ใบขับขี่หมดอายุต้องทำอย่างไรบ้าง และต้องต่ออายุภายในกี่วัน

รู้หรือไม่ว่า ใบขับขี่หมดอายุต้องทำอย่างไรบ้าง และต้องต่ออายุภายในกี่วัน? บทความนี้มีคำตอบครับ

ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ หรือเรียกกันสั้นๆติดปากว่า “ใบขับขี่” เป็นบัตรที่ผู้ขับขี่รถยนต์จะต้องพกติดตัวไว้ทุกครั้งที่ขับขี่รถยนต์ ตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522 (มาตรา64) หากมีการฝ่าฝืน ต้องมีโทษดังนี้

  • ผู้ขับรถยนต์โดยไม่มีใบขับขี่ ผู้นั้นต้องโทษจำคุก 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
  • กรณีผู้ขับขั้รถยนต์ในขณะที่ใบขับขี่ของตนเองหมดอายถ (มาตรา63) จะต้องโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

เรียกว่าความผิดในเรื่องของการไม่พกใบขับขี่นั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะครับ เพราะขับรถดีๆอาจจะทำให้ติดคุกติดตารางได้เช่นกัน

1.ในกรณีที่ใบขับขี่หมดอายุผู้ขับขี่สามารถต่ออายถล่วงหน้าได้ 3 เดือน ก่อนวันหมดอายุ หรือภายใน 1 ปีหลังจากวันหมดอายุ

2. แต่ถ้าหากปล่อยให้ใบขับขี่หมดอายุเกินกว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี ผู้ขับขี่จะต้องมีการสอบข้อเขียนใหม่ โดยสอบข้อเขียนในปัจจุบันมี 50 ข้อ ผู้ขับขี่จะต้องตอบให้ถูกมากว่า 45 ข้อจาก 50 ข้อ ถึงจะผ่าน

3. แต่ในกรณีที่เกิน 3 ปีผู้ขับขี่จะต้องสอบข้อเขียน และสอบภาคปฎิบัติ ทั้ง 3 ท่าใหม่เช่นเดียวกัยผู้ที่ขอรับใบขับขี่เป็นครั้งแรก

ขั้นตอนการสอบภาคปฎิบัติมีดังนี้

  • ท่าที่ 1 จอดรถให้ตรงจุด
  • ท่าที่ 2 ถอยรถเข้าซอง (หักพวกมาลัยได้ไม่เกิน 7 ครั้ง)
  • ท่าที่ 3 ท่าเทียบขนานกับทางเท้า

สิ่งที่สำคัญคือ จะต้องมีใบรับรองแพทย์ที่ไม่เกิน 1 เดือน หรือ (30 วัน) นับจากวันที่ตรวจร่างกาย

โดย หลักฐานที่ใช้ประกอบการขอทำใบขับขี่ มีดังนี้

1.ใบขับขี่เดิม หรือใบแทน

2.บัตรประชาชนฉบับจริง พร้อมสำเนา

เมื่อรวบรวมหลักฐานทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้นครบแล้ว เรามาเริ่มขั้นตอนต่อไปได้เลยครับ

  1. ตรวจสอบเอกสาร และออกคำขอ
  2. ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย

โดยการทดสอบภาคปฎิบัติ จะมี 4 ขั้นตอนดังนี้

  • การทดสอบการมองเห็นสี เรียกว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆสำหรับการมองเห็นสีต่างๆบนท้องถนน เพราะสีนั้นจะเป็นเครื่องหมายกำหนดถึงความสำคัญของสัญลักษณ์และข้อบังคับต่างๆ
  • การทดสอบสายตาทางลึก โดยผู้ขับขี่จะต้องขนานแท่งแนวตั้งให้ไกล้เคียงกันมากที่สุด เพื่อทดสอบการกะระยะของสายตา
  • ทดสอบสายตากว้าง ผู้ขับขี่จะต้องสามรถบอกสีที่มุมตาโดยการวางหน้าตรงและไม่หันหรือเหลือบสายตามองได้อย่างถูกต้อง
  • การทดสอบกฎิกริยาเท้า เป็นการทดสอบความสามารถในการตอบสนองประสาทสัมผัสและเท้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน

3.เข้ารับการอบรมกฎจราจรและมารยาทในการขับขี่ 1 ชั่วโมง

4.ถ่ายรูปเพื่อพิมพ์ใบขับขี่

5.ชำระค่าธรรมเนียมและค่าใบขับขี่ 505 บาท (สำหรับใบขัขี่ 5 ปี)

และนี่ก็เป็นขั้นตอนการต่ออายุใบขับขี่แบบเข้าใจง่ายๆ ผู้ขับขี่สามารถต่ออายุได้ไม่เกิน 90 วันหรือ 3 เดือน หากขาดต่ออายุใบขับขี่กรณีสิ้นอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปีจะต้องเพิ่มการสอบข้อเขียนใหม่ หากสิ้นอายุเกิน 3 ปี จะต้องเพิ่มการสอบข้อเขียนและการสอบข้อปฎิบัติการขับรถและต้องใช้ใบรับรองแพทย์ที่มีระยะเวลาภายใน 1 เดือน หลังจากวันที่ตรวจร่างกาย

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

10 เงื่อนไข ที่ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 ไม่รับเคลม มีอะไรบ้าง

การทำประกันรถยนต์คือสิ่งที่ผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างเราต้องการนั้นคือความคุ้มครองที่ครอบคลุมทั้งการรักษาพยาบาลรวมไปถึงค่าบาดเจ็บและการรักษา ไม่ว่าจะเป็นรถมือหนึ่งหรือรถมือสองก็ล้วนแล้วแต่ทำประกันทั้งนั้น หากรถของคุณมีราคาแพงและก็คุ้มครองที่คุ้มค่าก็แนะนำให้เป็นประกันชั้นหนึ่ง แต่ถ้าหากไม่ทราบว่าประกันแต่ละชั้นนั้นคุ้มครองด้านใดบ้าง สามารถ คลิ๊ก เข้าไปอ่านได้ที่นี่เลยครับ “ประกันภัยรถยนต์ แต่ละชั้น คุ้มครองอะไรบ้าง รู้ไว้ก่อนซื้อ”

แต่คุณทราบหรือไม่ว่า การทำประกันชั้น 1 ก็ไม่ใช่ว่าจะคุ้มครองในทุกกรณีนะครับ ลองมาดูกันครับว่า 10 เงื่อนไขที่ ประกันชั้น 1 ไม่รับเคลมนั้นมีอะไรบ้าง

1.ใช้รถแข่งความเร็ว

การคุ้มครองจะสิ่นสุดเมื่อคุณขับรถยนต์ผิดกฎหมายโดยใช้ความเร็วสูง แน่อนว่าการแข่งขันรถยนต์บนท้องถนนหลวงนั้นเป็นสิ่งผิดกฎหมายอยู่แล้ว แต่ถ้าหากเกิดเหตุเพราะความตั้งใจใช้ความเร็วเพื่อแข่งขันบนทางหลวง ถ้าหากทางประกันพบว่าคุณได้ทำผิดจริงก็จะไม่รับผิดชอบในกรณีนี้

2.ใช้รถยนต์กระทำสิ่งผิดกฎหมาย

หากคุณนำรถยนต์ไปใช้ทำในสิ่งผิดกฎหมาย เช่นขนยาเสพติด ขนอาวุธเถื่อน หรือโจรกรรม กระทำความผิด หากเกิดเหตุขึ้นมา ทางประกันจะไม่รับผิดชอบใดๆ

3.การใช้รถยนต์ไปลากจูง

ถ้าเจ้าของรถยนต์นำรถไปใช้ลากจูง เช่น นำรถส่วนบุคคลไปใช้ลากจูงรถยนต์ที่เสียหาย หากเกิดเหตุเฉี่ยวชน หรืออุบัติเหตุร้ายแรง ทางบริษัทประกันจะขอปฎิเสธการเคลมทันทีเพราะถือว่าผิดเงื่อนไขการใช้รถยนต์

4.เกิดอุบัติเหตุนอกเขตความรับผิดชอบ

การเกิดอุบัติเหตุนอกพื้นที่การรับผิดชอบหรือประเทศเพื่อนบ้านของกรมธรรพ์ บริษัทประกันจะไม่รับผิดชอบก่อความเสียหายที่เกิดขึ้นภายนอกของเขตพื้นที่รับผิดชอบ

