สาระน่ารู้ » กฎหมายใหม่ใบสั่ง 2568 ลดคดีอาญา เพิ่มตัดแต้มเข้มขึ้น

กฎหมายใหม่ใบสั่ง 2568 ลดคดีอาญา เพิ่มตัดแต้มเข้มขึ้น

20 พฤศจิกายน 2025
20   0

ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป ประเทศไทยจะเข้าสู่ระบบใบสั่งรูปแบบใหม่ที่ถูกปรับปรุงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี เพราะกฎหมายใหม่ได้ยกเลิกการเอาผิดทางอาญาต่อผู้ขับขี่ที่ “ไม่ชำระใบสั่ง” แล้วเปลี่ยนไปใช้ระบบที่เรียกว่า “พินัยกำหนดโทษ” ซึ่งเป็นมาตรการทางปกครองแทน ส่งผลให้การจ่ายค่าปรับง่ายขึ้น ลดภาระคดีความของศาล และเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย แต่ในขณะเดียวกัน ระบบใหม่ยังมาพร้อมกับมาตรการที่ “เข้มขึ้นกว่าเดิม” โดยเฉพาะ ระบบตัดแต้มใบขับขี่ ซึ่งถูกออกแบบให้ทำงานเชื่อมโยงกับระบบออกใบสั่งโดยตรง ไม่จ่ายค่าปรับ—ถูกตัดแต้ม, ขับผิดซ้ำ—ถูกพักใช้ใบขับขี่ และมีผลกระทบชัดเจนกับผู้ใช้รถบนถนนทุกคน

กฎหมายใบสั่งใหม่ 2568 คืออะไร?

“กฎหมายใบสั่งใหม่ 2568” คือการปรับระบบค่าปรับและโทษจากการทำผิดกฎหมายจราจร โดยมีจุดสำคัญคือ ยกเลิกโทษอาญา และเปลี่ยนเป็นมาตรการทางปกครองที่เรียกว่า “พินัยกำหนดโทษ” เพื่อให้การบังคับใช้เป็นไปอย่างรวดเร็วและตรงไปตรงมามากขึ้น

จุดเปลี่ยนสำคัญของระบบใหม่

  • ไม่ชำระใบสั่ง “ไม่ถือเป็นคดีอาญา”
  • การติดตามค่าปรับทำผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
  • ระบบตัดแต้มเชื่อมกับการไม่ชำระค่าปรับ
  • หน่วยงานรัฐสามารถกำหนดบทลงโทษทางปกครองแบบทันที
  • คนทำผิดซ้ำจะถูกลงโทษหนักขึ้น ไม่ต้องผ่านกระบวนการศาล

การออกแบบใหม่ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพื่อลดภาระของศาล ลดการคั่งค้างของคดีใบสั่ง และเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการคนทำผิดซ้ำซากบนท้องถนน

ใบสั่งไม่ใช่โทษอาญาแล้ว เปลี่ยนเป็น ‘พินัยกำหนดโทษ’

หนึ่งในหัวใจสำคัญของกฎหมายใบสั่งใหม่ 2568 คือการ “ถอดใบสั่งออกจากหมวดโทษอาญา” หมายความว่าการทำผิดจราจร เช่น ไม่หยุดให้คนข้าม, ขับเร็วเกินกำหนด, ฝ่าไฟแดง จะไม่ทำให้ผู้ขับขี่มีประวัติคดีอีกต่อไป

พินัยกำหนดโทษ คืออะไร?

พินัยกำหนดโทษ (Administrative Penalty) คือมาตรการทางปกครองที่รัฐใช้แทนการดำเนินคดีอาญา มีลักษณะดังนี้:

  • ฟ้องร้องง่ายและรวดเร็ว
  • ใช้วิธีการแจ้งและวิธีการชำระแบบออนไลน์
  • ไม่ถูกบันทึกในประวัติอาชญากรรม
  • ไม่ต้องขึ้นศาล
  • สามารถเชื่อมข้อมูลระหว่างตำรวจ–กรมขนส่งได้ทันที

ระบบนี้เหมือนกับที่ประเทศพัฒนาแล้วใช้กัน เช่น ญี่ปุ่น, เกาหลี, สิงคโปร์ ซึ่งเน้นประสิทธิภาพและความโปร่งใสในการบังคับใช้

ระบบตัดแต้มเข้มขึ้น เชื่อมกับใบสั่งแบบเรียลไทม์

แม้กฎหมายใหม่จะลดความเสี่ยงในการถูกดำเนินคดีอาญา แต่ก็ “เพิ่ม” ความเข้มงวดด้านวินัยจราจร โดยเฉพาะระบบตัดแต้ม ที่จะทำงานเชื่อมกับการออกใบสั่งทันทีแบบเรียลไทม์

ทำไมต้องเพิ่มความเข้มของระบบตัดแต้ม?

