เล่มทะเบียนหาย แจ้งความยังไง ขอใหม่ได้ไหม?


กรณีเล่มทะเบียนรถยนต์หาย ควรทำอย่างไร? วิธีขอเล่มทะเบียนใหม่

เล่มทะเบียนรถยนต์เป็นเอกสารสำคัญที่ใช้ในการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถ เช่น การโอนกรรมสิทธิ์หรือการต่อภาษีรถยนต์ หากเล่มทะเบียนหาย เจ้าของรถต้องดำเนินการอย่างไร? เรามีขั้นตอนและวิธีขอเล่มทะเบียนใหม่ที่คุณสามารถทำตามได้

ขั้นตอนการขอเล่มทะเบียนรถใหม่

  1. แจ้งความเรื่องเล่มทะเบียนรถหาย
    หากเล่มทะเบียนรถหาย เจ้าของรถต้องไปแจ้งความที่สถานีตำรวจโดยด่วน เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าเล่มทะเบียนหายจริง เนื่องจากเล่มทะเบียนอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด หากไม่ได้แจ้งความ จะไม่มีหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ในภายหลัง
  2. ขอเล่มทะเบียนใหม่ที่กรมการขนส่งทางบก
    หลังจากแจ้งความแล้ว เจ้าของรถสามารถไปที่กรมการขนส่งทางบกในจังหวัดที่จดทะเบียนรถยนต์ เพื่อทำการขอเล่มทะเบียนใหม่ โดยให้กรอกเอกสารคำขอและยื่นเอกสารที่จำเป็น พร้อมชำระค่าธรรมเนียมค่าคำขอและค่าธรรมเนียมอื่นๆ รวมทั้งรับบัตรคิวเพื่อรอการดำเนินการ เมื่อเสร็จสิ้นจะได้รับเล่มทะเบียนใหม่

เอกสารที่ต้องใช้ในการขอเล่มทะเบียนใหม่

  • ใบแจ้งความจากสถานีตำรวจ
  • บัตรประชาชนตัวจริงของเจ้าของรถ
  • หนังสือมอบอำนาจ (กรณีไม่สะดวกไปเอง)
  • สำหรับนิติบุคคลต้องมีหนังสือรับรองการจดทะเบียน พร้อมสำเนาบัตรประชาชนของผู้มีอำนาจลงนาม

 3. ความสามารถในการใช้เล่มทะเบียนใหม่กับไฟแนนซ์
แม้ว่าเล่มทะเบียนจะหายไป แต่รถยนต์ยังสามารถใช้ทำเรื่องไฟแนนซ์ได้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทไฟแนนซ์ อย่างไรก็ตาม เล่มทะเบียนใหม่จะไม่มีประวัติการโอนหรือการเปลี่ยนเจ้าของจากเล่มเก่า ทำให้บางครั้งการขายรถที่มีเล่มทะเบียนใหม่อาจเป็นเรื่องยากกว่า

4. การดำเนินการขอเล่มทะเบียนใหม่ที่ต่างจังหวัด
หากเจ้าของรถไม่สะดวกเดินทางไปขอเล่มทะเบียนใหม่ที่จังหวัดที่จดทะเบียน สามารถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นไปดำเนินการแทนได้ โดยจะต้องใช้หนังสือมอบอำนาจที่มีลายเซ็นต์ของเจ้าของรถ

5. การต่อภาษีกรณีเล่มทะเบียนหาย
ไม่สามารถต่อภาษีได้หากไม่มีเล่มทะเบียนรถ เนื่องจากเล่มทะเบียนเป็นเอกสารที่ใช้ยืนยันข้อมูลของรถยนต์ในการทำธุรกรรม หากเล่มทะเบียนหาย เจ้าของรถต้องทำเรื่องขอเล่มทะเบียนใหม่ก่อน จึงจะสามารถดำเนินการต่อภาษีได้

6. กรณีเจ้าของรถเสียชีวิต
หากเจ้าของรถเสียชีวิตและเล่มทะเบียนหาย เจ้าของรถใหม่ต้องไปดำเนินการโอนรถยนต์เป็นชื่อของตนเองตามกฎหมาย หลังจากนั้นจึงสามารถขอเล่มทะเบียนใหม่ได้ และหากรถติดไฟแนนซ์ เจ้าของใหม่ต้องติดต่อไฟแนนซ์เพื่อเปลี่ยนชื่อในระบบและดำเนินการต่อภาษีได้สรุป การทำเล่มทะเบียนใหม่ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการดำเนินการและให้ความสำคัญกับเอกสารต่างๆ ที่ต้องใช้เพื่อป้องกันปัญหาตามมาภายหลัง

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติมได้ที่

เปิดเพลย์ลิสต์!  5 แนวดนตรีแก้ง่วง เติมพลังขับรถไกล

ช่วงวันหยุดยาวแบบนี้ กฤษฎากู๊ดคาร์ ขอแนะนำแนวเพลงแก้ง่วงสำหรับการเดินทาง ให้ทุกคนได้ฟังเพลินๆ พร้อมเติมพลังความสดชื่นกันระหว่างขับรถ!

