6 ข้อ ใช้รถในช่วงอากาศร้อนให้ปลอดภัย ลดภาวะความร้อนขึ้น

ปัญหาอากาศร้อนของประเทศไทยที่เป็นปัญหาของคนใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะรถเก่าที่มีอายุเยอะๆ ความร้อนนี่แหละที่เป็นปัญหาใหญ่ เมื่อหากเกิดความร้อนขึ้นสูงเครื่องยนต์และการทำงานต่างๆ ไม่ปกติ และถ้าหากความร้อนสูงมากๆก็จะทำให้ระบบต่างๆภายในรถยนต์เสียหาย วันนี้มี 6 ข้อแนะนำที่จะทำให้ปัญหาเหล่านี้ลดลงอีก

1.อย่าเปิดแอร์เย็นจัด

เมื่อใช้รถในช่วงหน้าร้อน และอากาศอยู่ในสภาพที่ร้อนจัด ไม่ควรเปิดแอร์ให้มีความเย็นจัดเพราะระบบความเย็นจะทำงานตลอดจนทำให้เครื่องยนต์นั้นเกิดความร้อนสูงขึ้นได้ฉะนั้น การควรปรับอุณหภูมิให้อยู่ในภาวะที่เหมาะสมไม่เย็นจนเกินไป ทำให้มีช่วงของหยุดการทำงานของแอร์บ้าง

2. เดินทางไกล พักรถให้บ่อยขึ้น

หากจำเป็นต้องเดินทางไกลๆในช่วงอากาศร้อนๆ แนะนำให้พักรถบ่อยขึ้นเพื่อลดสภาวะความร้อนขึ้นจนอาจจะทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงกับเครื่องยนต์ได้ หรือเมื่อหากต้องเดินทางไกล อาจจะเตรียมพร้อมด้วยการเพิ่มอุปกรณ์สำหรับดูค่าสถานะต่างๆ หรือเรียกว่า OBDII ที่แสดงระดับต่างๆผ่านระบบแอปพลิเคชั่น เพื่อเฝ้าระวังความร้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกด้วย

3. หลีกเลี่ยงเส้นทางรถติด หรือ เส้นทางที่มีรถหนาแน่น


ไอเสียของรถคันอื่นเป็นอีกปัจจัยที่สร้างความร้อนละอุให้กับเครื่องยนต์มีความร้อนสูงอย่างรวดเร็ว หากเป็นได้ก็ควรหลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีรถหนาแน่นจัดๆ แต่ถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้จนเกิดความร้อน ให้เลี่ยงเข้าข้างทางเพื่อเปิดฝากระโปรงระบายความร้อน ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำเด็ดขาดเพราะจะทำให้เกิดอันตราย และไม่ควรดับเครื่องในทันที เพื่อรักษาสภาพความร้อนให้ค่อยๆ เย็นลงเพื่อรักษาเครื่องยนต์ไม่ให้เสียหายมากเกินไป

4. ทำความสะอาดรังผึ้งแผงหม้อน้ำก่อนเดินทาง

การล้างรถก่อนเดินทางใครว่าไม่จำเป็น แต่ช่วงอากาศร้อนนั้นกลับจำเป็นสุดเพราะฝุ่นที่เกาะตามอุปกรณ์ระบายความร้อนนั้นเป็นปัจจัยที่ทำให้ระบบเริ่มเกิดการอัดตันและระบายอากาศไม่ได้ดีเท่าที่ควร ฉะนั้น การล้างรถ หรืออัดฉัดไปที่รังผึ้งหม้อน้ำเพื่อล้างสิ่งสกปรกต่างๆที่อุดตันออันเป็นสาเหตทำให้เกิดความอุดตันของระบบระบายความร้อยนั้นก็ถือว่าสำคัญและเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรทำในช่วงหน้าร้อนนะครับ

5. ตรวจเช็คความพร่องของน้ำยาหล่อเย็นหรือน้ำในหม้อน้ำ

การเช็คระดับน้ำยาหล่อเย็นหรือของเหลวในระบบระบายความเย็นเป็นอีกหนึ่งความจำเป็นมากๆของเครื่องยนต์ เพราะถ้าหากระบบระบายความร้อนนั้นมีของเหลวไม่เพียงพอก็จะทำให้ไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีฉะนั้น ก่อนเดินทางควรตรวจเช็คของเหลวในหม้อน้ำหรือความพร่องของระดับน้ำให้อยู่ในระดับ F ซึ่งสามารถสังเกตได้จากกระบอกพักน้ำหม้อน้ำให้อยู่ในระดับ Full

6. สังเกตไฟหน้าปัดบ่อยๆ

การสังเกตไฟหน้าปัดบอกสถานะ รถเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องเรียนรู้เพราะถ้าหากไฟหน้าปัดความร้อนโชว์ก็แสดงว่าเครื่องยนต์ของคุณมีอุณภูมิสูงถึงระดับที่อันตรายแล้ว โดยระดับที่อันตรายจะสูงกว่า 90 องศาเซลเซียสขึ้นไป

สาระน่ารู้รถยนต์

Isuzu เปิดตัวรถบรรทุก ELF EV วิ่งได้ไกล 170 กิโลเมตร

Isuzu เตรียมทำตลาดรถบรรทุกไฟฟ้า เพื่อเจาะกลุ่มธุรกิจขนส่ง และ SME โดยสำนักข่าวของญี่ปุ่ได้รายงานว่า ทางค่ายรถสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Isuzu Motors เป็นค่ายรถยนต์รายนแรกที่เริ่มทำรถบรรทุกไฟฟ้า 100% หรือที่เรียกกันว่า EV Truck โดยส่งรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ขนาดกลางที่จัดอยู่ในตระกูล ELF เป็นครั้งแรกของโลก

