ผู้เขียน: Oat Osaka papeyong Kuk Kuk

ความเชื่อ อยู่คู่คนไทยมาตั้งแต่โบราณ ไม่ว่าจะเป็นทั้งศาสนา และพิธีกรรม ก็ได้สืบทอดและปรับเปลี่ยนมาตามยุคตามสมัย และแน่นอนว่าการออกรถออกเรือนั้นก็มีพิธีกรรมที่หลากหลายทั้งความปลอดภัยและโชคลาภ รวมไปถึงเงินทอง จะมีพิธีกรรมแตกต่างกันออกไป สำหรับบทความนี้เรามาดูกันครับว่าการออกรถ ทั้งมือหนึ่ง และมือสอง มีพิธีกรรมอะไรบ้าง และ แต่ละแบบช่วยส่งเสริมหรือมีความหมายอะไร

1.ขับรถเหยียบผลมะนาว

ในความเชื่อของคนไทยที่ก่อนออกรถจะต้องเหยียบมะนาวนั้นจะช่วยในการยึดติดกับถนนได้ดี เวลาคุมรถก็จะทำให้รู้สึกมั่นใจในการคุมรถได้ดีไม่ลืนไถล ช่วยลดอุบัติเหตุได้

แต่อันที่จริงแล้ว ในความเชื่อส่วนบุคคลนั้นจะเป็นการดูดซับและชำระล้างเอาสิ่งที่ไม่ดีนั้นออกจากรถไป ไม่ให้ติดอยู่กับรถดังกล่าว

พิธีการเหยียบมะนาวตอนออกรถใหม่นั้น ทำอย่างไร

สำหรับพิธีการเหยียบมะนาวตอนออกรถ นั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธีด้วยกัน โดยสามารถเลือกวิธีใดวิธีหนึ่งได้

1. วางผลมะนาวไว้ใต้บริเวณใต้ล้อทั้ง 4 ล้อ จากนั้นให้เราขับรถทับมะนาวให้แตกทั้ง 4 ลูก
2. วางมะนาวที่ผ่าครึ่งลูก โดยจะต้องไม่ขาดออกจากกันแล้ววางไว้ใต้ล้อรถทั้ง 4 ล้อ แล้วให้เราขับรถเหยียบไปที่มะนาวนั้นได้เลย
3. ให้ผ่ามะนาวแล้วบีบใส่ที่ล้อและยางรถยนต์ทั้ง 4 ล้อ

2. ให้บุพการีนั่งก่อน

ความเชื่อของคนไทยจะถือบุพการีเป็นพระในบ้านเป็นผู้สร้างทั้งกายและจิตใจ จึงทำให้คนไทยนับถือและกตัญญูต่อบุพการีเป็นอย่างมาก และมีความเชื่อว่าความสำเร็จกับความกตัญญูนำพาความโชคดีมาให้ และเสริมศิริมคล และปลอดภัยอันตราย

3. ไหว้แม่ย่านาง

ความเชื่อแต่เดิมในสมัยอดีตคือแม่ย่านางคือผู้ปกปักรักษาให้เดินทางทางน้ำปลอดภัย และเพิ่มโชคลาภ รวมไปถึงการไหว้สักการะเพื่อให้เป็นศิริมงคลแก่เจ้าของรถ แต่จะต้องเตรียมอุปกรณ์สำหรับใช้ในการไหว้ ดังนี้
ธูป 9 ดอก ,เทียน 3 เล่ม ,ดอกไม้สำหรับติดกระจังหน้ารถ ,น้ำแดง ,ชุดหมากพลูพร้อมยาเส้น ,ขนมหวาน ,ผลไม้ 5 ชนิด
ขั้นตอนการไหว้บูชาแม่ย่านาง
– เตรียมของไหว้ตั้งไว้บนโต๊ะแล้วตั้งไว้หน้ารถ
– สตาร์ตรถและบีบแตร 3 ครั้ง เพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย
– จุดธูป 9 ดอก แล้ว ตั้งนะโม 3 จบ
– สวดคำถวายของไหว้แม่ย่านาง

“สุทินนัง วัตถุทานัง อาสะวะ ขะยาวะหัง โหตุทุติยัมปิ สุทินนัง วุตถุทานัง อาสะวะ ขะยาวะหัง โหตุตะติยัม สุทินนัง วัตถุทานัง อาสะวะ ขะยาวะหัง โหตุ”

4. ขับรถมุ่งหน้าทางทิศเหนือ

เมื่อเตรียมรับรถ ให้พนักงานขายตั้งรถหันหน้าไปในทางทิศเหนือ เพราะทางทิศเหนือจะเป็นทิศที่มีอำนาจและบารมี ทั้งโชคลาภและวาสนา เงินทอง แคล้วคลาด เหมาะกับการเริ่มต้นใหม่ พร้อมกับให้เปิดไฟทุกดวง ทั้งด้านหน้า และ ภายในรถทั้งหมด โดยก่อนที่จะขยับออกให้บีบแตร 3 ครั้ง เพื่อเอา ฤกษ์เอาชัย แล้วจึงออกตัวสั้นๆเพื่อขยับไปทางทิศเหนือ และบีบแตร 3 ที อีกครั้ง เป็นอันเสร็จพิธี

