
เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป กรมการขนส่งทางบกเตรียมบังคับใช้ มาตรฐานควันดำใหม่ 2568 ซึ่งถือเป็นเกณฑ์ที่เข้มงวดที่สุดในรอบหลายปี เพื่อควบคุมมลพิษทางอากาศจาก รถดีเซลควันดำ ที่เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของฝุ่น PM 2.5 โดยเกณฑ์ใหม่นี้ระบุชัดว่า หากรถดีเซลตรวจพบควันดำเกิน 20% จะถูก “ห้ามใช้งานทันที” จนกว่าจะผ่านการแก้ไขและตรวจสภาพใหม่อีกครั้ง
มาตรการนี้สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการขนส่งและผู้ใช้รถดีเซลทั่วประเทศ เพราะเกณฑ์เดิมอยู่ที่ 45% เท่านั้น การลดเหลือเพียง 20% ถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่า “ขนส่งฯ เอาจริง” กับการลดมลพิษบนท้องถนน
มาตรฐานควันดำใหม่ 2568 คืออะไร
มาตรฐานควันดำใหม่ 2568 คือเกณฑ์ที่กรมการขนส่งทางบกปรับปรุงเพื่อใช้ตรวจวัดควันจากท่อไอเสียของเครื่องยนต์ดีเซล โดยกำหนดค่าความทึบแสงของควันไม่ให้เกิน 20% จากเดิมที่อนุโลมสูงสุด 45% เพื่อยกระดับคุณภาพอากาศในเมืองใหญ่และลดผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5
หลักการตรวจวัด
- ใช้อุปกรณ์ตรวจควันมาตรฐาน (Smoke Meter) วัดค่าความทึบแสงของควัน
- ตรวจขณะเดินเบาและเร่งเครื่อง เพื่อให้เห็นสภาพจริงของเครื่องยนต์
- หากค่าที่ได้เกิน 20% ถือว่าผิดมาตรฐาน ต้องหยุดใช้งานจนกว่าจะซ่อมและตรวจใหม่
มาตรฐานใหม่นี้ไม่เพียงกระทบกับรถบรรทุกและรถโดยสารเท่านั้น แต่ยังรวมถึง รถกระบะดีเซลส่วนบุคคล ที่ถูกแต่งเครื่องหรือเปลี่ยนท่อไอเสียจนปล่อยควันมากกว่าปกติ
ทำไมขนส่งฯ ต้องเข้ม “เกณฑ์ควันดำ 20%”
กรมการขนส่งฯ ระบุว่า การปรับเกณฑ์ครั้งนี้มีสาเหตุหลักจาก ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่เพิ่มสูงในทุกปี โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งพบว่ามีต้นเหตุจาก รถดีเซลควันดำ จำนวนมากที่ยังใช้งานอยู่บนถนน
เหตุผลสำคัญของการเปลี่ยนมาตรฐาน
- ลดการปล่อยเขม่าดำ (Black Carbon) ที่เกิดจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์
- กระตุ้นให้เจ้าของรถหันมาดูแลเครื่องยนต์และระบบไอเสียมากขึ้น
- ป้องกันปัญหาสุขภาพในระยะยาวจากฝุ่นพิษในอากาศ
- สร้างมาตรฐานเดียวกับประเทศพัฒนาแล้วในภูมิภาค
กล่าวได้ว่า “เกณฑ์ควันดำ 20%” ไม่ได้มีไว้ลงโทษผู้ใช้รถเพียงอย่างเดียว แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการปรับตัวสู่สังคมที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
รถดีเซลแบบไหนเสี่ยง “โดนแบน”
แม้รถดีเซลหลายคันยังอยู่ในสภาพดี แต่หากระบบเครื่องยนต์ไม่สมบูรณ์ หรือมีการปรับแต่งผิดวิธี ก็มีโอกาสสูงที่จะปล่อยควันเกินเกณฑ์ใหม่
ตัวอย่างรถที่มีความเสี่ยงสูง