สำหรับรถบรรทุกไฟฟ้า อีซุซุ แอลฟ์ อีวี (Isuzu ELF EV) ซิ่งมีแบตเตอรี่ให้เลือกทั้ง 3 รุ่นและสามารถวิ่งได้ไกลถึง 170 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟฟ้า 1 ครั้ง เลยทีเดียว

ทั้งนี้รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าหมายยอดขายของรถบรรทุกขนาดกลางและขนาดเล็กเพื่อการพาณิชย์อื่นๆ ใช้พลังงานไฟฟ้าและ Hybrid ไว้ถึง 20-30% ภายในปี 2573


ั้งนี้อุตสาหกรรมยยานยนต์ญี่ปุ่นกำลังเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงโดยมิตซูบิชิ ฟูโซก็กำลังวางแผนการปรับเปลี่ยนและปรับปรุงรถบรรทุกไฟฟ้าที่สามารถวิ่งได้ 150 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

ข่าวสารรถยนต์ EV ไดที่


6. อันดับรถไฟฟ้าจีนขนาดเล็กในปี 2023 ที่มีราคาน่ารักๆ และน่าจับจอง

1. Fomm One ในราคา 499,000 บาท
เป็นรถไฟฟ้าขนาดเล็กที่อาจจะยังไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควรในบ้านเราเพราะในเรื่องของราคากับหน้าตา แต่ถ้ามองฟังค์ชั่นความเล็กจิ๋วแต่แจ๋วดี ก็อาจจะทำหลายคนเริ่มหันมาสนใจบ้านเราทั้งอากาศร้อน ฝนตกหนักน้ำท่วมขัง แต่เจ้าจิ๋วนี้ก็สามารถลุยน้ำ ลอยน้ำแบบเรือได้สบายๆ ตัดปัญหาเรื่องระบบไฟฟ้าที่อาจจะเกิดจากน้ำท่วมขังไปได้เลย
ยอดดาวน์ 15 – 25% สามารถผ่อนได้ 48 ถึง 72 งวด สูงสุดที่ 8,733 บาท ต่อเดือน

อีกทั้งขนาดี่เล็กเพียงแค่ 2585 มม.ความกว้างของตัวถัง 1295 มม. และความสูงอยู่ที่ 1560 มม. น้ำหนัก อยู่ราวๆ 445 กิโลกรัมเท่านั้น(ยังไม่รวมแบตเตอรี่และอุปกรณ์เสริม)
สีที่มีให้เลือก

  1. สีแดง
  2. สีฟ้า
  3. สีเหลือง
  4. สีชมพู
  5. สีเทา
    ขุมพลัง มอเตอรืขนาด 5 kW x 2 ให้แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ที่ล้อคู่หน้าและรอรับแบตเตอรี่ Cloud ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ สามารถตรวจสอบข้อมูลและการทำงานและแบตเตอรี่ผ่านโทรศัพท์มือถือ ใช้เวลาการชาร์จ 6-8 ชั่วโมงโดยประมาณ สามารถวิ่งได้ไกลระยะทาง 160 กม.

2. NETA V 2022 549,000 บาท
NETA V รถไฟฟ้าที่มีขนาดเล็กจิ๋ว แต่สมรรถนะไม่ได้จิ๋วตามซึ่งความโดดเด่นอยู่ที่ช่วงล่างที่มีการยกสูงเหมือนกับรถยนต์ Cross Over ทำให้มีความสูงถึง 165 มม. เหมาะกับการขับขี่ในเส้นทางบ้านเรา และการออกแบบด้านหลังให้มีแนวหลังคาสูงทำให้เพิ่มเนื้อที่ในการเก็บสัมภาระ เหมาะกับคนเมือง


ยอดผ่อนของ NETA V สามารถดาวน์ได้ 10-30% สูงสุดได้ถึง 48-84 งวดจะอยู่ราวๆ 5,533 – 8,567 บาท ต่อเดือน

มิติตัวถังยาวถึง 4,070 มม. กว้าง 1,690 มม. สูง 1,540 มม. และระยะฐานล้อ 2,420 มม. และนำหนักตัวถังนั้นอยู่ราวๆ 1,151 กิโลกรัม ช่วงท้ายของรถนั้นสามารถพับเบาะเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้ 500 ลิตรเลยทีเดียว



3. Pocco DD (ป๊อคโค่ ดีดี 2022) 429,000 บาท
รถยนต์ไฟฟ้าทรง Mini Wagon หรือ Kei-Car ของญี่ปุ่น ที่มีไว้ใช้ขับไปจ่ายตลาดหรือซุปเปอร์มาร์เก็ต รับลูกที่โรงเรียน หรือเดือนทางไปทำงานระแวกบ้านไม่ได้ไกลมากนักด้วยระยะทาง ที่วิ่งได้ไม่เกิน 128-178 ลิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ซึ่งเต็มไปด้วยระบบอินโฟเทนเมนต์ภายในที่รองรับทั้งระบบ Apple CarPlay และ Android Auto ซึ่งถ้าหากคุณคิดจะซื้อไว้ใหห้สมาชิกในครอครัวใช้ถือว่าตอบโจทย์เลยทีเดียวกันแดดกันลมกันฝนแอร์เย็น และมีให้เลือกถึง 3 สีเลยททีเดียว