อ่านโหราศาสตาร์เพิ่มเติม

ฤกษ์ออกรถในเดือน มิถุนายน 2565 ออกรถวันไหน ชีวิตดีเช็คเลย

รถตู้เป็นรถที่สารพัดประโยชน์ที่หลายๆคนอาจจะคาดไม่ถึงนอกจากจะเป็นรถที่ใช้ในครอบครัว เป็นรถรับจ้าง รวมไปถึงดัดแปลงเป็นรถขนของแต่ก็จะต้องทำให้ถูกต้องเพื่อจะได้ใช้งานอย่างถูกกฎหมาย สำหรับบทความนี้จะมา พูดถึงว่าถ้าหากดัดแปลงรถตู้แต่ละแบบจะต้องดำเนินเอกสารอย่างไรบ้าง

1.รถตู้สำหรับโดยสารเกิน 7 ที่นั่ง
รถตู้โดยสารนั่งเกิน 7 ที่นั่ง เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลเกิน 7 คน เช่นรถตู้ รถ MPV 11 ที่นั่ง จะมีการเรียกเก็บภาษี รถยนต์ประจำปี โดยกำหนดตามน้ำหนักของตัวรถ ดังนี้

• ไม่เกิน 500 กก. อัตราค่าภาษีรถยนต์ 150 บาท

• 501-750 กก. อัตราเสียภาษีรถยนต์ 300 บาท

• 751 – 1,000 กก. อัตราภาษีรถยนต์ 450 บาท
• 1001 – 1,250 กก. อัตราภาษีรถยนต์ 800 บาท
• 1,250 – 1,500 กก. อัตราภาษีรถยนต์ 1,000 บาท
• 1,501 – 1,750 กก. อัตราภาษีรถยนต์ 1,300 บาท
• 1,751 – 2,000 กก. อัตราภาษีรถยนต์ 1,600 บาท
• 2,001 – 2,500 กก. อัตราภาษีรถยนต์ 1,900 บาท
• 2,501- 3,000 กก. อัตราภาษีรถยนต์ 2,200 บาท
• 3,001 – 3,500 กก. อัตราภาษีรถยนต์ 2,400 บาท
• 3,501 – 4,000 กก. อัตราภาษีรถยนต์ 2,600 บาท
• 4,001 – 4,500 กก. อัตราภาษีรถยนต์ 2,800 บาท
• 4,501- 5,000 กก. อัตราภาษีรถยนต์ 3,000 บาท
• 5,001 – 6,000 กก. อัตราภาษีรถยนต์ 3,200 บาท
• 6,001 – 7,000 กก. อัตราภาษีรถยนต์ 3,400 บาท
• 7,001 กก. ขึ้นไป อัตราภาษีรถยนต์ 3,600 บาท

โดยอัตรานี้จะถูกเรียยกเก็บจนกว่าจะยกเลิกใช้งาน โดยน้ำหนักของตัวรถนั้น สามารถดูได้จากสมุดเล่มทำเบียนรถได้เช่นกัน โดยจะระบุไว้อย่างชัดเจน และจะต้องเสียค่าต่อทะเบียนรวมประจำปี รวม 1,900 บาท

2.รถตู้สำหรับแคมปิ้ง Camper Van
Camper Van เป็นรถตู้ที่ดัดแปลงมาเป็นรถบ้านทั้งอุปกรณ์ภายในตัวรถ ซึ่งในช่วงนี้คนนิยมที่จะดัดแปลงเพื่อใช้ในการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น เพราะทังสะดวก และ ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มาก ประหยัดเวลาในการ เคลื่อนย้ายไปได้เยอะ ไม่ต้องกลัวฝนไม่ต้องกลัวแดด แต่การจดรถประเภทนี้ก็ต้องทำให้ถูกต้อง

รถบ้านถูกกฎหมายไหม และอยู่ในรถยนต์ประเภทไหน?