5.การทำลายทรัพย์สิน

ถ้าบริษัทประกันพบว่า การเสียหายของรถยนต์ของคุณเกิดจากการทำลายทรัพย์สินด้วยตัวเองเพื่อหวังเอาเงินเคลมประกันภัยแบบนี้นอกจากจะเคลมประกัยไม่ได้แล้ว ยังถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอีกด้วย

6.รถชนกับรถบุคคลภายในครอบครัว

ในกรณีที่เป็นการชนกับรถยนต์ของบุคคลภายในครอบครัว เช่น พ่อ แม่ สามี ภรรยา หรือบุตร ทางบริษัทประกันภัยจะไม่ชำระค่าความเสียหายให้รถคันคู่กรณี แต่ถ้าหากเจ้าของรถยนต์เข้าซ่อมจะต้องจ่ายค่า Excess เงื่อนไขละ 1,000 บาท เพราะถือว่าเป็นการชนแบบไร้คู่กรณี

7.ผู้ที่ขับขี่ไม่มีใบขับขี่ หรือ ถูกเพิกถอนใบขับขี่

ถ้าผู้ขับขี่รถยนต์ไม่มีใบอุญาตขับขี่ หรือเคยมีการถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการนำใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์มาใช้แทนใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ถ้าเกิดอุบัติเหตุหรือเฉี่ยวชน ทางบริษัทประกันภัยก็จะไม่รับผิดชอบจ่ายค่าเสียหายให้ เท่ากับว่าเคลมประกันภัยไม่ได้นั่นเอง

8.ใช้รถยนต์เพื่อการโจรกรรมหรือเพื่อการก่อการร้าย

การบริษัทตรวจพบว่า เจ้าของรถใช้รถเพื่อประกอบการโจรกรรมหรือกระทำความผิดกฎหมาย หรือจอดรถยนต์อยู่บริเวณพื้นที่ประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก. ฉุกเฉิน) จะไม่สามารถเคลมได้เลย

9.เมาแล้วขับ

เมาแล้วขับผู้ขับขี่จะต้องมีกริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่า 50 มิลลิกรัมจะถือว่าเป็นการเมาในทันที หากมีการเฉี่ยวชนหรืออุบัติเหตุแล้วพบว่าผู้ขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์เกินที่กฎหมายกำหนดจะไม่สามารถเคลมประกันภาคสมัครใจได้เลย

10. การสลับตัวผู้ขับขี่เมื่อเกิดเหตุเฉี่ยวชน

การสลับตัวผู้ขับขี่หลังจากที่เกิดเหตุการเฉี่ยวหรือชนขึ้นนอกจากจะไม่สามารถเคลมประกันชั้น 1 ได้แล้ว ยังถือว่าผู้ขับขี่มีเจตนาทุจริต ถ้าบริษัทประกันสืบเจอก็จะถูกป้องดำเนินคดีอีกด้วย

จากที่ยกตัวอย่างมาทั้งหมดทำให้เข้าใจแล้วใช่ไหมครับว่า การทำประกันชั้น 1 จริงๆแล้วก็ไม่ได้เป็นประกันที่มีการครอบคลุมในทุกกรณีอย่างที่หลายๆคนเข้าใจ เพราะถ้าหากว่าคุณผิดเงื่อนไขข้อยกเว้น นอกจากจะไม่ได้ความคุ้มครองจากประกันภัยรถยนต์แล้ว ยังจะถูกดิเนินคดีตามมาอีกด้วย เรียกว่ามีแต่เสียกับเสียนะครับ

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

ปตท. ช่วยลดค่าใช้จ่ายมอบรอบยิ้มช่วงเทศการหยุดยาว ประกาศตรึงราคาน้ำมัน

OR มอบรอยยิ้มช่วงสงกรานต์ ปตท. ประกาศ จะไม่ปรับขึ้นราคาน้ำมันระหว่างวันที่ 10-19 เมษายน 2564 เป็นระยะเวลา 10 ตลอดวันช่วงเทศการสงกรานต์

นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่าช่วงเทศกาลสงกรานต์ในเดือนเมษายนที่กำลังจะมีถึงนี้ที่มีวันหยุดยาวต่อเนื่อง เพื่อมอบรอยยิ้มให้แก่ผู้บริโภคที่ต้องเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือท่องเที่ยวหลังสถานการณ์ Covid-19 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ทางสถานีบริการน้ำมัน PTT Station จะไม่ปรับขึ้นราคาน้ำมันระหว่างวันที่ 10-19- เมษายน 2564 (เป็นระยะเวลา 10 วัน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์) ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันโลกจะปรับตัวสูงขึ้น และหากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวลดลงก็จะปรับราคาน้ำมันลงอีก

นอกจากนี้ทาง OR ได้เตรียมกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้สถานีบริการน้ำมัน PTT Station และร้านในเครือ OR เป็นจุดพักสำหรับผู้บริโภคได้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการขับรถ ในส่วนของกิจกรรมเติมเต็มความสุข เช่น เมื่อเติมน้ำมัน 500 บาทขั้นไปต่อ 1 ใบเสร็จที่สถานีบริการน้ำมัน PTT Staton ทุกสาขาทั่วประเทศ รับคูปองส่วนลด 12 บาท สำหรับแลกซื้อแบรนด์ซุปไก่สกัด รสชาติใดก็ได้ ขนาด 70 หรือ 100 มิลลิลิตรจำนวน 2 ขวด ระหว่างวันที่ 24 มีนาคม 2564 – 23 เมษายน 2564 ที่ร้านสะดวกซื้อ Jiffy และ 7-Eleven ในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ทุกสาขาที่ร่วมบริการ

โครงการ “เติมเต็มความห่วงใย แจกหน้ากากอนามัยในวันอนามัยโลก” รับฟรีหน้ากากอนามัย 1 ชิ้น ต่อ1 ใบเสร็จ เมื่อเติมน้ำมันชนิดใดก็ได้โดนไม่มียอดขั้นต่ำระหว่างวันที่ 7-11 เมษายน 2564 ที่สถานีบริการน้ำมัน PTT Station ทุกสาขาทั่วประเทศและใช้คะแนนสะสม Blue Catd 99 คะแนน แลกรับบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน (Roadside Assistance) และประกันอุบัติเหตุฟรี จากทิพยประกันภัย รวม 10,000 สิทธิ์ ระหว่างวันที่ 11 เมษายน – 31 ธันวาคม 2564 หรือจนกว่าสิทธิ์จะเต็ม

รวมทั้ง OR ประบเพิ่มปริมาณการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งที่คลังน้ำมันและสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ทั่วประเทศ และปรับเวลา เปิด- ปิด คลังเพื่อให้สถานีบริการน้ำมันเพื่อให้ PTT Station ทุกแห่งมีน้ำมันให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน

ในส่วนของ ศูนย์บริการ FIT Auto ให้บริการฟรี ตรวจเช็ครถยนต์ 35 รายการ เช็ดฆ่าเชื้อ Covid – 19 เติมลมไนโตรเจนปะยางแบบแทงใยไหม ส่วนการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง มีราคาพิเศษ อะไหล่สูงสุด 25% ยางรถยนต์ซื้อ 4 จ่าย 3 แถมโปรโมชั่นดูแลยาง Fit Care มูลค่า 4000 บาท ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้บริโภค รับบริการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 จนไปถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ที่ศูนย์บริการยานยนต์ Fit Auto ทุกสาขาทั่วประเทศ

รวมทั้งมอบสิทธิพิเศษแถมฟรี ประกันภัยโควิดและการเดินทาง 30 วัน เมื่อใช้จ่ายตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป หรือเมื่อใช้จ่ายครบ 5,000 บาทขึ้นไปรับสิทธิ์เช่ารถฟรี 1 วัน จาก Budged และ Amazon Drip Coffee 1 กล่อง หรือเมื่อใช้จ่ายครบ 10,000 บาทขึ้นไป ได้รับคะแนน Blue Card เพิ่ม 3 เท่าด้วย

การจัดแคมเปญทั้งหมดในครั้งนี้ นากจากเป็นการช่วยเหลือลดภาระค่าใช้จ่ายและมอบความปลอดภัยในทุกเส้นทางให้กับผู้บริโภคแล้ว OR ยังมุ่งมั้นพัฒนาสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ให้เป็น Platform ที่แข็งแกร่งด้วยสินค้าและบริการที่หลากหลายและมีคุณภาพตามแนวคิด Retailing Beyond Fuel เพื่อเติมเต็มทุกความต้องการของผู้บริโภค