ร็อค
“มาจัดหนักกันหน่อยกับเสียงกีตาร์ไฟฟ้าและจังหวะกระแทกใจของเพลงร็อค! ไม่ว่าจะเป็นเฮฟวีเมทัลสุดเดือดที่ทำให้คุณฮึกเหิม อัลเทอร์เนทีฟที่โยกเบาๆ แต่ได้อารมณ์ หรือพังก์ที่จังหวะเร่งเร้า เพลงร็อคจะทำให้คุณไม่อยากหยุดโยกหัวและตะโกนเนื้อเพลงตามจนลืมง่วงไปเลย ลองเปิดลำโพงให้สุด แล้วขับไปกับจังหวะมันๆ รับรองว่าทริปนี้ไม่มีคำว่าง่วงแน่นอน!”

ฮิปฮอป
“ใครชอบจังหวะหนักๆ พร้อมเนื้อเพลงที่บอกเล่าเรื่องราวได้อย่างมีสไตล์ ต้องฮิปฮอปเท่านั้น! แร็ปเปอร์ไทยหรือเทศตอนนี้ฝีมือไม่ธรรมดาเลย จังหวะบีตของเพลงฮิปฮอปจะทำให้คุณเคาะนิ้ว โยกหัว หรือแม้กระทั่งแร็ปตามได้แบบไม่มีเบื่อ จะเรื่องรักๆ ใคร่ๆ หรือเนื้อหาจัดจ้าน คุณเลือกได้ตามความชอบ แต่ที่แน่ๆ เพลงพวกนี้จะช่วยให้คุณตื่นตัวตลอดเส้นทาง!”

ดิสโก้
“สำหรับสายกรู๊ฟต้องลองดิสโก้! ดนตรีที่เต็มไปด้วยจังหวะสนุกสนานและเสียงเครื่องเป่าจัดเต็มอย่างแซกโซโฟนหรือทรัมเป็ต ทำให้คุณอยากขยับแข้งขยับขาระหว่างขับรถ จังหวะนี้เหมือนพาตัวเองเข้าไปอยู่ในฟลอร์เต้นรำ ยังไงก็ไม่มีคำว่าง่วงแน่นอน ฟังแล้วเพลินจนลืมเส้นทางเลย!”

เร็กเก้/สกา
“เพลงเร็กเก้และสกาเหมาะกับการขับรถมากๆ ด้วยจังหวะสนุกสนานและความหลากหลายของเครื่องดนตรี โดยเฉพาะเครื่องเคาะหรือเพอร์คัสชั่นที่ช่วยเติมเสน่ห์ให้ดนตรีแนวนี้ไม่ซ้ำใคร ใครที่ลองเปิดเพลงแนวนี้รับรองว่าจะต้องร้องตามพร้อมโยกตัวไปตามจังหวะจนหายง่วงแน่นอน”

อีดีเอ็ม
“สายแดนซ์ต้องจัดเพลงแนวอีดีเอ็ม (Electronic Dance Music) เอาไว้ในลิสต์! ไม่ว่าจะเป็นจังหวะบีตหนักๆ หรือเมโลดี้ที่ปลุกพลังใจ เพลงอีดีเอ็มจะทำให้คุณลืมง่วงไปเลยทันที เปิดลำโพงในรถให้ดัง แล้วสนุกไปกับจังหวะตื๊ดๆ โยกหัว โยกไหล่ หรือจะเคาะนิ้วตามบีตก็ยังได้ แถมทำให้การขับรถของคุณมีสีสันขึ้นอีกเยอะเลย!”

สรุป “ไม่ว่าคุณจะชอบเพลงแนวไหน ลองเลือกสักสไตล์ที่ใช่ แล้วออกเดินทางไปพร้อมจังหวะที่ช่วยเติมพลังให้ทริปของคุณเต็มไปด้วยความสนุกและตื่นตัวตลอดเส้นทาง โตโยต้าแก่นนครขอให้ทุกคนเดินทางปลอดภัยและมีความสุขในทุกการเดินทาง!”