สีฟ้า Iceland Blue
สีส้ม Vibrant Orange
สีเขียว Light Green

Pocco DD 2022 ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงแค่ 1 ตัวเท่านั้นจจ่ายไฟด้วยแบตเตอรี่ขนาดความจุเพียงแค่ 10.3 kWh ระยะทางวิ่งได้ไกลถึง 128 กิโลเมตรต่อการชาร์จ1ครั้ง ส่วนรุ่นย่อย 14.5 kWh ระยะทาง 178 กิโลเมตร มีแรงม้าที่เท่ากันทุกรุ่น ที่ 39 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 110

Pocco DD จะมีทั้งหมด 2 รุ่นย่อย แบ่งตตามขนาดของความจุของแบตเตอรี่
– Pocco DD L 429,000 บาท
– Pocco DD K 479,000 บาท
สามารถดาวน์ได้ตั้งแต่ 10% จนไปถึง 25% ของราคารถ ผ่อนได้ตั้งแต่ 48 เดือนจนไปถึง 84 เดือน อยู่ที่ 4,277 จนไปถึง 8,981 บาทต่อเดือน

4. Wuling Hongguang MINI EV ราคา 440,000 บาท

รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ที่มีความยาวไม่ถึง 3 เมตร เหมาะสำหรับใครที่มีพื้นที่จอดรถภายในบ้านเล็กๆ ตัวถังทรงแฮตช์แบ็ก 3 ประตู 4ที่นั่ง แม้ว่าจะเป็นรถที่มีภายในที่ค่อนข้างน้อยแต่ก็เหมาะที่จะใช้งานในระยะที่ไม่ไกลมากนัก ถึงจะเล็กแต่ยังมีฟังค์ชั่นระบบกระจายแรงเบรค EBD ระบบเตือนแรงดันลมยางTPMS ระบบควบคุมการทรงตัวและเซ็นเซอร์กะระยะมาในรุ่นนี้
Wuling Hongguang MINI EV มีขนาดความกว้างเพียงแค่ 1493 มม. ยาว 2917 มม. สูง 1621 มม. และฐานล้อยาว 1940 มม.น้ำหนักตัวถังรวม 665 กิโลกรัม ตัวถังทรงแฮตช์แบค 3 ประตู การตกแต่งภายนอกจะมีเพียการเล่นแถบสีดำคาดไฟด้านหน้าและด้านหลังที่ กตำแหน่งเสา C ล้ออัลลอยเป็นแบบ 4 ก้านคู่ขนาด 12 นิ้ว

ยอดผ่อนของ Wuling Hongguang MINI EV สามารถดาวน์ได้สูงสุดที่ 10%จนปถึง 25% สามารถผ่อนได้ 48 ถึง 84 เดือน อยู่ราวๆ 3,929 บาท จนไปถึง 8,250 บาทต่องวดเลยทีเดียว
สีทที่มีให้เลือก มี 3 สี ได้แก่ สีเหลือง สีฟ้า สีชมพู


Wuling Hongguang Mini EV สามารถดาวน์ได้ 10%-25% ระยะเวลา เริ่มต้น488 งวด จนไปถึง 84 งวด และสามารถผ่อนได้ตั้งแต่ราวๆ 3,929 บาท จนไปถึง 8,250 บาท ต่อ งวดนั่นเอง

Wuling Hongguang Mini EV ราคา 440,000 บาท


5. VOLT City EV ราคา 365,000 จนไปถึง 425,000 บาท
VOLT City EV เป็นรถขนาดเล็กจิ๋วกระทัดรัดที่มีหน้าตาถูกใจสาวๆ จำนวนไม่น้อย เพราะด้วยดีไซน์ที่ดูเป็นผู้หญิงมุ้งมิ้ง เหมือนน้องหมีน่ารักๆ ประกอบด้วยสีที่มีเอกลักษณ์ดูนุ่มนวลตามบุคลิกของรถไฟฟ้าที่ไม่มีมีพิษภัย แต่ก็สามารถขับขี่ไปได้ไกลถึง 200 กิโลเมตรต่อการชาร์ตเต็มๆ 1 ครั้ง ถึงจะเป็นรถที่วิ่งไม่เร็วมากนักที่ 105 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแต่ก็คงเพียงพอสำหรับสาวๆที่เอาไว้ขับไปทำงานหรือจอดตามซอกซอยเล็กๆ ซึ่งแบตเตอรี่ที่ใช้ก็เป็นแบบลิเธี่ยมไอออน LFP ทำงานคู่กับมอเตอร์ 1 ตัว ได้กำลัง 46 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 102 นิวตันเมตรขับเคลื่อนที่ล้อหลังและระยะเวลาในการชาร์จอยู่ราวๆ 888 ชั่วโมงเท่านั้น

มิติตัวถังของ Volt City EV Forfour 2022 จะมีความยาวที่ 3,380 มม. ความกว้าง 1,499 มม. และสูง 1,610 มม. ซึ่งระยะของฐานล้อจะอยู่ราวๆ 2,440 น้ำหนักของรถเปล่าๆแค่เพียง 795 กิโลกรัมเท่านั้น

ราคาของ VOLT City EV จะอยู่ราวๆ 365,000 จนไปถึง 425,000 บาท และยังมีประกันแบตเตอรี่ถึง 5 ปี หรือระยะทาง 120,000 กิโลเมตร ฟรีค่าบำรุงรักษา 2 ปี แถมฟรีประกัน 1 ถึง 1 ปี

