
เริ่มต้นปี 2569 นี้ วงการรถยนต์ไทยเตรียมรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เมื่อกรมสรรพสามิตประกาศ “ภาษีรถยนต์ใหม่ 2569” ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการใช้รถพลังงานสะอาด (EV) และปรับโครงสร้างภาษีให้สะท้อนการปล่อยคาร์บอนอย่างเป็นธรรมมากขึ้น
มาตรการใหม่นี้ส่งผลโดยตรงต่อทั้งรถยนต์สันดาป (ICE), รถไฮบริด (Hybrid), รถปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ซึ่งอาจทำให้ราคาขายปลีกของรถบางประเภทเปลี่ยนไปตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงหลักแสนบาท
ภาษีรถยนต์ใหม่ 2569 คืออะไร?
ภาษีรถยนต์ใหม่ คือ โครงสร้างการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์ที่จดทะเบียนใหม่ โดยจะพิจารณาจาก “ปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂)” เป็นหลัก แทนการคิดตามขนาดเครื่องยนต์เหมือนในอดีต
เป้าหมายหลักของนโยบายนี้
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคยานยนต์
- สนับสนุนให้ผู้ผลิตหันมาผลิตรถพลังงานสะอาด
- ส่งเสริมให้ผู้บริโภคเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้า (EV) มากขึ้น
- ปรับให้โครงสร้างภาษีสอดคล้องกับแนวทาง Net Zero ของประเทศไทย
รถยนต์ที่ได้รับผลจากภาษีรถยนต์ใหม่ 2569
เมื่อภาษีรถยนต์ใหม่เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 69 รถแต่ละประเภทจะได้รับผลกระทบแตกต่างกันไป ดังนี้
รถยนต์เครื่องยนต์สันดาป (ICE)
- รถยนต์ที่ปล่อยคาร์บอนสูงกว่า 200 g/km จะถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น
- รถขนาดเล็กที่มีอัตราการปล่อย CO₂ ต่ำอาจได้รับผลกระทบน้อย
- รถ SUV หรือรถสปอร์ตเครื่องใหญ่มีแนวโน้มราคาขึ้น 2–5%
ตัวอย่าง
- เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร อาจเก็บภาษีราว 20%
- เครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ 2.8 ลิตร อาจขึ้นภาษีเป็น 25–30%
รถยนต์ไฮบริด (Hybrid)
- ยังคงได้อัตราภาษีพิเศษ เพราะปล่อยคาร์บอนต่ำ
- แต่ต้องผ่านเกณฑ์ CO₂ ไม่เกิน 100 g/km จึงจะได้ลดภาษี
- รถบางรุ่นที่ปล่อยเกินเกณฑ์จะถูกเก็บเพิ่มจาก 8% เป็น 10–12%
สรุป : รถไฮบริดส่วนใหญ่ยังถือว่าคุ้ม แต่ต้องดูรุ่นและค่ามาตรฐาน CO₂ รายรุ่น
รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV)
- ถือเป็นกลุ่มที่อยู่ตรงกลางระหว่างรถน้ำมันและรถไฟฟ้า
- ยังได้ลดหย่อนภาษี แต่ลดน้อยกว่ารถ BEV
- อัตราภาษีเฉลี่ยอยู่ที่ 5–10% ขึ้นอยู่กับระยะทางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า
ตัวอย่าง
- หากวิ่งด้วยไฟฟ้าเกิน 50 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง จะได้ลดภาษีเพิ่ม
- แต่ถ้าวิ่งได้ไม่ถึงเกณฑ์ จะเสียภาษีเท่ากับรถน้ำมันทั่วไป
รถยนต์ไฟฟ้า (BEV)
- ได้รับภาษีต่ำที่สุดในระบบ เพื่อกระตุ้นตลาด EV ไทย
- อัตราภาษีเฉลี่ยเพียง 2–5% เท่านั้น
- รถที่ประกอบในประเทศอาจได้สิทธิพิเศษเพิ่มเติมตามโครงการ EV 3.5
ผลที่ตามมา
- ราคาขายรถ EV มีแนวโน้มไม่เปลี่ยนหรืออาจลดลง
- ผู้บริโภคหันมาเลือกซื้อ EV มากขึ้น
- ผู้ผลิตหลายรายเริ่มตั้งฐานผลิตรถไฟฟ้าในไทย
สรุปอัตราภาษีรถยนต์ใหม่ 2569 (โดยประมาณ)
| ประเภท | อัตราภาษีใหม่ | แนวโน้มราคา |
|---|---|---|
| รถยนต์ ICE | 20% – 30% | ราคาสูงขึ้น |
| รถ Hybrid | 8% – 12% | ขึ้นเล็กน้อย |
| รถ Plug-in Hybrid | 5% – 10% | ขึ้นเล็กน้อย |
| รถ EV (BEV) | 2% – 5% | ราคาเท่าเดิมหรือถูกลง |
หมายเหตุ : ตัวเลขข้างต้นเป็นการคาดการณ์จากร่างประกาศสรรพสามิต อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามกฎหมายฉบับจริง
ภาษีรถยนต์ใหม่ 2569 มีผลต่อผู้บริโภคอย่างไร?
ผลกระทบต่อคนซื้อรถใหม่
- รถน้ำมันมีแนวโน้มขึ้นราคา โดยเฉพาะรุ่นเครื่องใหญ่
- รถไฮบริดและ PHEV ยังเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าในช่วงรอยต่อ
- รถ EV กลายเป็นตัวเลือกหลักสำหรับผู้ที่วางแผนซื้อปี 2569
ผลกระทบต่อคนที่มีรถอยู่แล้ว
- ไม่มีผลต่อรถที่จดทะเบียนก่อนวันที่ 1 ม.ค. 69
- แต่จะกระทบตอนขายต่อ เพราะราคารถใหม่ในตลาดจะปรับขึ้น
- รถที่ปล่อยคาร์บอนสูงอาจมีมูลค่าขายต่อ (resale value) ลดลง
ภาษีรถยนต์ใหม่กับแนวโน้มตลาดรถ EV ไทย
นโยบาย “ภาษีรถยนต์ใหม่ 2569” ถือเป็นอีกแรงผลักดันให้ไทยเดินหน้าสู่สังคม EV อย่างจริงจัง เพราะ:
- รัฐต้องการให้รถไฟฟ้ามีสัดส่วน 30% ของการผลิตในประเทศภายในปี 2573
- ผู้บริโภคเริ่มมั่นใจมากขึ้นจากจำนวนสถานีชาร์จที่เพิ่มขึ้นทั่วประเทศ
- ราคารถ EV มีแนวโน้มลดลงจนเทียบเท่ารถเครื่องยนต์สันดาป
กล่าวได้ว่า “นโยบายภาษี” ครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการจัดเก็บรายได้ของรัฐ แต่เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์สู่อนาคตพลังงานสะอาดอย่างเต็มตัว
สรุป
ภาษีรถยนต์ใหม่ 2569 ที่จะเริ่มบังคับใช้วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นการปรับโครงสร้างภาษีที่สะท้อนแนวคิด “ใครปล่อยคาร์บอนมาก ต้องจ่ายมาก” เพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวสู่ยุครถยนต์พลังงานสะอาดเต็มรูปแบบ
ดังนั้น หากคุณกำลังวางแผนซื้อรถใหม่ในปีหน้า ควรศึกษาอัตราภาษีรถยนต์ใหม่ให้ดี เพราะบางรุ่นอาจขึ้นราคา ขณะที่รถ EV อาจยังคงราคาน่าสนใจที่สุดในตลาด