โดยข้อกำหนดอยู่ตาม พรบ. รถยนต์ปี พ.ศ. 2522 หรือ (รย. 16)
โดยกำหนดตามความกว้าง
ความกว้างจะต้องวัดจากส่วนที่กว้างที่สุดของอุปกรณ์ที่เลยออกมาจากนอกรถ แต่จะไม่รวมกับกระจกมองข้าง และจะต้องมีความกว้างไม่เกิน 2.55 เมตร และส่วนต่อเติมที่ยื่ืนเกินขอบยางด้านนอกของเพลาล้อหลังจะต้องไม่เกิน 15 เซนติเมตร

และความสูงให้วัดจากแนวดิ่งจากพื้นไปถึงส่วนสูงที่สุดของรถจะต้องมีความสูงไม่เกิน 4 เมตร

ความยาวจะถูกกำหนดไว้ซึ่งไม่ควรยื่นออกมาทท้ายตัวรถมากเกินไปจนอาจจะทำให้เกิดอันตราย

เมื่อมีการดัดแปลงรถตู้ให้เป็นรถบ้าน ก็จะถูกเปลี่ยนจากรถรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง ให้กลายเป็นรถตู้บรรทุก หรือเอาง่ายๆคือ เปลี่ยนจากป้ายสีขาวตัวอักษรสีน้ำเงินเป็นป้ายสีขาวตัวอักษรสีเขียว ซึ่งก็คือ บรรทุกส่วนบุคคลนั่นเอง

3.รถรับส่งพนักงาน
เป็นรถโดยสารที่ใช้ในองค์กร โดยทางบริษัทจะจัดเตรียมเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพนักงานและง่ายต่อการเดินทาง สามารถควบคุมในเรื่องของเวลาของการทำงานได้ รถรับส่งพนักงาน เป็นรถโดยสาร เป็นรถโดยสารส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง หรือป้ายฟ้าซึ่งจะไม่จำเป็นจะต้องขึ้นทะเบียนอะไร สามารถใช้ได้เหมือนกับรถโดยสารทั่วไป

4.รถตู้รับจ้าง
รถตู้นำเที่ยววินรถตู้ หรือ รถตู้ไม่ประจำทางรวมไปถึงรถตู้ส่วนบุคคลซึ่งป้ายทะเบียนต่างกันแล้วลักษณะของสีป้ายทะเบียนก็ต่างกัน

รถตู้ที่วิ่งเพื่อการพาณิชย์ในประเทศไทย

รถตู้ รหัส 30-35 ป้ายเหลือง ตัวอักษรสีดำ
รถตู้นำเที่ยวเป็นรถตู้รับงานและวิ่งงานทั่วไป จะต้องทำการจดเป็นป้ายเหลือง 30 – 35 เป็นรหัสรถตู้แบบไม่ประจำทาง และภายในป้ายจะประกอบด้วยรหัสพื้นที่ และมีตัวอักษร Thailand เพื่อบอกตำแหน่งประเทศ ตามด้วยรหัสจังหวัด

รถตู้รหัส 36 ป้ายขาว ตัวอักษรสีขาว

รถตู้รับจ้างไม่ประจำทางเป็นรถตู้ไม่ประจำทางชนิดพิเศษ ตัวเลขหน้า 36 อักษรพื้นสีฟ้าป้ายสีขาวสะท้อนแสง มีตัวอักษร THAILAND ป้ายใหญ่ และตามด้วยรหัสจังหวัดรหัสประเภทรถ ขีดขั้นด้วยระหว่างตัวเลข หมายเลขของทะเบียน จะต้องมีตั้งแต่ 0001-9999 และจะต้องมีเครื่องหมาย ขส. ตามด้วยชื่อจังหวัด

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

9 โรคที่เป็นอันตรายต่อการขับรถ

การขับขี่รถยนต์ นอกจากรู้กฎหมาย รู้การปฎิบัติตามข้อบังคับ แล้วยังจะต้องรู้ในเรื่องของโรคที่เป็นอันตรายต่อการขับรถ มีอะไรบ้างลองมาอ่านดูครับ

1. โรคลมชัก
   
   โรคลมชักเป็นโรคที่ไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ เพราะว่าโรคนี้เกิดจากควาผิดปกติชองคลื่นไฟฟ้าในเซลล์สมอง และเกิดได้จากการกระตุ้นได้ในหลายๆปัจจัย เช่นความเครียด ความกดดัน หรือความวิตกกังวล หรือปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ในขณะขับรถก็จะทำให้ผู้ขับขี่มีการอาการชักเกร็ง จนไม่สามารถความคุมตัวเองได้และเกิดอุบัติเหตุรถชนขึ้นได้

2. โรคเกี่ยวกับสายตา

โรคเกี่ยวกับสายตาจะอันตรายเมื่อผู้ขับขี่อยู่ในสภาพวะที่ทำให้การมองเห็นบกพร่อง เช่นต้อหิน ต้อกระจก หรือต้อลม ทำให้ผู้ขับขี่เห็นทัศนวิสัยไม่ชัดเจนหรือน้อยลงเมื่อเห็นไฟจราจรก็จะเกิดการพร่ามัว โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคตาบอดสี ทำให้มองเห็นเส้นทางได้ไม่ชัดเจนทำให้เกิดการตัดสินใจที่คลาดเคลื่อน จนทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง

3. อาการหลงลืม หรืออัลไซเมอร์

อาการหลงลืม เป็นอีกหนึ่งโรคที่ไม่ควรขับรถอย่างยิ่งเพราะนอกจากจะทำให้เกิดอุบัติเหตุแล้ว ยังเป็นการสร้างปัญหาให้กับคนรอบข้างที่อาจจะต้องถามหาเมื่อคุณหลงลืมออกนอกเส้นทางจนทำให้ขับรถไปเรื่อย รวมไปถึงอาการลักเลในการใช้เส้นทางอาจจะทำให้เพื่อร่วมทางเกิดอุบัติเหตุรถชนอีกด้วย

4. โรคหัวใจ

โรคหัวใจเป็นอีกหนึ่งโรคที่ทางขนส่งได้บรรญัติไว้ว่าเป็นโรคที่สามารถสร้างอันตรายต่อเพื่อนร่วมทางได้เพราะถ้าหากผู้ขับขี่ อาจจะเกิดสภาวะตกใจทั้งเสียงแตร อาการตกใจจากสถานการณ์ รวมไปถึงหากเกิดอาการกำเริบจากโรคเฉียบพลันก็ทำให้หมดสติและเกิดอุบัติเหตุทั้งตัวเองและเพื่อนร่วมทางได้

5. โรคเบาหวาน ระยะที่ไม่สามารถควบคุมได้

โรคเบาหวานมีหลายระยะ ทั้งระยะที่สามารถคุมน้ำตาลในเลือดได้ และระยะที่ไม่สามารถคุมน้ำตาลในเลือดได้ เมื่ออาการน้ำตาลในเลือกสูงก็จะทำให้เกิดอาการหน้ามืดตัวชา ชักและถึงขั้นหมดสติ จนทำให้เกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้นตามมา

6. โรคหลอดเลือดในสมอง

โรคหลอดเลือดในสมองเป็นอีกหนึ่งโรคที่อันตรายเป็นอย่างมาก เพราะหากหสมองขาดเลือกจะทำให้เกิดอาการหน้ามืด พร่ามัว รวมไปถึงอาการเวียนหัวทรงตัวไม่ได้ก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ รวมไปถึงการขาดสติเมื่ออาการกำเริบ จนอาจจำทำให้เกิดอันตรายทั้งตัวเองและเพื่อร่วมทางได้

7. โรคพาร์กินสัน

เป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมของระบบประสาทส่วนกลาง และส่วนมากจะพบในผู้ป่วยที่มีโรคอัลไซเมอร์ มักจะพบในผู้ป่วยที่มีอายุเกิน 65 ปี ซึ่งจะทำให้เกิดการสั่นตามมือตามขา จึงทำให้ไม่สามารสควบคุมรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการตัดสินใจก็ช้าตามไปด้วยซึ่งถ้าพบว่าใครเป็นโรคนี้ให้งดการขับขี่รถยนต์รวมไปถึงกิจกรรมที่ต้องใช้ความสามารถในการควบคุมพาหะนะทุกชนิด

8.ข้ออักเสบ หรือไขข้อเสื่อม
โรคไขข้ออักเสบ เป็นการเกิดจากการอักเสบของเส้นเอ็น และข้อ จากการติดเชื้อ รวมไปถึงโรคเก๊าท์ด้วย ส่งผลทำให้เกิดการเคลื่อนไหวตามข้อต่อได้อย่างยากลำบาก และยังมีการเจ็บตามข้อต่างๆเมื่อมีการขยับ เพราะการขับรถจะต้องใช้อวัยวะทุกส่วนของร่างราย

9. โรคที่จะต้องใช้ยากล่อมประสาท

โรคที่จะต้องใช้ยากล่อมประสาทมีดังนี้ คือ โรคซึมเศร้า หรือโรคที่มีผลต่อจิตใจ และรวมไปถึงยากล่อมประสาท เช่นยานอนหลับ ยาที่ทำให้ง่วงซึม จะต้องงดในเรื่องของการขับรถ หรือเดินทางไกล อาจจะทำให้เกิดการเหม่อลอย หรืออาการหลับใน หรือถ้าหากแย่ไปกว่านั้นคือการหลับกลางอากาศทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ได้

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

รถยนต์แต่ละทรง แตกต่างกันอย่างไร แต่ละแบบเหมาะกับการใช้งานแบบไหน

การเลือกซื้อรถก็จะต้องคำนึงถึงลักษณะประเภทของการใช้งานเป็นหลัก ซึ่งการออกแบบของทางผู้ผลิตก็จะออกแบบรถให้มีรูปทรงสมรรถนะที่แตกต่าง เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ซึ่งถ้าหากคุณไม่ได้เป็นคนที่สนใจในเรื่องรถก็มักจะเหมารวมว่า ระกระบะ รถเก๋ง หรือ รถครอบครัวไปซะหมด แต่อันที่จริงแล้ว ลักษณะของรถนั้นถูกจำแนกไว้อย่างหลากหลายตามลักษณะขององค์ประกอบต่างๆ สำหรับบทความนี้ทาง Kitsadagoodcar ก็ได้นำข้อมูลของรถยนต์แต่ละแบบแต่ละประเภทมาให้เพื่อนๆได้ลองศึกษากันดูครับ ว่าแต่ละประเภทนั้นมีอะไรแตกต่างกันบ้าง