6. BYD Dolphin ราคา 799,999 บาท

อีกหนึ่งรุ่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์ด้วยความเล็กกระทัดรัดและเป็นแบรนด์ของจีนที่มีความสำเร็จใจตลาดรถไฟฟ้า EV ประเทศไทยได้อย่างล้นหลาม ยอดจองพุ่งถล่มทลาย และตอนนี้ BYD Dolphin ก็ถูกส่งลงสนามรถ EV ขนาดเล็ก ที่ถูกสร้างบนแพลทฟอร์ม BYD e Platform 3.0 และจุดเด่นของรถรุ่นนี้คือการชาร์จแบบ AC กระแสสลับรองรับได้สูงสุด 6.6 kW จาก0-100% ภายในเวลา แค่ 5.5 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็น DC มีโหมด Fast Chargeing รองงรับสูงสุดถึง 40 kW จาก 30-80% ภายใน 30 นาททีเท่านั้น

สิ่งที่ทาง BYD ได้ใส่มาให้นั่นคือมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 30.7 kWh ซึ่งมีพละกำลังถึง 95 แรงม้า ทำแรงบิดสูงสุดได้ถึง 180 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ BYD Blade Battery (LFP) ขับเคลื่อนที่ล้อหน้าและยอีกรุ่นที่เป็น

ไฮไลท์ คือรุ่นที่ได้ใส่เอามอเตอร์กำลัง 44.9 kWh ให้พละกำลังสูงถึง 170 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดถึง 290 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ BYD Blade Battery (LFP) ขับเคลื่อนที่ล้อหน้าเช่นกัน อัตราเร่งสูงสุด ภายใน 7.9 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 160 km/h ระยะทางวิ่งได้สูงสุด 405 km. (มาตรฐาน NEDC)

ราคาเรื่มต้นที่ 799,999 บาท

อัพเดทข่าวสารรถไฟฟ้า EV

BYD e2 Hatchback EV 5 ประตูกับราคา 5 แสนบาทหน่อยๆ

เปิดตัวมาได้อย่างน่าสนใจสำหรับรถครอบครัว ทรง Hatchback ที่ทำราคาออกมาเพียงแค่ 5 แสนหน่อยๆ และยังสามารถวิ่งได้ไกลถึง 405 กม.ต่อการชาร์จต่อครั้ง ตามมาตรฐาน CLTC ซึ่งเปิดตัวในช่วงเดือนเมษายน นี้

BYD e2 รุ่นใหม่ล่าสุดจะอยู่ในเซกเมนต์กลุ่มตลาดในซีรีส์ BYD Ocean ทั้ง BYD Dolphin, BYD Seal, BYD Seagull และ BYD SeaLion จะได้เห็นตัวจริงในช่วงเดือน เม.ษ. 2023 ที่ประเทศจีน


มิติตัวถัง BYD e2 EV
มีความยาวถึง 4,260 มิลลิเมตร กว้างที่ 1,760 มิลลิเมตร สูงที่ 1,530 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,610 มิลลิเมตร โดยดีไซน์ภายนอกเป็นรถยนต์ทรง SUV Hatchback 5 ประตู ซึ่งกระจังหน้าจากรุ่นก่อนๆเป็นทรงแบบหกเหลี่ยมลายตะแกรง จะเปลี่ยนเป็นรูปแบบปิดทึบเหมือนกับรถ EV Car ในปัจจุบัน โคมไฟหน้าที่ ที่มีความโฉบเฉี่ยวแต่เรียบหรูพร้อมด้วยตราโลโก้ BYD บริเวณด้านล่างและลักษณะของดังลมด้านล่างที่เพิ่มเติมเส้นลายลวดลายให้ดูมีมิติตัดด้วยเส้น LED

ห้องโดยสาร BYD e2 มีการปรับเปลี่ยนให้มีการทันยุคทันสมัยมากขึ้น โดยการติดตั้งแผลแดชบอร์ดติดตั้งหน้าจอ อินโฟเทนเมนต์กลางขนาด 12.8 นิ้ว สามารถหมุนได้ 180 องศา รองรับการเชืื่อมต่อแบบ Bluetooth พร้อมแผงหน้าปัดแบบเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 8.8 นิ้ววางแบบลอยอยู่ด้านหลังพวงมาลัยที่มีระบบมัลติฟังก์ชั่นแบบ 3 ด้านทร D ที่มีลักษณะคล้ายกับรถยนต์ BYD Ocean ซีรีส์ทั้ง BYD Seal และ BYD Dolphin สะดวกสบายกับเบาะนั่งหุ้มผ้าสีดำกึ่งหนังสปอร์ต และยังรองรับการ์ด NFC

ขุมพลังขับเคลื่อน BYD e2 EV ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 95 แรงม้า ในตำแหน่งของเพลาล้อหน้าพร้อมด้วยแบตเตอรี่ LFP ขนาด 43.2 kWh สามารถวิ่งได้ไกลถึง 405 กม.ต่อการชาร์จไฟฟ้าเต็ม 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน CLTC ส่วนราคาวางจำหน่ายในประเทศจีนจะมีถึง 2 รุ่นย่อย อยู่ทที่ประมาณ 102,800 หยวน ถึง 109,800 หยวน หรือประมาณ 509,000 บาทไทย ถึง 544,400 บาทไทย ยังไม่รวมภาษีนำเข้า

4 วัตถุอันตรายสำหรับรถยนต์ ในช่วงสงการนต์ ต้องระวัง

วันสงการนต์เป็นประเพณีที่สำคัณอีกหนึ่งประเพณีของคนไทยเพราะนอกจากจะเป็นวันหยุดพักผ่อนกลับไปเที่ยวกับครอบครัวก็ยังเป็นประเพณีที่มีการละเล่น สาดน้ำปะแป้งเพื่อคลายร้อนอีกด้วย
และแน่นอนว่า เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนจากการรดน้ำดำปะแป้งก็กลายมาเป็น การสาดน้ำ ที่เหมือนอยู่ท่ามกลางสงครามแห่งความเปียกชุ่ม จึงทำให้คนมีรถอาจจะหลีกเลี่ยงเรื่องความสกปรกจากเด็กที่เล่นแผลงๆ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นกับคุณไม่ได้ ซึ่งวัตถุอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นก็มีหลายๆอย่างแต่จะหยิบยกสำหรับสิ่งอันตรายกับรถที่เคยพบเจอมาให้ดูกันครับ

1. น้ำผสมแป้ง

น้ำที่ผสมแป้งนั้นเป็นของเหลวที่ทำร้ายกับสีรถยนต์อย่างมาก เพราะนอกจากจะทำให้ตามของยางเลอะเมื่อแห้งแล้ว ก็ยังทำให้ยางเกิดความแข็งอีกด้วย และยังเป็นปัญหาเรื่องความด่างของสีรถอีกด้วย เพราะเมื่อหากแป้งโดนความร้อนจะทำให้แป้งดูดความเงาของพื้นผิวสี อีกด้วย

2. น้ำแข็ง

นอกจากน้ำเปล่าบางครั้งในเทศกาลสงการนต์ ก็อาจจะเจอวัตถุประหลาดอย่างน้ำแข็งสาดกระเด็นมาโดนรถอีกด้วย อาจจะด้วยความหวังดีอยากให้ผู้โดนสาดนั้นเพื่อหวังให้รู้สึกเย็นชุ่มฉ่ำ แต้น้ำแข็งที่ใส่ลงไปก็อาจจะติดกับขันมาด้วยและก็มาโดนกับรถของคุณทำให้เกิดรอยบุบ และความเสียหาย บางรายถึงขั้นกระจกแตกเลยทีเดียว ฉะนั้นสำหรับคนรักรถก็ควรหลีกเลี่ยงเทศกาลนี้ครับ

3. น้ำผสมเกลือ
น้ำผสมเกลือ เรียกว่าความแผลงๆนี่ไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆครับ กับการเล่นสงการนต์ที่ไม่ใช่แค่น้ำเปล่า ความกลั่นแกล้งนี้ กลายเป็นความเดือดร้อนถึงผู้ใช้รถใช้ถนนโดยไม่รู้ตัวเลยทีเดียวครับ เพราะหากศึกษาจริงๆแล้วจะรู้ว่าน้ำเกลือมีผลต่อเหล็กและแน่นอนถ้าหากล้างออกไม่หมดก็จะเกิดการกัดกร่อนจนกลายเป็นสนิมในที่สุด ฉะนั้นถ้าหากไม่อยากเสัยรถโดยไม่รู้ตัว ก็ควรหลีกเลี่ยงเทศกาลนี้ดีกว่าครับ

4. ขันตักน้ำ

ขันตักน้ำเป็นอีก 1 อาวุธจำเป็นในการใช้ในสังเวียนสนามรบแห่งความร้อนละอุนี้ และแน่นอนว่าความรุนแรงของการสาดน้ำเกิดจากความเมามันส์ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ใส่กันไม่ยั้งบางครั้งอาจจะทำให้อาวุธคู่ใจนั้นหลุดมือมาโดนรถจนเกิดร่องรอยขนแมวหรือรอยบุบทำให้เกิดความเสียหายของสีรถจนอาจจะต้องเสียเงินเพื่อคืนสภาพอีกด้วย

ฉะนั้นถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่รักรถหรือถ้ายิ่งเป็นรถเก็บรถสะสมหละก็ เทศกาลนี้ก็ควรเก็บรถดีกว่าครับ เพราะเราไม่สามารถคาดเดาความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจได้นั่นเองครับ

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม


ใช้น้ำยาล้างจานล้างรถได้ไหม?

ใช้น้ำยาล้างจานล้างรถได้ได้หรือไม่?


หลายๆคนอาจจะคิดว่าการใช้ “น้ำยาล้างจาน” หรือ “น้ำสบู่” แทนแชมพูล้างรถนั้น สามารถทำได้ครับแต่ไม่แนะนำเพราะรถยนต์ของเรานั้น ไม่ได้มีแค่วัสดุพื้นผิวชนิดเดียวนอกจากเนื้อสีแล้ว ก็ยังมีวัสดุทั้งพลาสติก เหล็ก และยางต่างๆ เป็นส่วนประกอบและอุปการณ์ของรถด้วยนั่นเอง

หลายๆคนอาจจะเลือกใช้น้ำยยางล้างจานหรือสบู่ในการล้างรถด้วยเหตุผลททางด้านค่าใช้จ่ายหรือ ความสะดวก และคิดว่า อาจจะใช้แทนกันได้ ถึงจะเป็นการกระทำที่ไม่ผิดแต่ก็ไม่ส่งผลดีต่อการดูแลรถยนต์

ซึ่งส่วนประกอบในน้ำยาล้างจานมีคุณสมบัติขจัดคราบมันได้โดยตรง เหตุผลทที่ “น้ำยาล้างจาน” หรือ “น้ำสบู่” ไม่เหมาะสมในการนำมาใช้ล้างรถจะมีอะไรบ้างลองมาอ่านดูครับ

1.วัสดุที่เป็นยางจะมีการเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ

วัสดุที่เป็นยางนั้นก็ต้องการความชุ่มชื้นคล้ายกับหนังเทียม เพราะเมื่อยางเจอกับเคมีลดแรงตึงผิวที่อยู่ในน้ำยาล้างจานก็ทำให้ผิวของยางนั้นแข็งและเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับโดนแสงแดดและความร้อนของดวงอาทิตย์ โดยเฉพาะบางขอบกระจก และยางขอบประตูมีปัญหามากที่สุดและอาจจะทำให้น้ำเข้าประตู หรือหากเสื่อมสภาพมากๆก็อาจจะทำให้ยางก็จะเกิดการแข็งหักในที่สุด

