รถมือสองขอนแก่น

• รุ่น: Honda CIVIC (โฉมที่ 11, รหัส FE)
• รุ่นย่อย: 1.5 EL (รุ่นเริ่มต้นของเครื่องเทอร์โบ)
• เครื่องยนต์: เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร VTEC Turbo
• กำลังสูงสุด: 178 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด: 240 นิวตันเมตร ที่ 1,700 - 4,500 รอบ/นาที
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ CVT (รองรับ E85)
• จุดเด่น: เครื่อง 1.5 Turbo 178 แรงม้า, Honda SENSING (มีในทุกรุ่นย่อย), Remote Engine Start, รถปี 2022 โฉมปัจจุบัน
• ราคาจำหน่าย: 679,000 บาท

ขุมพลัง 1.5L VTEC Turbo (178 แรงม้า):

• จุดเด่น: เป็นเครื่องยนต์เทอร์โบที่ให้พละกำลังสูงมาก (178 แรงม้า) และมีแรงบิด 240 นิวตันเมตร มาตั้งแต่รอบต่ำมาก (1,700 รอบ/นาที)
• ประโยชน์: ให้อัตราเร่งที่เร้าใจ ขับสนุก สั่งได้ดั่งใจในทุกย่านความเร็ว แต่ยังคงประหยัดน้ำมันเมื่อขับขี่ปกติ และรองรับ E85 ช่วยลดค่าใช้จ่าย

ระบบความปลอดภัย Honda SENSING (มาตรฐาน):

• จุดเด่น: นี่คือจุดขายหลักของโฉม FE เพราะ Honda ใส่ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะมาให้ "ทุกรุ่นย่อย" แม้ในรุ่น EL
• ประโยชน์: คุณจะได้รับเทคโนโลยีความปลอดภัยครบถ้วน ทั้งระบบ Adaptive Cruise Control (ACC) แบบ Low-Speed Follow, ระบบเตือนและช่วยเบรก (CMBS), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKAS) ช่วยให้การขับขี่ทางไกลสบายและปลอดภัยมาก

ดีไซน์ที่หรูหรา ภูมิฐาน (Elegant Design):

• จุดเด่น: Civic โฉม FE ปรับดีไซน์ให้ดูโตขึ้น ภูมิฐานขึ้น คล้ายรุ่นพี่อย่าง Accord ด้วยเส้นสายที่เรียบง่ายแต่เฉียบคม
• ประโยชน์: ให้ภาพลักษณ์ที่ดูโตเป็นผู้ใหญ่ หรูหราเกินราคา และยังคงความสปอร์ตไว้

ฟังก์ชัน Remote Engine Start:

• จุดเด่น: สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์และเปิดระบบปรับอากาศได้จากรีโมทกุญแจ
• ประโยชน์: ช่วยลดอุณหภูมิในห้องโดยสารก่อนขึ้นรถ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสภาพอากาศร้อนในประเทศไทย

• ในเมือง: ประมาณ 12 - 14 กม./ลิตร
• นอกเมือง: ประมาณ 17 - 20 กม./ลิตร (ที่ความเร็วคงที่)
• เฉลี่ยรวม: ประมาณ 15 - 17 กม./ลิตร (รองรับ E85)

• ความจุ: 495 ลิตร
• หมายเหตุ: กว้างขวางมาก สามารถใส่กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ 2-3 ใบ หรือถุงกอล์ฟ 3-4 ใบได้สบาย

(เน้นออปชันมาตรฐานรุ่น EL ที่ให้มาครบครันจากโรงงาน)

วิเคราะห์ราคา:

• ราคา 679,000 บาท สำหรับรถปี 2022 ถือว่า ต่ำกว่าราคาตลาดทั่วไป พอสมควร

Honda Civic 1.5 EL คันนี้คือ "รถสปอร์ตซีดานปีใหม่ที่คุ้มค่าที่สุดในตลาด"

• ราคาที่น่าสนใจมาก: นี่คือโอกาสที่จะได้ขับ Civic โฉมปัจจุบัน (FE) ในราคาเพียง 6 แสนกว่าบาท ซึ่งปกติงบนี้จะได้เพียงโฉมก่อนหน้า (FC) ปีท้ายๆ เท่านั้น
• ได้เครื่องเทอร์โบ 178 แรงม้า: คุ้มค่ากว่าการซื้อรุ่น 1.8 โฉมเก่า (FC) เพราะได้ทั้งความแรง ความสดใหม่ และความประหยัดจากเทคโนโลยีเครื่องยนต์ใหม่
• เทคโนโลยีความปลอดภัยเต็มระบบ: การได้ Honda SENSING ในรถปี 2022 ราคานี้ ถือว่าคุ้มค่าที่สุดในบรรดารถ C-Segment มือสองทั้งหมด

• รุ่น: Mazda CX-30 (Crossover SUV)
• รุ่นย่อย: 2.0 100th Anniversary Edition (รุ่นพิเศษฉลอง 100 ปี)
• เครื่องยนต์: เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร Skyactiv-G
• กำลังสูงสุด: 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด: 213 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ Skyactiv-Drive
• จุดเด่น: รุ่นพิเศษฉลอง 100 ปี, ภายในสีขาว-แดง Burgundy, หลังคา Sunroof, เครื่องเสียง BOSE®, ระบบ i-Activsense, กล้อง 360 องศา
• ราคาจำหน่าย: 659,000 บาท

จากการวิเคราะห์ภาพถ่าย รถคันนี้คือความหรูหราที่มาพร้อมจิตวิญญาณของ Mazda อย่างแท้จริง:

การตกแต่งพิเศษ "100th Anniversary":

• จุดเด่น: เป็นการตกแต่งที่อ้างอิงจาก Mazda R360 Coupe (1960) ภายนอกสีขาว Snowflake White Pearl ภายในเป็นเบาะหนังสีแดง Burgundy สลับขาว พร้อมปั๊มตราสัญลักษณ์ 100 ปี บนพนักพิงศีรษะ, โลโก้พิเศษที่ดุมล้อ และพรมพื้นสีแดงพร้อมป้ายโลหะ
• ประโยชน์: ได้ครอบครองรถรุ่น Limited Edition ที่มีความพิเศษ ไม่ซ้ำใคร บ่งบอกถึงรสนิยมขั้นสุด และมีคุณค่าทางจิตใจสูง

