จอดรถอยู่เฉยๆ แล้วโดนชน! ต้องทำอย่างไร และใครเป็นคนรับผิดชอบ? ประกันภัยรถยนต์คุ้มครองอะไรบ้าง
การ “จอดรถอยู่เฉยๆ แล้วโดนชน” เป็นเรื่องไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นได้บ่อย และสร้างความกังวลใจไม่น้อยสำหรับเจ้าของรถ แต่ไม่ต้องตกใจ เรามีแนวทางการปฏิบัติ และข้อมูลเรื่องความรับผิดชอบ รวมถึงความคุ้มครองจากประกันภัยรถยนต์มาฝาก
1. ขั้นตอนเบื้องต้นเมื่อพบว่ารถถูกชน
- ตั้งสติ และตรวจสอบความเสียหายของรถ
- ถ่ายรูป ความเสียหายจากหลายมุมให้ละเอียด รวมถึงสภาพแวดล้อมรอบๆ จุดเกิดเหตุ
- หาพยาน หรือขอดูกล้องวงจรปิด หากมี
- โทรแจ้งบริษัทประกันภัย ของคุณทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ
- แจ้งตำรวจ หากคู่กรณีหลบหนี หรือความเสียหายมีมูลค่ามาก เพื่อทำบันทึกประจำวัน
- แลกข้อมูลกับคู่กรณี ถ้าคู่กรอยังอยู่ เช่น ชื่อ-นามสกุล เบอร์ติดต่อ ทะเบียนรถ และข้อมูลประกันภัย
2. ใครต้องเป็นคนรับผิดชอบ?
- ถ้ามีคู่กรณีที่ยอมรับผิด
บริษัทประกันภัยของคู่กรณีจะรับผิดชอบค่าเสียหายให้คุณ (ตามเงื่อนไขกรมธรรม์ของเขา) - ถ้าคู่กรีหลบหนีหรือหาไม่เจอ
ต้องพึ่งประกันภัยของคุณเอง เช่น ประกันชั้น 1 ที่จะคุ้มครองแม้ไม่ทราบคู่กรณี - หากไม่มีประกันชั้น 1
คุณอาจต้องรับผิดชอบค่าเสียหายเอง หรือใช้กองทุนทดแทนผู้ประสบภัยจากรถ (ในบางกรณีที่มีผู้บาดเจ็บ)
3. ประกันภัยรถยนต์คุ้มครองอะไรบ้าง?
ประเภทประกัน | ความคุ้มครองกรณีจอดอยู่แล้วโดนชน |
ชั้น 1 | คุ้มครองทุกกรณี ทั้งคู่กรณีมีหรือไม่มี (ไม่ต้องรู้ตัวคู่กรณีก็เคลมได้) |
ชั้น 2+ | คุ้มครองเฉพาะกรณีชนกับยานพาหนะทางบก (ต้องมีคู่กรณีชัดเจน) |
ชั้น 3+ | เหมือนชั้น 2+ ต้องมีคู่กรณีถึงจะเคลมได้ |
ชั้น 2 และ 3 | ไม่คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถ (คุ้มครองเฉพาะชีวิตและทรัพย์สินบุคคลภายนอก) |
หมายเหตุ ในกรณีใช้ประกันชั้น 1 แล้วไม่ทราบคู่กรณี คุณอาจต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น 1,000 – 5,000 บาท ขึ้นอยู่กับบริษัทประกัน
สรุป เมื่อจอดรถอยู่เฉยๆ แล้วโดนชน สิ่งสำคัญที่สุดคือ ตั้งสติ ถ่ายรูปหลักฐาน และแจ้งประกันทันที หากคุณมีประกันชั้น 1 จะอุ่นใจที่สุด เพราะคุ้มครองแม้ไม่พบตัวคู่กรณี แต่ถ้าเป็นชั้น 2+, 3+ คุณต้องหาคู่กรณีให้ได้ถึงจะเคลมได้ ดังนั้น การเลือกประกันภัยรถยนต์ให้เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้คุณมั่นใจว่าต่อให้จอดอยู่เฉยๆ ก็ยังอุ่นใจได้เสมอ