อ่านข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่

อันตรายที่เกิดจากการจอดรถตากแดด ต้องระวัง

เข้าสู่หน้าร้อนปีนี้เรียกว่าน่าจะร้อนหนักหนาสาหัสพอสมควร แสงแดดประเทศไทยไม่ใช่แค่ทำร้ายผิวเท่านั้น บางครั้งคนรักรถอย่างเราๆก็ไม่สามารถหลีกเลื่ยงในการที่ต้องจอดรถตากแดดได้ ก็จำเป็นจะต้องหาอุปกรณ์เพื่อลดปัญหาอันเกิดจากความร้อนและแสงแดดที่จะทำให้รถคุณเสียหายได้ ลองดูครับว่ามีอะไรบ้างที่คุณจะอาจจะต้องระวัง

1.อุปกรณ์ชิ้นส่วนภายในเสื่อมสภาพ

ภายร้ายภายเงียบที่ทำให้รถของคุณเสียหายเร็วคือ ความร้อนสะสมภายในรถเนื่องมากจากการตากแดดเป็นระยะเวลานานๆ จึงทำให้อุปกรณ์ภายในเช่นพวงมาลัย ฉะนั้นการดูแลรักษาที่คุณสามารถทำได้คือการใช้แผ่นสะท้อนแสงและจำเป็นจะต้องเลือกแผ่นบังแสงที่ใช้คุณภาพดีๆ หน่อยสามารถสะท้อนลดอุณหภูมิได้จริงๆถ้าหากเลือกใช้แผ่นสะท้อนแสงราคาถูกอาจจะไม่สามารถใช้งานได้จริงก็เท่ากับว่าเสียเงินเปล่าประโยชน์ครับ

2.ไม่นำขวดน้ำโปร่งแสงวางไว้ในรถยนต์

การนำขวดน้ำที่โปร่งแสงไว้ภายในรถยนต์ถือว่าเป็นภัยอันตรายเงียบอีกหนึ่งสิ่งที่ควระวัง เพราะขวดน้ำที่โปร่งแสงอาจจะแว่นขยายจำเป็นจนทำให้เกิดเป็นความร้อนสูงจนอาจจะเกิดอันตรายถึงขั้นไฟลุกภายในรถยนต์ได้ อันเนื่องมากจากการหักเหรวมแสงที่มีหลักการเดียวกับแว่นขยายนั่นเอง

3. ระบบทำความเย็นทำงานหนักขึ้น

เรียกว่าเป็นปัจจัยทางด้านพฤติกรรมซะมากกว่าที่ทำให้ระบบทำความเย็นทำงานหนักขึ้น เพราะปัจจัยหลักคือความร้อนจากการที่คุณมาจากข้างนอกร้อนๆ ประกอบกับความร้อนภายในห้องโดยสารหลังตากแดดเป็นระยะเวลานานๆ จึงทำให้คุณต้องเปิดแอร์ให้สุดเพื่อไล่ความร้อนออกจากห้องโดยสารให้เร็วที่สุด มีผลทำให้มอเตอร์พัดลม และ คอมเพลสเซอร์ทำงานหนักตามไปด้วยนั่นเองครับ

4.อุปกรณ์ภายนอกของรถเสื่อมสภาพเร็ว

ความร้อนจาก UV เป็นอันตรายต่อสีของรถยนต์นอกจากจะทำให้สีหมองแตกยังรวมไปถึงอุปกรณ์อื่นๆ เช่นโคมไฟหน้า โคมไฟท้ายความร้อนจาก UV ทำให้พลาสติกภายนอกเสื่อมสภาพไวขึ้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ โคมไฟนั้นเหลืองหรือมีรอบแตกลายงาง่ายมากขึ้น ฉะนั้นการคลุมผ้าคลุมรถก็ถือเป็นสิ่งจำเป็นอีกสิ่งหนึ่งสำหรับคนรักรถครับ

5.แบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่าปกติ

ความร้อนทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าภายในเสื่อมสภาพไวมากยิ่งขึ้น และอุปกรณ์ที่เห็นได้ชัดมากที่สุดคือ แบตเตอรี่รถยนต์นั่นเอง เพราะความร้อนของแสงแดดนั้นจะทำให้แบตเตอรี่บบวมเร็วขึ้น จนทำให้ไม่สามารถเก็บประจุไฟได้ดีเท่าเดิม มักจะเจอในแบตเตอรี่ประเภทน้ำกลั่นมากกว่าแบบแห้งนะครับ แต่ก็ไม่ใช่ว่าแบบอื่นจะไม่เป็นปัญหานี้นะ

ในปัจจุบันก็มีอุปกรณ์หลายๆสิ่งที่ สามารถใช้เพื่อดูแลสภาพและรถยนต์ของคุณให้มีสภาพดีได้ เช่นเต็นท์คลุมรถ หรือน้ำยาเคลือบสีต่างๆ ฉะนั้นการดูแลรถยนต์ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้รถที่คุณรักอยู่สวยๆกับคุณไปนานๆ ฉะนั้น “อย่า เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย” กับเรื่องพวกนี้จะทำให้คุณประหยัดเงินในกระเป๋าและไม่เสียเวลาวุ่นวายต้องมาคอยซ่อมแซมอีกด้วยครับ

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติมได้ที่

แนะนำ 6 รถเก๋งมือสองนอกกระแส ถูกและดียังพอมีให้ได้เลือกซื้อ

ในยุกต์ในสมัยที่การเงินฝืดเคืองแบบนี้ หลายๆคนก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานหาเงินก้อนซักก้อนเพื่อตั้งตัวแน่นอนการมีรถยนต์ส่วนตัวเพื่อการคมนาคมไปทำงานในประเทศเรานั้นถือว่ามีความจำเป็นและอาจจะประหยัดเงินกว่าและประหยัดเวลากว่า การโดยสารรถสาธารณะด้วยซ้ำ มนุษย์เงินเดือนน้อยอย่างเราๆพอจะมีทางออกสำหรับหารถคู่ใจที่ผ่อนสบายๆ ซักคันแบบที่ไม่สร้างภาระให้มากนัก

ในบทความนี้ก็จะมาแนะนำรถยนต์ที่เชื่อว่าน่าจะเป็นรถคันแรกของใครหลายๆคนได้ เพราะด้วยราคาที่ไม่แพงมากเพราะความเป็นแบรนด์นอกกระแส จึงทำให้ราคานั้นถูกลงว่ามีรุ่นไหนบ้างลองมาดูครับ

1.Chevrolet Cruze 2011 – 2017

รูปภาพจาก Kitsadagoodcar

ต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า แบรนด์ Chevrolet ในประเทศไทยถือว่าเป็นแบรนด์หนึ่งในแบรนด์รองๆของตลาด เรียกว่าความนิยมของ Chevrolet ค่อยๆ เลือนหายไปตั้งแต่วันที่ฐานผลิดได้ปิดตัวลง ก็ยังคงหลงเหลือรถเก๋งที่มีความคุ้มค่ากับราคาที่ร่วงลงจนจับต้องได้สบายๆอย่าง Cruze ไว้ให้ดูต่างหน้า ในตอนนี้ Cruze มือสอง ปี 2011 เครื่อง 1.8 ลิตร เบนซิน เหลือราคาเริ่มต้นที่ 1.9 แสนบาท และเครื่อง 2.0 ลิตรดีเซลตัวแรงราคาเริ่มต้นที่ 2.5 แสนบาท ที่สามารถหาได้มากมายในตลาดรถยนต์มือสอง ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่ชอบรถราคาถูกช่วงล่างอย่างกับ BMW ก็ไม่ควรพลาดรุ่นนี้ครับ

2.MG 6

MG เป็นรถยนต์สัญชาติอังกฤษที่มีฐานผลิตที่ประเทศจีน MG6 เป็นรุ่นที่ต้องบอกว่าราคาแรกเริ่ม 8.4 แสนบาท ในช่วงมือหนึ่งทำเอาตกใจไม่ใช่น้อย เพราะด้วยวัสดุที่เลือกใช้ในการประกอบ คุณภาพระดับน้องๆรถยุโรปดีๆนี่เอง ถ้าคุณเป็นคนที่ค่อนข้างซีเรียสในเรื่องของวัสดุงานประกอบภายในห้องโดยสาร เชื่อ MG6 ตอบโจทย์ได้