ออปชันระดับ Flagship (เทียบเท่ารุ่น 2.0 SP):

• จุดเด่น: มาพร้อมออปชันที่ปกติอยู่ในรุ่นท็อปสุดเท่านั้น ทั้งหลังคาซันรูฟไฟฟ้า, กล้องรอบคัน 360 องศา, และระบบเครื่องเสียงพรีเมียม BOSE® รอบทิศทาง 12 ลำโพง
• ประโยชน์: มอบความสะดวกสบายและความสุนทรีย์ในการเดินทางระดับสูงสุดในคลาส

ระบบความปลอดภัย i-Activsense:

• จุดเด่น: ระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูงเต็มระบบ ทั้ง Adaptive Cruise Control (MRCC), ระบบเตือนและช่วยเบรกอัตโนมัติ (SBS), ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDWS), และระบบเตือนมุมอับสายตา (ABSM)
• ประโยชน์: เพิ่มความปลอดภัยและความมั่นใจในการขับขี่สูงสุด ลดความเหนื่อยล้าในการเดินทางไกล

ดีไซน์ Kodo และคุณภาพวัสดุ:

• จุดเด่น: ภายนอกดีไซน์ Kodo ที่เรียบหรู ภายในใช้วัสดุ Soft Touch และหนังสังเคราะห์คุณภาพสูงทั่วทั้งคอนโซลและแผงประตู
• ประโยชน์: ให้สัมผัสและความรู้สึกที่พรีเมียมเกินราคา เทียบเท่ารถยุโรป

• ในเมือง: ประมาณ 11 - 13 กม./ลิตร
• นอกเมือง: ประมาณ 16 - 18 กม./ลิตร (ที่ความเร็วคงที่)
• เฉลี่ยรวม: ประมาณ 14 - 15 กม./ลิตร (รองรับ E85)

• ความจุมาตรฐาน: 430 ลิตร
• หมายเหตุ: เพียงพอสำหรับกระเป๋าเดินทางขนาดกลาง 2-3 ใบ และสามารถพับเบาะหลังแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่ได้

(เน้นอุปกรณ์มาตรฐานเฉพาะรุ่น 100th Anniversary)

วิเคราะห์ราคา:

• ราคา 659,000 บาท สำหรับรถปี 2021 รุ่นพิเศษ ถือเป็นราคาที่ ต่ำกว่าตลาดอย่างมีนัยสำคัญ

Mazda CX-30 100th Anniversary คันนี้คือ "ความพรีเมียมที่คุ้มค่าที่สุด"

• ราคาที่น่าตกใจ: นี่คือโอกาสที่จะได้เป็นเจ้าของ Crossover SUV รุ่นท็อปสุด ปี 2021 ในราคาที่ถูกกว่า Eco Car ป้ายแดง (ประหยัดไปกว่า 5.6 แสนบาท)
• ได้ครอบครองรุ่น Limited Edition: ไม่ใช่แค่รุ่นท็อป 2.0 SP แต่เป็นรุ่นฉลอง 100 ปี ที่มีการตกแต่งภายในสีพิเศษ (แดง Burgundy) ซึ่งหายากและมีคุณค่ามากกว่ารุ่นปกติ
• ออปชันเทียบเท่ารถยุโรป: คุณจะได้เทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense เต็มระบบ, หลังคา Sunroof, และเครื่องเสียง BOSE® 12 ลำโพง ในราคาเพียง 6 แสนกว่าบาท
• ความสดใหม่: รถปี 2021 ยังถือว่าใหม่มาก ทั้งดีไซน์และเทคโนโลยี สามารถใช้งานต่อได้อีกยาวนาน

• รุ่น: Toyota Majesty (H300)
• รุ่นย่อย: 2.8 Grande (รุ่นท็อป)
• เครื่องยนต์: ดีเซล 2.8 ลิตร เทอร์โบ (1GD-FTV)
• กำลังสูงสุด: 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด: 420 นิวตันเมตร ที่ 1,400 - 2,600 รอบ/นาที
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ (ขับเคลื่อนล้อหลัง)
• จุดเด่น: รุ่นท็อป Grande 11 ที่นั่ง, เบาะแถว 2 Captain Seat ปรับไฟฟ้า (มีนวด), ช่วงล่างหลัง 4-Link Coil Spring, Toyota Safety Sense (TSS)
• ราคาจำหน่าย: 1,329,000 บาท

จากการวิเคราะห์ภาพถ่าย รถคันนี้แตกต่างจาก Commuter ทั่วไปอย่างสิ้นเชิง โดยมีจุดเด่นที่ความหรูหราและความปลอดภัย:

ช่วงล่างหลัง 4-Link Coil Spring (ไม่ใช่แหนบ):

• จุดเด่น: นี่คือจุดแตกต่างที่สำคัญที่สุดจาก Commuter โดย Majesty ใช้ช่วงล่างหลังแบบคอยล์สปริง 4 ลิงค์ (เหมือน Fortuner/Alphard)
• ประโยชน์: ให้ความนุ่มนวลในการโดยสารที่เหนือกว่ารถตู้ที่ใช้แหนบอย่างชัดเจน ซับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม ให้ฟิลลิ่งการขับขี่เหมือนรถ SUV หรู

เบาะนั่งแถว 2 Captain Seat ไฟฟ้า (พร้อมนวด):

• จุดเด่น: เบาะนั่ง "First Class" 2 ที่นั่งในแถวที่ 2 เป็นแบบ Captain Seat ปรับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมที่รองน่อง (Ottoman) และฟังก์ชันนวดอัตโนมัติ
• ประโยชน์: มอบความสะดวกสบายสูงสุดสำหรับผู้โดยสาร VIP หรือเจ้าของรถ ลดความเมื่อยล้าในการเดินทางไกล

ระบบ Toyota Safety Sense (TSS):

