All-New Ford F-150 Raptor เบนซิน V6 3.5 ลิตร 450 ม้า โฉมปีนี้มาแน่

Ford F-150 Raptor รถกระบะในเวอน์ชั่นชุดแต่งพิเศษ จาก Performance ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว ที่ สหรัฐฯ ซึ่งเป็นที่สร้างมาเพื่อนสานต่อความสำเร็จทางด้านยอดขายทาง Ford ได้ประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในรหัส F-150 Raptor ออกมาเป็นที่เรียบร้อยโดยลูกค้าที่สหรัฐสามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาราวๆ 2 ล้านบาท

Ford F-150 Raptor จะมาบนพื้นฐาน แพลทฟอร์ม ของ Ford F-150 โดยมีการปรับเปลี่ยน รูปแบบหน้าตาและรายละเอียดต่างๆ หลายๆส่วนโดยที่น่าจับตามองคือเครื่องยนต์ เบนซินขนาด 3.5 ลิตร ECOBoost V6 ได้อัพเรดเพิ่มมากขึ้นเพิ่มกำลังอัดเป็น 10.5:1 แบะเพิ่มระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ด้านกำลังเครื่องยนต์ตัวใหม่จะให้แรงม้าสูงสุดที่ 450 แรงม้า แรงบิดอยู่ที่ 510 นิวตันเมตร

ในส่วนของระบบต่างๆที่ใส่มาให้เรียกว่าจัดเต็มสุดๆ ด้วยระบบ Terrain Manafement System คือโหมดการขับขี่ ถึง 7 โหมด ได้แก่ Tow, Haul ,Sport, Normal, Off road, Baja และ Rock Crawl

โดยในแต่ละโหมดจะมีการปรับเปลี่ยนค่าต่างๆทั้งความหนักเบาพวงมาลัย อัตราเร่ง การปล่อยระบบไอเสีย การเผาไหม้น้ำมัน และ จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ที่แตกต่างกัน

ล้อที่ถูกติดตั้งจากโรงงานในรุ่น Ford F-150 Raptor มีขนาด 37 นิ้ว ทำให้รถมีระยะสูงจากพื้นถึง 333 มิลลิเมตร ในด้านระบบช่วงล่าง Ford พัฒนาขึ้นใหม่เพืื่อ F-150 Raptor โดยเฉพาะช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบ 5-Link คอยบ์สปริงค์ พร้อมโช๊คอัพจาก Fox Live Valve

Ford F-150 Raptor เปิดราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แล้ว โดยสนนราคาอยู่ที่ 65,840 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆประมาณ 2 ล้านบาท ยังไม่รวมภาษีนำเข้าประเทศไทย

แฟนๆสาวก Ford ได้รอคอยว่าปีหน้า เราจะได้จับต้องหรือไม่ แม้ว่าที่ผ่านๆมาตลาดในบ้านเราแทบจะมีโอกาสได้สัมผัส นอกจากจะนำเข้ามาโดยผ่านตัวแทนอิสระ ซึ่งราคาก็ทำเอาจุกอยู่พอสมควร

ข่าวรถใหม่ทั้งหมด

Nissan Frontier PRO-4X รุ่นใหม่สายลุย เอาใจคนชอบความคุ้มค่า

รถจอดนาน ไม่ได้ใช้ มีข้อเสียอย่างไร

สำหรับคนที่มีรถยนต์แล้ว ไม่ค่อยได้ออกไปไหน หรือไม่ค่อยได้ใช้เดินทาง คุณรู้หรือไม่ว่ามันมีข้อเสียที่จะทำให้รถคุณเสื่อมสภาพ และแน่นอนว่าม่ใช่แค่การใช้งานเท่านั้นที่จะทำให้รถยนต์เสื่อมสภาพ แต่รวมไปถึง การจอดทิ้งไว้เป็นรถยะเวลานานๆ ก็จะทำให้สภาพของรถยนต์เสื่อมลงไปตามกาลเวลาอีกด้วย ฉะนั้นวันนี้เราจะมาดูกันครับ ว่า จอดรถนาน ไม่ได้ใช้คุณจะเจอกับข้อเสียอะไรบ้าง



ยางรถเสื่อมสภาพ

การจอดรถไว้นานๆ ยางจะรับภาระอย่างหนักเพราะการที่ไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหนเป็นเวลานาน ยางจะถูกกดทับในจุดๆ เดิมเป็นระยะเวลานานๆอาจจะทำให้เกิด ยางปริ แตกลายงา เสียรูปทรงทำให้ยางรั่วซึมบางครั้งคุณอาจจะต้องเปลี่ยนยางชุดใหม่ไปเลย