โดยโฉมนี้ จะเลือกใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ให้แรงม้าสูงสุดที่ 134 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 170 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แบบ Dual Clutch จุดเด่นคือเครื่องนยนต์มีน้ำหนักเบาเพราะเป็นระบบอลูมีเนียมแท้ทั้งเครื่อง โดนบัจจุบัน ราคารถมือสอง เริ่มต้นอยู่ที่ 2.5 แสนบาทเท่านั้นเอง

3.Ford Fiesta

รูปภาพจาก Kitsadagoodcar

Ford Fiesta เป็นรถเก๋งขนาดเล็กสไตล์อเมริกัน ทีมีทั้งทรงแบบ Sedan และ Hatchback ที่มีหน้าตาโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ จุดเด่นคือช่วงล่างที่มีการเกาะถนนได้อย่างดีเยี่ยมและระบบความปลอดภัยตั้งแต่รุ่นประหยัด จนไปถึงรุ่นท๊อปสุด เรียกว่าฟังค์ชั่นนั้นมีความคุ้มค่ากับการใช้งานทั้งระบบกันชื่น EBD ระบบเบรคกระทันหันอย่าง ABS ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS และจุดขายคือระบบการสั่งงานด้วยเสียง Voice Control และทำให้เป็นรถที่ขายดีในช่วงหนึ่งในประเทศไทย เรียกว่า Ford Fiesta มือสอง ตอนนี้ราคายิ่งน่าคบหา เพราะเป็นรถตลาดรองที่มียอดขายมือสองถล่มทลาย

4.Peugeot 308

เชื่อว่าหลายๆคนที่เห็นแบรนด์นี้ ต้องเลื่อนผ่านไปอย่างแน่นอน แต่หยุดดูก่อนนะครับ ว่า ทำไม เปอโยต์ถึงเป็นตัวเลือกรถมือสองนอกกระแสที่น่าใช้ หากว่าคุณเป็นคนที่ชอบรถทรงสปอร์ทๆ ช่วงล่างที่ไม่แข็งกระด้าง อ๊อฟชั่นหลังคาแก้วแต่ราคาเท่ากับ Altis อัตราการซดน้ำมัน

เครื่อง 1.6 ลิตร เบนซิน VTi จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด แต่ให้พละกำลังถึง 140 แรงม้า 240 นิวตันเมตร และสามารถทำความเร็ว 0-100 ได้ภาพใน 9.3 วินาที

5.Mitsubishi Lancer EX

รูปภาพจาก Kitsadagoodcar

เรียนกว่าเป็นรถที่แทบจะถูกลืมในตลาดบ้านเรา แต่ในกลุ่มของคนเล่นรถรุ่นนี้ยังเหนียวแน่น เพราะช่วงหลังๆ Mitsubishi Motor หันมาจับกลุ่มตลาดครอบครัว SUV และกระบะจนลืมพัฒนารถเก๋ง Sedan อย่าง Lancar ความนิยมในช่วงหลังๆจึงเริ่มหดหายไปจึงทำให้เป็นรถนอกกระแสโดยปริยายและในปัจจุบันก็มีราคาที่ตำลงมามาก

ความน่าใช่ของรถรุ่นนี้คือดีไซน์ที่ไม่ตกยุกต์อะไหล่ไม่แพงมากนักและยังหาได้ตามท้องตลาดทั่วไป เหมาะกับกลุ่มผู้ใช้รถมือสมัครเล่น หรือ สายสปอร์ท ในรุ่นนี้มีให้เลือก เครื่องยนต์ 2 ขนาดคือแบบ 1.8 ลิตร และ 2.0 ลิตร เรียกว่าใช้ได้ยาวๆ เรียกว่าในปัจจุบันราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 2.5 แสน บาทจนไปถึง 4.9 แสนบาทแล้วแต่ขนาดเครื่อง แล้วแต่สภาพ

6.Nissan Cefiro A31

เป็นรถของขวัญใจชาวยุค 90’s เป็นรถยอดนิยมของนักเลงวัยรุ่นในยุกต์นั้นๆเรียกว่ากลุ่มในคลับก็ยังมีความเหนียวแน่น และพร้อมให้คำปรึกษาในทุกๆด้านอีกรุ่นหนึ่ง เป็นรถที่มีโครงสร้างตัวถังแข็งแรง แต่เป็นรุ่นที่หาเครื่องเดิมได้ยากจึงจำเป็นจะต้องดูเลขเครื่องให้ตรงกับหนังสือเล่มและค่อยๆดูในส่วนอื่นๆเช่นตัวถัง โครงสร้าง อย่างละเอียดให้ได้มากที่สุดความคุ้มค่าอยู่ที่ราคาของรุ่นนี้ จะมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 8 หมื่นบาท จนไปถึงราคา 4.4 แสนบาทแล้วแต่สภาพครับ

ประโยชน์ของการหารถนอกกระแสคือการ ตัดปัญหาในเรื่องของราคาทำให้คุณสบายกระเป๋าในแต่ละเดือนไปได้มากพอสมควร แต่ก็แนะนำว่า การใช้รถนอกกระแสจะไปวุ่นวายและหนักหนาในเรื่องของค่าซ่อมแซม แม้อะไหล่บางส่วนจะหาเทียบได้ แต่เมื่อคุณเล่นรถนอกกระแสก็ต้องมีการศึกษาในเรื่องของข้อมูลไว้พอสมควรโดยสามารถหาได้จากกลุ่มหรือ คลับตาม facebook หรือ เว็บไซด์ต่างๆครับ

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

ประกันภัยรถยนต์ แต่ละชั้น คุ้มครองอะไรบ้าง รู้ไว้ก่อนซื้อ

ประกันภัยรถยนต์ในปัจจุบัน ถือว่าเป็นของที่ควบคู่กับการใช้รถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นรถมือหนึ่ง หรือ รถมือสอง ก็ล้วนแล้วแต่จะต้องมีการทำประกันติดรถเอาไว้ เพราะเมื่อคุณ เกิดปัญหาการเฉี่ยวชนหรือ เกิดความเสียหายจากสถานการณ์ที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจก็ตาม ไม่ว่าเราชนเขา หรือเขามาชนเรา ก็ล้วนแล้วแต่เกิดความเสียหายทั้งสิ้น ก็จะมีเบี้ยประกันนี้แหละที่คอยคุ้มครองและดูแล แล้วคุณจะเลือกประกันอย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งานและประเภทของรถยนต์ที่คุณใช้ ลองมาศึกษารายละเอียดประกันรถยนต์เพื่อให้เข้าใจมากยิ่งขึ้นก่อนเสียเงินซื้อนะครับ

โดยปัจจุบันประเภทของประกันภัยจะมีอยู่ 5 ประเภท

1. ประกันรถยนต์ ประเภท 1

เป็นประกันภันที่มีเบี้ยประกันแพงกว่าประกันชั้นอื่นๆ แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ขั้นมากจริงๆเรียกได้ว่าประกันชั้นนี้จะมีความคุ้มค่าสูงสุดจริงๆ นอกจากกรมธรรพ์ที่คุ้มครองค่าซ่อมรถยนต์ ที่ทางประกันภัยกำหนดไว้ตามรายการกรรมธรรพ ประกันชั้น 1 แล้ว ทางประกันภัยก็ยังคุ้มครอง การบาดเจ็บ/เสียชีวิต พิการ รถหาย ไฟไหม้รถยนต์ ทั้งความเสียหายต่อตัวรถยนต์และตัวผู้เอาประกันเอง

รายละเอียด

  • คุ้มครองรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย และอนามัยของบุคคล
  • คุ้มครองรับผิดต่อตัวรถยนต์
  • คุ้มครองรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
  • คุ้มครองการสูญหายและไฟไหม้ของตัวรถยนต์
  • คุ้มครองการเฉี่ยวชนพลิกคว่ำ ทั้งกรณีที่เป็นฝ่ายถูหรือเป็นฝ่ายผิด หรือมีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณีก็คุ้มครองทั้งหมด