• จุดเด่น: รุ่น Grande มาพร้อมระบบความปลอดภัยขั้นสูงเต็มรูปแบบ ทั้งระบบ Pre-Collision System (เตือนก่อนชน), Lane Departure Alert (เตือนออกนอกเลน), และ Dynamic Radar Cruise Control (แปรผันความเร็วอัตโนมัติ)
• ประโยชน์: เพิ่มความปลอดภัยสูงสุดในการขับขี่ และลดความเหนื่อยล้าของคนขับได้อย่างมากในการเดินทางไกล

ออปชันหรูหราเต็มพิกัด:

• จุดเด่น: ประตูสไลด์ไฟฟ้า 2 ข้าง, กล้อง 360 องศา, จอเพดานสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, และช่องชาร์จ USB 2.1A หลายตำแหน่ง
• ประโยชน์: ให้ความรู้สึกพรีเมียมในทุกสัมผัส สมฐานะรถตู้ระดับผู้บริหาร

• ในเมือง: ประมาณ 8 - 10 กม./ลิตร
• นอกเมือง: ประมาณ 11 - 13 กม./ลิตร (ที่ความเร็วคงที่ 100-110 กม./ชม.)
• เฉลี่ยรวม: ประมาณ 10 - 11 กม./ลิตร

หมายเหตุ: ตัวรถมีน้ำหนักมาก (ประมาณ 2.6 ตัน) แลกกับความนุ่มนวลและปลอดภัย

• เมื่อใช้งาน 4 แถว (11 ที่นั่ง): ยังมีพื้นที่ด้านหลังเบาะแถวสุดท้ายสำหรับวางกระเป๋าเดินทางขนาดกลางได้ 2-3 ใบ
• เมื่อพับเบาะแถวสุดท้าย (แบบ 50:50): สามารถพับเบาะแถวที่ 4 แขวนขึ้นด้านข้างได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่

รถคันนี้มีการอัปเกรดเครื่องเสียงเพิ่มเติมจากมาตรฐานโรงงาน:

Toyota Majesty Grande คันนี้คือ "ความหรูหราที่คุ้มค่าและทนทาน"

• "Alphard เครื่องดีเซล": นี่คือรถที่ให้ความสบายในการโดยสาร (โดยเฉพาะเบาะแถว 2) ใกล้เคียง Toyota Alphard มากที่สุด แต่ได้ความทนทานและประหยัดน้ำมันของเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร
• ช่วงล่างที่เหนือกว่า: นี่ไม่ใช่ Commuter แต่ง VIP แต่เป็นรถที่ถูกออกแบบช่วงล่าง "คอยล์สปริง" มาจากโรงงานเพื่อความนุ่มนวลโดยเฉพาะ ซึ่งการดัดแปลง Commuter ไม่สามารถให้ความรู้สึกนี้ได้
• ความปลอดภัยเต็มพิกัด: ได้ระบบ TSS ครบชุด (Dynamic Radar Cruise Control) และกล้อง 360 องศา
• ราคาที่คุ้มค่ามาก: ประหยัดเงินจากป้ายแดงไปเกือบ 6 แสนบาท สำหรับรถอายุเพียง 4-5 ปี ที่มีราคาแข็งมาก แสดงให้เห็นว่ารถเป็นที่ต้องการของตลาด

• ดีไซน์: Minorchange ปี 2021 มาพร้อมกระจังหน้าดีไซน์ใหม่และไฟหน้า LED ที่ทันสมัยยิ่งขึ้น
• เครื่องยนต์: ดีเซล 2.8 ลิตร GD Super Power Turbo 174 แรงม้า พละกำลังเหลือเฟือ
• โครงสร้าง: Body-on-frame (IMV Platform) แข็งแกร่งทนทาน รองรับทุกการใช้งาน
• ความปลอดภัย: VSC เป็นมาตรฐาน, ถุงลมนิรภัยสูงสุด 7 ตำแหน่ง (ในรุ่น Premium)
• ห้องโดยสาร: 7-8 ที่นั่ง กว้างขวาง นั่งสบายทุกตำแหน่ง พร้อมแอร์ 3 ตอน

หน้าตาหล่อเหลาทันสมัย

การปรับโฉมในปี 2021 ทำให้ Innova Crysta ดูหรูหราและน่าขับยิ่งขึ้นอย่างชัดเจน ด้วยกระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมูขนาดใหญ่และชุดไฟหน้าที่เฉียบคม ทำให้รถดูมีราคาทั้งที่ยังคงความแข็งแกร่งไว้เช่นเดิม

สมรรถนะที่ไว้ใจได้เสมอ

เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตรบล็อกนี้ คือเครื่องยนต์ที่พิสูจน์ตัวเองมาแล้วใน Fortuner และ Revo ให้การตอบสนองที่รวดเร็วทันใจในทุกย่านความเร็ว การันตีได้ว่าแม้จะเดินทางกันเต็มคันรถพร้อมสัมภาระ ก็ไม่มีคำว่าอืดให้เสียอารมณ์

ความปลอดภัยที่อุ่นใจกว่า

Innova Crysta รุ่นนี้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมากขึ้น โดยมีระบบควบคุมการทรงตัว (VSC) และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TRC) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้อย่างมั่นใจในสถานการณ์คับขัน

อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย: ประมาณ 11 - 13 กม./ลิตร

การขับขี่นอกเมือง: สามารถทำได้ดีถึง 14-15 กม./ลิตร หากขับขี่ด้วยความเร็วคงที่

Toyota Innova Crysta รุ่นปี 2021 คันนี้ คือตัวเลือกที่ "ฉลาดและจบที่สุด" สำหรับผู้ที่กำลังมองหารถครอบครัวขนาดใหญ่ในงบประมาณ 6 แสนบาท คุณจะได้รถที่:

• ปีใหม่และสดกว่า: ได้ดีไซน์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่ารุ่นก่อนหน้า
• แข็งแกร่งทนทาน: ด้วยโครงสร้างและเครื่องยนต์ระดับเดียวกับรถกระบะชั้นนำ
• คุ้มค่าสูงสุด: ได้เป็นเจ้าของรถยนต์คุณภาพราคาล้านกว่าบาทในราคาเพียงครึ่งเดียว

