สาระน่ารู้ » หมอเตือน! พฤติกรรมแบบนี้ตอนขับรถ เสี่ยง “หลับใน”

หมอเตือน! พฤติกรรมแบบนี้ตอนขับรถ เสี่ยง “หลับใน”

19 ธันวาคม 2025
48   0

“หลับใน” คือหนึ่งในสาเหตุอุบัติเหตุบนท้องถนนที่รุนแรงที่สุด เพราะผู้ขับขี่ไม่สามารถควบคุมรถได้ในเสี้ยววินาทีที่สติหลุดไป ทำให้เกิดการพุ่งชนหรือแฉลบออกนอกเส้นทางโดยไม่ทันตั้งตัว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับและเวชศาสตร์การเดินทางต่างย้ำว่า หลายครั้งการหลับในไม่ได้เกิดจาก “ง่วงมาก ๆ” อย่างเดียว แต่เกิดจากพฤติกรรมบางอย่างที่คนขับทำจนกระทบระบบประสาทโดยไม่รู้ตัว ซึ่งถือเป็น พฤติกรรมเสี่ยงหลับในตอนขับรถ ที่คนไทยทำกันเป็นประจำโดยคิดว่า “ไม่น่าจะเป็นอะไร”

พฤติกรรมเสี่ยงหลับในตอนขับรถที่หมอย้ำว่า “อันตรายกว่าที่คิด”

แม้การง่วงจะดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่พฤติกรรมต่อไปนี้สามารถทำให้สมองเข้าสู่ภาวะ “ไมโครสลีป” (Micro Sleep) ในเวลาเพียง 1–10 วินาที ซึ่งเพียงพอให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรงได้

1. ขับรถหลังพักผ่อนไม่เพียงพอ

หลายคนคิดว่า “นอนไม่เต็มที่แต่ยังไหว” แต่หมอยืนยันว่า

  • แค่คุณนอนน้อยกว่า 5 ชั่วโมง ร่างกายจะมีโอกาสหลับในเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่า
  • แม้คุณจะรู้สึกว่าตัวเองตื่นอยู่ แต่สมองสามารถปิดการทำงานบางส่วนเฉียบพลันโดยไม่เตือนล่วงหน้า

นี่คือสาเหตุอันดับหนึ่งของการเกิดอุบัติเหตุทางไกล

2. เปิดเพลงดังเกินไปเพื่อฝืนความง่วง

หลายคนเชื่อว่าเปิดเพลงดัง ๆ แล้วจะตื่น แต่แพทย์กลับชี้ว่าเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความเครียด ทำให้สมองล้าเร็วขึ้น และเพิ่มความเสี่ยง “ไมโครสลีป”

สรุป : เพลงเพราะช่วยได้ แต่ดังเกินไปยิ่งทำให้ง่วงและหลับในง่ายขึ้น

3. ใช้มือข้างเดียวขับรถพร้อมถือมือถือ

การใช้มือถือระหว่างขับรถทำให้สมองแบ่งการรับรู้หลายส่วน จุดอันตรายคือ

  • สมองทำงานหลายอย่างพร้อมกัน เหนื่อยล้าเร็ว
  • โฟกัสถูกดึงออกจากถนน เกิดช่องว่างความสนใจ (Inattention Blindness)
  • เพิ่มโอกาส “ลืมว่ากำลังขับรถอยู่” ซึ่งเป็นสัญญาณก่อนหลับใน

แม้จะไม่เป็นง่วง ก็เสี่ยงอุบัติเหตุอย่างมาก

4. กินยาที่ทำให้ง่วงก่อนขับรถ

ยาเหล่านี้เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดหลับในแบบไม่รู้ตัว ได้แก่

  • ยาแก้แพ้
  • ยาแก้หวัด
  • ยาคลายกล้ามเนื้อ
  • ยานอนหลับ
  • ยาคลายกังวล

แพทย์เตือนว่าแม้จะกินแค่ครึ่งเม็ด ฤทธิ์ยาก็ยังทำให้สมองเข้าสู่ภาวะกดประสาทหลายชั่วโมง

5. ขับรถทางตรงยาว ๆ นานเกินไป

ทางตรง + ความเร็วคงที่ + วิวเดิมซ้ำ ๆ สมองเข้าสู่โหมดเบื่อ–ล้า จนเกิดภาวะ “อัตโนมัติขับรถ” (Highway Hypnosis)

