การเช็คระดับน้ำยาหล่อเย็นหรือของเหลวในระบบระบายความเย็นเป็นอีกหนึ่งความจำเป็นมากๆของเครื่องยนต์ เพราะถ้าหากระบบระบายความร้อนนั้นมีของเหลวไม่เพียงพอก็จะทำให้ไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีฉะนั้น ก่อนเดินทางควรตรวจเช็คของเหลวในหม้อน้ำหรือความพร่องของระดับน้ำให้อยู่ในระดับ F ซึ่งสามารถสังเกตได้จากกระบอกพักน้ำหม้อน้ำให้อยู่ในระดับ Full
Wuling Hongguang Mini EV สามารถดาวน์ได้ 10%-25% ระยะเวลา เริ่มต้น488 งวด จนไปถึง 84 งวด และสามารถผ่อนได้ตั้งแต่ราวๆ 3,929 บาท จนไปถึง 8,250 บาท ต่อ งวดนั่นเอง
Wuling Hongguang Mini EV ราคา 440,000 บาท
5. VOLT City EVราคา 365,000 จนไปถึง 425,000 บาท VOLT City EV เป็นรถขนาดเล็กจิ๋วกระทัดรัดที่มีหน้าตาถูกใจสาวๆ จำนวนไม่น้อย เพราะด้วยดีไซน์ที่ดูเป็นผู้หญิงมุ้งมิ้ง เหมือนน้องหมีน่ารักๆ ประกอบด้วยสีที่มีเอกลักษณ์ดูนุ่มนวลตามบุคลิกของรถไฟฟ้าที่ไม่มีมีพิษภัย แต่ก็สามารถขับขี่ไปได้ไกลถึง 200 กิโลเมตรต่อการชาร์ตเต็มๆ 1 ครั้ง ถึงจะเป็นรถที่วิ่งไม่เร็วมากนักที่ 105 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแต่ก็คงเพียงพอสำหรับสาวๆที่เอาไว้ขับไปทำงานหรือจอดตามซอกซอยเล็กๆ ซึ่งแบตเตอรี่ที่ใช้ก็เป็นแบบลิเธี่ยมไอออน LFP ทำงานคู่กับมอเตอร์ 1 ตัว ได้กำลัง 46 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 102 นิวตันเมตรขับเคลื่อนที่ล้อหลังและระยะเวลาในการชาร์จอยู่ราวๆ 888 ชั่วโมงเท่านั้น
มิติตัวถังของ Volt City EV Forfour 2022 จะมีความยาวที่ 3,380 มม. ความกว้าง 1,499 มม. และสูง 1,610 มม. ซึ่งระยะของฐานล้อจะอยู่ราวๆ 2,440 น้ำหนักของรถเปล่าๆแค่เพียง 795 กิโลกรัมเท่านั้น
ราคาของ VOLT City EV จะอยู่ราวๆ 365,000 จนไปถึง 425,000 บาท และยังมีประกันแบตเตอรี่ถึง 5 ปี หรือระยะทาง 120,000 กิโลเมตร ฟรีค่าบำรุงรักษา 2 ปี แถมฟรีประกัน 1 ถึง 1 ปี
6. BYD Dolphin ราคา 799,999 บาท
อีกหนึ่งรุ่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์ด้วยความเล็กกระทัดรัดและเป็นแบรนด์ของจีนที่มีความสำเร็จใจตลาดรถไฟฟ้า EV ประเทศไทยได้อย่างล้นหลาม ยอดจองพุ่งถล่มทลาย และตอนนี้ BYD Dolphin ก็ถูกส่งลงสนามรถ EV ขนาดเล็ก ที่ถูกสร้างบนแพลทฟอร์ม BYD e Platform 3.0 และจุดเด่นของรถรุ่นนี้คือการชาร์จแบบ AC กระแสสลับรองรับได้สูงสุด 6.6 kW จาก0-100% ภายในเวลา แค่ 5.5 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็น DC มีโหมด Fast Chargeing รองงรับสูงสุดถึง 40 kW จาก 30-80% ภายใน 30 นาททีเท่านั้น
สิ่งที่ทาง BYD ได้ใส่มาให้นั่นคือมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 30.7 kWh ซึ่งมีพละกำลังถึง 95 แรงม้า ทำแรงบิดสูงสุดได้ถึง 180 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ BYD Blade Battery (LFP) ขับเคลื่อนที่ล้อหน้าและยอีกรุ่นที่เป็น
ไฮไลท์ คือรุ่นที่ได้ใส่เอามอเตอร์กำลัง 44.9 kWh ให้พละกำลังสูงถึง 170 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดถึง 290 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ BYD Blade Battery (LFP) ขับเคลื่อนที่ล้อหน้าเช่นกัน อัตราเร่งสูงสุด ภายใน 7.9 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 160 km/h ระยะทางวิ่งได้สูงสุด 405 km. (มาตรฐาน NEDC)
BYD e2 รุ่นใหม่ล่าสุดจะอยู่ในเซกเมนต์กลุ่มตลาดในซีรีส์ BYD Ocean ทั้ง BYD Dolphin, BYD Seal, BYD Seagull และ BYD SeaLion จะได้เห็นตัวจริงในช่วงเดือน เม.ษ. 2023 ที่ประเทศจีน
มิติตัวถัง BYD e2 EV มีความยาวถึง 4,260 มิลลิเมตร กว้างที่ 1,760 มิลลิเมตร สูงที่ 1,530 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,610 มิลลิเมตร โดยดีไซน์ภายนอกเป็นรถยนต์ทรง SUV Hatchback 5 ประตู ซึ่งกระจังหน้าจากรุ่นก่อนๆเป็นทรงแบบหกเหลี่ยมลายตะแกรง จะเปลี่ยนเป็นรูปแบบปิดทึบเหมือนกับรถ EV Car ในปัจจุบัน โคมไฟหน้าที่ ที่มีความโฉบเฉี่ยวแต่เรียบหรูพร้อมด้วยตราโลโก้ BYD บริเวณด้านล่างและลักษณะของดังลมด้านล่างที่เพิ่มเติมเส้นลายลวดลายให้ดูมีมิติตัดด้วยเส้น LED
ห้องโดยสาร BYD e2 มีการปรับเปลี่ยนให้มีการทันยุคทันสมัยมากขึ้น โดยการติดตั้งแผลแดชบอร์ดติดตั้งหน้าจอ อินโฟเทนเมนต์กลางขนาด 12.8 นิ้ว สามารถหมุนได้ 180 องศา รองรับการเชืื่อมต่อแบบ Bluetooth พร้อมแผงหน้าปัดแบบเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 8.8 นิ้ววางแบบลอยอยู่ด้านหลังพวงมาลัยที่มีระบบมัลติฟังก์ชั่นแบบ 3 ด้านทร D ที่มีลักษณะคล้ายกับรถยนต์ BYD Ocean ซีรีส์ทั้ง BYD Seal และ BYD Dolphin สะดวกสบายกับเบาะนั่งหุ้มผ้าสีดำกึ่งหนังสปอร์ต และยังรองรับการ์ด NFC