เบาะรถยนต์ถือเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญที่ผู้ใช้รถให้ความใส่ใจ เพราะนอกจากจะส่งผลต่อความสบายในการนั่งแล้ว ยังสะท้อนถึงความสะอาดและบุคลิกของเจ้าของรถด้วย แต่ปัญหาที่หลายคนมักเจออยู่บ่อย ๆ ก็คือ เบาะรถยนต์เปียก ไม่ว่าจะจากน้ำหก ฝนสาด การซักพรม หรือความชื้นสะสม หากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกวิธี ก็อาจทำให้เกิดคราบเหลือง กลิ่นอับ ไปจนถึงเชื้อราที่สร้างความเสียหายทั้งกับเบาะและสุขภาพผู้ขับขี่ได้
ทำไม “เบาะรถยนต์เปียก” ถึงกลายเป็นปัญหาใหญ่?
หลายคนอาจคิดว่าแค่เช็ดให้แห้งก็เพียงพอ แต่จริง ๆ แล้วความชื้นที่ซึมเข้าสู่เนื้อเบาะ โดยเฉพาะเบาะผ้า หรือโฟมด้านใน อาจก่อให้เกิดปัญหาตามมา ได้แก่
- คราบเหลืองฝังแน่น เกิดจากการสะสมของความชื้นและสิ่งสกปรก
- เชื้อราและแบคทีเรีย เติบโตได้ดีในสภาพชื้น ทำให้เกิดกลิ่นอับและเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ
- กลิ่นเหม็นอับติดรถ ถึงจะเช็ดด้านนอกแล้ว แต่ความชื้นด้านในยังคงอยู่
- ลดอายุการใช้งานของเบาะ ทำให้วัสดุเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
วิธีแก้ปัญหาเบาะรถยนต์เปียกเบื้องต้น
- ซับน้ำออกทันที หากน้ำหกหรือฝนสาด ควรรีบใช้ผ้าขนหนูหรือกระดาษทิชชู่ซับน้ำออกให้ได้มากที่สุด อย่าปล่อยให้น้ำซึมลงไปในชั้นโฟม
- ใช้เครื่องดูดฝุ่นแบบเปียก–แห้ง เครื่องดูดฝุ่นชนิดนี้สามารถช่วยดูดน้ำและความชื้นออกจากเบาะได้ลึกกว่าเพียงการเช็ดภายนอก
- เปิดประตู–หน้าต่าง และตากแดด การให้อากาศถ่ายเทและตากแดดช่วยไล่ความชื้นออกจากตัวเบาะได้เร็วขึ้น แต่ควรระวังการตากแดดแรงเกินไป เพราะอาจทำให้เบาะหนังแข็งหรือแตกได้
- ใช้ไดร์เป่าผม / พัดลม หากไม่สะดวกตากแดด สามารถใช้ไดร์เป่าผม หรือเปิดพัดลมจ่อเพื่อเร่งการระเหยของน้ำ แต่ควรเป่าในอุณหภูมิที่ไม่ร้อนจนเกินไป
เคล็ดลับป้องกันไม่ให้เบาะเกิดคราบเหลืองและเชื้อรา
ทำความสะอาดอย่างถูกวิธี
- สำหรับเบาะผ้า : ใช้น้ำยาทำความสะอาดเบาะผ้าโดยเฉพาะ หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมากเกินไป
- สำหรับเบาะหนัง : ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเบาะหนังที่ช่วยเคลือบและป้องกันการดูดซึมน้ำ
ใช้น้ำยาดูดความชื้น
สามารถวางซิลิก้าเจล ถ่านดูดกลิ่น หรือผลิตภัณฑ์ดูดความชื้นไว้ในรถ เพื่อช่วยลดการสะสมของความชื้น
ใช้น้ำส้มสายชู / เบกกิ้งโซดา
- น้ำส้มสายชูสามารถใช้เช็ดเบาะเพื่อลดการเกิดเชื้อราและกลิ่น
- เบกกิ้งโซดาใช้โรยบนเบาะ ทิ้งไว้แล้วดูดออกด้วยเครื่องดูดฝุ่น จะช่วยลดกลิ่นอับ
วิธีแก้เบาะรถยนต์เปียกที่มีเชื้อราแล้ว
หากปล่อยจนเกิดเชื้อรา ควรรีบแก้ไขดังนี้
- สวมถุงมือและหน้ากาก เพื่อป้องกันการสูดดมสปอร์รา
- ใช้แปรงขนอ่อน ขัดเบา ๆ ตรงบริเวณที่มีเชื้อรา
- ฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อรา (สามารถใช้น้ำส้มสายชูหรือน้ำยาทำความสะอาดเบาะที่มีสารต้านเชื้อรา)
- ทำให้แห้งสนิท ด้วยการตากแดดหรือใช้พัดลมเป่า
- ตรวจสอบโฟมด้านใน หากเชื้อราลึกเกินไป ควรนำไปให้ร้านซักเบาะหรือเปลี่ยนวัสดุด้านใน
เคล็ดลับง่าย ๆ ที่ควรทำประจำเพื่อป้องกันปัญหา
- หลีกเลี่ยงการนำของเหลวเข้าไปในรถ หากจำเป็นควรใช้แก้วหรือขวดที่ปิดสนิท
- หากฝนตกและต้องขึ้น – ลงรถ ควรปัดน้ำออกจากตัวก่อนนั่ง
- ใช้ผ้าคลุมเบาะหรือเบาะเสริมที่ถอดซักได้
- ตรวจเช็คพรมและพื้นรถ หากชื้นควรทำให้แห้งทันที เพราะความชื้นอาจลามไปถึงเบาะ
- ใช้เครื่องฟอกอากาศในรถ ช่วยลดกลิ่นและความชื้นสะสม
สรุป
ปัญหา เบาะรถยนต์เปียก อาจดูเล็กน้อย แต่ถ้าละเลยก็สามารถลุกลามจนกลายเป็นคราบเหลือง กลิ่นอับ หรือเชื้อราที่ส่งผลเสียทั้งต่อรถและสุขภาพได้ วิธีแก้ที่ดีที่สุดคือการรีบทำให้แห้งโดยเร็ว พร้อมทั้งใช้วิธีดูแลป้องกันความชื้นไม่ให้สะสม หากเจอเชื้อราแล้วก็ควรจัดการทันที หรือถ้าอาการหนัก ควรส่งให้ผู้เชี่ยวชาญซักเบาะรถยนต์โดยเฉพาะ