ของเหลวเสื่อมสภาพ

อันที่จริงแล้ว น้ำมันเครื่อง หรือ น้ำมันเกียร์ มีอายุการใช้งาน ไม่ใช่แค่ระยะการใช้งานเท่านั้นที่จะทำให้ของเหลวเหล่านี้เสื่อมสภาพ แต่มันรวมไปถึงการจอดทิ้งไว้นานๆ ไม่ได้สตาร์ทเครื่องยนต์ก็จะทำให้ น้ำมันเครื่องหมดอายุหรือเสื่อมสภาพได้เช่นกัน

ชิ้นส่วนต่างๆ ภายในเครื่องยนต์สึกหรอ

นอกจากสายไฟใต้กระโปรงรถยนต์ของคุณจะถูกหนูแทะ หรือสัตว์ต่างๆเข้าไปอาศัยอยู่จนเกิดความเสียหายแล้ว เครื่องยนต์ของคุณก็อาจจะไม่สามารถกลับมาทำงานได้อย่างปกติ เพราะชิ้นส่วนต่างๆ ภายในเครื่องยนต์นั้น ไม่ได้มีการขับเคลื่อนไหวเพื่อให้น้ำมันเครื่องนั้นหล่อเลี้ยงเป็นเวลานานๆก็อาจจะทำให้เกิดสนิมตามชิ้นส่วนและข้อต่อต่างๆ เกิดความเสียหายได้

หากจำเป็นต้องจอดรถนานๆ ควรทำอย่างไร?

การปฎิบัติต่อรถยนต์ หากจำเป็นจะต้องจอดทิ้งไว้นานๆ ควรจะต้องสตาร์ทเพื่อให้ระบบต่างๆทำงานบ้าง ขับเดินหน้าถอยหลังเพื่อให้ยางได้คลายตัวและเติมลมให้แข็งกว่าปกติ เพื่อให้ชิ้นส่วนของรถทำงานได้อย่างเต็มระบบ หากต้องจอดนานๆ วิธีการรักษาระบบไฟฟ้า ก็ควรถอดขั้วแบตเตอรี่ออกเพื่อให้หยุดการไหลของกระแสไฟฟ้า ล้างรถให้สะอาด และใช้ผ้าคลุม วิธีนี้จำเป็นจะต้องทำ สัปดาห์ละ 2 ครั้งเป็นอย่างน้อยครับ

https://www.kitsadagoodcar.com/

5 วิธีใช้รถอย่างไรให้ปลอดภัยจาก ไวรัสโคโรน่า (Covid-19)

ในช่วงสถานการณ์ ไวรัส Covid 19 แพร่ระบาดการป้องกันไวรัสถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุด นอกจากจะเลี่ยงการสัมผัสสิ่งต่างๆแล้ว ก็จะต้องเลี่ยงการนำตัวเองไปอยู่ในที่เสี่ยง คนพลุกพล่าน การป้องกัน ด้วยการล้างมือ ปิดปากปิดจมูกด้วยหน้ากากอนามัย ก็คงไม่พอเพราะเชื้อไวรัสเหล่านี้อาจจะติด ตัวคุณมาบนรถก็เป็นได้

1.ใช้แอลกอฮอล์ ในการฉีดพ้นฆ่าเชื้อ ไวรัส โคโรน่า ภายในรถ

แอลกอฮอล์ทั้งแบบน้ำและแบบเจลที่มีส่วนผสม ไม่ต่ำกว่า 70% ถึงจะฆ่าเชื้อไวรัสโคโรน่า (Covid-19) ได้ หากคุณไม่มีแอลกอฮอล์ สามารถผสมน้ำยาฆ่าเชื่ออื่นๆ ตามท้องตลาดผสมน้ำแล้วนำมาใส่กระบอกฉีดได้เช่นกัน >>ขั้นตอนการผสม<< โดยฉีดพ้นให้ทั่วๆจุดสัมผัสต่างๆ ภายในรถยนต์ ที่เปิดประตูด้านใน ทั้งพวงมาลัย เกียร์ คอนโซล สวิทช์ ปุ้มกดต่างๆ ภายในรถยนต์ หรือแม้กระทั่ง เบาะนั่งต่างๆภายในรถยนต์ โดยจุดสัมผัสเหล่านี้อาจจะเป็นแหล่งที่เชื้อไว้รัสติดอยู่ฉะนั้น พ้นฉีดฆ่าเชื้อบ่อยๆครับ หรือถ้าหากจะให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นก็ควรฉีดทั้งเบาะหลังไปด้วยเลยก็ได้ครับ

2.ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ก่อนขับรถ

เมื่อจะขับรถหรือจับพวงมาลัย และ เกียร์ หลังจากขึ้นรถก็ควรฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์ที่มืออีกที เพราะพวงมาลัยนั้นเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคต่างๆ แล้วเราก็มาสัมผัส ปาก จมูก หรือตา เชื้อเหล่านี้ก็สามารถเข้าสู่ร่างกายได้แล้วฉะนั้นการทำความสะอาดมือ ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก

3.ใส่หน้ากากอนามัยขณะขับรถ

การใส่หน้ากากอนามัยขับรถก็ถือเป็นเรื่องที่ควรทำ เพราะการเปิดแอร์ภายในรถยนต์อาจจะทำให้เชื้อโรคต่างๆ นั้นหมุนเวียนอยู่ภายในห้องโดยสาร เพราะเชื้อไวรัสนั้นสามารถติดที่รองเท้าของคุณเข้ามาหมุนเวียนกับอากาศภายในรถได้ ฉะนั้นการใส่หน้ากากก็ถือว่าจำเป็นอย่างยิ่ง

4.เปิดกระจกรถจอดตากแดดฆ่าเชื้อในอากาศ

การเปิดกระจกรถจอดตากแดดถือว่าเป็นอีก หนึ่งวิธีที่จะฆ่าเชื้อไวรัสนี้ได้เช่นกัน เพราะตัวไวรัส Covid-19 นั้นมีส่วนประกอบของไขมันและโปรตีนเป็นหลักความร้อนจะส่งผลให้ไวรัสสลายไปได้เช่นกัน แต่ก็อย่าลืม หาที่บังแดดเพื่อลดการโดยแดดโดยตรงอาจจะทำให้คอนโซลเสื่อสภาพเร็วอีกด้วย แต่ก็ต้องระวังสีรถของคุณด้วยนะครับ

5.ล้างรถให้บ่อยยิ่งขึ้น

วิธีสุดท้ายนั้นคือการล้างรถให้บ่อยยิ่งขึ้น เพราะการล่างรถนั้น ถือว่าเป็นการถนอมทั้งรถยนต์ กว่าวิธีที่ผ่านๆมา เพราะการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อต่างๆ ก็อาจจะมีผลต่ออุปกรณ์ภายในรถยนต์ได้ ฉะนั้นการล้างรถถือว่าเป็นวิธีกำจัดไวรัส Covid-19 ได้ดีที่สุดนั่นเองครับ

และนี่ก็เป็น 5 วิธีที่ทำความสะอาดและใช้รถอย่างไรให้ปลอดภัยจากไวรัส Covid-19 เชื่อว่าหากเราปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ และรู้วิธีป้องกันเราก็สามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส Covid-19 ลงไปได้ หรือถ้าหากไม่จำเป็นต้องเดินทาง การอยู่บ้านก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด หรือถ้าอยากดูรถมือสองเรามีบริการส่งรถไปให้ดูหน้าบ้านและจัดไฟแนนซ์นอกสถานที่ครับ

https://www.kitsadagoodcar.com

เตรียมเฮ ครม. เคาะนโยบายหนุนคนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า

ข่าวดีสำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เพราะใน ครม. ได้เคาะมาตราการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อกระตุ้นการเลือกใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในไทย 3 ประเภทได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้า รถจักรยานไฟฟ้า และรถกระบะไฟฟ้า

โดยจะมีผลบังคับใช้ในเดือน พฤษฎาคม ที่จะถึงนี้ ตามมาตรการ ดังนี้

  • ให้เงินอุดหนุน รถยนต์ไฟฟ้าและรถกระบะไฟฟ้า คันละ 70,000-150,000 บาทต่อคัน และรถจักรยานไฟฟ้า 18,000 บาทต่อคัน
  • ลดภาษีสรรพสามิตรรถยนต์ไฟฟ้า จาก 8% ให้เหลือ 2% และรถกระบะไฟฟ้า เหลือ 0%
  • ลดอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตจากต่างประเทศ และนำเข้าทั้งคันสูงสุดถึง 40 % จนถึงปี 2566
  • มีการยกเว้นอากรขาเข้ารถยนค์ที่ประกอบในประเทศ และชิ้นส่วนบางอย่างที่นำเข้าจากต่างประเทศ จำนวน 9 รายการ

โดยจะมีการแบ่งเป็นแพ็คเกจรถยนต์ EV เป็นอีก 2 ช่วง ดังนี้

  • ในช่วง 2 ปีแรก (2565-2566) ครม.ต้องการสร้างแรงจูงใจของประชาชนให้เกิดการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศอย่างรวดเร็ว ครอบคลุมทั้งการนำเข้ารถยนต์และ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแบบสำเร็จรูปทั้งคัน
  • โดยในอีก 2 ปี ถัดไป (2567-2568) จะให้ความสำคัญในการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไไฟฟ้าและรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศเป็นหลัก