นี่คือรถที่พร้อมจะตอบสนองทุกความต้องการของครอบครัวคุณไปอีกหลายปี โดยไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาจุกจิก และให้ความสบายใจสูงสุดในทุกการเดินทางครับ

• รุ่น: Toyota Innova Crysta (MPV โฉม Facelift)
• รุ่นย่อย: 2.8 G (เกียร์อัตโนมัติ 8 ที่นั่ง)
• เครื่องยนต์: ดีเซล 4 สูบ 2.8 ลิตร เทอร์โบ (1GD-FTV) - กำลังสูงสุด: 174 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด: 360 นิวตันเมตร ที่ 1,200 - 3,400 รอบ/นาที
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ (ขับเคลื่อนล้อหลัง)
• โครงสร้าง: Ladder Frame (IMV Platform)
• จุดเด่น: เครื่องยนต์ 2.8 ลิตร (บล็อก Fortuner), ขับเคลื่อนล้อหลัง ทนทาน, ภายใน 8 ที่นั่ง, ช่วงล่างหลังคอยล์สปริง (นุ่มนวล)
• ราคาจำหน่าย: 629,000 บาท

ขุมพลัง 1GD-FTV 2.8 ลิตร:

• จุดเด่น: เป็นเครื่องยนต์ดีเซลบล็อกเดียวกับ Fortuner และ Revo ที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน แรงบิดสูงตั้งแต่รอบต่ำ และการบำรุงรักษาที่ง่าย
• ประโยชน์: ให้อัตราเร่งที่ทรงพลัง สามารถบรรทุกผู้โดยสารเต็ม 8 ที่นั่ง พร้อมสัมภาระ วิ่งขึ้นเขาหรือเดินทางไกลได้อย่างสบาย

ช่วงล่างหลัง 4-Link Coil Spring:

• จุดเด่น: นี่คือจุดแตกต่างที่สำคัญที่สุดจากรถกระบะ Innova ไม่ได้ใช้แหนบ แต่ใช้ช่วงล่างหลังแบบคอยล์สปริง 4 ลิงค์ (เหมือน Fortuner)
• ประโยชน์: ให้ความนุ่มนวลในการโดยสารที่เหนือกว่ารถกระบะหรือ PPV ทั่วไป ลดอาการกระด้างกระเด้ง ผู้โดยสารแถว 2 และ 3 จะนั่งสบายกว่ามาก

ห้องโดยสาร 8 ที่นั่ง อเนกประสงค์:

• จุดเด่น: รุ่น G เป็นเบาะ 3 แถว 8 ที่นั่ง (2-3-3) เบาะผ้าลาย "Wave Pattern" ที่กว้างขวาง นั่งได้จริงทุกตำแหน่ง
• ประโยชน์: ตอบโจทย์ครอบครัวขนาดใหญ่ หรือการใช้งานเชิงพาณิชย์ (เช่น รถรับ-ส่งโรงแรม) ที่ต้องการจำนวนผู้โดยสารสูงสุด

ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD):

• จุดเด่น: เป็น MPV ไม่กี่รุ่นในตลาดที่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง
• ประโยชน์: ให้ความทนทานสูงสุดเมื่อต้องบรรทุกหนัก และให้วงเลี้ยวที่แคบกว่ารถขับเคลื่อนล้อหน้าในมิติรถที่เท่ากัน

• ในเมือง: ประมาณ 9 - 11 กม./ลิตร (ค่อนข้างสิ้นเปลืองในเมือง เพราะเครื่องใหญ่และรถหนัก)
• นอกเมือง: ประมาณ 13 - 15 กม./ลิตร (ที่ความเร็วคงที่ 100-110 กม./ชม.)
• เฉลี่ยรวม: ประมาณ 11 - 12 กม./ลิตร

• เมื่อใช้งาน 3 แถว: 300 ลิตร (เพียงพอสำหรับกระเป๋าเดินทางขนาดเล็ก 3-4 ใบ)
• เมื่อพับเบาะแถว 3: 900+ ลิตร (สามารถพับเบาะแถว 3 แขวนขึ้นด้านข้างเพื่อเพิ่มพื้นที่ได้มหาศาล)

(เน้นออปชันมาตรฐานรุ่น G Facelift ที่มีมาให้จากโรงงาน)

Toyota Innova Crysta 2.8 G คันนี้คือ "รถอเนกประสงค์ที่ทนทานที่สุดในราคาที่น่าตกใจ"

• ราคาที่ถูกที่สุดในตลาด: ราคา 629,000 บาท สำหรับรถปี 2021 โฉมนี้ เป็นราคาที่ต่ำกว่าตลาดปกติอย่างมาก นี่คือความคุ้มค่าสูงสุดหากผู้ซื้อยอมรับเงื่อนไขได้
• เครื่องยนต์และแชสซีส์ที่ทนทาน: นี่คือรถที่สร้างมาเพื่อ "ใช้งานหนัก" อย่างแท้จริง เครื่อง 1GD และโครงสร้าง IMV พิสูจน์แล้วว่าทนทานมาก
• รถครอบครัวพันธุ์แกร่ง: ให้ความนุ่มนวลด้วยช่วงล่างคอยล์สปริง แต่ยังคงความทนทานแบบรถกระบะ ขับเคลื่อนล้อหลัง ลุยน้ำท่วมได้ดีกว่ารถเก๋ง MPV ทั่วไป

• รุ่น: Toyota Innova Crysta (MPV)
• รุ่นย่อย: 2.8 G (เกียร์อัตโนมัติ)
• เครื่องยนต์: ดีเซล 4 สูบ 2.8 ลิตร เทอร์โบ (1GD-FTV)
• กำลังสูงสุด: 174 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด: 360 นิวตันเมตร ที่ 1,200 - 3,400 รอบ/นาที
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ (ขับเคลื่อนล้อหลัง)
• โครงสร้าง: Ladder Frame (IMV Platform)
• จุดเด่น: เครื่องยนต์ 2.8 ลิตร (บล็อก Fortuner), ขับเคลื่อนล้อหลัง ทนทาน, ภายใน 8 ที่นั่ง, ช่วงล่างหลังคอยล์สปริง (นุ่มนวล)
• ราคาจำหน่าย: 529,000 บาท