1.Sedan

รถประเภทนี้เชื่อว่าหลายคนคงจะคุ้ยเคยกันดีกับรถเก๋งซีดานที่กลุ่มคนเล่นรถในโซนยุโรปจะเรียกกันว่า Saloon โดยมีจุดเด่นและขนาดกระทัดรัด มี 4 ประตู ซึ่งเป็นมาตรฐานการผลิตรถยนต์ โดยจะแยกระหว่างห้องโดยสารกับช่องเก็บสัมภาระได้อย่างเป็นสัดเป็นส่วน และทรงนี้มีทั้งรถธรรมดา จนไปถึงรถระดับผู้บริหารอีกด้วย

ข้อดี
รถทรงนี้จะมีข้อดีคือสมรรถนะและการเข้าโค้งในทางเรียบ มีการเกาะถนนที่ดี สามารถวางเครื่องยนต์ได้หลากหลาย และยังมีขนาดกระทัดรัดใช้งานได้หลากหลาย

ข้อเสีย
จะไม่เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่มีความกันดาล เพราะช่วงล่างไม่ได้ออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการลุยป่าปีนเขา

เหมาะกับการใช้งานแบบไหน
เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็กที่เน้นโดยสารไม่เกิน 5 คน ใช้งานไม่หนักมากเน้นใช้งานในเมืองเป็นหลักสามารถท่องเที่ยวในพื้นที่ ที่ไม่ธุระกันดาลมากนัก

รถยอดนิยมที่จัดอยู่ในกลุ่มประเภท Sedan
รถ Sedan ราคาประหยัด
รถ Sedan ขนาดกลางยอดนิยม
รถ Sedan หรู

2. Hatchback

เป็นรถที่มีลักษณะคล้ายกับรถประเภท Sedan แต่จะแตกต่างในเรื่องของด้านท้ายซึ่งจะเป็นในรูปทรงตูดตัดโดยมากแล้วจะเรียกรถทรงนี้กันว่ารถ 5 ประตู โดยนับเพิ่มประตูหลังเข้าไปเป็น 5 ประตูนั่นเอง ความพิเศษของรถทรงนี้คือเพิ่มพื้นที่ในการจุสัมภาระ และสามารถพับเบาะแถว 2 เพื่อเพิ่มเนื้อที่ในการเก็บสัมภาระชิ้นใหญ่ๆและหลากหลายมากกว่ารถ Sedan ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่มีครอบครัวเล็กๆ จนไปถึงครอบครัวขนาดกลาง ในปัจจุบันทางผู้ผลิตออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานทั้งการพับเบาะได้ 2 ส่วน
ข้อดี คือพื้นที่ในการเก็บสัมภาระได้มากกว่ารถเก๋งทรงอื่น มีขนาดกระทัดรัด ห้องโดยสารมีความโล่ง โปร่งและไม่อึดอัด

ข้อเสีย รถทรง Hatchback มีข้อด้อยในการเก็บเสียงจากภายนอก เพราะเสียงจะมีการเข้ามาจากด้านท้ายรถ และฝาหลังมักจะเลาะบ่อยเพราะเมื่อขับด้วยความเร็วอากาศจะม้วนตีเข้าด้านท้ายรถ ระบบปรับอากาศภายในห้องโดยจะเย็นช้ากว่ารถประเภทอื่น

รถยอดนิยมที่จัดอยู่ในกลุ่มประเภท Hatchback

3. Coupe
รถทรง คูเป้ เป็นภาษาฝรั่งเศษ Coupé ซึ่งมีความหมายว่า การถูกตัด หรือ การหั่นออกไป ซึ่งทางผู้ผลิตรถยนต์ ออกแบบให้มีความคล่องตัว โดยตัดเอาตัวเบาะนั่งด้านหลังออกหรือย่อขนาดของเบาะหลังให้มีพื้นที่ที่เล็กลง ให้มีลักษณะที่สั้นลง และเปลี่ยนเป็นรถที่มีเพียงแค่ 2 ประตูเท่านั้น รถสปอร์ตจะไม่สามารถเปิดประทุนได้แต่จะเน้นการขับขี่โดยเฉพาะ

ข้อดี : ได้สมรรถนะที่คล่องตัว แรงเร็ว ดีไซน์หรู มีเอกลักษณ์สวยงามและโดดเด่น
ข้อเสียย : พื้นที่น้อย เก็บสัมภาระได้น้อยมาก หรือบางรุ่นไม่สามารถเก็บสัมภาระได้เลย นั่งไม่สบายเหมาะสำหรับนั่งแค่ 2 คนเท่นนั้น มีราคาสูง

รถยนต์ที่จัดอยู่ในกลุ่มของ Coupe :

