ระบบเปลี่ยนโลก Telematics เทคโนโลยีที่จะช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน

Telematics เป็นเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน คาดว่าจะนำมาใช้ควบคู่กับระกันรถยนต์ในประเทศไทย หลังจากที่มีการเริ่มทดลองใช้ในหลายๆประเทศทางยุโรปแล้ว ทั้งอิตาลีและอเมริกา

ระบบ Telematics “เทเลเมติกส์” คืออะไร?

Telematics คือ ระบบตรวจสอบยานพาหนะที่นำเทคโนโลยี On-Board Diagnostics หรือ OBD ระบบวิเคราหะ์ข้อมูลการงานของยานพาหนะทั้งการทำงานของ Software และ Hardware ที่เป็นมาตราฐานของระบบรถยนต์ในปัจจุบันมาเชื่อมต่อกับระบบเทคโนโลยี GPS ที่สามารถใช้บอกพิกัดตำแหน่งของรถยนต์ได้

ระบบ Telematics เป็นระบบที่สามารถบันทึกพฤติกรรมของผู้ขับขี่รถยนต์ว่าขับขี่อย่างไร และสามารถทราบตำแหน่งของรถยนต์ได้

และยังสามารถรับรู้ได้ถึงความเร็วในการทาง ความเร็วเกินกำหนด การเลี้ยวโค้งแตะเบรก รวมถึงสามารถรับรู้ได้ถึง สถานะของเครื่องยนต์ และน้ำมันเชื้อเพลิงของยานพาหนะนั้นๆได้อีกด้วย

โดยเทคโนโลยี Telematics จะสื่อสานข้อมูลที่ได้รับผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ระหว่างยานพาหนะและศูนย์ควบคุมส่วนกลาง

โดยเป็นอุปกรณ์ที่จะคอบบันทึกพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละบุคคลอย่างละเอียด และสามารถเชื่อมต่อกับระบบของประกันโดยสามารถกำหนดค่ากรรมธรรม์ตามระยะที่ขับ Pay-As-You-Drive (PAYD) และยังวิเคราห์เพื่อให้รางวัลกับผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมดี โดยในต่างประเทศได้ผลพิสูจน์แล้วว่ามีอุบัติเหตุลดลงและสามารถคิดเบี้ยประกันอย่างเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น การยื่นเคลมก็ทำได้ง่ายขึ้น และสร้างความไว้วางใจระหว่างลูกค้าและบริษัทประกัน

โดย 1 ใน 3 ของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์อยู่ในช่วงอายถ 20-39 ปี โดยเฉลี่ย และนี่ไม่ได้สะท้อนเพียงปัญหาด้านความปลอดภัย แต่ยังส่งผลถึงทางด้านสาธารณะสุขของประเทศ ซึ่งระบบ เทเลเมติกส์ จึงเป็นโซลูชั่นในการวิเคราะห์รูปแบบความเสี่ยง แบ่งกลุ่มผู้ขับขี่ตามพฤติกรรม และยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมให้ดีมากยิ่งขึ้น

และเทเลเมติกส์จะเข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจประกันภัยจากที่ต้องตอยสนองเมื่อเกิดเหตุ กลายมาเป็นการป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ ดันนั้นการช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าใจและปรับปรุงพฤติกรรมของตนเองและยังช่วยลดอุบัติเหตุได้อีกด้วย

อ่านข่าวสารรถยนต์เพิ่มเติม

อนุรักษ์นิยมขั้นสุด ประธาน Toyota กล่าว จิตวิญญาณรถสปอร์ต จำเป็นต้องใช้เครื่องยนต์

เรียกว่าหลายๆคนเห็นคำกล่าวนี้ แทบจะอ้าปากค้างไปตามๆกันเลย

ล่าสุด นาย Akio Toyoda ประธานบริหารสูงสุดของ Toyota Motor ให้สัมภาษณ์กับสื่อ Automotive news เมื่อไม่นานมานี้ ว่า สำหรับเขาแล้ว รถสปอร์ตที่แท้จริงต้องมีกลิ่นของน้ำมันเบนซิน และ เสียงของเครื่องยนต์ ซึ่งความพยายามที่จะพัฒนารถสปอร์ตไฟฟ้ารุ่นล่าสุด ในความเป็นจริง Toyoda ไม่ได้มุ่งไปสู่ความเป็นหนึ่งในเรื่องรถสปอร์ตที่ให้มอเตอร์ขับเคลื่อนแทนรถเครื่องยนต์ Toyota แค่มีรถแบบนี้มาขายในอนาคตก็พอใจแล้ว ส่วนตัวเลขการทำความเร็วและระยะทาง รวมถึง ระยะเวลาในการชาร์จ คงต้องปล่อยให้แบรนด์อื่นเป็นผู้นำทางด้านนั้นไป

การพัฒนา Toyota FT-Se ซึ่งเป็นรถสปอร์ตไฟฟ้าที่เปิดตัวในเมื่อปี 2023 ล่าช้าเป็นอย่างมาก Toyota Sport EV ในเวอร์ชั่นสำหรับใช้งานบนท้องถนนน่าจะมีการเปิดตัวในปี 2028 หรืออาจจะล่าช้ากว่านั้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เริ่มไปให้ความสำคัญกับรถยนต์ไฟฟ้ามากขั้นทำให้การแข่งขันความเร็วทางเรียบมอเตอร์สปอร์ต มีขีดจำกันในด้านของแบตเตอรี่ ที่ทำให้ ประธาน Akio Toyoda มองข้ามรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้การแข่งขันนั้นมีความน่าตื่นเต้นเร้าใจให้กับคนดูลดน้อยลง เมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาปภายในที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ ทั้งกลิ่นของน้ำมันเชื้อเพลิงและเสียงที่จัดจ้านในการทำงานของเครื่องยนต์รถแข่ง

มุมมองของประธานใหญ่ Toyota ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมากต่ออุสาหกรรมยานยนต์ของโลก เนื่องจาก Toyoda มีประสบการณ์และเพรียบร้อมไปด้วยทีมที่ปรึกษาความเก่งกาจระดับโลก ในฐานะนักแข่งรถยนต์ Morizo ซึ่งเป็นชื่อที่ Toyoda ใช้ในวงการมอเตอร์สปอร์ต ประสบการณ์บนสนามแข่งของ Toyoda และทีมแข่ง Toyota ส่งผลต่อการปรบับจูนและพัฒนาสมรรถนะรถยนต์ที่ผลิตออกขายสู่ตลาด

การพัฒนา Toyota FT-Se ยังคงเดินหน้าต่อไป และ เข้าใกล้ขั้นตอนสุดท้ายของการทดสอบโดยมีเป้าหมายคือมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ขับเคลื่อนสี่ล้อ แบตแบตเตอรี่ รุ่นใหม่ ที่มีทั้งความเบาและเก็บไฟฟ้าได้มากกว่าเดิม มอเตอร์ประสิทธิ์ภาพสูงด้านหน้าและหลังจะทำให่ FT-Se สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาประมาณ 3 วินาที และ ไปถึงความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ยังคงมีคำถามที่ยังไม่มีคำตอบว่า รถยนค์ไฟฟ้ารุ่นนี้จะสามารถสร้างความตื่นเต้นเร้าให้ในการขับขี่ตามที่ Toyoda ให้ความสำคัญได้หรือไม่ เดาได้เลยว่าทำได้ เนื่องจากคนที่ลองขับ Toyota bZ4X ก็จะรู้ว่านี่คือรถยนต์ไฟฟ้าที่เหนือกว่าแบรนด์จีนไม่ใช่ระยะทาง แต่ที่ไดนามิกซึ่งคล้ายกับยานยนต์ไฟฟ้ายุโรป

เมื่อหลายปีก่อนผู้บริหารระดับสูงของ Toyota แสดงข้อกังขาเกี่ยวกับแนวทางการผลิตรถยนต์ EV ซึ่งมุ่งไปทางอุตสาหกรรมพลังงานทางเลือกทั้งการผลิตรถยนต์แบบHybrid และ ไฮโดรเจน ซึ่งเป้าหมายทั้งหมดนั้นคือการปล่อยคาร์บอนให้น้อยลง เพื่อสร้างอากาศให้สะอาดมากขึ้น

อ่านข่าวสารรถยนต์เพิ่มเติมได้ที่

ราชกิจจาฯ ประกาศใช้ ภาษีน้ำมัน เบนซิน-ดีเซล มีผลวันนี้

ราชกิจจานุเบกษาประกาศกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตร น้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล (ฉบับที่ 42) พ.ศ.2568 เริ่มมีผลใช้แล้ววันนี้

เมื่อวันที่ 7 พ.ศ.2568 มีรายงานว่าเว็บไซด์ ราชกิจจานุเบกษา ประกาศใช้กฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตร (ฉบับที่ 42) พ.ศ. 2568 ระบุว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนุ่ง แห่งพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิตร พ.ศ. 2560 รัฐมนตรีว่าการกระทรงการคลังออกกฎกระทรวงไว้ดังนี้

ข้อ 1. กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันจัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ข้อ 2. ให้ยกเลิกความใน (1) (2) (3) (4) และ (5) ในประเภทที่ 01.01น้ำมันเบนซิน และน้ำมันที่คล้ายกัน ตอนที่ 1 สินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ตามบัญชีท้ายกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 41) พ.ศ.2568 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

ข้อ 3. ให้ยกเลิกความใน (1) และ (2) ในประเภทที่ 01.05 น้ำมันดีเซล และน้ำมันอื่น ๆ ที่คล้ายกัน ตอนที่ 1 สินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ตามบัญชีท้ายกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 41) พ.ศ.2568 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

ข้อ 4. ให้ยกเลิกความใน (5) (5/1) (5/2) (5/3) (5/4) และ (5/5) ในประเภทที่ 01.05 น้ำมันดีเซล และน้ำมันอื่น ๆ ที่คล้ายกัน ตอนที่ 1 สินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ตามบัญชีท้ายกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 41) พ.ศ.2568 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

สำหรับเหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ ปัจจุบันราคาน้ำมันเดิมในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลงจึงเห็นสมควรเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันประเภทน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลเพื่อให้รัฐมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น อันเป็นการรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศและเสภียรภาพทางการคลังของรัฐ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้

ทำความรู้จัก ABS และ EBD ระบบเบรกขั้นเทพเพื่อความปลอดภัย

ในยุคที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการขับขี่ ระบบเบรกได้มีการพัฒนาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ โดยเฉพาะระบบ ABS (Anti-lock Braking System) และ EBD (Electronic Brake-force Distribution) ที่เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมในรถยนต์รุ่นใหม่ทั้งในส่วนของรถยนต์นั่งและรถยนต์เชิงพาณิชย์ ระบบเหล่านี้มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุและเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ในสภาพการเดินทางที่หลากหลาย

1. ระบบ ABS (Anti-lock Braking System)

ระบบ ABS คือระบบที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ล้อรถยนต์ล็อกตัวในขณะที่เบรกกะทันหัน ระบบนี้จะช่วยให้การควบคุมรถในขณะเบรกสามารถทำได้ดีขึ้น โดยทำการกระจายแรงเบรกให้เหมาะสมในแต่ละล้ออย่างสมดุล ซึ่งจะช่วยลดการลื่นไถลและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุในขณะเบรกกะทันหัน

2. ระบบ EBD (Electronic Brake-force Distribution)

ระบบ EBD ทำหน้าที่ในการกระจายแรงเบรกให้เหมาะสมตามน้ำหนักของรถยนต์ โดยจะช่วยปรับแรงเบรกระหว่างล้อหน้าและล้อหลังให้เหมาะสม เช่น เมื่อรถบรรทุกของหนักหรือมีผู้โดยสารมาก ระบบ EBD จะช่วยให้การเบรกมีความสมดุลและมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งทำให้รถหยุดได้เร็วและปลอดภัยมากขึ้น

3. การทำงานร่วมกันระหว่าง ABS และ EBD

ทั้งสองระบบนี้ทำงานร่วมกันเพื่อให้รถยนต์สามารถหยุดได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากที่สุด โดย ABS จะช่วยให้ล้อไม่ล็อกตัวและลดการสูญเสียการควบคุม ขณะที่ EBD จะกระจายแรงเบรกให้เหมาะสมกับสภาพน้ำหนักของรถ ซึ่งทำให้การเบรกมีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกสถานการณ์

ข้อดีของระบบ ABS และ EBD

  • ช่วยให้การควบคุมรถมีเสถียรภาพ: ป้องกันไม่ให้ล้อหรือล้อคู่หน้าหรือหลังล็อกตัวขณะเบรก
  • ลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุ: ทำให้รถหยุดได้ในระยะทางสั้นและปลอดภัยยิ่งขึ้น
  • ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่: ระบบจะทำงานอัตโนมัติเพื่อให้การขับขี่มีความเสถียรในทุกสภาพถนน

สรุป

การมีระบบ ABS และ EBD ในรถยนต์ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่อย่างมาก ระบบเหล่านี้จะทำงานร่วมกันเพื่อให้การเบรกมีความเสถียรและสามารถควบคุมรถได้ในสภาพถนนที่หลากหลาย เช่น ในเวลาฝนตก ถนนลื่น หรือการเบรกในสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อทั้งสองระบบทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จะช่วยให้ผู้ขับขี่มั่นใจและปลอดภัยยิ่งขึ้นในการเดินทางทุกครั้ง

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

ดอกเบี้ยสินเชื่อรถใหม่-มือสอง ปี 2568 ข้อแตกต่างก่อนตัดสินใจ

เปรียบเทียบดอกเบี้ยสินเชื่อรถใหม่-รถมือสอง ปี 2568

เมื่อพูดถึงการซื้อรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่หรือรถมือสอง สิ่งที่หลายคนกังวลคือ “ดอกเบี้ยสินเชื่อ” เพราะจะเป็นตัวแปรสำคัญในการตัดสินใจเรื่องงบประมาณที่ต้องใช้ในการผ่อนชำระระยะยาว ดังนั้นการเลือกสินเชื่อที่มีดอกเบี้ยต่ำที่สุดจึงเป็นเรื่องสำคัญ เรามาดูกันว่า สินเชื่อรถใหม่ กับ สินเชื่อรถมือสอง ปี 2568 แตกต่างกันอย่างไร

1. ดอกเบี้ยสินเชื่อรถใหม่

  • ดอกเบี้ยเริ่มต้น: ดอกเบี้ยสินเชื่อสำหรับรถใหม่โดยทั่วไปจะเริ่มต้นที่ประมาณ 2.5%-3.5% ต่อปี ขึ้นอยู่กับประเภทของรถที่ซื้อและเครดิตของผู้กู้
  • ระยะเวลาในการผ่อน: ส่วนใหญ่จะสามารถผ่อนได้นานถึง 7 ปี (84 เดือน) หรือบางกรณี 8 ปี
  • ข้อดี:
    • ดอกเบี้ยต่ำกว่ารถมือสอง
    • สามารถเลือกผ่อนได้ระยะเวลานาน ทำให้ค่าใช้จ่ายในการผ่อนแต่ละเดือนต่ำ
    • รถใหม่มีคุณภาพสูงกว่าและได้รับการรับประกันจากผู้ผลิต ทำให้มั่นใจได้ว่ามีความเสี่ยงจากการเสียหายน้อย

2. ดอกเบี้ยสินเชื่อรถมือสอง

  • ดอกเบี้ยเริ่มต้น: ดอกเบี้ยสินเชื่อรถมือสองมักจะสูงกว่าโดยเริ่มที่ประมาณ 5%-7% ต่อปี ขึ้นอยู่กับอายุของรถและสภาพรถ
  • ระยะเวลาในการผ่อน: โดยปกติจะผ่อนได้ไม่เกิน 5-6 ปี (60-72 เดือน)
  • ข้อดี:
    • ราคาในการซื้อรถมือสองมักจะต่ำกว่ารถใหม่
    • สามารถเลือกผ่อนได้ในระยะสั้นกว่า ทำให้ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเยอะเกินไป
    • รถมือสองอาจเหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด

3. ปัจจัยที่ส่งผลต่อดอกเบี้ยสินเชื่อ

  • อายุของรถ: รถใหม่จะมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า เนื่องจากมีความเสี่ยงน้อยกว่าในด้านการเคลมประกันหรือซ่อมแซม ส่วนรถมือสองยิ่งมีอายุมาก ดอกเบี้ยก็จะสูงขึ้น
  • เครดิตของผู้กู้: ผู้ที่มีเครดิตดีจะได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าผู้ที่มีเครดิตต่ำ โดยทั้งสินเชื่อรถใหม่และมือสองจะพิจารณาจากประวัติการเงินของผู้กู้
  • วงเงินสินเชื่อ: หากคุณขอสินเชื่อในวงเงินสูง อาจจะได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า เพราะบางสถาบันการเงินให้ดอกเบี้ยลดลงตามวงเงินที่อนุมัติ

4. เลือกสินเชื่ออย่างไรให้คุ้มค่า

  • หากคุณมีงบประมาณและไม่กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในอนาคต การเลือก รถใหม่ กับสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจะทำให้คุณมีการชำระเงินที่ค่อนข้างยืดหยุ่นและมั่นใจในคุณภาพ
  • แต่หากงบประมาณจำกัดและไม่ต้องการใช้เงินมาก การเลือก รถมือสอง อาจจะช่วยให้คุณประหยัดเงินในการซื้อรถได้มาก แต่ต้องระวังเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

สรุป

ทั้ง สินเชื่อรถใหม่ และ สินเชื่อรถมือสอง มีข้อดี-ข้อเสียต่างกันไปในแต่ละด้าน ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของผู้กู้ หากต้องการดอกเบี้ยต่ำและผ่อนยาว รถใหม่อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่หากต้องการประหยัดงบประมาณในการซื้อรถ รถมือสอง ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แม้ว่าจะมีดอกเบี้ยสูงกว่าก็ตาม

ทำไมการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องถึงสำคัญต่ออายุการใช้งานเครื่องยนต์

ทำไมการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็นประจำถึงสำคัญ?

การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะมันช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งาน นี้คือเหตุผลหลักที่การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องมีความสำคัญ

  1. ลดการเสียดสีและความร้อน: น้ำมันเครื่องช่วยหล่อลื่นชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ เช่น ลูกสูบและแกนเพลาข้อเหวี่ยง ซึ่งลดการเสียดสีและช่วยระบายความร้อน ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้ราบรื่นและลดความเสี่ยงจากการร้อนเกินไป
  2. ขจัดสิ่งสกปรก: น้ำมันเครื่องใหม่ช่วยขจัดสิ่งสกปรก เช่น เขม่า ฝุ่นละออง และเศษโลหะที่สะสมในเครื่องยนต์ การขจัดสิ่งเหล่านี้จะช่วยป้องกันการกัดกร่อนและการเสียหายของชิ้นส่วนต่างๆ
  3. ป้องกันการกัดกร่อนและสนิม: เมื่อใช้งานไปนานๆ น้ำมันเครื่องจะเสื่อมสภาพ และไม่สามารถป้องกันการกัดกร่อนจากความร้อนและความชื้นได้เหมือนตอนแรก การเปลี่ยนช่วยป้องกันการเกิดสนิมและรักษาสภาพของเครื่องยนต์
  4. เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้: น้ำมันเครื่องใหม่ช่วยให้การเผาไหม้ในเครื่องยนต์เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ประหยัดน้ำมัน และลดการปล่อยมลพิษ
  5. ยืดอายุเครื่องยนต์: การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องช่วยลดการสะสมของคราบสกปรกในเครื่องยนต์ ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ราบรื่นและยืดอายุการใช้งาน ช่วยลดโอกาสในการเกิดปัญหาหรือการซ่อมแซมที่มีค่าใช้จ่ายสูง
  6. ประหยัดค่าใช้จ่ายระยะยาว: การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะที่แนะนำ (ทุก 5,000 – 10,000 กิโลเมตร) จะช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานเครื่องยนต์ที่มีน้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพ ซึ่งอาจทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมในอนาคต
  7. รักษาประสิทธิภาพในการขับขี่: เมื่อเครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รถยนต์ก็จะขับขี่ได้ดีขึ้น ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางและให้ประสบการณ์การขับขี่ที่ดีขึ้น

การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็นประจำช่วยให้รถยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากการซ่อมแซมที่ไม่จำเป็น และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว ดังนั้นควรใส่ใจการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่แนะนำ เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยและยั่งยืน

อ่านข่าวสารสาระน่ารู้เพิ่มเติม

เสริมโชคปีมะเส็งกับ 8 เคล็ดลับดูแลรถรับตรุษจีน

เสริมโชคดีต้อนรับปีมะเส็งด้วยเคล็ดลับการดูแลรถยนต์ในช่วงตรุษจีน

รถยนต์เป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงและสำคัญสำหรับหลายๆ คน และในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ถือเป็นเวลาของการเริ่มต้นใหม่ การเสริมโชคลาภและความเจริญรุ่งเรืองผ่านการดูแลรถยนต์จึงเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญ โดยเฉพาะในปีมะเส็งนี้ การดูแลรถให้พร้อมทั้งด้านการใช้งานและความมงคล จะช่วยเสริมโชคดีให้กับเจ้าของรถตลอดทั้งปี 2568 ดังนั้น กฤษฎา กู๊ด คาร์ ขอแนะนำเคล็ดลับในการเสริมโชคดีต้อนรับปีมะเส็งผ่านการดูแลรถยนต์ที่ง่ายและได้ผลจริง

1. ทำความสะอาดรถก่อนวันตรุษจีน

ตามความเชื่อดั้งเดิมของชาวจีน การทำความสะอาดบ้านก่อนวันตรุษจีนจะช่วยขับไล่สิ่งไม่ดีและโชคร้ายออกไป การทำความสะอาดภายนอกและภายในรถก็เช่นเดียวกัน การเริ่มต้นปีใหม่ด้วยรถที่สะอาดจะช่วยเสริมดวงและขจัดพลังงานลบออกไป อย่าลืมทำความสะอาดรถก่อนวันตรุษจีน เนื่องจากการทำความสะอาดในวันตรุษจีนอาจเป็นการปัดกวาดโชคลาภออกไปได้

2. เลือกสีรถที่เป็นมงคล

สีของรถถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดโชคลาภและความเจริญรุ่งเรือง ตามความเชื่อของฮวงจุ้ย สีแดงและสีเหลืองในปีมะเส็งจะช่วยเสริมดวงให้กับเจ้าของรถได้อย่างมาก

  • สีแดง: เป็นสีของธาตุไฟ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสีที่นำโชคดีและขับไล่วิญญาณร้าย
  • สีเหลือง: หมายถึงธาตุดิน ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของพลัง ความมั่งคั่ง และโชคลาภ

3. วางส้มในรถเพื่อเสริมโชค

ส้มเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองและโชคลาภในวัฒนธรรมจีน ในช่วงเทศกาลตรุษจีน การวางส้มสองลูกบนแผงหน้าปัดรถเชื่อว่าจะช่วยดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต และเสริมโชคให้กับเจ้าของรถตลอดปี

4. หลีกเลี่ยงของมีคม

ตามความเชื่อของชาวจีน ของมีคมสามารถขัดขวางโชคลาภและพลังงานบวก ดังนั้น ควรเก็บของมีคมให้พ้นจากสายตาในทั้งบ้านและรถ เพื่อป้องกันการตัดโชคลาภออกไป

5. นำรถเข้ารับบริการ

การตรวจเช็คสภาพรถและการบำรุงรักษารถก่อนวันตรุษจีนจะช่วยให้รถพร้อมใช้งานในช่วงเทศกาล พร้อมเสริมโชคลาภให้กับเจ้าของ การให้บริการที่ดีจะช่วยเสริมความมั่งคั่งและทำให้การขับขี่สะดวกสบายตลอดปี

6. ประดับรถด้วยของสีแดง

หากรถของคุณมีสีแดงหรือสีเหลืองอยู่แล้ว การเสริมโชคสามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการประดับรถด้วยของสีแดง เช่น การแขวนของมงคลที่มีสีแดงบนกระจก ซึ่งจะช่วยเสริมโชคลาภให้เจ้าของรถ

7. เปิดหน้าต่างรถเพื่อรับโชค

การเปิดหน้าต่างบ้านในช่วงตรุษจีนถือเป็นการเชิญโชคและความมั่งคั่งเข้ามาในบ้าน เช่นเดียวกับการเปิดหน้าต่างรถในช่วงเทศกาลตรุษจีนเพื่อดึงโชคดีมาสู่เจ้าของรถ

