สาระน่ารู้ » แอร์รถมีเสียงดัง เกิดจากอะไร? คู่มือเช็กเบื้องต้นก่อนเข้าศูนย์

แอร์รถมีเสียงดัง เกิดจากอะไร? คู่มือเช็กเบื้องต้นก่อนเข้าศูนย์

17 พฤศจิกายน 2025
17   0

อาการ “เปิดแอร์มีเสียงดังในรถยนต์” เป็นปัญหาที่เจ้าของรถหลายคนเคยเจอกันมาแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นเสียง “แก๊กๆ”, “กึกๆ”, “ครืดๆ” หรือเสียงคล้ายของกระทบภายในห้องเครื่อง แม้บางครั้งรถยังใช้งานได้ตามปกติ แต่เสียงผิดปกติเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าระบบแอร์กำลังมีปัญหา หากปล่อยไว้นานอาจทำให้ซ่อมแพงขึ้นเป็นหลักพันหรือถึงหลักหมื่นบาท บทความนี้จะพาไปดูว่าเสียงเหล่านั้นเกิดจากอะไรบ้าง พร้อม “คู่มือเช็กอาการเบื้องต้น” ที่เจ้าของรถสามารถตรวจสอบเองก่อนเข้าอู่ได้ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม

สาเหตุหลักที่ทำให้เปิดแอร์มีเสียงดังในรถยนต์

อาการเสียงดังเมื่อเปิดแอร์อาจเกิดจากหลายระบบในรถยนต์ โดยจุดที่พบบ่อยมีดังนี้

1. คลัตช์คอมเพรสเซอร์แอร์เสื่อม

คอมเพรสเซอร์ทำงานโดยใช้ชุดคลัตช์แม่เหล็กไฟฟ้า เมื่อเปิดแอร์ ชุดคลัตช์จะดูดติดและเริ่มหมุน อาการเสื่อมมักทำให้เกิดเสียงดังคล้าย “แก๊กๆ”, “ตึ๊กๆ” โดยเฉพาะขณะเพิ่งเปิดแอร์ใหม่ ๆ

สัญญาณที่บ่งบอกว่าคลัตช์คอมเพรสเซอร์มีปัญหา

  • มีเสียงดังเป็นจังหวะเมื่อเปิดแอร์
  • แอร์ไม่ค่อยเย็นหรือเย็นช้า
  • มีกลิ่นไหม้หรือควันบริเวณคอมเพรสเซอร์

หากปล่อยไว้นานอาจทำให้คอมเพรสเซอร์เสียทั้งลูก ค่าเปลี่ยนสูงตั้งแต่ 4,000–15,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นรถ

2. ลูกปืนคอมเพรสเซอร์แอร์สึก

ลูกปืนในคอมเพรสเซอร์ช่วยให้ระบบหมุนเรียบ หากสึกจะเกิดเสียงหอนหรือครืด ๆ ขณะเปิดแอร์

อาการที่สังเกตได้

  • เสียงดังขึ้นเมื่อเร่งเครื่อง
  • เสียงลดลงหลังปิดแอร์
  • มักเกิดเสียงด้านหน้าห้องเครื่อง

การเปลี่ยนลูกปืนมีค่าใช้จ่ายไม่สูงนักเมื่อเทียบกับการเปลี่ยนคอมใหม่ แต่ควรทำโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ

3. พัดลมโบลเวอร์หรือมอเตอร์พัดลมสกปรก

ในห้องโดยสารมีชุดพัดลมโบลเวอร์ที่ช่วยหมุนเวียนลมเข้าสู่ระบบแอร์ หากใบพัดมีฝุ่น ใบไม้ แมลง หรือเศษขยะเข้าไปติด จะทำให้เกิดเสียง “ฟู่ๆ” หรือ “กึกๆ” ได้

สาเหตุที่พบบ่อย

  • ไม่เคยเปลี่ยนแผ่นกรองแอร์
  • ใช้รถในพื้นที่มีฝุ่นมาก
  • สัตว์ขนาดเล็กเข้าไปทำรัง (เจอบ่อยมากในรถที่จอดทิ้งไว้นาน)

การล้างระบบโบลเวอร์ถือเป็นการบำรุงรักษาที่ควรทำทุก 1–2 ปี

4. สายพานหน้าเครื่องหย่อนหรือเริ่มขาด

สายพานหน้าเครื่องเชื่อมกับคอมเพรสเซอร์ หากหย่อนหรือเริ่มสึกจะทำให้เกิดเสียงดังเสียดสีหรือ “เอี๊ยดๆ” เมื่อเปิดแอร์

สัญญาณที่บ่งบอก

  • เสียงดังช่วงสตาร์ทรถ
  • เสียงดังขึ้นเมื่อเปิดแอร์หรือเปิดระบบไฟฟ้าหนักๆ
  • สายพานเริ่มมีรอยแตกหรือแข็งตัว

หากปล่อยจนขาดอาจทำให้รถดับกลางทางได้ทันที

5. น้ำยาแอร์พร่อง ทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนัก

น้ำยาแอร์ที่พร่องหรือรั่วอาจทำให้ระบบต้องทำงานหนัก เกิดเสียงดังแบบผิดปกติ โดยเฉพาะเสียงครืด ๆ จากคอมเพรสเซอร์

อาการร่วมที่พบ

  • แอร์เย็นบ้างไม่เย็นบ้าง
  • มีน้ำแข็งเกาะที่ท่อน้ำยา
  • มีกลิ่นแปลกเวลาปิด–เปิดแอร์