2.แว็กซ์เคลือบสีรถยนต์
แต่จะมีความรุนแรงในการกัดสารเคลือบผิวของรถยนต์ จนอาจจะทำให้แว็กซ์นั้นเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าปกติ และ ทำให้ พื้นผิวมีรอยด้านได้ และเมื่อเจอกับความร้อนจากแสงแดดบ่อยๆก็จะทำให้สีหลุดร่อนได้เร็วขึ้น

3.เช็คออกยากทำให้เกิดคราบตามขอบที่เช็ดไม่ถึง

น้ำยาล้างจานจะมีความเข้มข้นและความหนืดสูงกว่าน้ำยาล้างรถและเมื่อล้างนำความสะอาดก็ทำให้ออกยากกว่าแชมพูล้างรถ

4.สีขาดการบำรุง

การใช้น้ำยาล้างจานล้างรถบ่อยๆ จะทำให้สีขาดการบำรุงเพราะด้วยความแรงของการกัดกร่อนของน้ำยาล้างจานซึ่งมากกว่าแชมพูจะทำให้แว็กซ์ของรถมีความแข็งเปราะ เมื่อเจอความร้อนจากแสดงแดดแรงๆก็จะทำให้เกิดการหลุดร่อนของแว็กซ์ แต่ก็อาจลดความเสื่อมให้น้อยลงได้ด้วยน้ำยาเคลือบสีรถยนต์

แชมพูล้างรถที่ขายตามท้องตลาดในปัจจุบันจะมีคุณสมบัติเสริมความเงาลื่นของสี หรือความฉ่ำของสีได้อีกด้วย ขึ้นอยู่กับสูตร และผู้ผลิต โดยผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อได้ตามความต้องการซึ่งจะแตกต่างในเรื่องของคุณภาพและราคาเป็นหลักนั่นเอง

ฟองน้ำสำหรับดูแลรถมีกี่แบบ แต่ละแบบเหมาะกับงานอะไร

การทำความสะอาดสีของรถยนต์นั้นก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญสำหรับคนที่ใช้รถและในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ที่มีขายตามท้องตลาดก็มีอยู่อย่างหลากหลายซึ่งถ้าหากว่าเราจะต้องล้างทำความสะอาดรถหนึ่งคัน แต่ละชิ้นส่วนของรถยังต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันอีกด้วย
ซึ่งนอกจากการใช้น้ำยาแต่ละประเภทให้เหมาะสมกับชิ้นส่วนของรถแล้ว เราก็จะต้องใช้อุปกรณ์ที่ทำความสะอาดให้เหมาะสมและถูกวิธีเพื่อใช้น้ำยาได้เต็มประสิทธิภาพสำหรับบทความนี้ แอดมินจะมาแนะนำฟองน้ำสำหรับทำความสะอาดแต่ละแบบกันอย่างละเอียดว่าแต่ละแบบเหมาะสมกับการใช้งานแบบไหนครับ


1.ฟองน้ำสำหรับล้างรถ
ในปัจจุบันฟองน้ำสำหรับล้างรถได้ถูกออกแบบและพัฒนาให้มีหน้าตาออกมาที่หลากหลาย จึงทำให้การล้างรถเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายดาย และ สะอาดยิ่งขึ้น

  • ฟองน้ำแบบไมโครไฟเบอร์ เป็นฟองน้ำที่ห่อหุ่มด้วยเนื้อผ้าเส้นใยไมโครไฟเบอร์ ด้วยการออกแบบให้ลักษณะของงผ้าเป็นตัวหนอน อีกทั้งยังลดสภาวะริ้วรอยที่จะเกิดขึ้นจากการเสียดสี ของเศษฝุ่นที่อาจจะมาติดที่ตัวฟองน้ำจนเป็นปัญหาทำให้ขูดขีดสีจนเกิดรอยอีกด้วย
  • ฟองน้ำวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีเนื้อนุ่มไม่หยาบและไม่ละเอียดจนเกินไปคุณสมบัติอมน้ำได้เยอะ และสามารถสร้างฟองได้มาก ทำให้สามารถละลายเศษฝุ่นหรือดินโคลนที่ติดที่ตัวสีออกได้ง่ายขึ้นนั้นเอง

2.ฟองน้ำแว็กซ์ล้อยาง

ฟองน้ำสำหรับทาล้อยางจะมี 2 แบบคือ


1.ฟองน้ำสีดำแบบธรรมดา ที่มีความละเอียดและเหนียวเหมาะสมและยังดูดซึมน้ำยาได้พอดี สามารถทาแก้มยางได้ทั่วและเรียบเนียน


2.ฟองน้ำแวกซ์ยางครึ่งวงกลม เป็นฟองน้ำที่มีการออกแบบให้เหมาะสมกับงาน และจับถนัดมือมากยิ่งขึ้นเพราะด้วยด้มจับที่ทำขึ้นมาเพื่อถนอมมือให้พ่นกับหน้ายางและความโค้งของฟองน้ำทำให้ใช้งานง่ายเข้ากับรูปแก้มยาง


3.ฟองน้ำเช็ดภายใน
ลักษณะของเนื้อฟองน้ำจะเหมือนกับฟองน้ำแว็กซ์ล้อยาง แต่จะแตกต่างในเรื่องของความหนาเพื่อใช้กับวัสดุที่เป็นเบาะหนัง คอนโซลพลาสติก นั่นเอง

4.ฟองน้ำขัดสีรถ

ฟองน้ำขัดสีรถ เป็นฟองน้ำทรงกลมที่มีการเย็บขอบเพื่อรองรับกับน้ำหนักที่ จะเกิดขึ้นในการใช้งาน เหมาะกับงานขัดสี ลงแว็กซ์ ลงน้ำยา รวมไปถึงการทำความสะอาดยากๆจนไปถึงงานที่ต้องใช้ความแรงในการขัด


ฟองน้ำใช้สำหรับงานขัดมีทั้งงานขัดมือหรืองานขัดด้วยเครือง ที่เรียกว่า DA (Dual Action) ซึ่งเป็นเครื่องขัดที่สามารถทำความเร็วสูง สามารถขัดหน้าแล็คเกอร์เก่าที่เสื่อมหรือเกิดรอยขนแมวออกเพื่อเติมชั้นแล็คเกอร์ใหม่ เพื่อเคลือบแล็คเกอร์ใหม่ หรือโดยทั่วไปเรียกกันว่า “เคลือบแก้ว” นั่นเอง

5.ฟองน้ำนาโนขัดกระจก

ฟองน้ำนาโนเป็นฟองน้ำที่เพิ่งถูกคิดค้นขึ้นมาใหม่ ผลิตจากเมลามีนด้วยเทคโนโลยีระดับอนุภาคนาโนซึ่งทำให้เนื้อของฟองน้ำมีความละเอียดพิเศษที่สามารถขัดกระจกได้ดีสามารถดูดซับและเช็ดสิ่งสกปรกได้ และยังสามารถใช้ในงาน เซรามิก เครื่องหนัง พลาสติก เบาะหนัง เครื่องครัว รวมไปถึงคอนโซลรถ

การใช้ฟองน้ำให้ถูกกับลักษณะของการใช้งาน และทำความสะอาดให้ถูกประเภทถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเพราะนอกจากจะดึกประสิทธ์ภาพของน้ำยาที่ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดแล้ว ก็ยังทำให้พื้นผิวของรถไม่ถูกททำลายอีกด้วยนั่นเอง

ชั้นสีของรถยนต์เป็นแบบไหน ทำความเข้าใจได้ง่ายๆ

มารู้จักชั้นสีกันเถอะ..

ชั้นสีของรถยนต์นั้นจะมีการทับซ้อนถึง 5 ชั้นก่อนที่จะถึงเนื้อเหล็กรถโดยจะไล่จากด้านในจนไปถึงเหล็กด้านนอกเพื่อความเข้าใจง่ายๆนะครับ

ชั้นที่ 1 ชั้นตัวถัง (Body Panel)

ชั้นเหล็กของตัวถัง ซึ่งเหล็กเหล่านี้จะมีการชุบน้ำยาพิเศษด้วยประจุไฟฟ้า ทำให้ไม่เกิดสนิมจนทำให้เกิดการผุพังมักจะพบได้ในรถรุ่นใหม่ๆเท่านั้น

ชั้นที่ 2 ชั้นรองพื้น (Primer)

ชั้นรองพื้นหรือ สีรองพื้น ประกอบไปด้วย ยูริเทนหรือ อีพอกซี คุณสมบัติของสีรองพื้นนั้นมีหน้าที่ปรับความหนาและปรับผิวให้เรียบเสมอกัน อีกทั้งไม่ทำให้เหล็กเกิดสนิม หรือ เกิดช้าลง และยังมีประโยชน์ทำให้ชั้นสีติดได้ดียิ่งขึ้นส่งผลให้เกิดความเงางามเรียบเสมอของสีอีกด้วย

ชั้นที่ 3 ชั้นสีเคลือบ (Base Coat)

ชั้นสีเคลือบ หรือสีจริง ซึ่งประกอบไปด้วย พอลิเมอร์ และ เม็ดสี ที่เราเห็นกันทั่วๆไป แต่ละสีก็จะมีโทนสีแตกต่างกันขึ้นอยู่กับทางแบรนด์หรือโรงงานออกแบบให้มีลักษณะที่โดดเด่น โดยสามารถจำแนกได้เป็นรหัสต่างๆ ตามที่โรงงานกำหนดเป็นสีสูตรต่างๆไว้

ชั้นที่ 4 ชั้นเคลือบใส (Clear Coat)

เป็นชั้นที่สร้างความเงางามและมีความแข็งที่สุดของทุกชั้นผิว สามารถป้องกันรอยขีดข่วนได้ในระดับหนึ่ง

ชั้นที่ 5 ชั้นเคลือบหน้าสี (WAX Layer)

Car wash.

สีชั้นฟีล์มนอกสุดของรถจะมีหน้าที่สร้างความเงางาม และ ปกป้องหน้าสีได้ระดับหนึ่งซึ่งการเพิ่มประสิทธิภาพสามารถนำผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างชั้นฟีล์มเพิ่มเติมบนพื้นผิวนี้ได้อีกด้วย

ความเสียหายของสีเกิดจากอะไร?

ชั้นสีเหล่านี้สามารถเกิดความเสียหายได้จากการกระแทกหรือขีดข่วนจากของแข็ง ไม่ว่าจะเกิดจากการกระเด็นของเศษหิน การกระแทกของวัตถุ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดความเสียหายที่แตกต่างกันหลายระดับ หรือ แค่ผ้าที่ไม่สะอาดแล้วนำมาเช็ดบนผิวรถ ก็อาจจะทำให้เกิดรอบขนแมวได้แล้วนั่นเอง

มีวิธีกำจัดรอยขนแมวหรือไม่?

การกำจัดรอยขนแมวสามารถทำได้แต่จะต้องปรึกษากับทางช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการเข้าสู่กระบวนการขัดสีด้วยเครื่องขัดสี DA (Dual Action) เพื่อปรับสภาพชั้น Wax Layer เดิมออก และจึงนำเคลือบแก้วเติมชั้นนอกเข้าไปใหม่ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากๆ จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ใช้รถทั่วๆไป

แล้วถ้าไม่อยากเสียเงินเยอะ สามารถแก้ปัญหาเบื้องต้นได้หรือไม่?

ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์น้ำยาเคลือบสีตามท้องตลาดนั้นมีหลายแบบหลายยี่ห้อซึ่งมักจะอ้างว่า “สามารถลบรอยขนแมวได้” นั้นยังไม่ปรากฎว่าเป็นความจริง เพราะชั้นสีด้านนอกเมื่อเกิดความเสียหายแล้ว จะต้องทำการปรับหน้าความเสียหายออกเพื่อใส่ชั้นฟีลม์เข้าไปใหม่นั้นก็แลกกับค่าใช้จ่ายที่สูงมากๆ

รอยขนแมวสามารถลดได้ด้วยวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์เคลือบสึรถยนต์

ในปัจจุบันน้ำยาเคลือบสี สามารถสร้างชั้นฟีล์มเพื่อทำให้รอยต่างๆที่อยู่บนผิวตื้นขึ้นทำให้ริ้วรอยนั้นจางลง ซึ่ง น้ำยาเคลือบสี ก็มีคุณสมบัติที่จะช่วยทำให้รถของคุณทั้งลื่น และ เงางามซึ่งก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของแต่ละแบรนด์ผู้ผลิตอีกด้วยนั่นเอง

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติมได้ที่


หมุดเซนเซอร์ห้ามจอดรถอัจฉรียะ ของเล่นใหม่ของตำรวจจราจร

ตำรวจ จ. เชียงใหม่ได้ติดตั้งทดสอบระบบหมุดเซนเซอร์อัจฉรียะ ในจุดที่ห้ามจอดเส้นขาวแดงของถนน นิมมานเหมินทร์ เป็นจำนวน 171 จุด เพื่อส่งสัญญาณไปยังตำรวจพื้นที่รับผิดชอบมาทำการล็อกล้อเพื่อทำการเปรียบเทียบปรับ แก้ไขปัญหารถติด ลดใช้พลังาน คาดใช้เวลาในการทดสอบ 1-2 เดือน และยังเป็นต้นแบบ SMART CiTY เชียงใหม่

เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ทางตำรวจเชียงใหม่นำอุปกรณ์หมุดเซนเซอร์อัจฉรียะ เป็นที่แรก และยังได้ผลดีในการจัดระบบให้ผู้ใช้ถนนมีระเบียบและวินัยในการใช้ถนนสาธารณะมากขึ้น สำหรับหลักการทำงานของหมุดเซนเซอร์อัจฉรียะนี้คือถ้าหากมีการจอดทับบริเวณที่มีหมุด ทางหมุดจะทำการส่งสัญญาณไปยังเจ้าหน้าที่เพื่อแจ้งให้ตำรวจทราบและนำอุปกรณ์มาปฎิบัติหน้าที่นั่นเอง

หมุดเซนเซอร์ห้ามจอดรถ ถูกนำมาใช้เมื่อช่วงประมาณปลายปีที่แล้ว ซึ่งสามารถแก้ปัญหาการจราจรติดขัดอันเนื่องมาจากปัญหาการจอดรถขวางทางสัญจร ทำให้ผู้รถใช้ถนนไม่สามารถเดินทางสัญจรได้สะดวกนั่นเอง

แบตเตอรี่น้ำกับแห้งดูยังไง ง่ายนิดเดียว

แบตเตอรี่รถยนต์เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ในการเก็บกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้ในการสตาร์ทรถยนต์ หรือเลี้ยงอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องมีไฟเลี้ยงตลอดเวลา เช่นกล่อง ECU และปัจจุบัน
แบตเตอรี่รถยนต์มีหลากหลายแบบทั้งคุณภาพและศักยภาพของแบตแต่ละประเภทก็จะแตกต่างกันออกไปอีกด้วยสำหรับวันนี้จะมาแนะนำกันครับว่าแบตเตอรี่มีแบบไหนบ้างมาดูกันครับ

1. แบตเตอรี่ประเภทน้ำ

แบตเตอรี่ที่ประกอบไปด้วยสารชนิดตะกั่วกรด ส่วนผสมภายในแบตเตอรี่นั้นประกอบด้วยโลหะระหว่างตะกั่วกับพลวง แบตเตอรี่ประเภทนี้จะเหมาะสำหรับคนที่ค่อนข้างดูแลรถพอสมควร เพราะจะต้องหมั่นตรวจสอบระดับน้ำกลั่นเพราะความร้อนจะทำให้เกิดการระเหยของน้ำกลั่นจะต้องคอยเติมอยู่เสมอ เพื่อให้แบตเตอรี่น้ำนั้นอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานตลอดเวลา

2. แบตเตอรี่ประเภทแห้ง
แบตเตอรี่ประเภทแห้งจะมีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่า และมีประสิทธิภาพมากว่าแบบน้ำ ซึ่งประโยชน์ของแบตประเภทนี้คือ ไม่จำเป็นจะต้องดูแลและเอาใจใส่มากนักเพราะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของระดับน้ำอีกทั้งเพียงแค่สังเกตระดับของไฟฟ้าได้ผ่านจุดสังเกตระดับไฟ หรือที่เรียกกันว่า “ตาแมว” นั่นเอง

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติมหรือหากดู รถมือสอง สามารถดูได้ที่ kitsadagoodcar