ขุมพลัง 1GD-FTV 2.8 ลิตร:

• จุดเด่น: เป็นเครื่องยนต์ดีเซลบล็อกเดียวกับ Fortuner และ Revo ที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน แรงบิดสูงตั้งแต่รอบต่ำ และการบำรุงรักษาที่ง่าย
• ประโยชน์: ให้อัตราเร่งที่ทรงพลัง (0-100 กม./ชม. ประมาณ 11-12 วินาที) สามารถบรรทุกผู้โดยสารเต็ม 8 ที่นั่งและสัมภาระ วิ่งขึ้นเขาหรือเดินทางไกลได้อย่างสบาย

ช่วงล่างหลัง 4-Link Coil Spring:

• จุดเด่น: แม้จะใช้แชสซีส์กระบะ (IMV) แต่ Innova ไม่ได้ใช้แหนบ ช่วงล่างหลังเป็นแบบคอยล์สปริง 4 ลิงค์ (เหมือน Fortuner)
• ประโยชน์: ให้ความนุ่มนวลในการโดยสารที่เหนือกว่ารถกระบะหรือ PPV ทั่วไป ลดอาการกระด้างกระเด้ง ผู้โดยสารแถว 2 และ 3 จะนั่งสบายกว่ามาก

ห้องโดยสาร 8 ที่นั่ง อเนกประสงค์:

• จุดเด่น: รุ่น G เป็นเบาะ 3 แถว 8 ที่นั่ง (2-3-3) ที่กว้างขวาง นั่งได้จริงทุกตำแหน่ง
• ประโยชน์: ตอบโจทย์ครอบครัวขนาดใหญ่ หรือการใช้งานเชิงพาณิชย์ (เช่น รถรับ-ส่งโรงแรม, รถประจำตำแหน่ง)

ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD):

• จุดเด่น: เป็น MPV ไม่กี่รุ่นในตลาดที่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง
• ประโยชน์: ให้ความทนทานสูงสุดเมื่อต้องบรรทุกหนัก และให้วงเลี้ยวที่แคบกว่ารถขับเคลื่อนล้อหน้าในมิติรถที่เท่ากัน

• ในเมือง: ประมาณ 9 - 11 กม./ลิตร (ค่อนข้างสิ้นเปลืองในเมือง เพราะเครื่องใหญ่และรถหนัก)
• นอกเมือง: ประมาณ 13 - 15 กม./ลิตร (ที่ความเร็วคงที่ 100-110 กม./ชม.)
• เฉลี่ยรวม: ประมาณ 11 - 12 กม./ลิตร

• เมื่อใช้งาน 3 แถว: 300 ลิตร (เพียงพอสำหรับกระเป๋าเดินทางขนาดเล็ก 3-4 ใบ)
• เมื่อพับเบาะแถว 3: 900+ ลิตร (สามารถพับเบาะแถว 3 แขวนขึ้นด้านข้างเพื่อเพิ่มพื้นที่ได้มหาศาล)

(หัวข้อนี้เว้นไว้ เนื่องจากรถคันนี้เป็นออปชั่นมาตรฐานรุ่น G จากโรงงาน)

Toyota Innova Crysta 2.8 G คันนี้คือ "รถอเนกประสงค์ที่ทนทานที่สุดในราคาที่น่าตกใจ"

• ราคาที่ถูกที่สุดในตลาด: ราคา 529,000 บาท สำหรับรถปี 2019 โฉมนี้ เป็นราคาที่ต่ำกว่าตลาดปกติอย่างมาก (ราคาเท่า Altis แท็กซี่ปลดป้าย) นี่คือความคุ้มค่าสูงสุดหากผู้ซื้อยอมรับเงื่อนไขได้
• เครื่องยนต์และแชสซีส์ที่ทนทาน: นี่คือรถที่สร้างมาเพื่อ "ใช้งานหนัก" อย่างแท้จริง เครื่อง 1GD และโครงสร้าง IMV พิสูจน์แล้วว่าทนทานมาก
• รถครอบครัวพันธุ์แกร่ง: ให้ความนุ่มนวลด้วยช่วงล่างคอยล์สปริง แต่ยังคงความทนทานแบบรถกระบะ ขับเคลื่อนล้อหลัง ลุยน้ำท่วมได้ดีกว่ารถเก๋ง MPV ทั่วไป

• รุ่น: Toyota Corolla Altis (โฉม E210)
• รุ่นย่อย: 1.6 G (รุ่นออปชันครบ)
• เครื่องยนต์: เบนซิน 1.6 ลิตร (1ZR-FBE) Dual VVT-i
• ระบบเชื้อเพลิง: 2 ระบบ (เบนซิน + แก๊ส LPG) - กำลังสูงสุด: 125 แรงม้า (HP)
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i ล็อกพูเล่ย์ 7 สปีด
• จุดเด่น: รถปี 2023 (ใหม่มาก), ติดตั้ง LPG ประหยัดสูงสุด, รุ่น G ออปชันครบ (เบาะหนัง, Push Start, จอสัมผัส), แพลตฟอร์ม TNGA
• ราคาจำหน่าย: 529,000 บาท

จากการวิเคราะห์ภาพถ่าย รถคันนี้คือ "ราชารถทน" ที่มาพร้อมต้นทุนการใช้งานที่ต่ำที่สุด:

ระบบแก๊ส LPG (หัวฉีด):

• จุดเด่น: ติดตั้งระบบแก๊ส LPG มาตรฐาน ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงทางเลือกที่ราคาถูกที่สุดในปัจจุบัน
• ประโยชน์: ประหยัดค่าเชื้อเพลิงได้มากกว่าการใช้น้ำมันเบนซินเกิน 50% ทำให้มีต้นทุนต่อกิโลเมตรที่ต่ำมาก (ประมาณ 1.3 - 1.5 บาท/กม.)

