สาระน่ารู้ » 5 อาการพังของแอร์รถยนต์ เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง

5 อาการพังของแอร์รถยนต์ เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง

7 สิงหาคม 2020
37947   0

5 อาการพังของแอร์รถยนต์ เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง
เรียกว่าช่วงนี้เลี่ยงไม่ได้แล้วหละครับสำหรับประเทศไทยเพราะไม่ว่าจะฤดูอะไรหรือเดือนไหน ก็ยังร้อนได้คงเส้นคงวาตลอดท้งปี คงจะทรมานไม่ใช่น้อยถ้าหากว่าคุณเป็นคนนึงที่ต้องใช้รถทุกวันแล้วเกิดสถานการณ์แอร์ไม่เย็นรวมไปถึงเมื่อเกิดอยู่ในสภาวะรถติดก็เหมือนว่ากำลังจะซ้อมตกนรกกันกันไปพลางๆ แอร์รถยนต์จึงจำเป็นมากสำหรับผู้โดยสารฉะนั้นลองสำรวจกันดูครับว่ารถคุณตรงกับปัญหาแบบไหน เรียกว่าจะได้แก้ปัญหาได้ตรงจุดมากขึ้น

1.ตู้แอร์ตันรวมไปถึงกรองแอร์ตันลมไม่ออก

อาการนี้จะพบเห็นได้บ่อยและมักจะเกิดขึ้นได้บ่อยๆสำหรับรถยนต์ใช้งานมาแล้วหลายๆปีขาดการดูแล สาเหตุหลักคือการใช้น้ำหอมหรือผลิตภัณฑ์ปรับอากาศแบบเจล หรือรถที่ใช้งานในพื้นที่ ที่มีฝุ่นลูกรังหรือดินฟุ้งกระจายแล้วดูดเข้าไปในระบบแอร์ เพราะสาเหตุที่เกิดขึ้นนั้นมาจากสิ่งเหล่านี้ล้วนๆจนทำให้แอร์เต็มไปด้วยฝุ่นสกปรกติดแน่นที่คอล์ยรังผึ้ง พัดลม หรือแค่อาจจะตันที่กรองแอร์เท่านั้นเอง

ลักษณะของอาการ คือเมื่อคุณเปิดแอร์เบอร์สูงแต่กลับมีแต่เสียงลมอู้ตลอดเวลา หรือรู้สึกว่า ลมออกมาไม่แรงเท่าที่ควร และเมื่อเปิดนานๆจะมีน้ำเย็นๆไหลออกมาหยดซึมที่แผ่นรองเท้าภายในรถนั่นก็หมายความว่าระบบแอร์ของคุณกำลังตัน

วิธีแก้ ไม่ควรรื้อหรืองัดแงะเองถ้าหากว่าไม่มีประสบการ์และความรู้แนะนำให้ส่งร้านแอร์รถยนต์เพื่อล้างระบบแอร์จะดีกว่าครับ

2.มอเตอร์พัดลมระบายความร้อนเสีย

อันที่จริงแล้วอาการจะมีอยู่หลายแบบอย่าเพิ่งด่วนสรุปนะครับอาจจะเป็นอาการอื่น เช่น ลูกปืนมอเตอร์แตก ลักษณะของอาการคือ มีอาการเสียงดังและเมื่อแอร์ทำงานจะเกิดอาการสั่นเมื่อพัดลมหมุนทำงานพัดลมหมุนช้าลงหรือขัดๆ โดยมากแล้วจะเป็นปัญหาที่แก้ไม่ยากแต่ก็มักจะมองข้ามไปเพราะด้วยความที่ตัวอุปกรณ์นั้นอยู่ในพื้นที่บริเวณใต้ฝากระโปรงติดกระจังหน้า จึงไม่ค่อยมีใครสังเกตุ

วิธีแก้เบื้องต้นคือ เปลี่ยนมอเตอร์พัดลม โดยสำหรับสามารถสั่งได้ด้วยตัวเองที่ศูนย์บริการ หรือตามร้านอะไหล่ยนต์ทั่วไปโดยอ้างอิงจากรุ่นและปีรถยนต์ แต่ถ้าหากพัดลมระบายกระจังหน้ามีอาการฝืดเพราะสิ่งสกปรกอาจจะลองใช้น้ำมันหล่อลื่นหยอดที่แกนของมอเตอร์เพื่อให้ฝุ่นละลายออกไปแต่ก็ยืดอายุการใช้งานได้พอสมควร ดังนั้นถ้าหากเกิดอาการเหล่านี้ขึ้นมาจริงๆ แนะนำให้เปลี่ยนไปเลยดีกว่าครับเพื่อที่จะได้ไม่ส่งผลต่อปัญหาอื่นๆของระบบระบายความร้อนตามมา

3.น้ำยารั่ว หรือน้ำยาขาด

ปัญหาน้ำยาขาด อาจจะเป็นปัญหาเล็กๆที่สามารถแก้ไขได้ง่ายก็แค่ให้ช่างเติมน้ำยาเข้าไปให้อยู่ในระดับ ปอนด์ที่กำหนดในรถแต่ละยี่ห้อ อาการนี้สามารถสังเกตุได้จากการทำงานของความเย็นนั้นเบาบางกว่าปกติ แต่ปัญหาอันน่ากุมขมับของช่างผู้ชำนาญทั้งหลายแหล่จริงๆแล้วคือระบบท่อแอร์รั่วซึม จนต้องไล่ระบบท่อน้ำยาเพื่อเชื่อมอุดรอยรั่วโดยช่างจะต้องหาต้นตอของรูรั่วของน้ำยาก่อน โดยอาการที่เกิดขึ้นเมื่อในระบบไม่มีน้ำยาแอร์อยู่เลยคือคอมแอร์ทำงานหนักตลอดเวลา ไม่มีความเย็น และสามารถสังเกตได้จากท่อส่งน้ำยาภายในเครื่องยนต์ไม่มีไอน้ำหรือความเย็นใดๆ

วิธีแก้เบื้องต้น อย่างง่ายคือ ปิดระบบความเย็นทั้งหมดแล้วขับรถไปให้ช่างผู้ชำนาญไล่หาจุดรั่วของระบบทำความเย็นจะเป็นการดีที่สุดครับ

4.คลัชคอมเพรสเซอร์แอร์เสื่อม

คลัชหน้าคอมแอร์มีหน้าที่รับคำสั่งของเซนเซอร์แอร์ และจะสั่งให้แม่เหล็กหน้าคลัชคอมเพรสเซอร์ดูดจับลูกรอกพูเลย์เพื่อให้สามารถหมุนทำงานไปพร้อมๆกับสายพานเครื่องยนต์ เพื่อที่ฉีดอัดน้ำยาไปสู่ระบบทำความเย็น
เมื่ออุปกรณ์นี้ได้เริ่มเสื่อมสภาพตามการใช้งาน จะสังเกตได้ว่า อาการแอร์ไม่เย็นจะเกิดในช่วงที่รถติดไฟแดงในช่วง ฤดูร้อน หรือรถยนต์ที่ไม่ได้มีการเคลื่อนตัวไปไหน นั่นก็หมายความว่าเมื่อห้องเครื่องมีความร้อนจะส่งผลทำให้แม่เหล็กที่เสื่อมสภาพนั้นทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควร

วิธีแก้เบื้องต้น คือการปิดคอมเพรสเซอร์แอร์ทิ้งไว้ซักครู่ เพื่อให้หน้าคลัชลดความร้อนลง เมื่อรถเคลื่อนตัวจึงเปิดระบบแอร์ขึ้นมาตามปกติ อันที่จริงแล้วไม่ควรปล่อยไว้ เพราะลูกลอกหน้าคลัชคอมเพรสเซอร์อาจจะไหม้และละลายจนทำให้คอมเพลสเซอร์เสียตามไปด้วย

5.คอมเพรสเซอร์เสีย

เรียกว่าเป็นปัญหาหนักที่มองเห็นเป็นลำกับสุดท้ายและเสียเงินมากมายเลยทีเดียว เพราะคอมเพรสเซอร์ มีราคาที่ค่อนข้างสูงและรถยนต์แต่ละยี่ห้อก็มีต้นทุนในเรื่องราคาอะไหล่และค่าแรงที่ไม่เท่ากันขึ้นอยู่ในแต่ละความยากง่ายของแต่ละยี่ห้อ หากเมื่อทราบแล้วว่าคอมเพรสเซอร์เสียไม่ควรเปิดแอร์เพราะนอกจากแอร์จะไม่เย็นแล้วยังฉุดให้เครื่องยนต์ต้องทำงานหนักมากขึ้นอีกด้วย สำหรับอาการนี้ไม่มีวิธีแก้เบื้องต้นแล้วครับ ส่งให้ช่างผู้ชำนาญหรือศูนย์บริการอย่างเดียวเลยครับ

สำหรับใครที่เคยเจอเหตุการณ์เรื่องแอร์รถยนต์ที่นอกเหนือจากนี้ มาร่วมกันแชร์ประสปกาณ์ดีๆได้เลยนะครับเพื่อที่จะได้เป็นประโยชน์กับเพื่อนๆผู้ใช้รถครับ

สาระน่ารู้อื่นๆ : 5.สัญลักษณ์อันตรายบนหน้าปัดรถยนต์ มีความหมาย รู้ไว้ก่อนเดินทางไกล