สาระน่ารู้ » ไฟเบรกค้างเกิดจากอะไร? วิธีตรวจเช็กและแก้ไขเบื้องต้น

ไฟเบรกค้างเกิดจากอะไร? วิธีตรวจเช็กและแก้ไขเบื้องต้น

8 ตุลาคม 2025
10   0

ไฟเบรกค้างเกิดจากอะไร? วิธีตรวจเช็กและแก้ไขเบื้องต้น

หนึ่งในปัญหาที่ผู้ใช้รถหลายคนอาจเคยเจอคือ “ไฟเบรกค้าง” ไม่ว่าจะเป็นไฟเบรกท้ายติดค้างตลอดเวลา หรือไฟแจ้งเตือนเบรกบนหน้าปัดที่ไม่ยอมดับ ปัญหานี้แม้ดูเหมือนเล็ก แต่จริง ๆ แล้วสามารถส่งผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่ได้โดยตรง เพราะระบบเบรกถือเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์ทุกคัน

ไฟเบรกค้างเกิดจากอะไร? สาเหตุหลักที่ควรรู้

เมื่อไฟเบรกค้าง ไม่ว่าจะเป็นไฟท้ายหรือไฟเตือนในหน้าปัด ส่วนใหญ่จะมาจากความผิดปกติของระบบเบรกบางจุด ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็นหลายสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้

1. สวิตช์ไฟเบรก (Brake Light Switch) เสื่อม

สวิตช์ไฟเบรกมักติดตั้งอยู่บริเวณเหนือแป้นเบรก ทำหน้าที่ตรวจจับการกดเบรกเพื่อส่งสัญญาณให้ไฟเบรกท้ายติด เมื่อสวิตช์เสื่อมหรือค้าง ระบบจะเข้าใจว่าคุณ “เหยียบเบรกอยู่ตลอดเวลา” ทำให้ไฟเบรกติดค้างไม่ดับ

วิธีตรวจเช็กเบื้องต้น

  • ลองดึงแป้นเบรกขึ้นเบา ๆ แล้วดูว่าไฟดับหรือไม่
  • หากยังติดอยู่ ให้ลองขยับสวิตช์ไฟเบรกดูว่าหลวม หรือขยับได้หรือไม่
  • ถ้ายังไม่หาย แนะนำให้เปลี่ยนสวิตช์ใหม่ ราคามักอยู่หลักร้อยบาทเท่านั้น

2. ผ้าเบรกติด หรือคาลิเปอร์ค้าง

ในบางกรณีไฟเตือนเบรกขึ้นค้างอาจไม่ได้มาจากระบบไฟ แต่เกิดจาก ผ้าเบรกติดแน่น หรือ ลูกสูบคาลิเปอร์ค้าง ซึ่งทำให้ระบบเบรกทำงานผิดปกติ เมื่อระบบตรวจจับแรงดันหรืออุณหภูมิสูงผิดปกติ ไฟเตือนเบรกจะขึ้นแจ้งเตือนผู้ขับ

อาการที่สังเกตได้

  • ล้อรถฝั่งใดฝั่งหนึ่งร้อนผิดปกติ
  • มีเสียงดังหรือกลิ่นไหม้ขณะขับ
  • รถหนืดกว่าปกติแม้ไม่ได้เหยียบเบรก

แนวทางแก้ไข

  • หยุดใช้งานชั่วคราวเพื่อให้ระบบเย็นลง
  • หากยังมีอาการ ให้เข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็กชุดคาลิเปอร์และผ้าเบรกโดยช่างผู้ชำนาญ

3. น้ำมันเบรกต่ำกว่ากำหนด

ระบบเบรกสมัยใหม่มีเซ็นเซอร์ตรวจวัดระดับน้ำมันเบรก หากน้ำมันอยู่ต่ำกว่าระดับที่กำหนด ไฟเบรกบนหน้าปัดจะติดค้างทันที

วิธีตรวจเช็กเบื้องต้น

  • เปิดฝากระโปรงรถ แล้วมองหาถังพักน้ำมันเบรก (มีฝาเขียนว่า “Brake Fluid”)
  • ตรวจระดับน้ำมันให้อยู่ระหว่าง “MIN” และ “MAX”
  • หากต่ำกว่า “MIN” ให้เติมน้ำมันเบรกชนิดที่ระบุไว้ในคู่มือรถ (เช่น DOT3, DOT4)
  • ถ้าพบว่าน้ำมันลดลงผิดปกติ อาจมีการรั่วซึม ควรรีบให้ช่างตรวจทันที

4. เซ็นเซอร์ระบบเบรก ABS ผิดปกติ

ในรถรุ่นใหม่ที่มีระบบ ABS (Anti-lock Braking System) หากเซ็นเซอร์ล้อหรือชุดควบคุมทำงานผิดพลาด ไฟเตือนเบรกอาจขึ้นค้างร่วมกับไฟ ABS