8. เก็บน้ำไว้ที่หน้ารถ

น้ำถือเป็นสัญลักษณ์ของการชำระล้างและความสะอาดในฮวงจุ้ย ดังนั้นการวางขวดน้ำที่หน้ารถจะช่วยเสริมโชคลาภให้กับเจ้าของรถ และช่วยให้รถขับเคลื่อนไปในทางที่ดีสรุป
ตรุษจีนเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นใหม่และต้อนรับสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต การดูแลรถยนต์ให้พร้อมทั้งด้านการใช้งานและความมงคลตามเคล็ดลับต่าง ๆ จะช่วยเสริมโชคและทำให้ปีมะเส็งนี้เป็นปีที่เต็มไปด้วยความสุข ความสำเร็จ และความมั่งคั่ง กฤษฎา กู๊ด คาร์ ขอให้ทุกท่านโชคดีและพบเจอแต่สิ่งดี ๆ ในปีใหม่จีนนี้ครับ

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม


ช่องทางต่อภาษีรถยนต์ในวันเสาร์-อาทิตย์ ปี 2568 ที่สะดวกและง่ายต่อการใช้งาน

การต่อภาษีรถยนต์เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องทำ เพื่อให้รถยนต์สามารถใช้งานได้ตามกฎหมาย แต่การต่อภาษีในวันธรรมดาอาจทำให้หลายคนต้องเผชิญกับปัญหาความสะดวก เพราะอาจตรงกับเวลาทำงานหรือภารกิจส่วนตัว แต่ในปัจจุบันกรมการขนส่งทางบกได้เปิดช่องทางใหม่สำหรับการต่อภาษีในวันเสาร์-อาทิตย์แล้ว เพื่อเพิ่มความสะดวกและช่วยให้ทุกคนสามารถดำเนินการได้อย่างง่ายดาย

ช่องทางการต่อภาษีรถยนต์ในวันเสาร์-อาทิตย์

1. ต่อภาษีออนไลน์
การต่อภาษีออนไลน์เป็นตัวเลือกที่สะดวกและรวดเร็วสำหรับทุกคน สามารถทำได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชันต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง:

  • เว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก: www.eservice.dlt.go.th
  • แอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax: ดาวน์โหลดเพื่อใช้งานบนสมาร์ทโฟน

วิธีการต่อภาษีออนไลน์:

  1. เข้าสู่เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน
  2. ลงทะเบียนและกรอกรายละเอียดข้อมูลรถยนต์
  3. ชำระภาษีออนไลน์และเลือกช่องทางการชำระเงิน
  4. รับป้ายภาษีทางไปรษณีย์ภายใน 5 วันทำการ

2. จุดบริการ “Shop Thru for Tax” (ช็อปให้พอ แล้วต่อภาษี)
หากคุณสะดวกไปต่อภาษีด้วยตนเองในวันเสาร์-อาทิตย์ สามารถไปที่จุดบริการภาษีที่ห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง เช่น:

  • บิ๊กซี: สาขาบางปะกอก, บางบอน, ลาดพร้าว, รามอินทรา, สำโรง และอีกหลายสาขา (เวลาให้บริการ: 9.00 – 17.00 น.)
  • เซ็นทรัล: สาขาเวสต์เกต, แจ้งวัฒนะ, ศาลายา, เวิลด์ และอีกหลายสาขา (เวลาให้บริการ: 10.00 – 17.30 น.)

3. ตู้ Kiosk (ตู้รับชำระภาษีอัตโนมัติ)
ตู้ Kiosk เป็นช่องทางที่สะดวกสำหรับการต่อภาษีรถยนต์ โดยคุณสามารถลงทะเบียนและชำระภาษีผ่านตู้ได้ทันที โดยมีบริการตู้ Kiosk ที่สำนักงานขนส่งในกรุงเทพฯ เช่น สาขาบางขุนเทียน, ตลิ่งชัน, สุขุมวิท เป็นต้น

4. เคาน์เตอร์เซอร์วิส
สามารถไปที่เคาน์เตอร์เซอร์วิสทุกสาขาเพื่อชำระภาษี โดยเตรียมเอกสารเช่น บัตรประชาชน, สำเนาเล่มทะเบียน และประกันภัย พ.ร.บ. โดยมีค่าบริการเพิ่มเติมเล็กน้อย เช่น 20 บาท สำหรับบริการและ 40 บาทสำหรับค่าจัดส่งป้ายภาษี

ข้อควรรู้เกี่ยวกับการต่อภาษี

  • คุณสามารถต่อภาษีล่วงหน้าก่อนวันหมดอายุได้สูงสุด 3 เดือน
  • หากขาดต่อภาษีเกิน 1 เดือน จะมีค่าปรับ 1% ต่อเดือน
  • หากขาดต่อเกิน 3 ปี ป้ายทะเบียนจะถูกยกเลิก และคุณจะต้องไปขอทะเบียนใหม่

การต่อภาษีในวันเสาร์-อาทิตย์ช่วยให้คุณสามารถจัดการได้อย่างสะดวกและไม่พลาดกำหนดเวลา อย่าลืมเช็ควันหมดอายุภาษีของคุณและเลือกช่องทางที่เหมาะสมในการต่อภาษีรถยนต์!

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

ทำไมข้าราชการ ถึงได้สิทธิโปรโมชันรถยนต์ดีกว่าคนอื่น?

1. ข้าราชการ: กลุ่มลูกค้าที่น่าเชื่อถือ
ข้าราชการถือว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่นคงทางการเงิน ด้วยรายได้ประจำและสถานะหน้าที่การงานที่น่าเชื่อถือในสายตาของธนาคารและดีลเลอร์รถยนต์ ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระค่างวดจึงต่ำ ส่งผลให้ผู้ขายและผู้ปล่อยสินเชื่อมั่นใจในการมอบสิทธิพิเศษ เช่น ดอกเบี้ยต่ำกว่า หรือส่วนลดเงินดาวน์

2. สิทธิพิเศษจากความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน
ผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่ายรถยนต์หลายรายมักมีความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เช่น ข้อตกลงด้านราคาพิเศษ หรือโครงการส่งเสริมการขายที่ออกแบบมาสำหรับข้าราชการโดยเฉพาะ เพื่อเพิ่มยอดขายและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่แบรนด์

3. ข้าราชการ: กลุ่มลูกค้าที่มีอิทธิพลในสังคม
ข้าราชการมักมีเครือข่ายในสังคมและสามารถมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของคนรอบข้าง การดึงดูดกลุ่มลูกค้านี้ด้วยโปรโมชันพิเศษจึงเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและได้รับการแนะนำต่อในวงกว้าง

4. สวัสดิการพิเศษที่ต่อยอดความคุ้มค่า
หน่วยงานราชการหลายแห่งมอบสวัสดิการพิเศษ เช่น เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หรือเงินช่วยเหลือในการซื้อรถยนต์ ซึ่งช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของข้าราชการลงอีกขั้น และทำให้การตัดสินใจซื้อรถใหม่ง่ายขึ้น

5. ตัวอย่างโปรโมชันที่มักจัดให้ข้าราชการ

  • ดอกเบี้ยต่ำพิเศษ เริ่มต้น 0%
  • ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1-3 ปี
  • ส่วนลดเงินดาวน์สูงสุด 10-20%
  • แพ็กเกจบำรุงรักษารถฟรีในระยะยาว

6. เอกสารที่ข้าราชการต้องใช้ในการขอโปรโมชันพิเศษ

  • บัตรข้าราชการตัวจริง
  • หนังสือรับรองเงินเดือนหรือสลิปเงินเดือน
  • เอกสารรับรองสถานะจากต้นสังกัด (หากมี)

7. เหตุผลสำคัญ: ทำไมโปรโมชันถึงพิเศษกว่าคนทั่วไป
นอกจากเรื่องความน่าเชื่อถือและความมั่นคงทางการเงินแล้ว โปรโมชันสำหรับข้าราชการยังสะท้อนถึงกลยุทธ์การตลาดที่เน้นสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาวกับกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ ไม่เพียงช่วยเพิ่มยอดขายในปัจจุบัน แต่ยังสร้างฐานลูกค้าที่มั่นคงในอนาคต


การที่ข้าราชการได้รับโปรโมชันพิเศษในการซื้อรถยนต์ป้ายแดง ไม่ใช่แค่เรื่องของตำแหน่งงาน แต่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางการเงินและกลยุทธ์ทางการตลาดของผู้ขายที่ต้องการเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพสูงนั่นเอง

อ่านสาระน่ารู้เพิ่มเติม

ฝันเกี่ยวกับ “รถ” มีความหมายอย่างไร? พร้อมเลขเด็ด

หากคุณฝันถึงรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ที่หายหรือเหตุการณ์อื่น ๆ อย่าเพิ่งตื่นตกใจ เพราะความฝันเหล่านี้อาจมีความหมายดีซ่อนอยู่ วันนี้เราได้รวบรวมคำทำนายฝันเกี่ยวกับรถยนต์ พร้อมเลขมงคลสำหรับเสี่ยงโชคมาให้แล้ว ไปดูกันเลย!

ฝันว่ารถหาย

ไม่ต้องตกใจไป หากฝันว่ารถหาย เพราะความฝันนี้มีความหมายดีซ่อนอยู่ อาจบอกได้ว่าคุณกำลังจะได้รับโชคลาภ หรือเงินก้อนโตจากผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ นอกจากนี้ยังหมายถึงความพยายามและความตั้งใจในสิ่งที่ทำ กำลังจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า
เลขมงคล: 4, 23, 95, 632, 432 (หรือเลขทะเบียนรถของคุณ)

ฝันว่าได้ขับรถ

ความฝันนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการโยกย้ายงาน ย้ายที่อยู่อาศัย หรือการปรับเปลี่ยนในความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
เลขมงคล: 3, 6, 11, 40, 55, 106, 224, 613

