สาระน่ารู้ » พ.ร.บ.จราจรฯ ว่าอย่างไร? โทษหนักของการขับชนแล้วหนี

พ.ร.บ.จราจรฯ ว่าอย่างไร? โทษหนักของการขับชนแล้วหนี

26 กันยายน 2025
35   0

พ.ร.บ.จราจรฯ ว่าอย่างไร? โทษหนักของการขับชนแล้วหนี

“ขับรถชนแล้วหนี” ถือเป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่สร้างผลกระทบร้ายแรงต่อผู้ใช้ถนน ไม่ว่าจะต่อผู้บาดเจ็บ ญาติผู้เสียหาย หรือแม้แต่ตัวผู้ขับเอง เพราะนอกจากจะเป็นการไร้ความรับผิดชอบแล้ว ยังมีโทษทางกฎหมายที่รุนแรงตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก และประมวลกฎหมายอาญาอีกด้วย หลายคนอาจสงสัยว่าแท้จริงแล้ว โทษขับรถชนแล้วหนี เป็นอย่างไร ต้องเจอโทษปรับ จำคุก หรือถูกดำเนินคดีในรูปแบบใด บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจอย่างละเอียด

ทำความเข้าใจกับคำว่า “ขับรถชนแล้วหนี”

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่าคำว่า ขับรถชนแล้วหนี ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่ชนแล้วขับหนีไปอย่างเดียว แต่รวมถึงกรณีที่ผู้ขับรถชนผู้อื่นแล้ว ไม่หยุดให้ความช่วยเหลือ หรือไม่แสดงตัวกับเจ้าหน้าที่ด้วย

ตาม พ.ร.บ.จราจรชนแล้วหนี ผู้ขับรถมีหน้าที่ดังนี้

  • ต้องหยุดรถทันทีเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
  • ต้องให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มกำลัง
  • ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร็ว

หากละเลย ไม่ทำตามหน้าที่ดังกล่าว จะเข้าข่ายความผิดฐาน “ชนแล้วหนี” ทันที

พ.ร.บ.จราจรฯ กำหนดโทษขับรถชนแล้วหนีไว้อย่างไร?

โทษตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก

ตามกฎหมายจราจร ผู้ที่ขับรถชนผู้อื่นแล้วไม่หยุดรถเพื่อให้ความช่วยเหลือ มีโทษดังนี้

  • จำคุกไม่เกิน 3 เดือน
  • หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท
  • หรือทั้งจำทั้งปรับ

แม้ตัวเลขจะดูไม่สูงนัก แต่โทษนี้มักมาควบคู่กับกฎหมายอื่น ๆ เช่นประมวลกฎหมายอาญา

โทษตามประมวลกฎหมายอาญา

หากการ ขับรถชนแล้วหนี ส่งผลให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิต โทษจะหนักขึ้นมาก เช่น

  • หากทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัส จำคุก 1–5 ปี และปรับ 20,000–200,000 บาท
  • หากทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต จำคุก 3–10 ปี และปรับ 60,000–200,000 บาท

เหตุผลที่โทษขับรถชนแล้วหนีถึงรุนแรง

เพราะการชนแล้วหนีไม่ได้เป็นเพียงอุบัติเหตุ แต่เป็น การละทิ้งผู้บาดเจ็บ ที่อาจทำให้คนคนนั้นเสียชีวิตได้ การช่วยเหลือในวินาทีแรก ๆ สำคัญมากต่อชีวิตของผู้ประสบเหตุ การหนีจึงถือเป็นการเพิ่มความรุนแรงให้สถานการณ์

กรณีศึกษา ขับรถชนแล้วหนีบ่อยครั้งเกิดจากอะไร?

หลายเหตุการณ์ที่เราเห็นข่าวในสังคมไทย มักมีสาเหตุ เช่น

  • ผู้ขับอยู่ในอาการมึนเมา กลัวถูกตรวจจับ
  • ไม่มีใบขับขี่ หรือใบขับขี่หมดอายุ
  • รถไม่มีประกันหรือต่อภาษีไม่ถูกต้อง
  • ความกลัวรับผิดชอบค่าเสียหาย

แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด การหนีไปไม่ช่วยเหลือก็ทำให้โทษหนักขึ้นเสมอ

หน้าที่ของผู้ขับรถเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

เพื่อไม่ให้เข้าข่าย “ชนแล้วหนี” ผู้ขับรถควรปฏิบัติดังนี้

ขั้นตอนที่ควรทำทันที

  • หยุดรถทันที ไม่ว่าจะเกิดเหตุใหญ่หรือเล็ก
  • เปิดไฟฉุกเฉิน เพื่อป้องกันรถอื่นชนซ้ำ
  • โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือกู้ภัย โดยเร็วที่สุด
  • ให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ เท่าที่ทำได้ เช่น โทรเรียกรถพยาบาล

เอกสารและการแสดงตัว

  • แสดงบัตรประชาชนและใบขับขี่แก่เจ้าหน้าที่
  • แจ้งข้อมูลรถและบริษัทประกันภัย (ถ้ามี)

ผลกระทบเพิ่มเติมนอกจากโทษตามกฎหมาย

การ ขับรถชนแล้วหนี ยังอาจสร้างผลกระทบในมุมอื่น ๆ เช่น

  • เสียสิทธิประโยชน์จากประกันภัยรถยนต์ บริษัทอาจไม่คุ้มครอง
  • ถูกเพิกถอนใบขับขี่ หากศาลเห็นสมควร
  • เสียชื่อเสียงและเครดิตทางสังคม เพราะเป็นพฤติกรรมที่สังคมไม่ยอมรับ

สรุป ทำไมไม่ควรขับรถชนแล้วหนี

จากทั้งหมดจะเห็นได้ว่า การชนแล้วหนีไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่เป็นความผิดที่มีโทษรุนแรง ทั้งในแง่ของ โทษจำคุก ปรับ และผลกระทบอื่น ๆ ผู้ขับรถทุกคนควรรู้และตระหนักว่า หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หยุดรถและให้ความช่วยเหลือ เพราะการกระทำเล็ก ๆ นี้สามารถช่วยชีวิตคนหนึ่งได้ และยังช่วยให้คุณไม่ตกอยู่ในสถานะผู้กระทำผิดกฎหมาย