4. Station Wagon
เป็นรถที่สร้างความสับสนให้กับคนส่วนใหญ่เป็นอย่างงมาก เพราะรุ่นนี้รูปทรงจะมีความคล้ายคลึงกับรถยนต์ Hatchback หลายๆแบบ ซึ่งจะมีความแตกต่างในเรื่องงของขนาดตัวรถ ที่มีขนาดใหญ่กว่าและห้องโดยสารยาวและกว้างกว่า รวมไปถึงพื้นที่ในการวางสัมภาระทางด้านท้ายรูปทรงเส้นสายที่ตัวรถจะมีความลาดต่ำ และจะมีความยาวในส่วนของเสา D เพิ่มขึ้นมาอีกด้วย เพิ่มพื้นที่ให้กับห้องโดยสารทางด้านหลัง

ข้อดี : มีพื้นที่ขนาดใหญ่ กว้าง ยาว และสามารถใส่ของได้มากขึ้น ฝากระโปรงท้ายสามารถเปิดได้ยกสูงเหมือนกับรถททรง 5 ประตู (Hatchback)

ข้อเสีย : ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในบ้านเรา ทำให้หาอะไหล่ซ่อมได้ยาก รวมไปถึงราคาในเรื่องของอะไหล่ก็จะมีราคาสูงอีกด้วย

5. Cross Over

รถยนต์อเนคประสงค์ หรือที่เรียกกันว่า Crossover หรือเรียกกันว่า Crossover Utility Vehicle หรือ CUV เป็นรถที่ได้รับอิทธิพลมาจากรถ SUV แต่มีขนาดที่เล็กกว่า ทำให้รถ Crossover มีความคล่องตัวกว่ารถเก๋งธรรมดา ซึ่งจะแตกต่างที่ช่วงล่างที่สูงกว่าทำให้ขับขี่และโดยสารได้ง่ายกว่า ที่มีข้อแตกต่างระกว่าง SUV และ Crossover คือ SUV จะเป็นระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อพร้อมตัวถังที่มีขนาดที่ใหญ่กว่า

ข้อดี : สามารถลุยได้ทุกเส้นทาง เพราะช่วงล่างคล้ายๆกับรถ SUV ซึ่งจะมีความสูงกว่ารถเก๋งและยังทำให้เห็นทัศนวิสัยได้กว้างและไกลกว่า เพราะห้องโดยสารจะอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่ารถเก๋งทั่วไป

ข้อเสีย : อาจจะยึดเกาะถนนได้ไม่ดีขึ้นอยู้กับรุ่นรถและ คุณภาพของแต่ละรุ่น

6. Leftback
เป็นรถที่มีลักษณะคล้ายกับ Sedan และ Coupe แต่จะมีความแตกต่างที่ด้านท้ายซึ่งจะเป็นเหมือนลักษณะแบบฝากระโปรงหลัง มีความลาดเอียงกว่า Sedan แต่สามารถเปิดได้เหมือนกับรถ Hatchback และมีช่องเก็บสัมภาระที่เชื่อมติดกับเบาะหลัง เพื่อสร้างอากาศพลศาสตร์ให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งตลาดของรถประเภททนี้คือ เป็นรถที่แรงแต่สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวันนั่นเอง

ข้อดี : ออกแบบเพื่อให้เป็นรถสปอร์ตทรง Coupe แต่ก็ยังสามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไม่ลำบากมากนัก

ข้อเสีย : รถทรงนี้จะเป็นรถที่หาอะไหล่ซ่อมแซมยาก เพราะโดยส่วนมากจะเป็นรถที่เป็นรุ่นเก่าๆ

7. PPV
รถ PPV ย่อมากจากคำว่า Pick-UP Passenger Vehicle ซึ่งก็คือ รถกระบะยกสูงที่นำมาดัดแปลงให้เป็นรถที่สามารถโดยสารได้มากขึ้น โดยยังคงใช้ช่วงล่างของ Pickup ทรงสูง และรถทรง PPV ในปัจจุบันได้มีการเพิ่มอ๊อพชั่นและขีดความสามารถโดยการใส่ระบบที่อำนวยความสะดวกในการขับขี่และความปลอดภัยให้เทียบเท่ากับรถ SUV ทั้งระบบขับ 2H 2L และขับ 4H และ 4L ในบางรุ่น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและตอบสนองในการใช้งานให้มากยิ่งขึ้น
ข้อดี : มีพื้นที่ใช้สอบกว้างขวาง สามารถบรรทุกของ และ ผู้โดยสารได้มาก ช่วงล่างนิ่ม ขับง่าย สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย มีราคาที่ถูกกว่า รถ SUV ในบางรุ่น คุ้มค่า

ขอเสีย : มีกำลังเครื่องยนต์ที่ไม่สูงเหมือนกับรถ SUV สมรรถนะในการเข้าโค้งไม่ค่อยดีที่นั่งตอนหลังมีขนาดเล็กและแคบ
รถยนต์ PPV รุ่นที่นิยมในประเทศไทย