สาเหตุที่พบบ่อย

  • สายไฟหรือหัวเซ็นเซอร์บริเวณดุมล้อชำรุด
  • คราบฝุ่นหรือโคลนเกาะจนสัญญาณอ่านค่าไม่ได้
  • กล่อง ABS มีปัญหาภายใน

แนวทางแก้ไข

  • ล้างคราบสกปรกบริเวณหัวเซ็นเซอร์
  • หากยังไม่หาย ควรนำรถเข้าศูนย์เพื่อตรวจระบบไฟและกล่อง ABS ด้วยเครื่องสแกน

5. ระบบเบรกมือ (Parking Brake) ค้าง

บางครั้งไฟเบรกค้างเกิดจาก เบรกมือยังไม่ถูกปลดเต็มที่ หรือสายเบรกมือด้านในตึงเกินไป โดยเฉพาะในรถที่ใช้ระบบเบรกมือแบบสายดึง (ไม่ใช่แบบไฟฟ้า)

วิธีเช็กง่าย ๆ

  • ปลดเบรกมือให้สุด แล้วสังเกตว่าไฟเตือนดับหรือไม่
  • หากยังติด ให้ลองโยกคันเบรกมือขึ้น-ลงเบา ๆ
  • ถ้ายังไม่หาย อาจต้องให้ช่างปรับตั้งสายเบรกใหม่

วิธีตรวจเช็ก “ไฟเบรกค้าง” เบื้องต้นด้วยตัวเอง

ก่อนจะรีบเข้าอู่ คุณสามารถทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ต่อไปนี้เพื่อตรวจหาต้นเหตุเบื้องต้นได้เอง

ขั้นตอนตรวจเช็ก

  1. สังเกตลักษณะของไฟค้าง
    • ถ้าไฟท้ายติดตลอด ปัญหาน่าจะมาจากสวิตช์ไฟเบรก
    • ถ้าไฟเตือนขึ้นบนหน้าปัด อาจเกี่ยวกับระบบเบรก น้ำมันเบรก หรือ ABS
  2. เช็กสวิตช์ไฟเบรกหลังแป้นเบรก
    • ใช้ไฟฉายส่องดูว่าปุ่มกดของสวิตช์ทำงานปกติหรือไม่
  3. ตรวจระดับน้ำมันเบรก
    • เติมน้ำมันให้ถึงระดับ ถ้าพบว่าลดลงผิดปกติอย่าลืมตรวจหารอยรั่ว
  4. สังเกตกลิ่นไหม้หรือเสียงผิดปกติจากล้อ
    • ถ้ามี อาจเกิดจากผ้าเบรกติดหรือคาลิเปอร์ค้าง ควรหยุดใช้งานทันที
  5. สแกนโค้ดระบบไฟ (สำหรับรถรุ่นใหม่)
    • ใช้อุปกรณ์ OBD2 Scanner เช็กโค้ดความผิดพลาดเพื่อทราบจุดเสียที่ชัดเจน

วิธีแก้ไขเบื้องต้น (สำหรับผู้ใช้ทั่วไป)

หากตรวจพบว่าไฟเบรกค้างจากสาเหตุเล็ก ๆ ต่อไปนี้ สามารถแก้ได้เองก่อนถึงอู่

  • ขยับหรือเปลี่ยนสวิตช์ไฟเบรกใหม่ (ราคาหลักร้อย)
  • เติมน้ำมันเบรกให้ถึงระดับ
  • ทำความสะอาดหัวเซ็นเซอร์ ABS จากฝุ่นหรือโคลน
  • ปลดเบรกมือให้สุด และตรวจการทำงานของคันเบรก

แต่หากไฟยังไม่ดับ หรือมีอาการหนืด กลิ่นไหม้ เสียงแปลก ๆ ควรหยุดใช้งานและนำรถเข้าศูนย์บริการทันที เพราะอาจมีปัญหาที่เกี่ยวกับระบบเบรกจริง ๆ ซึ่งอันตรายต่อการขับขี่

เคล็ดลับดูแลระบบเบรกให้ปลอดภัยอยู่เสมอ

  • ตรวจน้ำมันเบรกทุก 3 เดือน
  • เปลี่ยนน้ำมันเบรกตามระยะ (ทุก 40,000–50,000 กม.)
  • หมั่นล้างทำความสะอาดบริเวณล้อและคาลิเปอร์
  • สังเกตอาการเบรกหนืด เบรกจม หรือมีกลิ่นไหม้
  • ตรวจเช็กระบบเบรกทุกครั้งก่อนเดินทางไกล

สรุป ไฟเบรกค้าง อย่ามองข้าม เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนอันตราย

เมื่อเจอไฟเบรกค้าง ไม่ว่าจะเป็นไฟท้ายหรือไฟเตือนในหน้าปัด สิ่งสำคัญคืออย่าชะล่าใจ เพราะระบบเบรกเป็นเรื่องความปลอดภัยโดยตรงของคุณและคนรอบข้าง หากทำตามขั้นตอนเบื้องต้นแล้วไฟยังไม่ดับ ควรนำรถให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจอย่างละเอียด เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจลุกลาม