หากคุณซื้อรถมือสองมา หรือได้รับรถจากการโอนกรรมสิทธิ์ แต่พบว่า ชื่อเจ้าของรถในเล่มทะเบียนไม่ตรงกับชื่อของคุณ หรือผู้ครอบครองที่แท้จริง นั่นอาจนำไปสู่ปัญหาในอนาคต เช่น การต่อภาษีประจำปี การขอสินเชื่อ การขายรถต่อ ฯลฯ ดังนั้นการ เปลี่ยนชื่อรถ ให้ถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่ควรทำอย่างเร่งด่วน
เปลี่ยนชื่อรถคืออะไร?
การเปลี่ยนชื่อรถ คือกระบวนการทางกฎหมายที่ทำให้ชื่อเจ้าของรถในเล่มทะเบียน (สมุดจดทะเบียนรถ) ตรงกับผู้ถือกรรมสิทธิ์ตัวจริง โดยการดำเนินการจะต้องทำผ่านกรมการขนส่งทางบก ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบโดยตรง
สาเหตุที่ทำให้ต้องเปลี่ยนชื่อในเล่มทะเบียน
- ซื้อรถมือสองแล้วเจ้าของเก่าไม่ได้โอนให้
- รับโอนรถจากญาติ หรือได้รับเป็นมรดก
- มีการเปลี่ยนชื่อจริงของเจ้าของ (เช่น เปลี่ยนจากชื่อเดิมเป็นชื่อใหม่)
- ชื่อในเล่มทะเบียนสะกดผิด หรือข้อมูลคลาดเคลื่อน
เอกสารที่ต้องใช้ในการเปลี่ยนชื่อรถ
กรณีทั่วไป (ซื้อขายรถมือสอง)
หากคุณซื้อรถจากบุคคลทั่วไป และต้องการ เปลี่ยนชื่อรถ ให้เป็นชื่อของคุณ ให้เตรียมเอกสารดังนี้:เอกสารจากผู้ขาย (เจ้าของเดิม)
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- หนังสือสัญญาซื้อขายรถ
- แบบคำขอโอนและรับโอนรถ (ลายเซ็นครบ)
เอกสารจากผู้ซื้อ (เจ้าของใหม่)
- บัตรประชาชนตัวจริง
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาหลักฐานการชำระเงิน (ถ้ามี)
เอกสารเกี่ยวกับรถ
- เล่มทะเบียนรถตัวจริง
- ใบเสร็จรับเงิน (กรณีซื้อจากเต็นท์)
- หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท (กรณีคู่สัญญาเป็นนิติบุคคล)
กรณีได้รับรถจากญาติ หรือเป็นมรดก
- หนังสือมอบอำนาจ (ถ้าเจ้าของรถไม่สามารถมาดำเนินการด้วยตัวเอง)
- ใบมรณบัตร (กรณีเจ้าของรถเสียชีวิต)
- สำเนาทะเบียนบ้านของผู้มอบและผู้รับมอบ
- หนังสือแสดงความยินยอมจากทายาทร่วม (กรณีมรดก)
ขั้นตอนการเปลี่ยนชื่อรถที่กรมการขนส่งทางบก
- เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน
- นำรถเข้าตรวจสภาพ (ที่ขนส่ง)
- ยื่นเอกสารทั้งหมดที่สำนักงานขนส่ง (เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบ)
- ชำระค่าธรรมเนียมการโอน
- รับเล่มทะเบียนที่มีชื่อเจ้าของใหม่
หมายเหตุ : ควรนัดเจ้าของรถเดิมมาทำเรื่องด้วยกันเพื่อให้กระบวนการเสร็จสิ้นในวันเดียว
ค่าธรรมเนียมการเปลี่ยนชื่อรถ
- ค่าคำขอ : 5 บาท
- ค่าโอนกรรมสิทธิ์ : 100 บาท
- ค่าอากรแสตม