อ่านข่าวรถ EV ใหม่ๆ


Stellantis DS E-Tense ซูเปอร์คาร์พลังงานไฟฟ้า สัญชาติฝรั่งเศส พร้อมขุมพลัง 805 แรงม้า

Mercedes-AMG GT Black Series แรงจริง แพงจริง พร้อมพลัง 720 แรงม้า

มาแอบส่องรถที่เป็นยานยนต์ระดับ Performance ของ ทาง AMG ด้วยพละกำลังสูงถึง 720 แรงม้า แรงบิด 800 นิวตันเมตรสามารถทำความเร็ว จาก 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ต่ำกว่า 9 วินาที

Mercedes-AMG GT Black Series เป็นรุ่นพิเศษที่ต้องบอกว่าเป็นของสะสมสำหรับสาวกดาวสามแฉก เพราะราคามันสูงเอาเรื่อง ถึง 389,150 ยูโร หรือราวๆ 14 ล้านบาทไทย เรียกว่า สามารถซื้อ GT-R ได้ถึง 2 คันเลยทีเดียว โดยราคาที่สูงนี้มันมาพร้อมกับเครื่องยนต์ บล๊อค V8 Flat-plane Crank 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ สามารถรีดพละกำลังออกมาได้ถึง 730 แรงม้าที่ 6,700-6,900 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร ในช่วงการททำงานของเครื่องยนต์ตั้งแต่ 2,000-6,000 รอบต่อนาที

ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดแบบ Dual Clutch DTC 7G สามารถทำความเร็ว จาก 0-100 ได้ภายในเวลา 3.2 วินาที โดยความเร็วสูงสุดสามารถทำได้ถึง 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

นอกจากนี้ การออกแบบตัวรถ Mercedes-AMG GT Black Series ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการแข่งขันมอเตอร์ สปอร์ตอย่างชัดเจน โดยการออกแบบไได้รับอิทธิพลมาจากรถ AMG GT3 คันปัจจุบัน โดยมีช่องดักลมขนาดใหญ่ด้านหน้า ใช้ฝากกระโปรงหน้าคาร์บอนไฟเบอร์พร้อมช่องระบายขนาดใหญ่ซึ่งมีผิวเป็นวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์สีดำรวมไปถึงแบริงก์ส่วนบน จนไปถึงระบบช่วงล่างและปีกนกก็ได้เป็บแบบเดียวกับที่ใช้ในการแข่งขัน

Mercedes-Benz ยังได้ระบุถึง AMG GT นี้ มีแอโร่ไดนามิกซ์ ที่ดีที่สุด ของรถ AMG ทั้งหมด โดยเน้นอากาศพลศาสตร์ ด้านหน้าจะเป็นดิฟเฟอวเซอร์ขนาดใหญ่พร้อมด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ส่วนด้านหลังจะมีสปอยเลอรืหลังแบบ 2 ชั้นและท่อไอเสีย 4 ท่อพร้อมดิฟฟิวเซอร์หลังที่ออกแบบและปรับปรุงใหม่

ด้านช่วงล่างมีการปรับแต่งที่ด้านหลังและด้านหน้า ลดการสั่นสะเทือนขณะเข้าโค้ง ล้อน้ำหนักเบา ขนาด 19 รหัส 285/35R19 นิ้วที่ด้านหน้าและ ขนาด 20 รหัส 335/30R20 ที่ด้านหลังและเลือกใช้เป็นยาง Michelin Pilot Sport Cup 2 R และใช้ระบบเบรคแบบคาร์บอนเซรามิกซ์ ที่ถูกติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานกับตัวรถ

และยิ่งไปกว่านั้น ทางวิศวกรของ AMG ได้ติดตั้งระบบควบคุมการยิดเกาะถนนใหม่ Traction Control พร้อมโหมดการปรับได้ถึง 9 ระดับ โดย 1 ใน 9 โหมดก็จะมีโหมดสำหรับสภาวะเส้นทางถนนเปียก และระดับที่ 9 สามารถควบคุมรถให้ท้ายสามารถปัดได้อย่างอิสระซึ่งการปรับในส่วนนี้อยู่ที่ตำแหน่งคอนโซลกลาง

https://www.kitsadagoodcar.com/

Stellantis DS E-Tense ซูเปอร์คาร์พลังงานไฟฟ้า สัญชาติฝรั่งเศส พร้อมขุมพลัง 805 แรงม้า

Stellantis DS E-Tense ซูเปอร์คาร์พลังงานไฟฟ้า สัญชาติฝรั่งเศส พร้อมขุมพลัง 805 แรงม้า

Stellantis แบรนด์รถยนต์สัญชาติฝรั่งเศสได้เปิดตัว DS E-Tense Performance ซึ่งเป็นซุปเปอร์คาร์พลังงานไฟฟ้าแบบ 100% ได้นำเอาเทคโนโลยีจาก Formula E มาปรับใช้และพัฒนาต่อยอดให้ดียิ่งขึ้น

DS Performance ได้นำเอารถระบบส่งกำลังไฟฟ้า Formula E มาติดตั้งอยู่บนตัวถังคาร์บอนโมโนค๊อกของรถต้นแบบ Stellantis DS E-Tense ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวขับเคลื่อนแบบ 1 ที่ล้อหน้า และ 1 ตัวที่ล้อหลัง ให้กำลังสูงสุดถึง 805 แรงม้า โดยแบ่งเป็ยกำลังขับเคลื่อน 335 แรงม้าที่เพลาหน้า และ 469 แรงม้าทที่เพลาล้อหลัง มาพร้อมแรงบิดสูงถึง 8,000 นิวตัน/เมตร

ในส่วนของชุดเก็บพลังงาน ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการแข่งขัน Formula E เช่นเดียวกัน โดยแบตเตอรี่เป็นวัสดุแบบ คอมโพสิตคาร์์บอน-อลูมิเนียม ที่ติดตั้งไว้ตำแหน่งด้านหลังเพื่อทำการกระจายน้ำหนักได้อย่างเหมาะสม และระบายความร้อยได้ดีที่สุด โดยแบตเตอรี่จะมีกำลังสูงสุดถึง 600 กิโลวัตต์

ส่งผลทำให้ Stellantis DS E-Tense สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ภายใน 2 วินาที โดย Stellantis จะนำเอาต้นแบบคันนี้ วิ่งทดสอบลงสนามแข่ง โดยจะให้นักแข่ง Formula E ภายในทีมเป็นผู้ทดสอบสมรรถนะทั้งหมดของตัวรถ

ทั้งนี้ Stellantis จะเริ่มค่อยๆ ทยอยเสรอรถยนตืในตระกูล DS ทั้งแบบ EV และ PHEV ทุกรุ่น รวมไปถึง Super Car อย่าง DS E-Tense อย่างเร็วสุดในช่วงงปี 2024

ซื้อรถมือสอง ควรเปลี่ยนอะไรบ้าง จัดการเองอุ่นใจกว่า

ซื้อรถมือสอง ควรเปลี่ยนอะไรบ้าง จัดการเองอุ่นใจกว่า

ในปัจจุบันการเลือกซื้อรถมือสองนั้นมีความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากราคารถมือหนึ่งสมัยนี้มีราคาค่อนข้างสูงตามเทคโนโลยีตามยุคตามสมัย หากคุณเป็นคนที่เน้นการใช้งานอย่างจริงๆ รถมือสองสภาพดีๆในท้องตลาด ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกหลักๆของคุณซึ่งปัจจัยหลักๆ ของการซื้อรถมือสองนั้นก็เป็นในเรื่องของราคา และ ค่างวดในแต่ละเดือนที่ประหยัดกว่า ฉะนั้นการบำรุง ก่อนที่จะนำมาใช้งานจริงๆ เป็นเรื่องสำคัญ

เมื่อตัดสินใจออกรถมือสองมาแล้ว สิ่งที่ควรให้ความสำคัญหลังจากออกรถมือสองนั้นก็คือหนังสือและหลักฐานของตัวรถต่างๆว่าถูกต้องตรงกับรถยนต์คนนั้นหรือไม่ และสิ่งต่อมาก็คือการดูแลบำรุงรักษาก่อนจะนำมาใช้งาน เพราะขึ้นชื่อว่ารถมือสองก็จะต้องผ่านการใช้งานมาไม่มากก็น้อยย่อมต้องมีการสึกหรอเกิดขึ้นอยู่แล้ว เดี่ยวผมจะมาแนะนำครับว่าหลังจาก ซื้อรถมือสอง ควรเปลี่ยนอะไรบ้าง เพราะจัดการเองจะอุ่นใจกว่า

สิ่งแรกที่ควรจะต้องทำนั่นก็คือ

1.การเปลี่ยนถ่ายของเหลวทุกชนิด

เรียกว่าเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกที่ควรจะต้องทำ เพราะการใช้งานที่ผ่านมาของเจ้าของเก่า หรือ บางครั้งอาจจะไม่ได้มีการเปลี่ยนถ่ายมาก่อนหน้า ก็อาจจะทำให้น้ำมันเครื่องหรือของเหลวต่างๆหมดอายถเสื่อมสภาพได้ ทั้งน้ำมันเครื่อง น้ำมันเฟืองท้าย น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรค น้ำมันคลัทช์ น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ รวมไปถึงเช็คหม้อน้ำระบายความร้อนด้วย ในกรณีที่เป็นน้ำยาหล่อเย็นแบบสีๆ อาจจะไม่ต้องเปลี่ยนเพราะสามารถใช้งานได้นาน แต่ถ้าหากเป็นน้ำเปล่าก็ควรตรวจสอบในเรื่องของระดับน้ำด้วยนะครับ

2.เปลี่ยนสายพาน

การเปลี่ยนสายพานต่างๆ ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอีกหนึ่งสิ่ง เพราะ สายพาน Timeing Belt และสายพานหน้าเครื่อง หากเกิดชำรุดขณะใช้งาน อาจจะฟาดชิ้นส่วนต่างๆในห้องเครื่องเสียหายได้ ฉะนั้น การเปลี่ยนก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่จำเป็นนะครับ

3.เปลี่ยนกรองอากาศเครื่องยนต์

การเปลี่ยนกรองอากาศเครื่องก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเล็กๆ ที่อาจจะส่งผลใหญ่ๆ ตามมาในอนาคต เพราะถ้าหากกรองอากาศตันนั้นไม่สามารถ ส่งอากาศไปยังห้องเผาไหม้ได้ อาจจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือหากแย่ไปกว่านั้น อาจจะทำให้เซนเซอร์ระบบอากาศสกปรกจนทำให้กล่อง ECU สั่งงานผิดเพี้ยนไป ฉะนั้นดูแลในจุดเล็กๆ นี้ด้วยนะครับ

4.ท่อยาง และ ท่อเชื่อมต่างๆ ของเครื่องยนต์

การเปลี่ยนท่อยางและท่อเชื่อมต่างๆของเครื่องยนต์ภายในห้องเครื่อง โดยเฉพาะ ข้อต่อตามท่อน้ำของเหลวต่างๆ จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากไม่เช็คให้ดี อาจจะเสียหายในเรื่องของการระบายความร้อนจนอาจจะทำให้เครื่องยนต์ เสียหายอย่างหนักหน่วงได้

5.เปลี่ยนแบตเตอรี่

แบตเตอรี่เองก็มีความสำคัญในเรื่องของการสตาร์ทรถยนต์เป็นหลัก แต่ก็รวมไปถึงระบบไฟฟ้าต่างๆของรถยนต์อีกด้วย หากไม่เปลี่ยนและยังใช้งานมันต่อไป อาจจะทำให้คุณรถเสียกลางทางจนทำให้ เสียเวลา เสียงเงินจากการเรียกใช้บริการรถฉุกเฉินได้

6.สายคันเร่งสายเบรคและ สายครัช

แน่นอนว่าการใช้งานนานๆ ก็อาจจะส่งผ่อนต่ออะไหล่บางชิ้นที่ควรเปลี่ยน 1 ในนั้นคือ สายคันแร่ง สายเบรคและสายครัช ก็เป็นปัจจัยหลักที่อาจจะทำให้คุณประสบอุบัติเหตุจากความเสียหายในขณะที่คุณกำลังใช้งานรถ เพราะถ้าหากมันชำรุดขณะคุณขับรถนั้น ก็จะทำให้คุณสูญเสียการควบคุมระบบการขับขี่ไปเลย

และนี่ก็เป็นสิ่งที่ควรเปลี่ยนหลังจากที่ซื้อรถยนต์มือสอง ไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ก็ควรตรวจสอบสิ่งเหล่านี้เพื่อความปลอดภัยทั้งตัวคุณและ คนรอบข้างด้วยนะครับ

https://www.kitsadagoodcar.com/

ยางรถยนต์เสื่อมสภาพดูอย่างไร เมื่อไหร่ควรเปลี่ยน

ยางรถยนต์เสื่อมสภาพดูอย่างไร เมื่อไหร่ควรเปลี่ยน
เราจะรู้และสังเกตได้อย่างไรยางรถเสื่อมสภาพ เพราะบางครั้งอาจจะเกิดจากการใช้งานอย่างหนักและการใช้งานของแต่ละคนนั้นก็ไม่เท่ากัน ฉะนั้นการตรวจดูความเสื่อมสภาพของยางนั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ

อายุการใช้งานรถยนต์

ตัวเลขบนหน้ายางนั้นจะมีอยู่หลายชุด ซึ่งแต่ละชุดจะทำหน้าที่บอกลักษณะของยางที่แตกต่างกันออกไปในเราสังเกตเฉพาะตัวเลข 4 หลัก บนหน้ายางนั้นตัวอย่างเช่น 1520 โดยเราสามารถแบ่งได้ดังนี้ 15/20 15 เลขคู่หน้านั้นคือสัปดาห์ที่ผลิตในปีนั้นๆ ส่วน 20 คือ ปีในการผลิต ก็เท่ากับว่า ยางนั้น ผลิตสัปดาห์ที่ 15 ในปี 20 นั้นเอง

เมื่อไหร่ที่ควรเปลี่ยนยาง?

เดิมทีแล้วอายุของยางสามารถใช้ได้ 4-6 ปี แต่การดูยางไม่ใช่เพียงแค่ การดูปีผลิตและปีหมดอายุเพียงเท่านั้น จะต้องคอยสำรวจและคอยตรวจว่า เนื้อยางนั้น มีการสึกหรอจากการใช้งาน หรือมีร่องรอยของการขูดขีดจากวัตถุแหลมคมหรือไม่ แต่ถ้าหาก

ลักษณะของยางบวม

อาการยางงบวมนั้นเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่เป็นอันตรายอย่างมาก เพราะการบวมของยางส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่ตำแหน่งแก้มยาง สาเหตุหลักๆมักจะเกิดจากการตกหลุมกระแทกหรือเสียดสีอย่างรุนแรง รวมไปถึงทั้งการบกพร่องในการผลิตซึ่งทำให้โครงสร้างยางไม่แข็งแรงในจุดที่เกิดการบวมนั่นเอง

ตำแหน่งรั่วของยาง

เมื่อยางเกิดรั่วด้วยหลายๆสาเหตุเช่นการทิ้มของน๊อตตะปูหรือเศษเหล็ก หลายๆคนก็นิยมให้การปะยางแทนการเปลี่ยนทั้งเส้น เพราะมันสามารถประหยัดเงินได้มากกว่า แต่ก็ควรตระหนักว่าการปะยางควรทำในบริเวณที่รอบรั่วมีขนาดไม่เกิน 1 ใน 4 นิ้วและเกิดขึ้นบริเวณหน้ายางเท่านั้น การปะยางไม่ควรปะที่แก้มยางหรือขอบยางเพราะไม่มีแรงตึงผิวพอที่จะให้ยางส่วนนั้นเชื่อมได้ และอาจจะเกิดอันตรวยอีกภายภาคหน้า

ความหนาของดอกยางที่ดีควรไม่น้อยกว่ากี่มิลลิเมตร?

ความหนาของดอกยางรถยนต์ใหม่จะมีความหนาอยู่ที่ 8 มิลลิเมตร หรือมากกว่านั้น แต่เมื่อใช้ไปนานๆ ก็ทำให้มีการเสื่อมสภาพและความหนาที่ควรจะต้องเปลี่ยนนั้นอยู่ที่ 1.6 มิลลิเมตร ถือว่าดอกยางนั้นหมดแทบจะ 100% แล้ว ไม่ควรใช้งานต่อเพราะอาจจะทำให้ลื่นในขณะที่ถนนเปียกได้ง่ายนั่นเอง

ยางถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดของรถยนต์เพราะหากว่าคุณไม่ดูแลยางให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้

https://www.kitsadagoodcar.com/

Nissan Frontier PRO-4X รุ่นใหม่สายลุย เอาใจคนชอบความคุ้มค่า

Nissan Frontier ได้เปิดตัวโฉมใหม่ เพื่อเฉลิมฉลองยอดขาย 115% เมื่อช่วงเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ได้ออกรุ่นตกแต่งพิเศษ เป็นอุปกรณ์ติดตั้งมาให้จากโรงงานและเตรียมที่จะนำมาจัดแสดงในงาน Chicago Auto Show 2022 นี้

ทั้งหมดนั้นใช้ภายใต้แพลตฟอร์ม Frontier Crew Cab 2022 ซิ่งมีรุ่นย่อย ทั้งหมด 3 รุ่น โดยใช้ชื่อย่อรุ่น Sเป็นรุ่นประหยัดสุด SV เป็นรุ่นรอง และ PRO-4X เป็นรุ่นที่มีอ๊อฟชั่นเต็ม โดยนาย Hiren Patel หัวหน้านักออกแบบ ได้อธิบายว่าต้องการแสดงให้ลูกค้าเห็นถึงวิธีความพัฒนาและการปรับเปลี่ยนให้ Frontier ตรงจุดและความต้องการของลูกค้ามาขึ้นทั้งรูปลักษณ์และความต้องการในการใช้งาน

โดย Project 72X Frontier เป็นการเชิดชู Datsun 720 เป็นรุ่นที่ถูกขนาดนามมากที่สุดตั้งแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบัน โดยรถยนต์คันแรกได้ประกอบขึ้นที่สหรัสอเมริกา ในปี 1983 นิสสันยังยึดมั่นในหลักของรถกระบะที่มีราคาไม่สูงมากและสามารถจับต้องได้ สามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่าและหลากหลาย

TOYOTA Sequoia 2023 ยักษ์ตัวใหมที่จะมาแทน Land Cruiser เปิดตัวด้วยกำลังเครื่องยนต์ 437 แรงม้า