อันตรายเพราะ

  • สติหลุดเป็นช่วง ๆ
  • ไม่รู้ตัวว่าขับเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
  • เสี่ยงกดคันเร่งค้าง
  • พุ่งออกนอกเส้นถนนโดยไม่รู้ตัว

6. เปิดแอร์เย็นจัดจนร่างกายผ่อนคลาย

การเปิดแอร์อุณหภูมิต่ำเป็นเวลานานทำให้

  • กล้ามเนื้อคลายตัว
  • ระบบประสาทลดการตื่นตัว
  • ร่างกายเข้าโหมดพักโดยไม่รู้ตัว

หมอระบุว่าอากาศเย็นเกินไปเป็นตัวเร่งให้หลับในเร็วขึ้น โดยเฉพาะกลางคืน

สัญญาณเตือนว่าคุณกำลังใกล้ “หลับใน” โดยไม่รู้ตัว

แพทย์ด้านการนอนหลับให้เช็กตัวเองตามนี้ ถ้าเกิดมากกว่าข้อใดข้อหนึ่ง ควรหยุดพักทันที

สัญญาณเสี่ยงหลับใน

  • หนังตาตกหรือกะพริบถี่
  • หาวบ่อยผิดปกติ
  • เริ่มมองถนนพร่า ๆ
  • ฟังเพลงหรือเสียงในรถไม่เข้าใจ
  • ขับรถแล้วรู้สึกเหมือน “เผลอไปแป๊บเดียว”
  • ไม่จำได้ว่าเพิ่งผ่านทางแยกหรือทางโค้งมาอย่างไร
  • ขับรถส่ายเล็กน้อยโดยไม่ได้ตั้งใจ
  • รู้สึกว่าคอพับหรือหัวทิ่ม

ถ้ามี 2–3 ข้อขึ้นไป เสี่ยงไมโครสลีปสูงมาก

วิธีป้องกันการหลับในที่หมอแนะนำ

1. พักผ่อนให้เพียงพอก่อนเดินทาง

  • นอนอย่างน้อย 7–8 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงการเดินทางไกลหลังทำงานหนักหรืออดนอน

2. หยุดพักทุก 2 ชั่วโมง หรือทุก 150 กิโลเมตร

ลงไปยืดตัว เดินรอบรถ หรือดื่มน้ำช่วยให้ร่างกายตื่นตัว

3. หลีกเลี่ยงการใช้มือถือ

ใช้งานเท่าที่จำเป็น เช่น GPS เท่านั้น

4. ปรับอุณหภูมิรถให้พอดี

อากาศเย็นเกินไปกระตุ้นให้หลับใน ควรปรับให้ไม่หนาวจนเกินไป

5. ดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มคาเฟอีนอย่างเหมาะสม

ช่วยให้ตื่นตัวได้ 3–4 ชั่วโมง แต่ไม่ควรดื่มมากจนเกิดใจสั่น

6. เปิดหน้าต่างรับลมบ้างกรณีรู้สึกง่วง

การเปลี่ยนสภาพอากาศช่วยให้สมองกระตุ้นตัวเองดีขึ้น

7. เลี่ยงการเดินทางช่วงตี 2–ตี 4

เป็นช่วงที่สมองง่วงที่สุด (Circadian Low) ตามนาฬิกาชีวภาพ

สรุปพฤติกรรมเล็ก ๆ แต่เสี่ยงอันตรายใหญ่

ภาวะหลับในไม่ใช่เรื่องไกลตัวและไม่เกิดกับแค่คนง่วงมาก ๆ เท่านั้น แต่เกิดจาก พฤติกรรมเสี่ยงหลับในตอนขับรถ ที่หลายคนมองข้าม เช่น นอนน้อย เปิดแอร์เย็นจัด ขับทางตรงนาน ๆ หรือใช้มือถือระหว่างขับรถ พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนทำให้สมองทำงานหนักเกินไปจนเข้าสู่ภาวะไมโครสลีปในเวลาเพียงไม่กี่วินาที

การป้องกันที่ดีที่สุดคือ

  • นอนให้พอ
  • หยุดพักเป็นระยะ
  • รู้ทันสัญญาณเตือน
  • ไม่ฝืนเมื่อร่างกายล้า

เพราะ “อุบัติเหตุ” อาจเกิดขึ้นได้ในเสี้ยววินาที และการขับขี่อย่างมีสติคือเกราะป้องกันชีวิตที่สำคัญที่สุดบนท้องถนน