รุ่นย่อย 1.6 G (ไม่ใช่ Limo):

• จุดเด่น: แม้จะเป็นรถแท็กซี่ แต่คันนี้เป็นรุ่น G ที่มีออปชันความสะดวกสบายครบครัน ทั้งเบาะหนังสีดำ, ระบบ Push Start, แอร์อัตโนมัติ (Digital), และหน้าจอสัมผัส Toyota 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay
• ประโยชน์: ผู้ขับขี่ได้รับความสะดวกสบายเหมือนรถบ้านทั่วไป ไม่ใช่รถแท็กซี่รุ่นพื้นฐาน

แพลตฟอร์ม TNGA + ช่วงล่าง Double Wishbone:

• จุดเด่น: เป็นโครงสร้างตัวถังยุคใหม่ที่ให้การทรงตัวดีเยี่ยม และช่วงล่างหลังแบบอิสระปีกนกคู่
• ประโยชน์: ให้การขับขี่ที่นุ่มนวล เกาะถนน และปลอดภัยสูงสุด แม้จะใช้งานหนักหรือขับขี่ทางไกล

รถปี 2023 สภาพใหม่:

• จุดเด่น: เป็นรถอายุเพียง 1-2 ปี ทำให้เทคโนโลยีและระบบต่างๆ ยังคงทันสมัย
• ประโยชน์: ได้รถโฉมปัจจุบันในราคาที่ประหยัดกว่าป้ายแดงหลายแสนบาท

• น้ำมันเบนซิน (E20): ประมาณ 14 - 16 กม./ลิตร (ประมาณ 2.5 บาท/กม.)
• แก๊ส LPG: ประมาณ 10 - 12 กม./ลิตร (ประมาณ 1.3 - 1.5 บาท/กม.)

หมายเหตุ: คันนี้ถูกออกแบบมาเพื่อ "ความประหยัดสูงสุด" เหมาะสำหรับผู้ที่ขับรถวันละหลายร้อยกิโลเมตร

• ความจุมาตรฐาน: 470 ลิตร

หมายเหตุ: พื้นที่ท้ายรถจะลดลงบางส่วน เนื่องจากต้องใช้ในการติดตั้งถังแก๊ส LPG (มักเป็นถังโดนัทในหลุมยางอะไหล่) แต่ยังคงมีพื้นที่เพียงพอสำหรับสัมภาระทั่วไป

รถคันนี้มีการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับประกอบอาชีพแท็กซี่มาครบถ้วน:

Toyota Corolla Altis 1.6 G LPG คันนี้คือ "รถทำเงินแห่งชาติ" ที่คุ้มค่าที่สุด

• ได้รถปีใหม่ในราคาที่ถูกมาก: คุณได้รถโฉมปัจจุบัน ปี 2023 (อายุ 1-2 ปี) ในราคาที่ถูกกว่าป้ายแดงกว่า 4 แสนบาท
• ต้นทุนเชื้อเพลิงต่ำที่สุด: ติดตั้งระบบ LPG มาให้แล้ว พร้อมประหยัดค่าใช้จ่ายทันที เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ขับรถเยอะ วิ่งงาน Grab, รับ-ส่งนักเรียน, หรือวิ่งรับจ้าง
• ทนทานขั้นสุด: การที่รถรุ่นนี้ถูกใช้เป็นแท็กซี่ คือการการันตี "ความทนทาน" ที่สุดของเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร และเกียร์ CVT
• ออปชันครบ (รุ่น G): คันนี้ไม่ใช่แท็กซี่รุ่นพื้นฐาน (Limo) แต่เป็นรุ่น G ที่ให้ออปชันความสบายเหมือนรถบ้าน ทั้งเบาะหนัง, จอสัมผัส, Push Start และแอร์ออโต้

• รุ่น: Isuzu D-MAX Spark (ตอนเดียว)
• รุ่นย่อย: 1.9 S MT (เกียร์ธรรมดา 6 สปีด)
• เครื่องยนต์: ดีเซล 1.9 ลิตร Ddi Blue Power (RZ4E-TC)
• กำลังสูงสุด: 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด: 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800 - 2,600 รอบ/นาที
• รูปแบบตัวถัง: กระบะตอนเดียว พร้อมตู้ทึบ MPC สั่งทำพิเศษ (เปิด 2 ด้าน)
• จุดเด่น: รถปี 2023 (โฉมปัจจุบัน), ตู้ทึบเปิดด้านข้างได้, เสริมแหนบ + โช้ค Amada Xtreme, ประหยัดน้ำมัน
• ราคาจำหน่าย: 449,000 บาท

จากการวิเคราะห์ภาพถ่าย รถคันนี้ถูกออกแบบมาเพื่อความคล่องตัวในการขนส่งโดยเฉพาะ:

ตู้ทึบสั่งทำพิเศษ "เปิด 2 ด้าน" (ท้าย + ข้าง):

• จุดเด่น: นี่คือฟีเจอร์ที่สั่งทำพิเศษ นอกเหนือจากประตูท้ายแบบตู้คอนเทนเนอร์ 2 บาน ตู้ MPC คุณภาพสูงนี้ยังมี "ประตูบานสวิงเปิดด้านข้าง" (ฝั่งซ้าย)
• ประโยชน์: เพิ่มความสะดวกและความรวดเร็วในการขนถ่ายสินค้าอย่างมหาศาล สามารถจอดเทียบฟุตบาทและหยิบของจากด้านข้างได้ทันที โดยไม่ต้องรื้อของจากด้านหลัง เหมาะสำหรับงานที่ต้องส่งของหลายจุด

ช่วงล่างอัปเกรด "จบ" พร้อมบรรทุกหนัก:

• จุดเด่น: รถคันนี้ได้ทำการเสริมแหนบบรรทุกชุดใหญ่ และเปลี่ยนโช้คอัพเป็น Amada Xtreme (กระบอกสีฟ้า/เหลือง) ซึ่งเป็นแบรนด์ยอดนิยมสำหรับรถบรรทุก
• ประโยชน์: "เจ็บแต่จบ" มาให้แล้ว พร้อมรองรับน้ำหนักบรรทุก 2-3 ตันได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเงินและเวลาไปทำช่วงล่างเพิ่ม

เครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power (ยอดประหยัด):

• จุดเด่น: เป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการยอมรับสูงสุดในเรื่อง "ความประหยัดน้ำมัน" และความทนทานในระดับมาตรฐาน
• ประโยชน์: ช่วยลดต้นทุนค่าน้ำมันในธุรกิจขนส่งได้อย่างชัดเจน ทำให้ผู้ประกอบการมีกำไรต่อเที่ยวมากขึ้น

รถปี 2023 สภาพใหม่:

• จุดเด่น: เป็นรถโฉมปัจจุบัน อายุเพียง 1-2 ปี สภาพยังใหม่มาก
• ประโยชน์: ใช้งานได้ยาวนาน ลดความกังวลเรื่องการซ่อมบำรุงจุกจิก และยังอยู่ในระยะประกันศูนย์ (ควรตรวจสอบอีกครั้ง)

สำหรับเครื่อง 1.9 ที่ติดตั้งตู้ทึบสูง 1.90 เมตร (ต้านลม) และเซ็ตช่วงล่างสำหรับบรรทุก:

• รถเปล่า (ไม่บรรทุก): ประมาณ 11 - 13 กิโลเมตร/ลิตร
• บรรทุกหนัก (2-3 ตัน): ประมาณ 8 - 10 กิโลเมตร/ลิตร

• มิติภายในตู้โดยประมาณ: กว้าง 1.7 เมตร x ยาว 2.3 เมตร x สูง 1.90 เมตร
• ปริมาตรบรรทุกรวม: ประมาณ 7.4 ลูกบาศก์เมตร (คิว)

หมายเหตุ: พื้นภายในตู้ปูด้วยอลูมิเนียมลายตีนไก่ (Checker Plate) (ตามภาพ 6.JPG) ทนทานและกันลื่นได้ดี

รถคันนี้มีการตกแต่งที่จำเป็นสำหรับสายบรรทุกมาครบ มูลค่ารวมหลายหมื่นบาท:

Isuzu D-MAX 1.9 ตู้ทึบคันนี้คือ "รถทำเงินที่ออกแบบมาเพื่อความคล่องตัว"

• ได้รถปีใหม่ 2023: สภาพสดใหม่มาก ใช้งานได้ยาวๆ เหมือนได้รถป้ายแดง แต่ราคาประหยัดไปเกือบ 2 แสนบาท
• ฟังก์ชัน "ตู้เปิดข้าง" หายาก: นี่คือจุดขายหลักที่ทำให้รถคันนี้เหนือกว่ารถตู้ทึบทั่วไป ช่วยประหยัดเวลาในการขนถ่ายสินค้าได้จริง เหมาะกับธุรกิจที่ต้องส่งของหลายจุด
• ทำมาให้จบแล้ว: รถคันนี้ลงทุนเรื่อง "ช่วงล่าง" ที่จำเป็นที่สุดมาให้แล้ว (โช้ค Amada, แหนบ) ผู้ซื้อไม่ต้องเสียเงินและเวลาไปทำเพิ่ม

• รุ่น: Toyota Majesty (H300)
• รุ่นย่อย: 2.8 Grande (รุ่นท็อป)
• เครื่องยนต์: ดีเซล 2.8 ลิตร เทอร์โบ (1GD-FTV)
• กำลังสูงสุด: 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด: 420 นิวตันเมตร ที่ 1,400 - 2,600 รอบ/นาที
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ (ขับเคลื่อนล้อหลัง)
• จุดเด่น: รุ่นท็อป Grande 11 ที่นั่ง, เบาะแถว 2 Captain Seat ปรับไฟฟ้าพร้อมระบบนวด, ช่วงล่างหลัง 4-Link Coil Spring, ระบบ Toyota Safety Sense (TSS)
• ราคาจำหน่าย: 1,590,000 บาท

รถคันนี้แตกต่างจาก Commuter ทั่วไปอย่างสิ้นเชิง โดยมีจุดเด่นที่ความหรูหราและความปลอดภัย:

ช่วงล่างหลัง 4-Link Coil Spring (ไม่ใช่แหนบ):

• จุดเด่น: นี่คือจุดแตกต่างที่สำคัญที่สุดจาก Commuter โดย Majesty ใช้ช่วงล่างหลังแบบคอยล์สปริง 4 ลิงค์ (เหมือน Fortuner/Alphard)
• ประโยชน์: ให้ความนุ่มนวลในการโดยสารที่เหนือกว่ารถตู้ที่ใช้แหนบอย่างชัดเจน ซับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม ให้ฟิลลิ่งการขับขี่เหมือนรถ SUV หรู

เบาะนั่งแถว 2 Captain Seat พร้อมระบบนวด:

• จุดเด่น: เบาะนั่ง "First Class" 2 ที่นั่งในแถวที่ 2 เป็นแบบ Captain Seat ปรับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมที่รองน่อง (Ottoman) และฟังก์ชันนวดอัตโนมัติ
• ประโยชน์: มอบความสะดวกสบายสูงสุดสำหรับผู้โดยสาร VIP หรือเจ้าของรถ ลดความเมื่อยล้าในการเดินทางไกล

ระบบ Toyota Safety Sense (TSS):

• จุดเด่น: รุ่น Grande มาพร้อมระบบความปลอดภัยขั้นสูงเต็มรูปแบบ ทั้งระบบ Pre-Collision System (เตือนก่อนชน), Lane Departure Alert (เตือนออกนอกเลน), และ Dynamic Radar Cruise Control (แปรผันความเร็วอัตโนมัติ)
• ประโยชน์: เพิ่มความปลอดภัยสูงสุดในการขับขี่ และลดความเหนื่อยล้าของคนขับได้อย่างมากในการเดินทางไกล

ออปชันหรูหราเต็มพิกัด:

• จุดเด่น: ประตูสไลด์ไฟฟ้า 2 ข้าง, ภายในตกแต่งลายไม้, พวงมาลัยหุ้มหนังแท้, ไฟ Ambient Light, และระบบ T-Connect Telematics
• ประโยชน์: ให้ความรู้สึกพรีเมียมในทุกสัมผัส สมฐานะรถตู้ระดับผู้บริหาร

• ในเมือง: ประมาณ 8 - 10 กม./ลิตร
• นอกเมือง: ประมาณ 11 - 13 กม./ลิตร (ที่ความเร็วคงที่ 100-110 กม./ชม.)
• เฉลี่ยรวม: ประมาณ 10 - 11 กม./ลิตร