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

Nissan และ Honda เตรียมควบรวมกิจการเพื่อท้ายชน Tesla และ จีน

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บริษัทค่ารถยนต์อย่าง Honda Motor และ Nissan Motor กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการควบรวมกิจการ ตามแหล่งข่าวที่คุ้นเคยกับเรื่องนี้ ซึ่งทำให้เกิดคู่แข่งเหลือเพียงแค่รายเดียวในญี่ปุ่นก็คือ Toyota Motor

หลังจากที่มีการควบรวมกิจการหรือการจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งเกี่ยวกับทั้ง 2 บริษัททำให้หุ้นของนิสสันพุ่งสูงสุด 24% ในช่วงต้นของการซื้อขายเมื่อวันพุธขณะเดียวกันทำเอาหุ้นของ Honda ร่วงลงถึง 3.4%

แหล่งข่าววงในก็ได้ปรึกษาหารือเบื้องต้นเกี่ยวกับการควบรวมกิจการตัวเลือกหนึ่งที่กำลังพิจารณาคือการขยายไปถึงบริษัทค่ายรถอย่าง Mitsubishi Motors ซึ่งเคยมีการร่วมทุนกับนิสสันก่อนหน้านี้แล้ว

ซึ่งการรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ในลักษณะนี้ถือว่าเป็นแผนธุรกิจทั้ง Honda Nissan ปและ Mitsubishi เข้าด้วยกันโดยการรวมแบบนี้ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีทรัพยากรที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นเพื่อแข่งขันกับผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะหลักจาที่ Honda และ Nissan ได้มีการลดทอนพันธมิตรเดิมอย่างเรโนลต์ และ เรเนอรัล มอเตอร์ส

ทั้งนี้การควบรวมกิจการอาจจะช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์ทั้งสองรายสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในด้านรถไฟฟ้าทั้ง EV อย่าง Tesla และสงครามราคาอย่างยานยนต์แบรนด์จีน

อ่านข่าวสารยานยนต์เพิ่มเติม

ปลอดภัยจริงหรือ? ขับรถไฟฟ้า (EV) ลุยน้ำ

ขับลุยน้ำท่วมได้ไหม?

รถยนต์ไฟฟ้าสามารถขับผ่านน้ำท่วมได้ในระดับหนึ่ง เพราะได้รับการออกแบบมาอย่างดีเพื่อป้องกันน้ำเข้าเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้า แต่ควรจำกัดระดับน้ำให้ไม่เกินความสูงของล้อรถ (ประมาณ 40 ซม.) และหลีกเลี่ยงน้ำที่ไหลเชี่ยว หรือน้ำที่ท่วมขังนานๆ เพราะอาจส่งผลเสียต่อแบตเตอรี่และระบบภายในรถ เช่น การลัดวงจรที่สร้างความเสียหายได้

ฝนตกหนัก รถยนต์ไฟฟ้ารับมือได้ไหม?

ฝนตกไม่ใช่อุปสรรคสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เพราะตัวรถถูกป้องกันด้วยฉนวนไฟฟ้าคุณภาพสูง มีเซ็นเซอร์ตรวจจับไฟรั่ว และระบบป้องกันการลัดวงจรลงดิน คุณจึงสามารถใช้งานรถได้ตามปกติ แต่หากเจอพื้นที่ที่น้ำสูงเกินครึ่งล้อรถ การหาที่จอดพักจะปลอดภัยกว่า

ชาร์จแบตเตอรี่กลางฝนเสี่ยงไหม?

การชาร์จแบตรถยนต์ไฟฟ้าขณะฝนตกสามารถทำได้ โดยแท่นชาร์จและตัวรถถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อสภาพอากาศ แต่เพื่อความปลอดภัย ควรตรวจสอบแท่นชาร์จว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ และเช็ดบริเวณเต้ารับและหัวประจุให้แห้งก่อนใช้งาน เพื่อลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

สรุป
รถยนต์ไฟฟ้ามีความสามารถในการใช้งานท่ามกลางฝนและน้ำท่วม แต่ควรใช้อย่างระมัดระวังและหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เกินขีดจำกัดของรถ เพียงเท่านี้ก็สามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัยแม้ในหน้าฝน!


สาระน่ารู้รถยนต์ได้ที่


ถ้าไม่อยากติดดอยให้รอซื้อ BYD ในปีหน้า

เรียกได้ว่า ตลาดรถไฟฟ้า EV จากจีนนั้น ดุเดือดตาต่อตาฟันต่อฟัน เนื่องจากสงครามรถไฟฟ้ายังไม่จบนอกจากการแย่งชิงยอดขายแล้วมันคือการลดจำนวนตลาดรถจีนที่อยู่ในประเทศไทยให้ลดลง เพราะการเป็นหัวตารางทำให้เล็งเห็นถึงคุณภาพและความนิยมรวมไปถึงกลุ่มลูกค้าและจำนวนผู้ใช้อีกด้วย

ข่าวล่าสุดที่เชื่อกันว่า ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในปีหน้าจะต้องสั่นสะเทือนขึ้นอีกเนื่องจากการที่ BYD มีการประกาศกดดันให้บรรดาซัพพลายเออร์ที่สนับสนุนชิ้นส่วนให้กับแบรนด์ลงอีก 10% เพื่อสร้างความได้เปรีบบในเรื่องของราคาตลาดเพื่อการแข่งขันในการสร้างยอดขายให้กับรถพลังงานไฟฟ้าในปี 2025

