สาระน่ารู้ » Blind Spot Monitor คืออะไร? ทำไมไม่ใช่รถทุกคันที่มี

Blind Spot Monitor คืออะไร? ทำไมไม่ใช่รถทุกคันที่มี

13 สิงหาคม 2025
71   0

Blind Spot Monitor คืออะไร? ทำไมไม่ใช่รถทุกคันที่มี

ในปัจจุบัน รถยนต์สมัยใหม่มีการติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยมากมายเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ หนึ่งในนั้นคือ ระบบเตือนมุมอับสายตา (Blind Spot Monitor) ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยผู้ขับตรวจสอบพื้นที่ที่มองไม่เห็นจากกระจกมองข้างหรือกระจกมองหลัง ระบบนี้อาจไม่ใช่อุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นรถ แต่จะพบได้บ่อยในรถระดับกลางขึ้นไป หรือในรุ่นท็อปของบางยี่ห้อ ทำให้หลายคนสงสัยว่า “ทำไมรถบางคันถึงมี แต่บางคันไม่มี” บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักระบบนี้ให้ลึกขึ้น พร้อมเหตุผลที่ทำไมผู้ผลิตจึงเลือกติดตั้งในบางรุ่นเท่านั้น สารบัญ

  1. ระบบเตือนมุมอับสายตา คืออะไร
  2. หลักการทำงานของ Blind Spot Monitor
  3. ทำไมรถบางคันถึงมีระบบนี้ แต่บางคันไม่มี
  4. ประโยชน์ของระบบเตือนมุมอับสายตา
  5. ข้อจำกัดของระบบเตือนมุมอับสายตา
  6. ควรเลือกรถที่มีระบบนี้หรือไม่?
  7. เคล็ดลับการใช้งานให้ปลอดภัย
  8. สรุป

ระบบเตือนมุมอับสายตา คืออะไร

ระบบเตือนมุมอับสายตา คือเทคโนโลยีช่วยขับขี่ที่ใช้เซนเซอร์หรือเรดาร์เพื่อตรวจจับยานพาหนะในพื้นที่มุมอับ ซึ่งผู้ขับไม่สามารถมองเห็นได้จากกระจกมองข้าง เมื่อมีรถอยู่ในจุดนี้ ระบบจะส่งสัญญาณเตือน เช่น ไฟกระพริบที่กระจกมองข้าง หรือเสียงแจ้งเตือน เพื่อให้ผู้ขับระมัดระวังก่อนเปลี่ยนเลน

หลักการทำงานของ Blind Spot Monitor

ระบบนี้มักทำงานโดยใช้เรดาร์หรือกล้องตรวจจับ ที่ติดตั้งบริเวณกันชนหลังหรือด้านข้างรถ หลักการคือ

  • ตรวจจับวัตถุในระยะที่กำหนด (โดยมากประมาณ 3–5 เมตร)
  • หากพบรถหรือมอเตอร์ไซค์ในมุมอับ จะมีสัญลักษณ์ไฟเตือนที่กระจกมองข้าง
  • บางรุ่นอาจมีเสียงเตือนหรือการสั่นของพวงมาลัยเมื่อผู้ขับเปิดไฟเลี้ยวในขณะที่มีรถอยู่ในมุมอับ

การตรวจจับด้วยเรดาร์หรือกล้อง

ชุดเรดาร์/อัลตร้าโซนิกหรือกล้องจะสแกนพื้นที่ด้านข้างและด้านหลังของรถอย่างต่อเนื่อง

การแจ้งเตือนผู้ขับ

แสดงไฟเตือนบนกระจกมองข้าง และอาจมีเสียงเตือน/สั่นพวงมาลัยเมื่อเปิดไฟเลี้ยว

ทำไมรถบางคันถึงมีระบบนี้ แต่บางคันไม่มี

ระดับและเกรดของรุ่นรถ

  • รุ่นสูง/รุ่นท็อปมักติดตั้งเป็นมาตรฐาน
  • รุ่นเริ่มต้น (Entry Level) มักตัดออปชันนี้เพื่อลดต้นทุน

ต้นทุนการผลิตและราคา

  • ต้องใช้เซนเซอร์ กล้อง และซอฟต์แวร์เฉพาะ ทำให้ราคาสูงขึ้น
  • หลายยี่ห้อเสนอเป็นแพ็กเกจเสริม (Optional Package)

ตลาดและความต้องการของผู้บริโภค

  • ตลาดที่เน้นความปลอดภัยสูง มักติดตั้งเป็นมาตรฐาน
  • ตลาดที่แข่งขันด้านราคา มักตัดออกเพื่อให้ราคาขายต่ำ

กฎระเบียบและมาตรฐานความปลอดภัย

  • บางประเทศบังคับให้ติดตั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับบางประเภท
  • ในประเทศไทยยังไม่มีข้อบังคับ ขึ้นกับนโยบายผู้ผลิต

ประโยชน์ของระบบเตือนมุมอับสายตา

เพิ่มความปลอดภัยในการเปลี่ยนเลน

  • ลดโอกาสการชนกับรถ/มอเตอร์ไซค์ที่อยู่ในจุดอับสายตา

ลดความเครียดของผู้ขับ

  • ไม่ต้องหันคอมองบ่อย ๆ เพื่อเช็กมุมอับ
  • ขับในเมืองหรือทางด่วนมั่นใจมากขึ้น

เหมาะกับสภาพถนนแออัด

  • ช่วยให้ตัดสินใจเปลี่ยนเลนได้เร็วและแม่นยำขึ้น

ข้อจำกัดของระบบเตือนมุมอับสายตา

  • อาจทำงานได้ไม่ดีในฝนตกหนัก หมอกหนา หรือเลนส์สกปรก
  • ไม่สามารถแทนที่การใช้สายตาและความระมัดระวังของผู้ขับ
  • มีโอกาสแจ้งเตือนผิดพลาดจากสิ่งกีดขวางเล็ก ๆ ข้างถนน

ควรเลือกรถที่มีระบบนี้หรือไม่?

เลือก หากคุณ:

  • ขับรถบ่อยบนทางด่วนหรือถนนหลายเลน
  • ต้องการลดความเสี่ยงจากการชนด้านข้างให้ต่ำที่สุด
  • ขับในเมืองที่จราจรหนาแน่นและมีมอเตอร์ไซค์เยอะ

อาจไม่จำเป็นมาก หากคุณ:

  • ขับในพื้นที่ชนบทที่การจราจรไม่หนาแน่น
  • มีวินัยการมองกระจกและตรวจเช็กหัวไหล่เป็นประจำ

เคล็ดลับการใช้ระบบเตือนมุมอับสายตาให้ปลอดภัย

  • อย่าพึ่งพาระบบ 100% ใช้ควบคู่กับการมองกระจกและหันศีรษะตรวจสอบ
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบเปิดใช้งานก่อนออกเดินทาง
  • ทำความสะอาดเซนเซอร์/กล้องอย่างสม่ำเสมอ

สรุป

ระบบเตือนมุมอับสายตา เป็นเทคโนโลยีช่วยขับขี่ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความมั่นใจ โดยเฉพาะในสภาพการจราจรที่หนาแน่น แม้จะไม่ใช่อุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นรถ แต่ถือว่าคุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุและเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่


อ่านต่อ: