สาระน่ารู้ » ตรวจเช็กรถหลังพายุ ต้องดูจุดไหนบ้าง? เช็กให้ชัวร์ก่อนขับต่อ

ตรวจเช็กรถหลังพายุ ต้องดูจุดไหนบ้าง? เช็กให้ชัวร์ก่อนขับต่อ

25 กรกฎาคม 2025
17   0

หลังพายุผ่านไป ต้องตรวจเช็กรถตรงไหนบ้าง?

ประเทศไทยต้องเผชิญกับพายุอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนหรือช่วงเปลี่ยนฤดู ซึ่งพายุไม่เพียงส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนและการจราจรเท่านั้น แต่ยังอาจสร้างความเสียหายให้กับรถยนต์โดยที่เราไม่ทันสังเกต เมื่อพายุสงบลงแล้ว สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือ การตรวจเช็กรถหลังพายุ เพื่อให้มั่นใจว่ารถของคุณยังคงปลอดภัย พร้อมใช้งาน และไม่เกิดความเสียหายที่อาจลุกลามภายหลัง

ตรวจเช็กรถหลังพายุ ทำไมจึงสำคัญ?

หลังพายุฝนตกหนัก ลมแรง หรือเกิดน้ำท่วมขัง อาจมีผลต่อหลายระบบในรถยนต์ ทั้งภายนอกและภายใน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ เบรก ระบบไฟฟ้า หรือแม้แต่ภายในห้องโดยสาร ความชื้น น้ำ หรือเศษดินโคลนที่ซึมเข้าไปอาจส่งผลต่อการทำงานของรถอย่างร้ายแรงได้

จุดที่ควร ตรวจเช็กรถหลังพายุ อย่างละเอียด

1. ระบบเบรก

เบรกคือหัวใจของความปลอดภัย หากน้ำซึมเข้าไปในระบบเบรก อาจทำให้เบรกทำงานผิดปกติ

สิ่งที่ควรตรวจสอบ:

  • ผ้าเบรกมีเสียงดังหรือไม่
  • การตอบสนองของเบรกผิดปกติหรือเปล่า (เบรกจม/แข็ง)
  • มีคราบโคลนหรือน้ำขังในระบบเบรกหรือไม่
  • สภาพจานเบรกเป็นสนิมหรือมีคราบสกปรก

2. เครื่องยนต์และห้องเครื่อง

น้ำอาจซึมเข้าไปในห้องเครื่อง ส่งผลให้ระบบไฟฟ้าเสียหาย หรืออาจทำให้เครื่องยนต์ดับกลางทางได้

ควรเช็ก:

  • มีคราบน้ำหรือโคลนในห้องเครื่องหรือไม่
  • สายพานต่าง ๆ ยังอยู่ในสภาพดีหรือเปล่า
  • เสียงเครื่องยนต์มีความผิดปกติหรือไม่
  • น้ำมันเครื่องมีลักษณะเปลี่ยนไป (ขุ่นหรือเป็นสีเทาแปลก ๆ)

3. แบตเตอรี่และระบบไฟฟ้า

หากรถลุยน้ำ หรือมีน้ำกระเด็นเข้าไปที่ระบบไฟ อาจทำให้รถสตาร์ตไม่ติด หรือเกิดไฟฟ้าลัดวงจร

สิ่งที่ต้องตรวจ:

  • จุดต่อสายไฟมีคราบสนิมหรือเปล่า
  • สตาร์ตรถแล้วหน้าจอขึ้นไฟเตือนหรือไม่
  • ระบบไฟ (ไฟหน้า/ไฟเบรก/ไฟเลี้ยว) ยังทำงานครบหรือไม่
  • แตรรถยังดังตามปกติไหม

4. ยางรถยนต์และช่วงล่าง

ถนนลื่นหรือน้ำขัง อาจทำให้ยางหรือระบบช่วงล่างได้รับผลกระทบ

ตรวจสอบดังนี้:

  • สภาพยางยังสมบูรณ์ ไม่มีรอยบวม/ร้าว
  • ดอกยางยังลึกพอที่จะยึดเกาะถนนได้
  • ล้อมีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่หรือไม่
  • ช่วงล่างมีเสียงผิดปกติหรือไม่ขณะขับ

5. ใบปัดน้ำฝนและกระจกบังลม

ฝนตกหนักอาจทำให้ใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ หากไม่เช็ก อาจทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ลดลง

ควรดูว่า:

  • ใบปัดน้ำฝนยังเช็ดน้ำได้สะอาดหรือไม่
  • น้ำยาล้างกระจกยังอยู่หรือไม่
  • กระจกมีรอยขีดข่วนหรือร้าวไหม

6. ภายในห้องโดยสาร

น้ำหรือความชื้นที่เข้ามาภายใน อาจทำให้เกิดกลิ่นอับ เชื้อรา หรืออุปกรณ์ภายในเสียหาย

ตรวจสอบ:

  • พรมหรือเบาะมีรอยชื้นหรือกลิ่นอับหรือไม่
  • มีคราบน้ำซึมหรือคราบโคลนตามพื้นรถหรือไม่
  • ระบบแอร์ยังเย็นปกติไหม และไม่มีกลิ่นเหม็นอับ

7. ท่อไอเสีย

หากระดับน้ำสูงเกินไป น้ำอาจเข้าไปในท่อไอเสีย ทำให้เครื่องยนต์มีปัญหาได้

สิ่งที่ควรเช็ก:

  • มีน้ำหรือน้ำมันไหลย้อนกลับจากปลายท่อไหม
  • กลิ่นควันจากท่อไอเสียเปลี่ยนแปลงหรือไม่
  • มีเสียงผิดปกติขณะเครื่องเดินเบาไหม

เคล็ดลับเพิ่มเติมหลังพายุ

  • ล้างรถทันที เพื่อขจัดคราบน้ำฝน โคลน หรือน้ำเค็มที่อาจทำให้รถเป็นสนิม
  • จอดรถตากแดด (ถ้าเป็นไปได้) เพื่อไล่ความชื้นภายใน
  • ถ่ายรูปความเสียหาย ไว้เป็นหลักฐาน หากต้องเคลมประกันภัย
  • เข้าศูนย์บริการ หากพบสิ่งผิดปกติที่ไม่สามารถตรวจเช็กเองได้

สรุป ตรวจเช็กรถหลังพายุ คือการดูแลที่ไม่ควรมองข้าม

หลังจากพายุผ่านไป อย่ามองข้ามการ ตรวจเช็กรถหลังพายุ เพราะรถของคุณอาจได้รับผลกระทบมากกว่าที่ตาเห็น การดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในอนาคต และช่วยให้การขับขี่ปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ หากคุณไม่แน่ใจว่ารถมีปัญหาหรือไม่ ควรนำเข้าศูนย์บริการหรืออู่ที่ไว้ใจได้ให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะความปลอดภัยของคุณและผู้โดยสารคือสิ่งสำคัญที่สุดบนท้องถนน