงนั่นเอง ในช่วงที่ออกมายลโฉมสู่สายตาโลกครั้งแรกใช้เครื่องตระกูล 4A ถ้าใครศึกษามาอย่างลึกซึ่งจะรู้กันดีกว่า ถึกทนยันทายาท และเป็นเครื่องที่พัฒนาต่อมาจากรุ่นโตโยต้า โดเรม่อน เป็นรหัส 4A-FE ขนาด 1.6 ลิตร ให้กำลัง 116 แรงม้า สมัยนั้นถือว่าเป็นรถบ้านที่ขับสนุกเลย และรุ่นสุดท้ายในเครื่องยนต์ 1.3 ลิตร คาบูเรเตอร์ 12 วาล์ว จากรุ่น 2E เปลี่ยนมาเป็น หัวฉีดแบบ EFI และตีรหัสใหม่มาเป็น 4E-FE เล่นทำเอายอดขายถล่มทลายจนขายกันแทบไม่ทัน

โดยจุดเด่นคือการใส่ออพชั่นมาให้เต็มเหนี่ยว อย่าง พวงมาลัยพาวเวอร์ กระจกไฟฟ้า เครื่องเล่น วิทยุ-เทป กระจกข้างปรับแบบไฟฟ้า และเข็มขัดนิรภัยที่สามารถปรับระดับสูงต่ำได้ เหมาะกับนักปั้นมือใหม่สุดๆเพราะสามารถหาอะไหล่เทียบหรือเข้าอู่ได้ทั่วประเทศไทยจึงกลายเป็นรถยอดนิยมน่าเล่นไปเลย

9.Honda Prelude

ตำนานพรีลูทรถสปอร์ท Compact Car ของ Honda ที่เชื่อว่าหลายๆคนยังไม่รู้จักมันดีนัก มันถูกผลิตขึ้นในไป 1978 จนถึง 2001 คาบลูกคาบดอกของชาว 90 เพราะต้องบอกว่าเป็นรุ่นที่มีสายการผลิตยาวนานถึง 5 Generation ที่แตกต่างทั้ง แรงม้า ระบบเบรค เครื่องยนต์ รวมไปถึง ฟังค์ชั่นพิเศษอย่างล้อหลังเลี้ยวได้ แต่ในทุกรุ่นถือว่าดีไซน์ลำยุกต์ในสมันนั้นเอามากๆ ทั้งทรงเตี้ย สองประตู ฝาท้ายทรง LiftBack หนุ่มน้อยใหญ่เลยยกใจให้รุ่นนี้ไปเลย

Honda Prelude เป็นรถ Sport Compact ที่เลี้ยงดูง่ายไม่เรื่องมากจุกจิกเหมือนกับรถสปอร์ทอื่นๆ และยังมีราคาที่พอเอื่อมถึงเรียกว่าเป็นรถอมตะที่แทบจะไม่ต้องซื้อไปทำอะไรเพิ่มเติม โดยส่วนใหญ่ความทนทานของรุ่นนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งจุดขายที่ทำให้ Prelude เป็นที่น่าสนใจในหมู่นักเลงรถ Compact Car

10.Mazda Astina

Mazda Astina แค่พูดชื่อก็ งง กันแล้วใช่ไหมหละครับ ว่าMazda เคยมีรุ่นนี้ด้วยเหรอ? ผมจะแนะนำให้ได้ทราบกันครับ ว่าแรกเริ่มเดิมที Mazda Astina มีรหัสประจำตัวคือ 323F และ 323 Astina และ ยังมีรุ่นที่อ๊อฟชั่นเต็มกว่าชื่อว่า Eunos 100 และเริ่มถูกวางขายที่ญี่ปุ่นในราวๆปี 1989 จนไปถึง 1994 ก่อนจะถูกสานต่อด้วย Mazda Lantis เรียกว่าจุดเด่นของรถ 5 ประตูขนาดเล็กคันนี้คือ ไฟหน้าแบบ POP UP ยอดฮิตในสมัยนั้น “ไฟแบบนี้ รถญี่ปุ่นในสมัยนั้นต้องมี” วางเครื่องยนต์แบบ BPD 4สูบแถวเรียบ 1840 cc. DOHC 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 140 แรงม้า (DIN) ที่ 6500 รอบต่อนาที ทำแรงบิดสูงสุดได้ถึง 16.6 กิโลกรัมเมตร ที่ 4,700 รอบต่อนาทีเลยทีเดียว และที่สำคัญ มีแต่รุ่นเกียร์ธรรมดาไว้ให้โลกได้จำเท่านั้น

และนี่ก็เป็น 10 ราย ชื่อรถ 90’s ที่กำลังจะกลับมาเป็นของสะสมของใครหลายๆคนรถทุกคันนั้น ถ้าหากเราดูแลอย่างดี ศึกษาใส่ใจ และเอาใจใส่ดูและเชื่อว่ารถทุกๆคันนั้นมีเสนห์ในตัวเองทั้งนั้นครับ

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติมได้ที่