สำนักงานข่าวสากลอย่าง Reuter ได้อ้างข้อมูลจากสำนักงานข่าวใหญ่ของจีน ซึ่งระบุว่า BYD บริษัทรถยนต์ของจีนได้ยื่นเรื่องขอให้ซัพพลายเออร์รายหนึ่งที่ไม่เปิดเผยชื่อให้ปรับลดราคาลงถึง 10% ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมในปีหน้า

ซึ่งเป็นสัญญาณสงครามราคาครั้งใหญ่ที่กำลังจะทวีความรุ่นแรงมากยิ่งขึ้นและข้อมูลเหล่านี้ไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการแต่อ่างอิงจากอีเมลที่มีการรั่วไหลออกมาในช่วงวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาของทาง BYD

ตามที่ระบุไว้ในอีเมลของ BYD มีการอ้างถึงยอดขายที่พุ่งสูงอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา BYD นั้นมีข้อได้เปรียบในเรื่องนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ทำให้เกิดข้อได้เปรียบของตลาด และห่วงโซ่อุปทานที่มีต้นทุนต่ำ ซึ่งจะส่งผลทำให้บริษัทสามารถบรรลุวัตถุประสงค์และยอดขายได้ ทำให้ BYD มีอำนาจในการต่อรองเหนือห่วงโซ่อุปทานจะเพิ่มขึ้นและแปรผันไปตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น

อ่านข่าวสารรถไฟฟ้า EV เพิ่มเติม

ตลาด EV หดตัวคนไทยเลิกเห่อรถ EV ดันความนิยมรถไฮบริดกำลังมาแรง

ความนิยมรถพลังงานไฟฟ้า EV จากผลสำรวจของ Global Automotive Consumer Study พบว่าความนิยมรถยนต์ไฟฟ้า Battery Electric Vehicle : BEV ของคนไทยลดลงจากปีที่ผ่านมา จาก 31% เหลือเพียงแค่ เหลือเพียงแค่ 20% ขณะที่เครื่องยนต์สันดาปภายในอยู่ในสัดส่วนของตลาดถึง 53%, 51%, และ 47% ตามลำดับ

เหตุผลหลักที่คนไทยเลือกใช้เป็น BEV คือต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านเชื้อเพลิง 73% เป็นเหตุผลเดียวกับการเลือกใช้ HEV/PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) ในอัตราส่วนที่เท่ากันที่ 73% ในขณะที่เหตุผลในการเลือกใช้ ICE อันดับแรกคือความกังวลทางด้านการชาร์จพลังงาน

โดยดีลอย์ดได้ทำการสำรวจผู้บริโภคจำนวนกว่า 27000 คน จาก 26 ประเทศทั่วโลก ในช่วงเดือน ก.ย. – ต.ค. 66 เกี่ยวกับความเห็นประเด้นสำคัญต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อภาคยานยนต์ โดยครอบคลุมผู้บริโภคในภูมิภายเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำนวน 5,939 คน ซึ่งรวมไปถึงผู้บริโภคคนไทยประมาณ 1,000 คนโดยดีลอย์ด ได้ทำการสำรวจคนไทยเมื่อเดือน เม.ย. 67 กับผู้บริโภคคนไทยอีก 330 คน

ผลสำรวจในปี 2567 พบว่าความนิยมของคนไทยในรถยนต์ไฟฟ้า BEV ลดลงจากปีที่ผ่านท่ จาก 31% เหลือเพียง 20% โดยรถยนต์เครื่องดันดาปภายใน ICE ยังคงเป็นทางเลือกอันดับที่ 1 แต่แนวโน้มลดลงมาเครื่องๆจาก 36% เหลือเพียง 32% ขณะที่รถยนต์ไฮบริด HEV กลายเป็นทางเลือกที่เพิ่มความนิยมเพิ่มขึ้นเกือบจะเท่ากับ BEV ที่ 9%

เรียกว่า ปัญหาหลักๆของความต้องการซื้อรถ EV ที่ลดลงนั้นกลุ่มลูกค้าเริ่มจะเห็นปัญหาของรถ EV ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทั้งเรื่องการชาร์จไฟฟ้า ระยะเวลาระยะทาง ความเสื่อมของอุปกรณ์ต่างๆภายในรถ EV ไฟฟ้าอย่างรวดเร็วรวมไปถึงราคาอะไหล่และอุปกรณ์ต่างๆนั้นเป็นสาเหตุหลักๆที่ทำให้หลายๆคนหันไปสนใจรถยนต์ EV น้อยลงแม้ว่าร้อยละ 63% จะยินดีซื้อแพคเกจค่าบำรุงรักษาแบบเหมาจ่ายและ 84% พร้อมยินดีที่จะซื้อแพคเกจประกันอุบัติเหตุสำหรับแบตเตอรี่ก็ตาม

อ่านข่าวสารเพิ่มเติม

5 ศัตรูตัวร้ายที่เป็นอันตรายต่อสีรถของคุณ

ทุกคนที่เป็นเจ้าของรถยนต์ย่อมอยากให้สีรถดูใหม่เหมือนวันแรกที่ออกจากโชว์รูม แม้ว่าบางคนอาจไม่ชอบล้างหรือดูแลรถเท่าไหร่นัก แต่การรักษาสีรถให้อยู่ในสภาพดีนั้นสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลีกเลี่ยงสิ่งใกล้ตัวที่อาจทำลายสีรถโดยไม่รู้ตัว หลายคนอาจมองข้าม แต่หากต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้บ่อยครั้ง อาจทำให้สีรถเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่คิด เรามาดูกันว่า 5 ศัตรูตัวร้ายที่อาจทำลายสีรถของคุณมีอะไรบ้าง และควรจัดการอย่างไร

1. คราบขี้นก
ปัญหายอดฮิตที่เจ้าของรถทุกคนต้องเคยเจอ ขี้นกไม่ได้แค่ทำให้รถดูสกปรกเท่านั้น แต่ยังมีกรดที่สามารถกัดกร่อนสีรถได้ หากปล่อยไว้นาน สีจะด่างและเสียหาย แนะนำให้เช็ดออกทันทีหรือรีบนำรถไปล้าง

2. คราบแมลง
แมลงที่ชนติดรถ โดยเฉพาะเวลาขับทางไกล อาจทิ้งร่องรอยไว้บนสีรถ เพราะของเหลวในตัวแมลงมีความเป็นกรด แม้จะไม่ร้ายแรงมาก แต่ถ้าทิ้งไว้นานอาจทำให้สีรถเสียหายได้ ควรรีบทำความสะอาดโดยเร็ว

3. ยางไม้
ยางไม้ที่หล่นมาเกาะติดรถ หากปล่อยไว้นานจะทำลายชั้นเคลือบสี และอาจซึมลึกจนแก้ไขยาก โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนของไทย แนะนำให้ล้างออกทันทีหากพบคราบยางไม้บนรถ

4. คราบยางมะตอย
พบได้บ่อยสำหรับผู้ที่ขับรถผ่านพื้นที่ก่อสร้างหรือถนนที่เพิ่งทำใหม่ คราบยางมะตอยสามารถเกาะแน่นบนตัวรถ โดยเฉพาะบริเวณสเกิร์ตและใต้ท้องรถ หากไม่รีบล้างออก อาจติดแน่นจนทำความสะอาดยาก

5. คราบปูนและน้ำเน่า
คราบปูนถือว่าเป็นภัยร้ายแรงที่สุด มักเกิดจากการขับใกล้ไซต์ก่อสร้าง หรือรถบรรทุกปูน หากปูนแห้งจะยึดติดกับสีรถอย่างถาวร รีบล้างออกทันทีที่พบคราบ เพื่อป้องกันความเสียหาย

เมื่อมีคราบติดบนรถ สิ่งสำคัญคือการรีบจัดการทันที อย่าปล่อยให้คราบฝังแน่นจนแก้ไขได้ยาก เพราะอาจทำให้สีรถของคุณเสียหายถาวร”

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม


เคล็ดลับง่ายๆ ในการดูแลรถหลังฝนตก

หลังจากขับรถลุยฝน อย่าพึ่งนิ่งนอนใจ เคล็ดลับง่ายๆ ในการดูแลรถของเราไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง วันนี้ กฤษฎากู๊ดคาร์ เลยมีทริคมาแนะนำในการดูแลรถหลังฝนตก ไปดูกัน

ไม่ควรจอดรถใต้ต้นไม้

เมื่อฝนตก การจอดรถใต้ต้นไม้อาจนำมาซึ่งปัญหาได้ เพราะทั้งเศษใบไม้ กิ่งไม้ เกสรดอกไม้ ร่วงหล่นใส่รถ ก็อาจทำให้รถของเราเกิดคราบได้ อีกทั้งถ้าโชคไม่ดี เจอพายุเข้า กิ่งไม้อาจหักหล่นทับรถของเราสร้างความเสียหายได้อีกด้วย