2. ประกันรถยนต์ ประเภท 2+

ประกันภัยรถยนต์ประเภท 2+ เป็นประกันภัยประเภท 5 ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้ตอบโจทย์ของผู้ที่ต้องการการคุ้มครองแบบครอบมากยิ่งขึ้นโดยมีการคุ้มครองรับผิดชอบเพิ่มเติมขึ้นมาเป็นการรับผิดชอบต่อรถยนต์ของทั้งคู่กรณี และ ผู้เอาประกันแต่จะต้องเป็นกรณีที่มีการเฉี่ยวชนกัยยานพาหนะทางบกดท่านั้น และต้องมีคู่กรณีด้วย โดยให้ความคุ้มครองดังนี้

คุ้มครองในกรณี : บาดเจ็บ, เสียชีวิต, รถหาย, ไฟไหม้ (กรณีที่ชนกับพาหนะทางบกเท่านั้น)

  • คุ้มครองรับผิดต่อชีวิตและร่างกาย หรือ อนามัยของบุคคลภายนอก และ ผู้โดยสารในรถยนต์
  • คุ้มครองต่อความเสียหายต่อรถยนต์ของผู้ที่เอาประกันภัย (กรณีที่ชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น)
  • คุ้มครองการสูญหาย ไฟไหม้ ของรถยนต์ผู้ที่เอาประกันภัย

3. ประกันรถยนต์ ประเภท 2

ประกันภัยรถยนต์ประเภท 2 ในปัจจุบันได้รับความนิยมน้อยลงเพราะเบี้ยประกันเท่ากับประกันชั้นหนึ่งแต่มีความคุ้มครองที่น้อยกว่า สำหรับใครที่อยากจะทำประกันชั้น 2 ลองอ่านก่อนนะครับ ว่าคุ้มครองอะไรบ้าง

  • คุ้มครองความรับผิดต่อความเสียหายต่อชีวิต ร่างกายหรืออนามัยบุคคลภายนอก
  • คุ้มครองและรับผิดชอบต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
  • คุ้มครองความรับผิดชอบต่อความสูญหาย และไฟไหม้ของตัวรถยนต์ที่เอาประกันภัย

4. ประกันรถยนต์ ประเภท 3+

ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3+ เป็นอีกประกันที่จัดอยู่ในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ประเภท 5 ลองมาดูกันครับว่า ประกันชั้น 3+ คุ้มครองอะไรบ้าง

คุ้มครอง : บาดเจ็บ, เสียชีวิต (กรณีที่ชนกับพาหนะทางบกเท่านั้น)

  • คุ้มครองความรับผิดชอบต่อชีวิตและร่างกาย หรือ อนามัยของบุคคลภายนอก และผู้โดยสารในรถยนต์
  • คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์คันของผู้เอาประกันภัย กรณีชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น

5. ประกันรถยนต์ ประเภท 3

ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 เป็นประกันภัยรถยนต์ชั้นที่ให้ความคุ้มครองน้อยที่สุด แต่ก็ยังมีการให้ความคุ้มครองอยู่บ้าง ลองมาดูครับว่าประกันชั้นนี้คุ้มครองในส่วนไหนบ้าง

  • คุ้มครองความรับผิดช่อความเสียหายต่อชีวิตและร่างกาย หรืออนามันของบุคคลภายนอก
  • คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์และทรัพย์สินของคู่กรณีเท่านั้น กรณีผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิด

และนี่ก็เป็นข้อมูลของการทำประกันภัยรถยนต์เบื้องต้นเท่านั้น หากคุณสนใจในเรื่องของการทำประกันก็จะต้องศึกษาข้อมูลในเรื่องของการเอาประกันของแต่ละแบรนด์อย่างละเอียดเพื่อความคุ้มค่าของคุณเองว่าซื้อประกันที่ไหนดีที่จะเหมาะสมกับคุณที่สุด รวมไปถึงความน่าเชื้อถือของบริษัท บริการหลังการขาย โดยอาจจะพิจารณาจากความสามารถหรือประสบการณ์การใช้บริการจากท่านอื่นๆ

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

เบาะหนังกับเบาะผ้า อันไหนดีกว่ากัน?เ

ว่าด้วยเรื่องของเบาะรถ เชื่อว่าหลายๆคนก็คงสงสัยว่า ในปัจจุบัน รถยนต์หลายๆยี่ห้อทำไมจะต้องมีทั้งเบาะหนังและเบาะผ้า?

อันที่จริงแล้วเรื่องของเบาะหนังและเบาะผ้าเป็นการลดต้นทุนของผู้ผลิตหลายๆค่ายก็เลือกใช้เบาะหนังกับรถยนต์รุ่นประหยัดเพื่อเป็นเชิงรุกทางตลาด ทั้งรูปทรงรวมไปถึงวัสดุที่เลือกใช้ แต่คุณทราบหรือไม่ว่า เบาะทั้งสองแบบนี้นั้นก็มีประโยชน์ที่แตกต่างกันลองดูครับว่าเบาะทั้ง 2 แบบนี้มีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไร

เริ่มต้นจากการทำความรู้จักกับชนิดของเบาะหนังเราจะแบ่งเป็น 2 ประเภท

1. เบาะหนังแท้ ที่ทำมาจากหนังสัตว์จริง

เบาะหนังแท้ที่ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ชนิดไหน ก็จะต้องผ่านกรรมวิธีฟอกสี ทำให้นุ่ม กำจัดกลิ่นต่างๆออก ข้อดีคือมีความเหนียวและมีความยืดหยุ่นเป็นพิเศษไม่ซับน้ำ ไม่สะสมฝุ่น และแน่นอนว่า หนังที่ทำจากสัตว์นั้นนอกจากมีความสวยงาม หรูหรา แล้ว ยังมีราคาที่แสนจะแพงอีกด้วย

ข้อเสีย ของหนังสัตว์แท้นั้น คือการดูแลรักษาจะต้องดูแลเป็นพิเศษ ไม่ทนแต่ความร้อนและแสงแดด และ สิ้นเปลืองในเรื่องของน้ำยาที่จะต้องใช้ในการบำรุงรักษา และเมื่อตากแดดนานๆ ก็ยังดูดซับความร้อนได้ดีอีกด้วย

2.หนังเทียม หนังสังเคราะห์ (PVC)

เบาะหนังเทียม ที่ผลิตจาก PVC จะมีความแตกต่างจากหนังแท้ ในเรื่องของราคาที่ถูกกว่ามีความแข็งแรงและทนทานกว่าหนังแท้ ดูแลง่ายทนแดดทนความร้อนไม่กระจายความร้อน แบะยังทำความสะอาดง่ายไม่ซับน้ำ

ข้อเสีย เบาะหนัง PVC เมื่อใช้ไปนานๆไม่ได้มีการบำรุงดูแลรักษาก็อาจจะทำให้เสื่อมสภาพแห้งแตกได้เช่นกัน

ในส่วนของเบาะผ้าก็มีวัสดุหลายแบบหลายประเภท อาจจะเป็นผ้าสังเคราะห์ ผ้ากำมะหยี่ หรือผ้าอคันทาร่า

1. เบาะผ้าสังเคราะห์

ซึ่งเป็นเบาะที่มีต้นทุนไม่แพงมีราคาไม่สูง ข้อดีคือไม่อมความร้อนเหมาะกับสภาพอากาศร้อน เหงื่อออกก็ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่ร้อนก้น มีความนุ่มนั่งสบาย มีสีสันสวยงามแล้วแต่ทางโรงงานหรือผู้ผลิตจะออกแบบดูมีความสปอร์ท และสามารถทนความร้อนได้สูง

ข้อเสีย ของเบาะผ้าสังเคราะห์ คือเลอะคราบความชื้นได้ง่าย ดูดซับน้ำแหละเหงื่อจนทำให้เกิดคราบสกปรกมีคราบฝังสะสมกลิ่นอับ สะสมฝุ่นและเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี

2. เบาะผ้ากำมะหยี่

ก็เป็นเบาะผ้าอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่าในปัจจุบันเบรนด์ผลิตหลายๆ แบรนด์นิยมนำมาใส่ให้กับรถมือหนึ่งหลายๆรุ่น เพราะนอกจากจะทำให้รถดูสปอร์ทแล้ว ยังเป็นวัสดุผ้าที่ดูดีมีราคาแพงและยังนั่งสบายไม่ลื่นไถลเมื่อเข้าโค้งแรงๆ ระบายความร้อนได้ดี ขับทางไกลนานๆก็ไม่รู้สึกอึดอัดอีกด้วย

ข้อเสีย เบาะผ้ากำมะหยี่เป็นเบาะที่เก็บฝุ่น สะสมเชื้อโรคและแบคทีเรีย ทำความสะอาดยาก เป็นรอยและเก่าง่าย ไม่เหมาะสำหรับคนที่ไม่รักความสะอาด

3.เบาะอาคันทาร่า (Alcantara)

อันที่จริงแล้ว คำว่า อาคันทาร่านั้นเป็นชื่อแบรนด์ที่ผลิตคิดค้นเจ้าวัสดุขนิดนี้ขึ้นมา โดยมีส่วนผสมของวัสดุสังเคราะห์อย่าง Polyester ประมาณ 68% และ Pilyurrethane ประมาณ 32% พัฒนาขึ้นโดยผสมผสานผ้าและเส้นใยพลาสติกพลาสติก ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ ทดแทนหนังกลับแท้ๆ โดยผู้คิดค้นมาชื่อว่า Miyashi Okamoto นักวิทยาศาสตร์ ที่ทำงานให้กับบริษัทเคมี Toray Industries Ins. นั่นเอง

ตัวเบาะอาคันทาร่าเองก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย

เริ่มจากข้อดี คือเป็นวัสดุที่ไม่อมความร้อน และทนความร้อนได้ไม่ติดไฟน้ำหนักเบา และ หน้าผิวสัมผัสไม่ลื่นเมื่อเทโค้ง มีความยืดหยุ่นสูง

ข้อเสีย มีราคาที่สูงมากๆ ตารางเมตรละ 32 บาท เลยทีเดียว เก็บฝุ่นได้ดี เลอะง่ายและทำความสะอาดยาก มีค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดสูง

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติมได้ที่นี่

12 กลุ่มอาชีพ หากต้องการขอสินเชื่อ ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง

เชื่อว่าหลายๆคนหลายๆอาชีพมักจะต้องสงสัย ในเรื่องของเอกสารที่สุดแสนจะจำเป็นในเรื่องของการจัดไฟแนนซ์รถมือสอง หลักๆ ก็เห็นจะเป็น บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน รวมไปถึงสเตจเมนท์การเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน เรียกว่าเป็นเอกสารสำคัญที่ขาดไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่า แต่ละอาชีพก็สามารถใช้เพียงแค่เอกสารเหล่านี้เท่านั้น ลองมาดูครับว่า แต่ละอาชีพต้องใช้เอกสารอะไรเสริมการประกอบการขอสินเชื่อรถยนต์บาง

1.พนักงานประจำ (พนักงานบริษัท)

พนักงานประจำ หรือพนักงานบริษัท พนักงานอัตราจ้างรวมไปถึงพนักงานโรงแรม เรียกว่าเป็นอาชีพที่โดยส่วนใหญ่แล้ว จะต้องมีระยะเวลาในการทำงานกับบริษัทนั้นๆ ไม่น้อยกว่า 6 เดือน ทางไฟแนนซ์จะรับการพิจารณาเพื่อรับเอกสารไปดำเนินการขั้นตอนต่อไป

  • บัตรประชาชนตัวจริง
  • ทะเบียนบ้าน
  • สมุดบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน หรือ (Stagement)
  • เอกสารการเงินอย่างใดอย่างหนึ่งการสามารถยื่นได้ (สลิปเงินเดือนล่าสุด/ใบรับรองเงินเดือน)

2.อาชีพอิสระ รับเงินสด (FreeLance)

อาชีพอิสระ จะเป็นอาชีพที่ทางไฟแนนซ์จะต้องพิจารณาเป็นพิเศษในเรื่องของที่มาของรายได้ ความต่อเนื่องและความมั่นคงของรายได้ ในแต่ละเดือน โดยอาชีพประเภทนี้จะต้องใช้หลักฐานในการดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อทราบที่มาของรายได้

  • บัตรประชาชน
  • ทะเบียนบ้าน
  • บุ๊คแบงค์หรือสเตเมนท์ 1 ปีล่าสุด
  • ใบทะเบียนกระทรวงพานิชย์ หรือ หนังสือรับรองนิติบุคคล
  • หนังสือรับรองบริษัท ที่ออกไม่เกิน 60 วัน
  • ใบ ภ.พ.20 ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
  • ใบสั่งซื้อ ใบสั่งขาย
  • สัญญาว่าจ้าง
  • สัญญาเช่า
  • ใบทวิ 50
  • รูปถ่ายกิจการ ตัวเลขที่ตั้ง ตัวกิจการภายในกิจการสต๊อกของ+อุปกรณ์+เครื่องมือ
  • รูปถ่ายที่พักอาศัยปัจจุบันเลขที่บ้าน ภาพตัวบ้าน ลักษณะภายในบ้าน เพื่อใช้ประกอบการยื่นเรื่องได้รวดเร็วขึ้น)

3.ค้าขาย (พ่อค้าแม่ค้า หาบเร่แผงลอยขายสินค้า อาหาร ตลาดนัดตลาดสด)

อาชีพค้าขายจะคล้ายกับอาชีพ Freelance แต่จะมีหน้าร้านที่ชัดเจนเป็นหลักแหล่งมีรายได้ที่ไม่แน่นอน แต่สามารถตรวจการเงินได้จาก บัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือนเป็นหลัก โดยข้อมูลที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบอาชีพค้าขายคือ หลักฐานรูปหน้าร้าน หลักฐานในการเช่าที่หรือ ใบเสร็จการซื้อขาย

  • บัตรประชาชนตัวจริง
  • ทะเบียนบ้าน
  • รูปถ่ายหน้าร้าน / หลักฐานในการเช่าที่ หรือใบเสร็จการซื้อขาย
  • สมุดบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน (Statement)
  • สัญญาการเช่าแผง

4.เจ้าของกิจการ/ธุรกิจส่วนตัว

ประกอบธุรกิจส่วนตัว เป็นอาชีพที่มีความมั่นคงและมีความเสี่ยงน้อย ซึ่งอิงจากรายได้ของธุรกิจเป็นหลัก สามารถยืนยันรายได้ด้วย สมุดบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือนเป็นอย่างน้อย ถ้าหากคุณเป็นเจ้าของกิจการ แนะนำให้มีวินัยในการนำเงินเข้าฝากแต่งบัญชีให้ดีครับ รับรองผ่านแน่นอน

  • บัตรประชาชน
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • เอกสารใบประกอบการค้าหรือธุรกิจ
  • ทะเบียนพาณิชย์
  • สมุดบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน (Stagement)

5.ข้าราชการ

ในมุมองของ ไฟแนนซ์ หรือ สถาบันทางการเงิน อาชีพข้าราชการเป็นอาชีพที่มั่นคง และมีหลักแหล่ง มีความน่าเชื่อถือและยังเป็นอาชีพที่มีประวัติการทำงานที่ชัดเจน สามารถตรวจสอบได้ ฉะนั้นหลักฐานในการยื่นจะไม่ยุ่งยากเหมือนอาชีพอื่นๆครับ โดยหลักฐานและเอกสารที่ประกอบการพิจารณา มีดังนี้ครับ

  • บัตรประชาชน/บัตรข้าราชการ
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • สลิปเงินเดือนหน้าหนังสือรับนรองเงินเดือนฉบับล่าสุดต้องมีอายุไม่เกิน 3 เดือน ณ ตั้งแต่วันที่ออกให้

6.รถบริการสาธารณะ (TAXI)

เป็นอาชีพที่สามารถใช้หลักฐานประกอบอาชีพเพื่อมายืนยันกับไฟแนนซ์ได้โดยสามารถนำใบขับขี่สาธารณะ และสำเนาการเช่ารถ Taxi หรือ สำเนารถยนต์เพื่อมายืนยันการประกอบอาชีพได้ครับ

  • บัตรประชาชนตัวจริง
  • ทะเบียนบ้าน
  • บัตรประจำตัว TAXI
  • ใบขับขี่สาธารณะ
  • สำเนารถยนต์
  • สมุดบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน (Stagement)