วางพระหน้ารถ หันหน้าเข้าหรือหันหน้าออก

การวางพระหน้ารถ ถือเป็นความเชื่อคู่คนไทยมาอย่างยาวนาน ว่าจะเดินไปไหนมาไหนก็ถึงที่หมายโดยหลอดภัยไร้อันตรายระหว่างเดินทาง จากร้ายๆจะกลายเป็นดี อีกทั้งยังเสริมศิริมงคลทั้งเรื่องการเงิน บางคนเชื่อในเรื่องของ แม่ย่านาง บางคนก็อาจจะพกเครื่องรางของขลังติดไปด้วย ล้วยแล้วแต่มีผลทางจิตใจทั้งสิ้น

แต่การนำพระมาบูชาในรถนั้นก็เป็นสิ่งที่หลายๆคนเกิดคำถามและข้อสงสัยว่า การตั้งพระที่ถูกต้องนั้นจำเป็นไหมจะต้องวางหันหน้าหรือหันหลังให้กับหน้ารถ ถึงจะถูกต้องกันแน่ฉะนั้น เราลองมาหาคำตอบกันครับ

การตั้งบูชาวัตถุมงคลภายในรถหันหน้าออก

หากคุณเป็นคนที่เชื่อในเรื่องของศาสตร์ฮวงจุ้ย ทิศทางการตั้งพระหน้ารถนั้นว่าควรจะหันหน้าไปทางทิศเดียวกับคนขับ โดยตามความเชื่อนี้ เป็นการเสริมดวงแคล้วคลาดเพื่อปกป้องคุ้มครองจากภัยอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ซึ่งตามศาสตร์ฮวงจุ้นแล้วพระหันเข้าหาครอบครัว อาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งภายในครอบครัวได้

แต่สำหรับคนที่ไม่ได้เชื่อศาสตร์ฮวงจุ้ยการตั้งพระหันหน้าเข้าตัวรถก็ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องผิดแต่อย่างใด บางคนอาจจะมีความรู้สึกทางใจการตื่นตัวหรือคำสอนต่างๆที่คอยย้ำเตือนสติก็จะทำให้เป็นเครื่องเตือนใจเมื่อเห็นด้านหน้าขององค์พระนอกจากนี้การบูชาด้วยการไหว้ต่อหน้าท่านก็ทำให้รู้สึกดีกว่า จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้หันหน้าเข้าหาตัวรถนั่นเอง

อันที่จริงแล้วการเลือกขนาดของวัตถุมงคลถือเป็นสิ่งสำคัญมากๆ


การเลือกวัตถุมงคลที่เหมาะสม จะต้องไม่บดบังสายตาของผู้ขับขี่ เพราะถ้าหากมีขนาดใหญ่เกินไป นอกจากเสี่ยงอันตรายจากเหตุการณ์ต่างๆแล้ว อาจจะเป็นวัตถุมงคลซักเองที่บังทัศนวิสัยจนทำให้เกิดอันตราย ทั้งนี้ขึเนอยู่กับเหตุผลและความเชื่อของแต่ละบุคคลนะครับ

จัดวางในตำแหน่งที่ไม่อันตราย

การจัดวางให้พระหรือวัตถุมงคลอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัยถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการวางในตำแหน่งของถุงลมนิรภัยถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดร้ายแรง เพราะถ้าหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจริงๆ แรงอัดจากการระเบิดของถุงลมนิรภัยอาจจะทำให้วัตถุมงคลของคุณกลายเป็นกระสุนที่ทำอันตรายต่อคุณได้ และที่สำคัญควรหาที่ยึดติดวัตถุเหล่านี้ไม่ให้ขยับไปไหนเพราะป้องกันการตกหล่น หรือ ป้องกันการเคลื่อนที่ไปมานั่นเอง

ไม่ควรมีจำนวนมากเกินไป

การเชื่อมั่นเคารพบูชาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรานับถือนั้นไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด แต่เราไม่ควรนำพระ หรือวัตุมงคลต่าง ๆ เข้ามาไว้ในรถมากจนเกินไป เพราะนอกจากจะทำให้ดูรก หรืออึดอัดแล้ว อาจจะทำให้เกิดการโจรกรรมสำหรับผู้ที่มีพระเครื่องมูลค่าสูงๆได้

ทั้งนี้การเคารพบูชาพระเครื่องหรือวัตถุมงคลนั้น ตามความเชื่อของแต่ละบุคคลนั้นไม่ได้มีกฎเกณฑ์ที่ตายตัวควรเคารพบูชาให้เหมาะสม และที่สำคัญ ไม่ว่าสิ่งศักดิ์สิทธ์นั้นจะมีความขลังหรือมีชื่อเสียงขนาดไหน หากเราขับรถโดยประมาทก็อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุจนถึงแก่ชีวิตได้เช่นกัน

https://www.kitsadagoodcar.com/