หมายเหตุ: ตัวรถมีน้ำหนักมาก (ประมาณ 2.6 ตัน) แลกกับความนุ่มนวลและปลอดภัย

• ความจุ (เมื่อนั่งเต็ม 4 แถว): ยังมีพื้นที่ด้านหลังเบาะแถวสุดท้ายสำหรับวางกระเป๋าเดินทางขนาดกลางได้ 2-3 ใบ หรือกระเป๋าเดินทางขนาดเล็ก (Cabin Size) ได้ 5-6 ใบ
• เมื่อพับเบาะแถวสุดท้าย (แบบ 50:50): สามารถพับเบาะแถวที่ 4 แขวนขึ้นด้านข้างได้ (เหมือน Commuter) เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่

(เน้นอุปกรณ์มาตรฐานรุ่น Grande ที่เหนือกว่ารุ่น Standard)

วิเคราะห์ราคา:

• ราคารุ่นนี้แข็งมาก (ราคาตกน้อย) แสดงถึงความนิยมและความน่าเชื่อถือสูง

Toyota Majesty Grande คือคำตอบของ "ความหรูหราที่คุ้มค่าและทนทาน"

• "Alphard เครื่องดีเซล": นี่คือรถที่ให้ความสบายในการโดยสาร (โดยเฉพาะเบาะแถว 2) ใกล้เคียง Toyota Alphard มากที่สุด แต่ได้ความทนทานและประหยัดน้ำมันของเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร
• ช่วงล่างที่เหนือกว่า: นี่ไม่ใช่ Commuter แต่ง VIP แต่เป็นรถที่ถูกออกแบบช่วงล่าง "คอยล์สปริง" มาจากโรงงานเพื่อความนุ่มนวลโดยเฉพาะ ซึ่งการดัดแปลง Commuter ไม่สามารถให้ความรู้สึกนี้ได้
• ความปลอดภัยเต็มพิกัด: ได้ระบบ TSS ครบชุด ซึ่งจำเป็นมากสำหรับรถตู้ขนาดใหญ่
• คุ้มค่ากว่าป้ายแดง: ประหยัดเงินไปกว่า 3 แสนบาท สำหรับรถอายุ 4-5 ปี ที่มีราคาแข็งมาก แสดงให้เห็นว่ารถเป็นที่ต้องการของตลาด

• รุ่น: Volvo S60 (โฉม Facelift แล้ว)
• รุ่นย่อย: 1.6 DRIVe (T4)
• เครื่องยนต์: เบนซิน 4 สูบ 1.6 ลิตร Turbo (EcoBoost)
• กำลังสูงสุด: 180 แรงม้า ที่ 5,700 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด: 240 นิวตันเมตร ที่ 1,600 - 5,000 รอบ/นาที
• ระบบส่งกำลัง: เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ Powershift (Dual-Clutch)
• จุดเด่น: ระบบ City Safety (เบรกอัตโนมัติ), เครื่อง 1.6 เทอร์โบ 180 แรงม้า, มาตรวัดดิจิทัลปรับได้ 3 ธีม
• ราคาจำหน่าย: 369,000 บาท

ระบบ City Safety (Gen 2):

• จุดเด่น: ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (ทำงานที่ความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม.)
• ประโยชน์: ช่วยลดความเสี่ยงหรือความรุนแรงในการชนท้ายรถคันหน้าในการจราจรในเมือง เป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เป็นเอกลักษณ์ของ Volvo

เครื่องยนต์ 1.6L Turbo 180 แรงม้า:

• จุดเด่น: เป็นเครื่องยนต์ขนาดเล็กที่ให้พละกำลังสูงมาก (180 แรงม้า) และมีแรงบิดมาในรอบที่กว้างมาก
• ประโยชน์: ให้อัตราเร่งที่เร้าใจ ขับสนุก แซงได้อย่างมั่นใจ แต่ยังคงประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และเสียภาษีประจำปีในอัตราที่ต่ำ (1.6L)

เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Powershift:

• จุดเด่น: เป็นเกียร์แบบ Dual-Clutch ที่ให้การตอบสนองที่รวดเร็ว
• ประโยชน์: เปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็ว ให้อัตราเร่งที่ต่อเนื่อง มอบอารมณ์การขับขี่แบบสปอร์ต

ความปลอดภัยมาตรฐาน Volvo:

• จุดเด่น: นอกเหนือจาก City Safety ยังมาพร้อมระบบ BLIS (เตือนมุมอับสายตา), DSTC (ควบคุมการทรงตัว), และโครงสร้างตัวถังนิรภัย SIPS
• ประโยชน์: เป็นรถที่ให้ความมั่นใจสูงสุดในการเดินทาง ปกป้องผู้โดยสารได้อย่างเต็มที่

• ในเมือง: ประมาณ 10 - 12 กม./ลิตร
• นอกเมือง: ประมาณ 15 - 17 กม./ลิตร (ที่ความเร็วคงที่)
• เฉลี่ยรวม: ประมาณ 13 - 14 กม./ลิตร

• ความจุ: 380 ลิตร

หมายเหตุ: เพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน และสามารถพับเบาะหลังแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่ได้

Volvo S60 DRIVe คันนี้คือ "รถยุโรปที่คุ้มค่าที่สุดในงบ 3 แสน"

• ราคาที่ถูกที่สุด: ในงบประมาณ 3 แสนกว่าบาท คุณได้รถยุโรปปี 2014 ซึ่งปกติจะได้รถญี่ปุ่น City Car ปีเดียวกัน
• ความปลอดภัยคือที่หนึ่ง: นี่คือรถที่ให้ "City Safety" (ระบบเบรกอัตโนมัติ) และ BLIS (เตือนมุมอับ) ในราคาที่ถูกที่สุดในตลาด
• สมรรถนะที่แรงเกินตัว: เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร แต่ให้กำลังถึง 180 แรงม้า แรงกว่าคู่แข่งสัญชาติเยอรมันในระดับเดียวกัน

(ไม่มีข้อมูลการอัปเกรดเพิ่มเติมจากมาตรฐานโรงงาน)