สาระน่ารู้ » เมาแล้วขับ vs เสพสารเสพติดแล้วขับ ต่างกันอย่างไรในทางกฎหมาย

เมาแล้วขับ vs เสพสารเสพติดแล้วขับ ต่างกันอย่างไรในทางกฎหมาย

10 กันยายน 2025
384   0

อุบัติเหตุทางถนนในไทยมักเกี่ยวข้องกับสองพฤติกรรมเสี่ยงหลัก คือ เมาแล้วขับ และ เสพสารเสพติดแล้วขับ หลายคนอาจสงสัยว่าทั้งสองแบบนี้ต่างกันอย่างไรในเชิงกฎหมาย บทความนี้จะอธิบายให้ชัดเจน พร้อมเปรียบเทียบโทษและผลกระทบที่ควรรู้

เมาแล้วขับคืออะไร

เมาแล้วขับหมายถึง การขับรถขณะมีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

• สำหรับผู้ขับขี่ทั่วไป เกณฑ์คือเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

• สำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี หรือไม่มีใบขับขี่ หากตรวจพบแม้เพียงเล็กน้อยก็ถือว่ามีความผิด

โทษตามกฎหมาย

โทษของการเมาแล้วขับอาจเป็นทั้งจำคุก ปรับ และพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ ตัวอย่างเช่น

• จำคุกไม่เกิน 1 ปี

• ปรับ 5,000 – 20,000 บาท

• พักใช้หรือเพิกถอนใบขับขี่

• หากทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โทษจะรุนแรงขึ้น

เสพสารเสพติดแล้วขับคืออะไร

เสพสารเสพติดแล้วขับ หมายถึงการขับรถขณะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสารเสพติด เช่น ยาบ้า ยาไอซ์ กัญชา หรือสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทอื่น ๆ

โทษตามกฎหมาย

ความผิดนี้ถูกมองว่าร้ายแรงกว่าเมาแล้วขับ เนื่องจากส่งผลโดยตรงต่อระบบประสาท

• จำคุกไม่เกิน 3 ปี

• ปรับ 10,000 – 60,000 บาท

• พักใช้หรือเพิกถอนใบขับขี่

• หากพบการเสพหรือครอบครองสารเสพติด จะถูกดำเนินคดีเพิ่มเติม

ทำไมกฎหมายจึงเข้มงวดกับทั้งสองกรณี?

กฎหมายเข้มงวดเพราะทั้ง เมาแล้วขับ และ เสพสารเสพติดแล้วขับ ส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการขับขี่ เช่น:

• การตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินช้าลง

• สูญเสียการควบคุมรถ

• เพิ่มโอกาสเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง

• ก่อให้เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้ถนนร่วมกัน

สรุป

เมื่อเปรียบเทียบ เมาแล้วขับ vs เสพสารเสพติดแล้วขับ จะเห็นได้ว่าทั้งสองพฤติกรรมเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสังคม และกฎหมายกำหนดโทษที่แตกต่างกันตามความร้ายแรง โดยโทษของการเสพสารเสพติดแล้วขับจะหนักกว่าการเมาแล้วขับ เพราะมีผลต่อการรับรู้และพฤติกรรมโดยตรง