ฝันว่ารถเกิดอุบัติเหตุ

  • รถชนแต่ไม่เจ็บ: คุณอาจพบเจอคนแปลกหน้าที่นำความยุ่งยากมาให้
  • รถชนหลายคัน: โอกาสในงานใหม่ ๆ กำลังมาถึง
  • รถเฉี่ยวชนแต่ไม่เจ็บ: ปัญหาที่เจอจะผ่านไปได้อย่างง่ายดาย
  • รถชนจนเลือดออก: ลาภจากผู้ใหญ่กำลังจะมาถึง
  • รถชนพังยับ: แม้จะดูเหมือนลางร้าย แต่จริง ๆ แล้วคุณมีเกณฑ์ได้รับทรัพย์
    เลขมงคล: 7, 17, 77, 715

ฝันเห็นรถบรรทุกศพ

ไม่ว่าจะเห็นรถบรรทุกศพหรือคนแบกโลงศพผ่านหน้า ฝันนี้เป็นสัญญาณของโชคลาภหรือข่าวดีที่จะมาถึงในเร็ววัน
เลขมงคล: 0, 40, 440, 446

ฝันว่าซื้อรถใหม่

  • รถป้ายแดง: ระวังเรื่องความขัดแย้งกับผู้ใหญ่
  • รถมือสอง: อาจมีการเดินทางไกลหรือโยกย้าย
    เลขมงคล: 5, 18, 33, 83

ฝันว่ารถไฟไหม้

ให้ระวังคำพูดที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งในเรื่องงานหรือความสัมพันธ์ นอกจากนี้ยังอาจเป็นสัญญาณของการสูญเสียทรัพย์
เลขมงคล: 03, 15, 58

ฝันว่ารถเสีย

เป็นสัญญาณให้ใส่ใจสุขภาพของผู้ใหญ่ในบ้านให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ฝันนี้อาจทำนายได้ถึงข่าวดีในเรื่องงาน
เลขมงคล: 4, 8, 27, 726

ฝันเห็นรถของตัวเอง

ถ้าเห็นรถของตัวเองในฝัน แปลว่าความสำเร็จและความก้าวหน้าในหน้าที่การงานกำลังมาถึง
เลขมงคล: 1, 6, 7, 58, 295

ฝันเห็นรถคันหรู

หากคุณฝันเห็นรถยนต์คันหรูราคาแพง ความฝันนี้สื่อถึงความมั่งคั่งและความสำเร็จที่กำลังมาถึง อาจหมายถึงการได้รับผลตอบแทนจากความพยายามที่ผ่านมา หรือโอกาสดี ๆ ในหน้าที่การงานและการเงิน
เลขมงคล: 2, 9, 29, 89, 399

ฝันว่าถูกรถชน

ถ้าในฝันคุณถูกรถชน ไม่ต้องตกใจไป ความฝันนี้อาจหมายถึงการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก บางครั้งอาจสื่อถึงการสิ้นสุดของปัญหาเก่าและการเริ่มต้นสิ่งใหม่
เลขมงคล: 1, 7, 17, 27, 71

ฝันว่าอยู่ในรถติด

หากฝันว่าคุณติดอยู่ในรถในสภาพการจราจรที่หนาแน่น แปลว่า คุณอาจกำลังเผชิญหน้ากับอุปสรรคหรือความล่าช้าในสิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่ แต่ไม่ต้องกังวล ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยความอดทน
เลขมงคล: 0, 5, 15, 50, 555

ฝันเห็นรถพยาบาล

การฝันเห็นรถพยาบาลสะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องดูแลสุขภาพของตัวเองหรือคนรอบข้างมากขึ้น แต่ในเชิงบวก มันอาจหมายถึงการช่วยเหลือจากคนอื่นในยามที่คุณต้องการ
เลขมงคล: 6, 9, 69, 96, 609

ฝันว่าขายรถ

หากฝันว่าขายรถ ความฝันนี้สื่อถึงการปลดปล่อยตัวเองจากภาระบางอย่างในชีวิต อาจหมายถึงการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่ช่วยลดความกังวลหรือความรับผิดชอบที่หนักหน่วงลง
เลขมงคล: 2, 4, 24, 42, 240

ฝันว่าขับรถชนคนอื่น

ถ้าฝันว่าคุณขับรถไปชนคนอื่น นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนให้ระวังคำพูดหรือการกระทำที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้อื่น ช่วงนี้ควรคิดก่อนพูดและวางแผนทุกอย่างให้รอบคอบ
เลขมงคล: 4, 9, 13, 49, 491

ฝันว่ารถตกน้ำ

หากฝันว่ารถตกน้ำ นี่อาจเป็นสัญญาณของอารมณ์ที่ไม่มั่นคง หรือความเครียดที่ซ่อนอยู่ในใจ แต่อีกนัยหนึ่งคือ การเปลี่ยนแปลงเพื่อเริ่มต้นใหม่
เลขมงคล: 0, 5, 7, 50, 57, 507

ฝันว่ารถพลิกคว่ำ

การฝันว่ารถพลิกคว่ำ อาจดูเหมือนลางร้าย แต่แท้จริงแล้วเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นใหม่หลังจากปัญหาหรืออุปสรรคในชีวิตผ่านพ้นไป
เลขมงคล: 3, 5, 15, 35, 153

อ่านโหราศาสตร์เพิ่มเติมได้ที่