8. MPV
MPV เป็นรถอเอนกประสงค์แบบ 7 ที่นั่งที่ย่อมาจาก Multi Purpose Van จัดเป็นรถยนต์ทรงเอนกประสงค์อีกแบบหนึ่งที่เน้นไปทางการขนผู้โดยสารเป็นหลัก โดยส่วนใหญ่จะเข้าใจผิดระหว่าง VAN และ MPV เพราะ MPV ด้วยขนาดที่เล็กกว่าและส่วนมากจะเป็นประตูเปิดธรรมดา ซึ่ง Van จะเป็นประตูสไลด์ โดยสามารถเพิ่มเนื้อที่ในการโดยสารให้มากขึ้น แต่ก็ต้องจดทะเบียนให้ถูกต้องถูกประเภทอีกด้วย เพราะรถประเภทนี้เป็นรถที่เหมาะกับครอบครัวที่มีขนาดใหญ่

ข้อดี : มีห้องโดยสารที่กว้างขวางไม่อึดอัด และสามารถรับรองผู้โดยสารได้เป็นจำนวนมาก ขึ้นลงสะดวก และยังสามารถดัดแปลงที่นั่งให้สามารถใช้งานได้หลากหลาย เหมาะกับการใช้งานในครอบครัวเป็นหลัก

ขอเสีย : มีราคาที่สูง ช่วงล่างเท่ารถเก๋งไม่สามารถลุยในเส้นทางสมบุกสมบันได้ออกแบบมาให้ใช้งานในเมืองและเส้นทางเรียบเป็นหลัก

9. SUV
รถ SUV ย่อมาจาก Sport Utility Vehicle ที่แปลออกมาอย่างตรงตัวว่า รถสปอร์ตอะเอนกประสงค์ ที่สามารถเป็นได้ทั้ง Off-Road ซึ่งรถประเภทนี้จะเน้นไปในเรื่องของกำลังเครื่องยนต์และระบบการขับเคลื่อนเป็นหลัก รถ SUV ยังมีคุณสมบัติพิเศษคือการใช้งานอย่างยืดหยุ่น สามารถนำไปใช้ในกิจกรรมวิบากต่างๆ และยังมีทรงที่สวยดูคล่องแคล่ว และหรูหรา เหมาะกับครอบครัวที่มีขนาดกลาง ซึ่งเป็นกระแสนิยมของคนใช้รถที่หันมาซื้อรถประเภทนี้เป็นจำนวนมากขึ้น
ข้อดี : มีห้องโดยสารขนาดใหญ่ พื้นที่เก็บสัมภาระมาก มีทรงที่สูงกว่ารถทั่วๆไปทำให้ขับลุยได้ทุกพื้นที่ นั่งสบาย ทัศนวิสัยไกลสามารถขับขี่ได้ดี และนอกจากนี้ยังมีช่วงล่างที่นุ่มนวลอีกด้วย
ข้อเสีย : มีราคาค่อนข้างสูง ค่าบำรุงรักษาแพงกว่ารถยนต์ประเภทอื่นไม่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความคล่องตัว เพราะรถทรงนี้จะมีขนาดใหญ่ เครื่องใหญ่กินน้ำมัน

10. Pick UP
รถ Pick up กระบะนี้ เป็นรถที่มีลักษณะเด่นที่ตัวรถ มีการแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยแบ่งระหว่างห้องงโดยสาร และ กระบะท้ายบรรทุกรวมไปถึงสามารถเปิดท้ายได้โดยสามารถแบ่งเป็นแบบ 2 ที่นั่ง และ 4 ที่นั่งส่วนของที่นั่งก็จะขึ้นอยู่กับห้องโดยสาร รถกระบะยังเหมาะกับการใช้งานหนัก โดยเฉพาะการบรรทุกของ และในต่างประเทศก็ใช้สำหรับลากจูง และในประเทศไทยก็ยังทำเอามาปรับแต่งเพื่อใช้งานแบบอ๊อฟโรดอีกด้วย

ข้อดี : สามารถบรรทุกของได้เยอะ ช่วงล่างแน่น สมรรถนะเครื่องยนต์ก็มีหลากหลายให้ได้เลือก สามารถขับลุยได้ทุกสภาพถนน ทางขรุขระและสามารถลุยน้ำได้ โดยเฉพาะในรุ่นที่ยกสูง
ข้อเสีย : ค่อนข้างกินน้ำมันเพราะเครื่องมีขนาดใหญ่ มีขนาดที่เทอะทะไม่ค่อยเหมาะกับการขับขี่ในเมือง ห้องโดยสารมีขนาดค่อยข้างเล็ก

