สาระน่ารู้ » รถกระบะไทยราคาเอื้อมถึง แต่ทำไมเวียดนามมองว่าหรู?

รถกระบะไทยราคาเอื้อมถึง แต่ทำไมเวียดนามมองว่าหรู?

20 สิงหาคม 2025
189   0

รถกระบะถือเป็นรถยนต์ยอดนิยมในประเทศไทย ไม่ว่าจะใช้เพื่อการทำงาน ขนของ หรือแม้กระทั่งเป็นรถครอบครัว หลายคนมองว่ารถกระบะคือยานพาหนะที่ ราคาเอื้อมถึง ใช้งานได้หลากหลาย และมีให้เลือกหลายรุ่นตั้งแต่ราคาหลักแสนต้น ๆ ไปจนถึงรุ่นหรูระดับล้านต้น ๆ แต่หากมองไปที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม รถกระบะกลับถูกมองว่าเป็น “รถหรู” และมีราคาสูงเกินกว่าคนทั่วไปจะซื้อได้ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? มาหาคำตอบกันครับ

รถกระบะไทยราคาเอื้อมถึงในสายตาคนไทย

ในประเทศไทย รถกระบะถือว่ามีความคุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ยของประชาชน สาเหตุหลัก ๆ มาจาก:

ราคาที่จับต้องได้

  • รถกระบะมือหนึ่งรุ่นเริ่มต้น ราคาอยู่ราว 600,000–700,000 บาท
  • รถกระบะมือสองมีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ 200,000 บาทขึ้นไป
  • การจัดไฟแนนซ์ง่าย ทำให้คนทั่วไปเข้าถึงได้ไม่ยาก

ความคุ้มค่าในการใช้งาน

  • ใช้ได้ทั้งเพื่อการทำงาน (ขนของ, วิ่งงาน)
  • ใช้เป็นรถครอบครัว โดยเฉพาะรุ่น 4 ประตู
  • เครื่องยนต์ทนทาน ค่าอะไหล่ไม่สูง

ความนิยมในตลาด

  • แบรนด์ญี่ปุ่น เช่น Toyota, Isuzu, Ford, Mitsubishi ทำตลาดหนักในไทย
  • ไทยเป็นฐานการผลิตรถกระบะส่งออก ทำให้ราคาภายในประเทศแข่งขันได้

ทั้งหมดนี้จึงทำให้ “รถกระบะไทยราคาเอื้อมถึง” และกลายเป็นรถคู่ใจของคนไทยจำนวนมาก

แล้วทำไมเวียดนามถึงมองรถกระบะว่าเป็นรถหรู?

แม้รถกระบะจะมีภาพลักษณ์ “ราคาจับต้องได้” ในไทย แต่สำหรับเวียดนาม ภาพลักษณ์กลับต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง โดยมีเหตุผลดังนี้

1. ภาษีนำเข้าที่สูง

  • เวียดนามไม่ได้เป็นฐานการผลิตรถกระบะเหมือนไทย
  • รถส่วนใหญ่ต้องนำเข้าจากไทยหรือประเทศอื่น ๆ
  • ส่งผลให้ราคารถกระบะในเวียดนามสูงกว่าที่ไทย 2–3 เท่า

2. กฎหมายและข้อจำกัดการใช้งาน

  • กฎหมายเวียดนามบางช่วงกำหนดให้รถกระบะถูกจัดอยู่ในหมวด “รถเพื่อการพาณิชย์”
  • จำกัดเวลาเข้าเมือง หรือห้ามวิ่งในบางพื้นที่
  • คนทั่วไปจึงไม่เลือกซื้อ หากไม่จำเป็นต่อการทำธุรกิจ

3. รายได้เฉลี่ยประชาชน

  • รายได้เฉลี่ยของคนเวียดนามต่ำกว่าคนไทย
  • เมื่อเทียบสัดส่วนราคา “รถกระบะ” กับรายได้ต่อเดือน ยิ่งทำให้รถกระบะเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย

4. ภาพลักษณ์ทางสังคม

  • รถกระบะถูกมองว่าเป็นรถของ “คนรวย” หรือ “นักธุรกิจ”
  • ใครที่มีรถกระบะขับในเวียดนาม มักถูกมองว่ามีฐานะดี

เปรียบเทียบราคา รถกระบะไทย vs เวียดนาม

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ลองเปรียบเทียบราคาของรถกระบะยอดนิยม เช่น Toyota Hilux Revo

  • ไทย : ราคาเริ่มต้นราว 650,000 – 1,200,000 บาท
  • เวียดนาม : ราคาอาจพุ่งสูงถึง 1,200,000 – 2,000,000 บาท (เมื่อแปลงเป็นเงินบาท)

สรุป : ราคาที่ไทยมองว่า “เอื้อมถึง” กลับกลายเป็นราคาที่สูงเกินเอื้อมสำหรับคนเวียดนามส่วนใหญ่

ปัจจัยที่ทำให้รถกระบะไทยน่าสนใจกว่า

การเข้าถึงง่าย

  • ตัวเลือกไฟแนนซ์หลายแบบ
  • โปรโมชั่นดาวน์น้อย ผ่อนนาน
  • มีตลาดมือสองขนาดใหญ่

ความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของ

  • ค่าอะไหล่และค่าบำรุงรักษาไม่แพง
  • รถผลิตในประเทศ มีศูนย์บริการครอบคลุม
  • มีความทนทานและอายุการใช้งานยาวนาน

ความนิยมในทุกกลุ่มผู้ใช้

  • คนทำธุรกิจ – ใช้ขนส่งสินค้า
  • ครอบครัว – ใช้เดินทางและท่องเที่ยว
  • คนรุ่นใหม่ – เลือกแต่งรถกระบะเป็นสไตล์เฉพาะตัว

รถกระบะในมุมมอง “สัญลักษณ์ทางสังคม”

ในเวียดนาม รถกระบะไม่ใช่แค่ยานพาหนะ แต่เป็น สัญลักษณ์ของฐานะ คล้ายกับรถยุโรปหรูในสายตาคนไทย การที่ใครขับรถกระบะในเวียดนาม มักหมายถึงว่าเขามีธุรกิจหรือมีรายได้สูงกว่าคนทั่วไป

ในขณะที่ไทย รถกระบะคือ “รถยนต์คู่ใจ” ของทุกชนชั้น จับต้องได้ง่าย และกลายเป็นรถยนต์ที่อยู่ในวิถีชีวิตของคนไทย

บทเรียนจากความแตกต่างไทย–เวียดนาม

  • 1. ต้นทุนการผลิตและฐานอุตสาหกรรม – ประเทศที่มีโรงงานผลิตในประเทศ ราคาย่อมถูกกว่า
  • 2. นโยบายภาษีและกฎหมาย – มีผลโดยตรงต่อราคาตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค
  • 3. รายได้เฉลี่ยและกำลังซื้อ – กำหนดว่า “รถคันไหน” จะถูกมองว่าราคาเอื้อมถึงหรือเป็นรถหรู
  • 4. ค่านิยมทางสังคม – บางครั้งภาพลักษณ์ก็สำคัญไม่แพ้ราคา

สรุป รถกระบะไทยราคาเอื้อมถึง แต่ในเวียดนามคือรถหรู

เมื่อมองย้อนกลับมา จะเห็นได้ชัดว่า “รถกระบะไทยราคาเอื้อมถึง” เพราะไทยเป็นฐานการผลิตใหญ่ มีการแข่งขันสูง และคนไทยมีความคุ้นชินกับการใช้รถกระบะในชีวิตประจำวัน แตกต่างจากเวียดนามที่มีทั้งภาษีสูง กฎหมายจำกัด และรายได้เฉลี่ยที่น้อยกว่า ทำให้รถกระบะกลายเป็น สินค้าฟุ่มเฟือยและสัญลักษณ์ของคนรวย

ดังนั้น สิ่งที่เป็นเรื่องปกติในไทย อาจกลายเป็น “ของหรู” ในอีกประเทศหนึ่งได้ นี่คือเสน่ห์และความแตกต่างของตลาดรถยนต์ในภูมิภาคอาเซียนที่น่าสนใจอย่างมากครับ