การเติมน้ำยาอย่างเดียวไม่ใช่การแก้ปัญหา ควรหาจุดรั่วก่อน

6. มอเตอร์พัดลมหม้อน้ำมีปัญหา

พัดลมหม้อน้ำช่วยระบายความร้อนให้คอมเพรสเซอร์ หากพัดลมเริ่มเสื่อมอาจทำให้เกิดเสียงดังหรือแอร์ไม่เย็นเวลาแช่รถ

อาการที่บ่งบอก

  • เสียงพัดลมหมุนแรงผิดปกติ
  • แอร์ไม่เย็นเมื่อรถติด
  • เครื่องเดินเบาสะดุดเมื่อพัดลมทำงาน

เปิดแอร์มีเสียงดังในรถยนต์ เช็กเองได้ไหม? คู่มือเบื้องต้น

ก่อนนำรถเข้าศูนย์ เจ้าของรถสามารถตรวจสอบได้เองในเบื้องต้น ดังนี้

1. ฟังเสียงให้ชัดเจนว่าเกิดจากตำแหน่งใด

ลองเปิดฝากระโปรงแล้วคนหนึ่งเปิดแอร์ อีกคนฟังเสียง

  • หากดังหน้าห้องเครื่อง น่าจะเป็นคอมเพรสเซอร์หรือสายพาน
  • หากดังในห้องโดยสาร อาจเป็นโบลเวอร์หรือเศษขยะเข้าไปติด

การระบุตำแหน่งช่วยให้ช่างตรวจสอบได้เร็วขึ้นและลดค่าแรงได้ด้วย

2. สังเกตจังหวะที่เสียงเกิดขึ้น

  • ดังตอนเปิดแอร์ทันที สงสัยคลัตช์คอมเพรสเซอร์
  • ดังเมื่อเร่งเครื่อง ลูกปืนคอมหรือสายพาน
  • ดังเป็นระยะ ๆ อาจมีอะไรไปกระทบในชุดพัดลม
  • ดังจากช่องลม โบลเวอร์หรือกรองแอร์ตัน

จดเวลาที่เกิดเสียงไว้ จะช่วยวินิจฉัยได้แม่นยำขึ้น

3. ตรวจสภาพแผ่นกรองแอร์

แผ่นกรองแอร์ตันสามารถทำให้พัดลมทำงานหนักและเกิดเสียงได้

  • มีฝุ่นหนาไหม
  • มีกลิ่นอับหรือไม่
  • ควรเปลี่ยนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

การเปลี่ยนกรองแอร์ราคาเพียง 150–400 บาท แต่ช่วยลดเสียงและเพิ่มความเย็นได้อย่างมาก

4. เช็กระดับความเย็นแอร์

ลองเปิดแอร์แรงสุด หากไม่เย็นหรือเย็นช้ากว่าปกติ อาจเป็นเพราะคอมเพรสเซอร์ทำงานหนักหรือน้ำยาแอร์รั่ว ซึ่งสัมพันธ์โดยตรงกับเสียงดังผิดปกติ

5. ตรวจสายพานหน้าเครื่องด้วยตาเปล่า

ถ้าสายพานแตกลายงา แข็ง หรือมีเศษหลุดลอก ควรเปลี่ยนทันที ราคาสายพานอยู่ที่ 400–1,000 บาท แต่ช่วยป้องกันปัญหาใหญ่ได้หลายจุด

เสียงดังแบบไหนที่ควรรีบเข้าศูนย์หรืออู่ทันที?

หากเจอเสียงดังในลักษณะต่อไปนี้ ไม่ควรฝืนขับต่อ

  • เสียงดัง “แก๊กๆ” แรงและถี่เมื่อเปิดแอร์
  • มีกลิ่นไหม้หรือควันออกจากห้องเครื่อง
  • แอร์ไม่เย็นทันทีหลังมีเสียง
  • เสียงหอนดังขึ้นเรื่อย ๆ ตามรอบเครื่อง
  • คอมเพรสเซอร์สะดุดหรือคลัตช์จับไม่ติด

เพราะอาจลุกลามจนต้องเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ทั้งลูก ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก

วิธีป้องกันปัญหาเปิดแอร์มีเสียงดังในรถยนต์

การบำรุงรักษาเป็นหัวใจสำคัญ ช่วยลดโอกาสเกิดเสียงผิดปกติได้มาก

  • เปลี่ยนกรองแอร์ทุก 10,000 – 15,000 กม.
  • ล้างโบลเวอร์ปีละ 1 ครั้ง
  • ตรวจสายพานหน้าเครื่องทุกระยะเช็กระยะ
  • ไม่เปิดแอร์ตอนเครื่องร้อนจัดทันทีหลังสตาร์ท
  • ตรวจน้ำยาแอร์ทุกปี
  • หลีกเลี่ยงจอดรถทิ้งไว้กลางแจ้งนาน ๆ

สรุป เปิดแอร์มีเสียงดังในรถยนต์ ไม่ใช่เรื่องเล็ก ควรตรวจเร็วที่สุด

อาการ เปิดแอร์มีเสียงดังในรถยนต์ เป็นสัญญาณเตือนว่าระบบแอร์หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกำลังมีปัญหา แม้เสียงจะเบาหรือเกิดเป็นครั้งคราว ก็ไม่ควรปล่อยให้ลุกลาม เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายใหญ่และมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นได้ การตรวจเช็กเบื้องต้นด้วยตัวเองช่วยคัดกรองปัญหาได้ระดับหนึ่ง แต่หากเสียงดังรุนแรงหรือมาพร้อมอาการแอร์ไม่เย็น ควรนำรถเข้าศูนย์หรืออู่อย่างรวดเร็ว เพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการใช้งานในระยะยาว