- รถกระบะที่เปลี่ยนท่อไอเสียหรือหม้อพัก
- รถบรรทุกเก่าที่ไม่ได้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องหรือกรองอากาศตามรอบ
- รถตู้ดีเซลที่ใช้งานหนักในเมืองและไม่ได้ล้างกรองอากาศ
- รถที่เติมน้ำมันคุณภาพต่ำหรือใช้น้ำมันผสมผิดประเภท
สัญญาณเตือนว่ารถคุณ “ควันเริ่มดำ”
- เร่งเครื่องแล้วมีควันดำออกชัดเจน
- กลิ่นไอเสียแรงกว่าปกติ
- อัตราเร่งตก เครื่องเสียงดังขึ้น
- น้ำมันเครื่องลดลงผิดปกติ หรือมีคราบน้ำมันที่ท่อไอเสีย
หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบนำรถไปตรวจเช็กก่อนถึงกำหนดบังคับใช้ เพราะเมื่อเริ่มวันที่ 1 พ.ย. 2568 หากตรวจเจอควันดำเกิน 20% จะถูก “ขนส่งห้ามใช้รถควันดำ” ทันที
ขนส่งห้ามใช้รถควันดำ: บทลงโทษและแนวทางแก้ไข
ตามกฎหมายของกรมการขนส่งฯ หาก รถดีเซลควันดำ ไม่ผ่านการตรวจมาตรฐาน เจ้าของรถจะถูกสั่ง “ห้ามใช้งาน” จนกว่าจะซ่อมและนำรถกลับมาตรวจใหม่ให้ผ่าน
มาตรการลงโทษ
- เจ้าหน้าที่สามารถยึดใบอนุญาตการใช้งานชั่วคราว
- ห้ามนำรถออกวิ่งบนถนนสาธารณะจนกว่าจะผ่านการตรวจสภาพ
- หากฝ่าฝืน มีโทษปรับสูงสุดถึง 5,000 บาท
- สำหรับรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุก อาจถูกพักใช้ใบอนุญาตประกอบการ
แนวทางแก้ไขสำหรับผู้ใช้รถดีเซล
- ตรวจสภาพเครื่องยนต์และระบบไอเสียก่อนครบกำหนด
- ใช้น้ำมันดีเซลคุณภาพสูง และหลีกเลี่ยงการเติมน้ำมันเถื่อน
- ล้างกรองอากาศ กรองน้ำมัน และเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะ
- หลีกเลี่ยงการแต่งเครื่องเพิ่มบูสต์หรือเปลี่ยนท่อที่ไม่ผ่านมาตรฐาน
เจ้าของรถควรทำอะไร ก่อนถึงวันที่ 1 พ.ย. 2568
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในช่วงเริ่มบังคับใช้เกณฑ์ใหม่ เจ้าของรถดีเซลควรเตรียมความพร้อมล่วงหน้า
เช็กลิสต์เตรียมรถก่อนตรวจควันดำ:
- ตรวจหัวฉีดและปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงให้ทำงานปกติ
- ทำความสะอาดระบบ EGR และกรองไอเสีย (DPF)
- เปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่มีค่าความหนืดตามคู่มือ
- ตรวจสอบไม่มีการรั่วซึมหรืออุดตันในท่อไอเสีย
- เข้ารับการตรวจเช็กที่ศูนย์บริการหรืออู่ที่มีเครื่องวัดควันมาตรฐาน
การดูแลสม่ำเสมอไม่เพียงช่วยให้รถผ่านมาตรฐานควันดำเท่านั้น แต่ยังช่วยยืดอายุเครื่องยนต์และประหยัดน้ำมันในระยะยาวอีกด้วย
สรุป มาตรฐานใหม่ เริ่มจริง 1 พ.ย. 2568 รถดีเซลต้องพร้อม
การบังคับใช้ มาตรฐานควันดำใหม่ 2568 ถือเป็นการยกระดับคุณภาพอากาศของประเทศและลดผลกระทบจากมลพิษทางถนน หากคุณเป็นเจ้าของ รถดีเซลควันดำ ควรรีบตรวจเช็กสภาพรถให้พร้อมก่อนถึงวันจริง เพราะเมื่อเกณฑ์ ควันดำเกิน 20% มีผลบังคับใช้แล้ว รถที่ไม่ผ่านการตรวจจะถูก ขนส่งห้ามใช้รถควันดำ ทันที