7.ขับวินมอเตอร์ไซด์

อาชีพขับวินมอเตอร์ไซด์ ถือเป็นอาชีพที่จัดอยู่ในหมวดรับจ้างอีกอาชีพหนึ่งซึ่งมีรายได้เป็นรายวันไม่แน่นอนแต่ยังมีหลักแหล่งในการประกอบอาชีพ ซึ่งแน่นอนว่าความยากจะขึ้นอยู่กับรายได้ที่ได้รับในแต่ละเดือนฉะนั้น หากคุณต้องการขอสินเชื่อ แนะนำให้สร้างเครดิตในเรื่องข้องรายได้แต่ละเดือนดีๆ ครับ เพราะทางธนาคารจะดู สมุดบัญชีธนาคารย้อหลัง 6 เดือนเป็นหลักครับ

  • บัตรประชาชนตัวจริง
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • ใบขับขี่สาธารณะ
  • สำเนารถมอเตอร์ไซด์
  • เสื้อวินมอเตอร์ไซด์ที่ใช้ประกอบอาชีพ
  • สมุดบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน (Stagement)

8.ขายของออนไลน์ (แบบไม่จดทะเบียน)

ขายของออนไลน์เป็นอาชีพใหม่ยอดฮิตที่กำลังมาแรงสำหรับคนในยุคนี้ เรียกว่าเป็นอาชีพที่ไฟแนนซ์มองว่าเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคง แต่พอหาวิธียืนยันรายได้เพื่อขอสินเชื้อได้อยู่ โดยสามารถยืนยันได้ด้วย เอกสารหรือสำเนาการซื้อขายและเดินบัญชีรายได้

  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • เว็บหรือเพจที่น่าเชื่อถือ /เว็บขายสินค้า/เว็บสต๊อคสินค้า
  • สมุดบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน (Statement)
  • เอกสารการซื้อขาย หรือ สำเนาการซื้อขาย หรือ เอกสารการสั่งสินค้าที่จะขาย

9.รับเหมา ก่อสร้าง วางระบบ

อาชีพรับเหมาเป็นอาชีพที่มีรายได้ที่ไม่แน่นอน และไม่ค่อยมีความมั่นคงเพราะมีความเสี่ยงในเรื่องของการจ้างงาน หารายได้ในแต่ละเดือน จึงต้องมีการยืนยันด้วยรายได้เป็นหลัก ไฟแนนซ์

  • บัตรประชาชนตัวจริง
  • ทะเบียนบ้าน
  • ทะเบียนการค้า (ในกรณีที่เป็นบริษัท)
  • หลักฐานการตรวจสอบหน้างาน รูปถ่ายหน้างาน /แผนที่หน้างานในใบเสนอราคา /สัญญาจ้างงานจากจเจ้าของงาน
  • สมุดบัญชีย้อยหลัง 6 เดือน

10.รับจ้างรายวัน

อาชีพรับจ้างรายวันถือว่าเป็นอาชีพที่มีทั้งแบบมั่นคง และแบบไม่มั่นคงอีกอาชีพหนึ่งเพราะการรับจ้างหรือมีรายได้รายวันนั้น ไม่สามารถระบุที่มาของรายได้ที่แน่นอนเป็นหลักแหล่งชัดเจนโดยเอกสารที่ใช้ของบุคคลที่ประกอบอาชีพนี้จะแตกต่างกันออกไป

  • บัตรประชาชนตัวจริง
  • ทะเบียนบ้าน
  • หนังสือรับรองเงินเดือน ที่มีตราปั้มร้านหรือ บริษัทประทับ
  • ประกันสังคม (ถ้ามี)
  • สมุดบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน (Stagement)

11. เกษตรกร

เกษตรกรจะต้องมีใบเสร็จเกี่ยวกับการซื้อขายหรือการลงทุนซื้ออุปกรณ์ เมล็ดพันธุ์ อาหารสัตว์ หรือ วัสดุที่ใช้ในการสร้างผลผลิตต่างๆ โดยสามารถใช้เอกสารการซื้อขายอย่างใบเสร็จการซื้อ หรือ โฉนดในการเช้าที่ดินเพื่อเพาะปลูกหรือเลี้ยงสัตว์

  • บัตรประชาชนตัวจริง
  • ทะเบียนบ้าน
  • ใบเสร็จเงินสดการขายสินค้า ที่เราขายให้กับนายทุนหรือพ่อค้าคนกลาง
  • ใบเสร็จที่ซื้อวัตถุดิบในการประกอบอาชีพ ตัวอย่างเช่น ใบเสร็จการซื้อเมล็ดพันธุ์ ซื้อปุ๋ย หรือ อาหารสัตว์
  • โฉนดที่ดินหรือ สัญญาการเช่าพื้นที่ในการเลี้ยงสัตว์หรือเพาะปลูก

12.ชาวต่างชาติ (foreigner)

ในกรณีที่เป็นชาวต่างชาติ จะต้องทำงานในบริษัทที่ตั้งหรือมีสาขาอยู่ในประเทศไทย เพราะทางไฟแนนซ์จะต้องสามารถตรวจสอบรายได้และที่มาของการเงินได้นะครับ

  • Passport
  • Thai Visa
  • Financial Stagement
  • Workpermit or Residential Certificate (Form thai Ommogration Department)

และนี่เป็น 12 อาชีพที่หลายๆ คนมักจะสงสัยในเรื่องของการขอสินเชื่อหรือการจัดไฟแนนซ์ว่าจะต้องใช้เอกสารใดบ้าง และก่อนที่จะขอสินเชื่อต้องทำอย่างไรเพื่อให้ผ่านง่ายขึ้น หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ นะครับ

อ่านสาระความรู้เพิ่มเติม

ทางหลวงในประเทศไทยมีกี่ประเภทและดูอย่างไร

เชื่อว่าหลายๆคนคงจะเคยเห็นและสงสัยว่าป้ายตัวเลขที่มีตามลักษณะด้านบนมีไว้เพื่ออะไร แล้วมีความหมายอย่างไรบ้าง ลองมาหาคำตอบกันครับ

โดยทั่วๆไปแล้ว คนส่วนใหญ่จะเข้าใจการมองเส้นทางโดยการอ่านป้ายจังหวัด หรือป้ายอำเภอ แต่อันที่จริงแล้ว การแบ่งและจำแนกของแต่ละภาคของไทยนั้นถูกแบ่งเป็นตัวเลขหลักๆดังนี้

ตัวอย่างคือ ทางหลวงหมายเลข 1 จะเป็นทางหลวงที่อยู่ในภาคเหนือ ทางหลวงหมายเลข 2 จะอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ซึ่งตามพระราชบัญญัติทางหลวงได้ กำหนดประเภทของทางหลวงไว้ 5 ประเภท
(1) ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง
(2) ทางหลวงแผ่นดิน
(3) ทางหลวงชนบท
(4) ทางหลวงท้องถิ่น
(5) ทางหลวงสัมปทาน

ทางหลวงหมายเลข 3 จะอยู่ในพื้นที่ภาคกลางภาคตะวันออก ภาคตะวันตก รวมไปถึงภาคบางส่วนของภาคใต้ และทางหลวงหมายเลข 4 ก็จะอยู่ในภายใต้ โดยตัวเลขเหล่าหน้าจะขึ้นต้นนำหน้าแทนพื้นที่ภาค

ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง

ทางหลวงพิเศษ หรือ ที่เรียกกันว่าทางหลวงระหว่างเมือง เป็นทางหลวงที่จัดทำโดนระบุว่าเพื่อให้มีการจราจรที่ผ่านได้รวดเร็วเป็นพิเศษ ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดได้ลงทะเบียนไว้เป็นทางหลวงพิเศษ โดยมีกรมทางหลวงเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ขยาย บูรณะ และรับผิดชอบบำรุงรักษารวมทั้งให้มีการเข้าออกโดยเฉพาะทางหลวงที่เป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงพิเศษ โดยทางหลวงพิเศษหว่างเมืองที่คนไทยหรือคนกรุงเทพมักจะรู้จักกันคือถือ มอเตอร์เวย์กรุงเทพชลบุรีซึ่งมีหมายเลขทางคือ ทางหลวงหมายเลข 7 กรุงเทพ – ชลบุรี นั่นเอง โดยมีระยะทาง 153 กิโลเมตร

ทางหลวงหมายเลข 7 กรุงเทพ – ชลบุรี ระยะทาง 153 กิโลเมตร

ทางด่วนหมายเลข 9 หรือ ถนนกาญจนาภิเษก ระยะทาง 165 กิโลเมตร และยังมีโครงการหลวงพิเศษเส้นทางอื่นๆ อีกมากมายที่กำลังก่อสร้าง และอนุมัติโครงการอีกด้วย

เมื่อเดินทางไปต่างจังหวัดในบางพื้นที่ บางคร้งอาจจะพบว่าเมื่อใช้ระบบนำทางแล้วจะมีถนนบางหมายเลขที่ควรอยู่ในภาคปรากฎอยู่ในภาคอื่นๆ เช่นถนนหมายเลข 4xxx อยู่ในพื้นที่จังหวัดภาคอีสาน และทั้งที่บริเวณใกล้เคียงกันที่มีถนนที่ขึ้นต้นด้วยเลข 2 อยู่ ที่เป็นแบบนี้เพราะถนนประเทศไทยนั้นมีหลายประเภทและอยู่ภายใต้ในการรับผิดชอบของหน่วยงานที่ต่างกันของบางพื้นที่ จึงทำให้ตัวเลขถูกปรากฎขึ้นในบางพื้นที่ ลองมาดูกันครับว่ามีทางหลวงประเภทใดบ้าง และขึ้นอยู่กับหน่วยงานใดบ้าง

ทางหลวงแผ่นดิน

เป็นทางหลวงที่คนทั่วๆไปมักจะคุ้นเคยมากที่สุดเพราะเป็นเส้นทางสาธารณะสายหลักเป็นโครงข่ายเชื่อมระหว่างภาคจังหวัดและอำเภอ รวมไปถึงสถานที่สำคัญ โดยผู้ดูแลทางหลวงแผ่นดินคือกรมทางหลวง และ กระทรวงคมนาคมนั่นเอง โดยจะสังเกตได้ว่าทางหลวงจะนิยมใช้ชื่อบุคคลหรือนามสกุลของบุคคลนั้นๆที่มีความสำคัญในพื้นที่นั้นๆมาตั้งเป็นชื่อถนน อย่างเช่น พหลโยธิน หรือ จรัญสนิทวงศ์ ต่อมาเมื่อมีโครงข่ายทางหลวงเป็นจำนวนมากจึงเริ่มนำระบบหมายเลขทางหลวงมาใช้ทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่นดิน และทางหลวงสัมปทานที่กรมทางหลวงดูแลอยู่โดยมีเลขตั้งแต่ 1-4 ตัว และละตัวเลขจะบอกเส้นทางสายของแต่ละภาค โดย ขึ้นต้นด้วยหมายเลข 1 จะเป็นภาคเหนือรวมถึงบางส่วนจะเป็นพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนขึ้นต้นด้วยหมายเลข 2 คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวมไปถึงบางพื้นที่มีภาคเหนือและภาคกลางด้วย

ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข1 (ถนนพหลโยธิน)

ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข2 (ถนนมิตรภาพ)

ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท)

ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม)

ทางหลวงชนบท

เป็นทางหลวงที่มีการรับผิดชอบโดยกรมทางหลวงชนบทจะมีหน้าที่รับผิดชอบ ทั้งในการสร้าง ขยาย และบำรุงรักษา และมีการขึ้นทะเบียนไว้เป็นทางหลวงชนบทหรืออธิบดีกรมทางหลวงชนบทเป็นผู้จัดการให้ลงทะเบียนไว้ มีรหัสทางเป็นตัวบอกที่ตั้งและลำดับของเส้นทาง ซึงจะปรากฎอยู่บนป้ายทางของทางหลวงชนบทเส้นนั้นๆ โดยมีตัวย่อของจังหวัดตัวเลข 2 ตัว และ ตัวเลข 4 ตัว เช่น สข.3015 ที่หมายถึงจังหวัดสงขลา หรือ สต.6031 ที่หมายถึง จังหวัดสตูล ส่วนเลข 4 ตัวที่ตามหลังตัวเลขจะเป็นการบอกถึงการเชื่อมโยงของถนนเส้นนั้นว่าเริ่มต้นจากที่ไหน โดยมี 6 ตัวเลขที่ใช้ ซึ่ง เลข 1 หมายถึงการเริ่มต้นทางหลวงที่มีเลขตัวเดียว, 2 หมายถึงเริ่มต้นจากทางหลวงแผ่นดินที่มีหมายเลข 2 ตัว, 3 หมายถึงเริ่มต้นจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 ตัว เลข 4 มหายถึงเริ่มต้นจากทางหลวงหมายเลข 4 ตัว ส่วนเลข 5 หมายถึงเริ่มต้นจากทางหลวงชนบทหรือทางหลวงท้องถิ่นและหมายเลข 6 หมายถึงถนนที่เริ่มต้นจาก สถานที่เช่นตำบลอำเภอ โรงเรียน หรือ วัด

และนอกจากนี้ทางหลวงชนบทยังมีการใช้เลข 3 ตัง ตามหลังตัวย่อของจังหวัดในรหัสสายทางด้วย สำหรับสะพานและถนนเชื่อมต่อ

ทางหลวงท้องถิ่น

เป็นทางหลวงที่องค์ปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินสร้าง ขยายและบำรุงรักษา ได้ลงทะเบียนไว้เป็นทางหลวงท้องถิ่น โดยสามารถสังเกตได้จากป้ายทางหลวงท้องถิ่นซึ่งจะปรากฎบนป้ายริมถนนจะประกอบด้วยตัวอักษร 3 ตัวแล้วตามด้วยเลข 5 หลัก เช่น สข.ถ แล้วตามด้วยตัวเลข 1 0052

ทางหลวงสัมปทาน

คือทางหลวงที่ให้เอกชนสัมปทานตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวงที่ได้รับสัมปทาน และมีการขึ้นทะเบียนไว้เป็นทางหลวงสัมปะทาน

โดยในปัจจุบันกรมทางหลวงมีทางหลวงสัมปทาน 1 สายคือ ทางยกระดับอัตราภิมุขหรือดอนเมืองโทลล์เวย์ช่วงเฉพาะทางยกระดับตั้งแต่ดินแดงถึงดอนเมืองบนถนนวิภาวดีรังสิต โดยทางหลวงสัมปทานจะมีระบบหมายเลขทางหลวงเหมือนกันกับทางหลวงแผนดินหรือทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ซึ่งดอนเมืองโทลล์เวย์ในส่วนทางยกระดับดินแดงถึงดอนเมืองที่เป็นทางหลวงสัมปทานถูกจัดให้เป็นทางด่วนส่วนหนึ่งของทางหลวงหมายเลข 31 ขณะที่ช่วงตั้งแต่อนุสรณ์สถานถึงรังสิทเป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงแผ่นดืนหมายเลข 1

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

ครม.ไฟเขียว เคาะอัพสปีด 120 กม./ชม.เริ่มใช้แล้ว

ครม.ไฟเขียวกฎกระทรวงปรับอัตราความเริ่มเพิ่มขั้นเฉพาะถนนที่มีช่องจราจร ตั้งแต่ 4 ช่องขึ้นไปจากความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไปเป็นความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากขับแช่ขวาความเร็วต่ำกว่า 100 ผิดกฎหมาย

  • รถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกิน 2,200 กิโลกรัม รถบรรทุกคนโดยสารที่บรรทุกเกิน 15 คน มีกำหนดให้ความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • รถลากจูงรถอื่น เช่น รถยนต์สี่ล้อขนาดเล็ก หรือรถยนต์สามล้อ ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • รถจักรยานยนต์ ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือรถจักรยานยนต์ที่มีกำลังเครื่องยนต์ตั้งแต่ 35 กิโลวัตต์ ขึ้นไปหรือมีขนาดความจุของกระบอกสูบรวมกันตั้งแต่ 400 ลูกบาศก์เซนติเมตรขึ้นไปให้ขับโดยความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • รถโรงเรียนหรือรถรับส่งนักเรียน จะต้องใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • รถบรรทุกผู้โดยสารเกิน 7 คน แต่ไม่เกิน 15 คน ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • รถยนต์ประเภทอื่นๆให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

และมีการกำหนดความเร็วต่ำสำหรับช่องเดินรถทางขวาสุดของทางเดินรถทางหลวง ซุ่งจะจัดแบ่งช่องเดินรถในทิสทางเดียวกันไว้ตั้งแต่ 2 ช่องทางขึ้นไป โดยให้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ชับในช่องทางเดินรถขวาสุดโดยมีกำหนดให้ความเร็วต้องไม่ต่ำกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

อ่านข่าวสารเพิ่มเติม