ล้างรถหลังฝนตกทันที

หลังจากขับรถตากฝนมา คราบฝุ่น โคลน สิ่งสกปรกต่างๆ ที่กระเด็นติดตัวรถ หากปล่อยไว้ให้แห้งก็จะเกิดคราบฝั่งแน่นติดที่ตัวรถทำให้รถของเราเสียหายได้ ดังนั้นควรรีบล้างรถหลังขับรถตากฝนทันที เพื่อป้องกันไม่ให้รถของเราเกิดคราบฝั่งติดตัวรถได้ โดยการล้างทำความสะอาดตัวรถและใช้ผ้าเช็ดรถให้แห้ง

ห้ามใช้ผ้าแห้งเช็ดรถทันที

เมื่อขับรถตากฝนมา หลายคนคงรีบหาผ้าแห้งมาเช็ดรถเพื่อไม่ให้รถเกิดคราบน้ำ หรือคราบสิ่งสกปรกติดฝังแน่นในตัวรถ แต่นี่เป็นพียงความเชื่อผิดๆ เนื่องจากหลังขับรถตากฝนมาแล้ว คราบสิ่งสกปรก ทั้งฝุ่น โคลน ที่ติดแน่นในตัวรถ หรือคราบโคลนที่กระเด็นติด น้ำฝนไม่สามารถล้างออกไปได้ทั้งหมด หากเราใช้ผ้าสะอาดเช็ดรถทันที จะทำให้รถเกิดรอยได้ ดังนั้นควรที่จะใช้น้ำสะอาดทำความสะอาดตัวรถ หรือล้างรถเสียก่อนค่อยใช้ผ้าแห้งเช็ดรถยนต์ทันที

เคลือบสีรถยนต์

การเคลือบสีรถหลังจากทำความสะอาดรถ มีประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากการเคลือบสีรถช่วยป้องกันการเกาะของน้ำ และคราบสกปรกได้อีกด้วย เมื่อรถของเราตากฝนมาแล้ว เราก็สามารถใช้น้ำสะอาดล้างคราบสกปรกออกได้อย่างง่ายดาย และยังสามารถช่วยรักษาสีรถของเราได้

 ตรวจเช็คระบบต่างๆ ในรถยนต์

เนื่องจากการขับรถตากฝน หรือลุยน้ำที่ท่วมขัง สิ่งที่ควรเช็คคือระบบต่างๆ ภายในรถยนต์ ทั้ง น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ เพราะหากมีรอยรั่ว อาจจะทำให้น้ำรั่วไหลเข้าไปปนส่งผลเสียให้กับเครื่องยนต์ได้ รวมทั้งระบบอื่นๆ ภายในเครื่องยนต์ หากเกิดการชำรุดจะทำให้เกิดปัญหาไฟฟ้าลัดวงจรได้ 

เคล็ดลับง่ายๆ ในการดูแลรถหลังฝนตก

หลังจากขับรถลุยฝน อย่าพึ่งนิ่งนอนใจ เคล็ดลับง่ายๆ ในการดูแลรถของเราไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง วันนี้ กฤษฎากู๊ดคาร์ เลยมีทริคมาแนะนำในการดูแลรถหลังฝนตก ไปดูกัน

ไม่ควรจอดรถใต้ต้นไม้

เมื่อฝนตก การจอดรถใต้ต้นไม้อาจนำมาซึ่งปัญหาได้ เพราะทั้งเศษใบไม้ กิ่งไม้ เกสรดอกไม้ ร่วงหล่นใส่รถ ก็อาจทำให้รถของเราเกิดคราบได้ อีกทั้งถ้าโชคไม่ดี เจอพายุเข้า กิ่งไม้อาจหักหล่นทับรถของเราสร้างความเสียหายได้อีกด้วย

ล้างรถหลังฝนตกทันที

หลังจากขับรถตากฝนมา คราบฝุ่น โคลน สิ่งสกปรกต่างๆ ที่กระเด็นติดตัวรถ หากปล่อยไว้ให้แห้งก็จะเกิดคราบฝั่งแน่นติดที่ตัวรถทำให้รถของเราเสียหายได้ ดังนั้นควรรีบล้างรถหลังขับรถตากฝนทันที เพื่อป้องกันไม่ให้รถของเราเกิดคราบฝั่งติดตัวรถได้ โดยการล้างทำความสะอาดตัวรถและใช้ผ้าเช็ดรถให้แห้ง

ห้ามใช้ผ้าแห้งเช็ดรถทันที

เมื่อขับรถตากฝนมา หลายคนคงรีบหาผ้าแห้งมาเช็ดรถเพื่อไม่ให้รถเกิดคราบน้ำ หรือคราบสิ่งสกปรกติดฝังแน่นในตัวรถ แต่นี่เป็นพียงความเชื่อผิดๆ เนื่องจากหลังขับรถตากฝนมาแล้ว คราบสิ่งสกปรก ทั้งฝุ่น โคลน ที่ติดแน่นในตัวรถ หรือคราบโคลนที่กระเด็นติด น้ำฝนไม่สามารถล้างออกไปได้ทั้งหมด หากเราใช้ผ้าสะอาดเช็ดรถทันที จะทำให้รถเกิดรอยได้ ดังนั้นควรที่จะใช้น้ำสะอาดทำความสะอาดตัวรถ หรือล้างรถเสียก่อนค่อยใช้ผ้าแห้งเช็ดรถยนต์ทันที