รัฐบาลพบว่าโทษเดิมไม่สามารถควบคุมผู้ฝ่าฝืนซ้ำซาก โดยเฉพาะ

  • ขับรถเร็วเกินกำหนด
  • ขับรถย้อนศร
  • ไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย
  • เมาแล้วขับ
  • ฝ่าไฟแดงซ้ำหลายครั้ง
  • ไม่ชำระใบสั่งเป็นเวลานาน

การลงโทษแบบใหม่จึงเน้นให้ผู้ขับ “มีความรับผิดชอบ” และรู้ผลกระทบทันทีหากละเลยกฎหมาย

โทษตัดแต้มแบบใหม่มีอะไรบ้าง?

ระบบตัดแต้มใหม่จะทำงานคู่กับกฎหมายใบสั่งใหม่ 2568 โดยมีขั้นบันไดที่ชัดเจนขึ้น

การตัดแต้มตามความผิดสำคัญ

  • ฝ่าไฟแดง ตัด 2–3 แต้ม
  • ขับเร็วเกินกำหนด ตัด 1–2 แต้ม
  • ไม่หยุดให้คนข้าม ตัด 2 แต้ม
  • ใช้โทรศัพท์ระหว่างขับรถ ตัด 1 แต้ม
  • เมาแล้วขับ ตัด 4 แต้ม (สูงสุด)
  • ไม่ชำระค่าปรับภายในกำหนด ตัดเพิ่ม 1 แต้มอัตโนมัติ

เมื่อแต้มหมด 12 แต้ม พักใช้ใบขับขี่ชั่วคราว

หากทำผิดซ้ำในระยะเวลาหนึ่งปี แต้มจะถูกตัดจนถึงขั้นอาจถูกพักใบขับขี่ นานขึ้นกว่าเดิม และมีผลต่อการทำประกันหรืออาชีพที่ต้องใช้รถโดยตรง

ไม่จ่ายค่าปรับจะเกิดอะไรขึ้น?

แม้จะไม่ใช่คดีอาญา แต่การ “ไม่ชำระค่าปรับ” ตามกฎหมายใบสั่งใหม่ 2568 ยังคงมีผลกระทบที่หนักขึ้น

มาตรการบังคับใช้สำหรับผู้ไม่จ่ายค่าปรับ

  • ถูกตัดแต้มเพิ่มทันที
  • อาจถูกระงับการต่อภาษีรถ (ตามกลไกเชื่อม Police Ticket Management – PTM)
  • อาจถูกเรียกพบเพื่อพิจารณาพินัยกำหนดโทษ
  • ถูกเพิ่มอัตราค่าปรับสูงขึ้นสำหรับความผิดซ้ำ
  • เสียสิทธิ์ในการยื่นอุทธรณ์บางกรณี

ระบบนี้ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้คน “จ่ายค่าปรับอย่างรวดเร็ว” และป้องกันการค้างใบสั่งหลายปีแบบในอดีต

ข้อดีของกฎหมายใบสั่งใหม่ 2568

ข้อดีเด่นของระบบใหม่

  • ลดภาระคดีความ และลดจำนวนคดีอาญา
  • เพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบและชำระค่าปรับ
  • เชื่อมข้อมูลระหว่างหน่วยงานได้ทันที
  • ทำผิดซ้ำถูกลงโทษหนักขึ้น ช่วยลดอุบัติเหตุ
  • ผู้ขับขี่รับรู้ผลกระทบทันที (ตัดแต้ม–ห้ามต่อภาษี)
  • ไม่มีประวัติอาชญากรรมจากใบสั่งอีกต่อไป

สรุป

กฎหมายใบสั่งใหม่ 2568 ถือเป็นการปรับโครงสร้างระบบบังคับใช้กฎหมายจราจรครั้งสำคัญของไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อลดภาระคดีอาญาและเพิ่มความมีวินัยของผู้ใช้รถผ่านระบบตัดแต้มที่เข้มงวดขึ้น แม้ว่าผู้ขับขี่จะไม่ต้องกังวลเรื่อง “คดีอาญา” จากการไม่จ่ายค่าปรับแบบเดิม แต่ต้องระวังมากขึ้นเกี่ยวกับแต้มใบขับขี่ เพราะเมื่อหมดแต้ม จะถูกพักใช้ใบขับขี่ทันที