11. Van
จัดเป็นรถอะเนกประสงค์อีกรูปแบบหนึ่งที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย ซึ่งออกแบบมาเพื่อใช้ในการขนย้าย และโดยสารหลายๆที่นั่ง มีรูปทรงที่ขึ้นลงง่าย เหมาะกับผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วย ผู้พิการ หรืออาจจะนำไปดัดแปลงเพื่อใช้ในงานการขนย้ายสิ่งของหรือสัมภาระ และปัจจุบันบางคนก็นำไปดัดแปลงเพื่อใช้ในการแคมป์ปิ้งอีกด้วย และเหมาะสำหรับเป็นรถที่ใช้ในครอบครัว

ข้อดี : สามารถขึ้นลงโดยสารง่าย เพราะมีห้องโดยสารที่กว้างขวาง สามารถดัดแปลงเบาะเพื่อโดยสารได้ทั้งเอนนอน และ นั่ง สามารถขนสัมภาระได้เยอะ

ข้อเสีย : ราคาแพง รวมไปถึงค่าซ่อมบำรุงก็มีราคาสูง รถทรงนี้จะมีเครื่องที่ใหญ่เปลืองน้ำมัน และ มักจะมีปัญหาในส่วนของข้อพับตามประตูในอนาคต เพราะประตูแต่ละบานค่อนข้างใหญ่และมีน้ำหนักมาก

12. Cabrio
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบเปิดประทุนคุณก็อาจจะคุ้นเคยกับค้ำว่า Connvertable เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วจะมีที่นั่งเพียงแค่ 2-4 คนเท่านั้น ซึ่งเบาะหลังก็จะมีเนื้อที่เล็กๆ รถยนต์ประเภทนี้จะมีการนำเอา เสา B ออกเพื่อเป็นจุดข้อต่อพับเพื่อใช้ในการเปิดประทุนรับลมได้ โดยจะจำแนกหลังคาออกเป็นอีก 2 วัสดุ คือ หลังคาแบบผ้าใบ หลังคาเหล็ก และในบางรุ่นจะยังคงเสา B เอาไว้เป็นแบบ TARGA Roof ซึ่งจะสามารถเปิดได้เพียงแค่ด้านหัวของคนขับเท่านั้น จะเห็นได้ใน Porsche ในบางรุ่นที่เรียกว่า TARGA

ข้อดี : เป็นรถที่เหมาะสำหรับใช้ในการเที่ยวเป็นหลัก มีความหรูหราทำให้เห็นภายในได้อย่างชัดเจน

ข้อเสีย : มีที่นั่งจำกัด โดยมากจะมีเพียงแค่ 2-4 ที่นั่ง เท่านั้น เบาะหลังมีความแคบและลำบากในการโดยสารเป็นอย่างมาก และยังมีราคาแพงง อะไหล่แพง ค่าบำรุงรักษาสูง

13. Sports Cars

ในส่วนของรถประเภทนี้จะเป็นรถที่มักจะเข้าใจผิดกันมากที่สุด เพราะรถประเภทนี้จะมีอยู่ในตลาดหลากหลายรุ่นมากๆ ทำให้คนเดากันไปต่างๆนาๆ ว่าเป็นรถซุปเปอร์คาร์แต่อันที่จริงแล้วรถสปอร์ตกลับถููกเรียกได้อย่างหลากหลาย
รถสปอร์ตจะมีลักษณะคล้ายกับทรง คูเป้ โดยจะเน้นการออกแบบให้มีลักษณะปราดเปรียวและลู่ลมท้องรถต่ำ ล้อขนาดใหญ่ และเครื่องยนต์จะมีทั้งด้านหน้า วางกลางและด้านหลัง และนอกจากนี้รถสปอร์ตคาร์ยังมีการออกแบบตามลักษณะของเครื่องยนต์

• Muscle Cars เป็นรถที่มีลักษณะเหมือนกับทรงคูเป้ แต่จะเน้นในเรื่องของพละกำลังของเครื่องยนต์เป็นหลัก พร้อมกับโครงสร้างที่ดูแข็งแรง เป็นรถที่มีความเร็วไม่สูงมาก มีความคงทนโดยมากจะเห็นในรถอเมริกัน มีทั้งระบบขับ เคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ

• SuperCar เป็นรถที่มีสมรรถนะสูง มีความคล่องตัว ความเร็วสูง โดยกำหนดที่ 500 แรงม้าขึ้นไป แต่จะมีรูปทรงเตี้ย สามารถโดยสารได้เพียงแค่ 2 คนและมีการวางเครื่องศูนย์ถ่วงต่ำทั้งวางหน้า และ วางกลาง ระยะฐานล้อกว้าง
  
  

• Hyper Car เป็นรถที่มีสมรรถนะสูง เน้นในความคล่องตัวสูง อัตรากำลังของเครื่องยนต์สูงมากๆโดยกำหนด Hyper Car จะต้องมีเครื่องยนต์ที่สามารถให้กำลังตั้งแต่ 800 ถึง 1,000 แรงม้า
  

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

ประกันรถยนต์ไฟฟ้า EV ต่อปีของแต่ละรุ่น ราคาเท่าไหร่?