สาระน่ารู้ » ซื้อรถคนละครึ่ง ใส่ชื่อในเล่มทะเบียนร่วมกันได้ไหม?

ซื้อรถคนละครึ่ง ใส่ชื่อในเล่มทะเบียนร่วมกันได้ไหม?

18 พฤศจิกายน 2025
23   0

ซื้อรถคนละครึ่ง ใส่ชื่อในเล่มทะเบียนร่วมกันได้ไหม? คู่มือที่หลายคนกำลังหาคำตอบ (อัปเดตล่าสุด)

ปัจจุบันการ “ซื้อรถแบบหารกัน” หรือ ซื้อรถคนละครึ่ง ไม่ว่าจะซื้อกับ แฟน สามี–ภรรยา เพื่อน หรือพี่น้อง กลายเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยขึ้นมาก โดยเฉพาะในยุคที่ราคารถสูงขึ้นและภาระค่าใช้จ่ายต้องแบ่งเบา การซื้อร่วมกันจึงเป็นตัวเลือกที่ช่วยให้ผ่อนสบายขึ้น แต่คำถามสำคัญที่หลายคนสงสัยคือ “ซื้อรถคนละครึ่ง ใส่ชื่อในเล่มทะเบียนร่วมกันได้ไหม?” อัปเดตคำตอบตามกฎหมายจริง วิธีดำเนินการเอกสาร ข้อดี–ข้อเสีย รวมถึงคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจ เพื่อให้คุณวางแผนซื้อรถร่วมกันได้อย่างไม่เสี่ยงในอนาคต

ซื้อรถคนละครึ่ง ใส่ชื่อในเล่มทะเบียนร่วมกันได้ไหม?

คำตอบคือ “ปกติแล้ว ไม่สามารถใส่เจ้าของรถมากกว่า 1 คนในเล่มทะเบียนได้” เพราะกรมการขนส่งทางบกระบุให้ “รถ 1 คัน ต้องมีเจ้าของตามกฎหมายเพียง 1 รายชื่อเท่านั้น” ดังนั้น แม้คุณจะ ออกเงินซื้อรถคนละครึ่ง หรือ หารกันซื้อกับแฟน/เพื่อน แต่ในเล่มทะเบียนจะมีชื่อ เจ้าของจริง ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ยังมี วิธีป้องกันความเสี่ยง และวิธีทำสัญญาระบุสิทธิ์ร่วมกันได้ ซึ่งจะอธิบายในหัวข้อด้านล่าง

กรณีที่ยังผ่อนอยู่กับไฟแนนซ์ ทำชื่อร่วมได้ไหม?

กรณีซื้อรถผ่อนกับไฟแนนซ์ จะมี บริษัทไฟแนนซ์เป็นผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์ และคุณเป็นเพียง “ผู้เช่าซื้อ” ซึ่งสามารถระบุได้เพียง 1 คนเท่านั้น เช่น

  • ระบุชื่อผู้เช่าซื้อเพียงคนเดียว
  • ไม่สามารถให้ไฟแนนซ์ลงชื่อ 2 คนในสัญญาได้

ข้อสรุป: เมื่อซื้อรถผ่านไฟแนนซ์ คุณจะใส่ชื่อร่วม ไม่ได้ 100%

แล้วต้องทำอย่างไรหากซื้อรถคนละครึ่งแต่ต้องใส่ชื่อคนเดียว?

แม้ในเล่มทะเบียนจะใส่ชื่อร่วมไม่ได้ แต่คุณสามารถทำเอกสารระบุสิทธิ์ร่วมได้หลายแบบ ซึ่งมีผลตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ช่วยป้องกันปัญหาเวลาเลิกคบ แยกบ้าน หรือขายรถในอนาคต

1) ทำ “สัญญาซื้อรถร่วมกัน”

สัญญานี้จะระบุว่า

  • รถคันนี้ซื้อด้วยเงินสองฝ่าย
  • แบ่งกันคนละครึ่ง
  • หากขาย ต้องแบ่งเงินตามสัดส่วน
  • ไม่มีสิทธิ์นำรถไปขายโดยพลการ

ข้อดี: ป้องกันการถูกยึดรถ ขายรถ หรือโอนรถโดยไม่ได้รับความยินยอม

2) ทำ “หนังสือมอบอำนาจ” + “ข้อตกลงการใช้รถร่วมกัน”

เป็นเอกสารกำหนดว่า

  • รถต้องใช้ร่วมกัน
  • หากมีค่าใช้จ่าย เช่น ประกัน/ซ่อม แบ่งกันยังไง
  • ห้ามนำรถไปใช้ผิดประเภท
  • ห้ามขายรถโดยลำพัง

เอกสารเหล่านี้ช่วยคุ้มครองฝ่ายที่ไม่ได้เป็นเจ้าของชื่อในเล่มทะเบียน

3) เขียนข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรระบุสิทธิ์

แม้ไม่ถึงขั้นทำสัญญาฉบับใหญ่ แต่แค่เขียนโดยละเอียดว่า

  • ใครออกเงินเท่าไหร่
  • รถเป็นกรรมสิทธิ์ร่วม
  • ถ้าขายต้องแบ่งกันเท่าไหร่

แล้วเซ็นชื่อทั้งคู่ พร้อมพยานอย่างน้อย 1 คน ก็ช่วยลดความเสี่ยงได้มาก

ใส่ชื่อร่วมไม่ได้ แล้วควรเลือกใส่ชื่อใครในเล่มทะเบียน?

นี่คือคำถามใหญ่ที่ต้องคิดให้ดี เพราะแต่ละแบบมีข้อดี–ข้อเสียต่างกัน

เลือกใส่ชื่อคนที่เครดิตดีที่สุด

เหมาะกับกรณี

  • ต้องการผ่อนผ่านไฟแนนซ์
  • อยากได้ดอกเบี้ยต่ำที่สุด
  • ลดโอกาสโดนไฟแนนซ์ไม่อนุมัติ

เลือกใส่ชื่อคนที่มีความรับผิดชอบสูงกว่า

เช่น

  • พร้อมชำระค่างวดตรงเวลา
  • มีวินัยเรื่องภาษีรถประจำปี
  • พร้อมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายซ่อม/ประกันเบื้องต้น

เลือกใส่ชื่อผู้ที่มีหลักฐานการรับเงิน หรือทรัพย์สินชัดเจน

เหมาะกับคู่รักหรือครอบครัว ที่ต้องการให้รถเป็นทรัพย์สินระหว่างกัน แต่ในเอกสารจำเป็นต้องระบุเพียงคนเดียว

แล้วถ้าต้องการใส่ชื่อร่วมจริง ๆ ต้องทำยังไง?

แม้ชื่อในเล่มจะระบุได้เพียง 1 คน แต่คุณสามารถใช้วิธีนี้แทนได้

  1. ซื้อเงินสด แล้วทำข้อตกลงร่วมกันเป็นลายลักษณ์อักษร
    เหมาะกับคู่รักหรือครอบครัว ที่ต้องการความยุติธรรมและชัดเจน
  2. ทำสัญญาซื้อรถร่วมกันที่มีผลทางกฎหมาย
    เอกสารนี้สามารถใช้เป็นหลักฐานในศาล หากมีการฟ้องร้องในอนาคต
  3. เก็บหลักฐานการโอนเงินทุกครั้ง
    เช่น สลิปโอนคนละครึ่ง ช่วยยืนยันว่าออกเงินร่วมกันจริง

เคสพิเศษ ซื้อรถคนละครึ่งกับแฟน แต่ยังไม่ได้แต่งงาน

นี่คือกรณีที่ต้องระวังที่สุด เพราะกฎหมายไทยไม่ได้คุ้มครองทรัพย์สินร่วมของคู่รักที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส

สิ่งที่ควรทำทันที

  • ทำสัญญาระบุสิทธิ์
  • เก็บหลักฐานการโอนเงิน
  • ห้ามซื้อในชื่ออีกฝ่ายโดยไม่มีข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร

เพื่อป้องกันการเสียสิทธิ์หากเลิกกันในอนาคต

ซื้อรถร่วมกันต้องวางแผน ไม่อย่างนั้นอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่

การ ซื้อรถคนละครึ่ง ใส่ชื่อในเล่มทะเบียนร่วมกันได้ไหม เป็นคำถามที่หลายคนมักเข้าใจผิดว่า “ใส่ชื่อสองคนได้” แต่ความจริงคือกฎหมายรถยนต์ไทยอนุญาตให้มีชื่อเจ้าของได้เพียง 1 คนเท่านั้น ดังนั้น การวางแผนล่วงหน้า ทำสัญญา และเก็บหลักฐานทุกขั้นตอน จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะคู่รักที่ยังไม่แต่งงาน หรือเพื่อนที่ร่วมลงทุนกันซื้อรถ หากเลือกทำให้ถูกวิธีตั้งแต่แรก คุณจะใช้งานรถร่วมกันได้อย่างไร้ปัญหา และมั่นใจได้ว่าทั้งสองฝ่ายจะได้รับสิทธิ์อย่างเท่าเทียมตามที่ตกลงไว้