เคลือบสีรถยนต์

การเคลือบสีรถหลังจากทำความสะอาดรถ มีประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากการเคลือบสีรถช่วยป้องกันการเกาะของน้ำ และคราบสกปรกได้อีกด้วย เมื่อรถของเราตากฝนมาแล้ว เราก็สามารถใช้น้ำสะอาดล้างคราบสกปรกออกได้อย่างง่ายดาย และยังสามารถช่วยรักษาสีรถของเราได้

 ตรวจเช็คระบบต่างๆ ในรถยนต์

เนื่องจากการขับรถตากฝน หรือลุยน้ำที่ท่วมขัง สิ่งที่ควรเช็คคือระบบต่างๆ ภายในรถยนต์ ทั้ง น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ เพราะหากมีรอยรั่ว อาจจะทำให้น้ำรั่วไหลเข้าไปปนส่งผลเสียให้กับเครื่องยนต์ได้ รวมทั้งระบบอื่นๆ ภายในเครื่องยนต์ หากเกิดการชำรุดจะทำให้เกิดปัญหาไฟฟ้าลัดวงจรได้ 

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

5 สาเหตุที่รถจีนมีราคาที่ถูกกว่ารถตลาดอื่นๆ

เรียกว่าในปัจจุบันรถไฟฟ้านั้นเข้ามาทำส่วนแบ่งทางการตลาดไปได้เกินกว่าครึ่ง เพราะปัจจัยที่กระตุ้นความต้องการของลูกค้าที่กำลังหารถยนต์ไว้ใช้งานก็คือในเรื่องของอ๊อพชั่นที่ให้มามากกว่ารถยนต์แบรนด์จากทางยุโรป และ ญี่ปุ่น ถึงในบางรุ่นจะได้อ๊อพชั่นไม่เวอร์วังมากนัก แต่ก็กลับได้ในเรื่องของราคาที่เข้ามาประกอบการตัดสินใจของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดีและถ้าเทียบเอาความคุ้มค่าก็จะเห็นว่า รถไฟฟ้าจากจีนนั้นก็มีความคุ้มค่ากว่ารถเครื่องสันดาปจากญี่ปุ่นพอสมควรเลยทีเดียว

แล้วเคยสงสัยเหรือไม่ว่าทำไมรถไฟฟ้า EV Car จากจีนถึงสามารถทำราคาได้ถูกกว่ารถสันดาปจากชาติญี่ปุ่น ในบทความนี้ Kitsadagoodcar จะมาแชร์เหตุผล 5 ข้อให้เพื่อนๆได้อ่านดูครับ

ข้อที่ 1 การสนับสนุนจากรัฐบาล การสนับสนุนจากรัฐบาลจีนถือเป็นสิ่งสำคัญ และรัฐบาลจีนก็ให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเป็นอย่างมาก และมีนโยบายเสริมทั้งในเรื่องของภาษี การให้เงินอุดหนุนและการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ทั้งด้านการวิจัยและการพัฒนาทั้งด้านการผลิตและส่งเสริมการตลาด

ข้อที่ 2 เทคโนโลยีและความก้าวหน้าที่นวัตกรรม จีนมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วทั้งด้านการผลิตอุปกรณ์เก็บพลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้า และการผลิตมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งมีกำลังในการผลิตทั้งส่วนประกอบและวัตถุดิบที่สำคัญทำให้เป็นข้อได้เปรียบในเรื่องของทุนเป็นอย่างมาก

ข้อที่ 3 มีฐานการผลิตที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่ง ประเทศจีนถือเป็นประเทศที่ใหญ่และมีประชากรมากเพียงพอที่จะเป็นแรงงานในการผลิต อีกทั้งยังมีกำลังผลิตในจำนวนที่มาก และเมื่อมีกำลังผลิตมากก็ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยถูกลงอีกด้วย

ข้อที่ 4 จีนมี Supply Chain ที่แข็งแรง ซึ่งวัตถุดิบในการผลิตก็สามารถหาได้ตามภูมิศาสตร์ของประเทศจีนเองทำให้สามารถควบคุมต้นทุนการผลิตได้ในทุกๆขั้นตอนทำให้สามารถควบคุมต้นทุนของการผลิตได้ทั้งหมด ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบจนไปถึงการประกอบรถยนต์

ข้อที่ 5 การแข่งขันในตลาดสูง และแน่นอนว่าเมื่อประเทศจีนมีทุกอย่างในประเทศและสามารถผลิตประกอบเองได้ในทุกขั้นตอนทำให้ประเทศจีนมีการแข่งขันภายในประเภทสูงตามมาอีกด้วย เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด ทำให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์จากการแข่งขันนั้นก็คือราคาที่ถุกลงนั่นเอง

อย่างไรก็ตามการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ที่มาจากจีนไม่ควรคำนึงถึงแต่เรื่องของราคาเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่ควรพิจารณาในเรื่องของคุณภาพและการบริการหลังการขายต่างๆ รวมไปถึงปัญหาต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะยาวเช่นเวลาในการหาอะไหล่ ระยะเวลาในการรอซ่อม หรือการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าความไปถึงความมั่นคงของแบรนด์

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

สิ่งที่ควรเช็ค… หลังขับรถลุยน้ำอันตรายกว่าที่คิด

หลายคนไม่รู้ หลังขับรถลุยน้ำฝนที่ท่วมขัง หรือจอดแช่น้ำขังอยู่นานๆ อาจทำให้รถของเราเกิดความเสียหายรวมไปถึงอะไหล่บางส่วนอาจจะเกิดการสึกหรอหรือผิดปกติได้ดังนั้น สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือการดูแลและตรวจเช็คสภาพรถของเราว่าได้รับความเสียหายตรงไหนหรือไม่ วันนี้ กฤษฎากู๊ดคาร์ ได้รวบรวมเอาวิธีดูแลและตรวจเช็คสภาพรถหลังจากขับรถลุยน้ำมาให้แล้ว

1.ระบบเบรก

การขับรถลุยน้ำท่วม หรือน้ำขัง ควรตรวจเช็คระบบเบรกเนื่องจาก ชิ้นส่วนที่เป็นโลหะเมื่อโดนน้ำอาจเกิดสนิมและผ้าเบรคและจายเบรคเกิดความสกปรกจากฝุ่นหรือโคลนเปียก อาจทำให้เกิดความลื่น เป็นสาเหตุที่ทำให้ใช้ระยะในการเบรกมากยิ่งขึ้น ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน นอกจากนี้สิ่งปนเปื้อนที่มาจากน้ำยังสามารถทำให้เบรกติดขัด และอาจเกิดปัญหาภายหลังได้

2.ลูกปืนล้อ

สิ่งที่ต้องคอยสังเกต เมื่อรถขับลุยน้ำเป็นเวลานาน หรือบ่อยๆ อาจทำให้ลูกปืนล้อเกิดความเสียหายได้ เนื่องจากน้ำได้ชะล้างเอาจาระบีที่อยู่ในลูกปืนล้อออกไป จนทำให้ลูกปืนล้อขาดการหล่อลื่น และถ้าหากลุยน้ำเป็นเวลานานส่งผลให้ลูกปืนล้อเกิดสนิมและการกัดกร่อน ทำให้เกิดเสียงดังผิดปกติระหว่างขับขี่ไดเช่นกัน

3.เพลาขับและเฟืองท้าย

เมื่อเจอน้ำท่วมขังสูงจนมิดใต้ท้องรถ ควรรีบเช็คเพลาขับและเฟืองท้ายทันที เนื่องจากน้ำที่เข้าไปชะล้างจาระบีที่อยู่ภายใน ส่งผลให้ยางหุ้มเพลาเสื่อมลงและฉีกขาดได้ อีกทั้งน้ำที่เข้าสู่ท่อของน้ำมันเฟืองท้ายทำให้มีเสียงรบกวนออกมาเวลาขับ แก้ไขได้โดยการทาจาระบีใหม่ รวมถึงการเปลี่ยนยางหุ้มเพลา และเปลี่ยนถ่ายของเหลว

4. ระบบปรับอากาศ

เมื่อขับรถลุยน้ำท่วมบ่อยครั้ง ควรเช็คระบบปรับอากาศ เพราะความชื่นจะทำให้เกิดเชื้อรา กลิ่นอับชื้น หากน้ำเข้าไปภายในตัวถังและเกิดความชื้น  จะทำให้ภายในรถเริ่มมีกลิ่นสาบ กลิ่นไม่พึ่งประสงค์  ดังนั้นหลังจากขับรถลุยน้ำท่วมควรเช็คและทำความสะอาดไส้กรอง

5. น้ำมันเครื่อง

การขับรถลุยน้ำท่วมสูง อาจทำให้น้ำรั่วซึมเข้าไปปนเปื้อนกับน้ำมันเครื่อง โดยเราสามารถตรวจเช็คได้เองเบื้องต้น โดยการดึงก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องขึ้นมาดู หากพบว่ามีน้ำปนอยู่ ควรรีบนำรถเข้าศูนย์เพื่อเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทันที

อ่านสาระน่ารู้รถยนต์