
ผู้ที่ขับรถในกรุงเทพมหานครคงเคยเห็นป้ายจำกัดความเร็วอยู่ทั่วไป ซึ่งล่าสุดได้มีการปรับปรุง กฎหมายจำกัดความเร็วรถในกรุงเทพฯ ให้สอดคล้องกับสภาพการจราจรและความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน โดยกฎหมายใหม่นี้ได้กำหนดความเร็วสูงสุดของรถแต่ละประเภท รวมถึงระบุเส้นทางที่ได้รับการยกเว้นให้ใช้ความเร็วได้สูงกว่าปกติ
บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดของกฎหมายฉบับใหม่ ว่ากำหนดความเร็วเท่าใด มีผลเมื่อใด ใช้กับถนนประเภทใด และบทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืนเป็นอย่างไร เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถปฏิบัติได้ถูกต้องตามกฎหมาย
สรุปกฎหมายจำกัดความเร็วรถในกรุงเทพฯ ล่าสุดปี 2568
ตามประกาศของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำหนดให้ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ความเร็วสูงสุดของรถยนต์ส่วนใหญ่ ไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยกเว้นถนนบางสายที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ความเร็วได้มากกว่า
ประเภทของถนนและอัตราความเร็วสูงสุด
- ถนนในเขตเมืองหรือชุมชนทั่วไป
- รถยนต์และรถกระบะ : ไม่เกิน 60 กม./ชม.
- รถจักรยานยนต์ : ไม่เกิน 50 กม./ชม.
- รถโดยสารขนาดใหญ่ : ไม่เกิน 50 กม./ชม.
- ถนนนอกเขตชุมชนหรือถนนโล่งที่มีเกาะกลางถนน
- รถยนต์และรถกระบะ : ไม่เกิน 80–90 กม./ชม.
- รถโดยสาร : ไม่เกิน 70 กม./ชม.
- รถบรรทุก : ไม่เกิน 60 กม./ชม.
- ถนนในเขตพระราชฐานหรือพื้นที่พิเศษ
- ทุกประเภทรถจำกัดความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม.
เส้นทางที่ได้รับการยกเว้น ใช้ความเร็วได้เกิน 60 กม./ชม.
แม้กฎหมายใหม่จะจำกัดความเร็วในหลายพื้นที่ แต่ยังมีถนนสายหลักบางเส้นทางที่ได้รับการยกเว้น เนื่องจากเป็นถนนมาตรฐานสูงและออกแบบเพื่อรองรับความเร็ว
ถนน 13 สายที่สามารถใช้ความเร็วสูงสุด 80–90 กม./ชม.
- ถนนวิภาวดีรังสิต
- ถนนพหลโยธิน
- ถนนรามอินทรา
- ถนนศรีนครินทร์
- ถนนรามคำแหง (บางช่วง)
- ถนนเพชรบุรีตัดใหม่
- ถนนบรมราชชนนี
- ถนนพระราม 2 (นอกเขตชุมชน)
- ถนนสุวินทวงศ์
- ถนนรัชดาภิเษก (บางช่วง)
- ถนนลาดพร้าว (ช่วงออกเมือง)
- ถนนแจ้งวัฒนะ
- ถนนงามวงศ์วาน
ถนนเหล่านี้ได้รับการออกแบบให้มีหลายช่องทางและเกาะกลางถนน มีมาตรฐานเพียงพอต่อการใช้ความเร็วสูงภายใต้เงื่อนไขความปลอดภัย
บทลงโทษเมื่อฝ่าฝืนกฎหมายจำกัดความเร็วรถในกรุงเทพฯ
ผู้ขับขี่ที่ใช้ความเร็วเกินกว่าที่กำหนดมีโทษปรับตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ทั้งจากการตรวจจับด้วยกล้องอัตโนมัติหรือการเรียกตรวจโดยตรง
อัตราค่าปรับตามกฎหมายใหม่
- ขับเกิน 60 กม./ชม. ในเขตเมือง : ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
- ขับเกิน 80–90 กม./ชม. ในเขตที่อนุญาต : ปรับไม่เกิน 4,000 บาท
- ขับเกิน 120 กม./ชม. ขึ้นไป : มีโอกาสถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบขับขี่
ปัจจุบันกรุงเทพฯ มีการติดตั้งกล้องตรวจจับความเร็วหลายจุดทั่วเมือง เช่น ถนนวิภาวดีฯ, พระราม 9, แจ้งวัฒนะ, และบรมราชชนนี ทำให้การฝ่าฝืนสามารถตรวจจับได้อัตโนมัติ
เหตุผลที่ต้องออกกฎหมายจำกัดความเร็วรถในกรุงเทพฯ
- ลดอุบัติเหตุและการสูญเสียชีวิตบนท้องถนน
- เพิ่มความปลอดภัยให้กับคนเดินเท้าและผู้ใช้จักรยานยนต์
- ลดมลพิษทางอากาศและเสียงรบกวนในเขตเมือง
- รองรับการใช้เทคโนโลยีกล้องตรวจจับความเร็ว (Smart Traffic)
- ส่งเสริมวินัยการขับขี่และมาตรฐานความปลอดภัยในเมืองใหญ่
เคล็ดลับขับขี่ให้ถูกกฎหมายและปลอดภัย
เพื่อป้องกันการถูกใบสั่งและสร้างนิสัยขับขี่ปลอดภัย ควรปฏิบัติดังนี้
- ตรวจสอบป้ายจำกัดความเร็วทุกครั้งเมื่อเข้าสู่พื้นที่ชุมชนหรือถนนใหญ่
- ใช้ระบบนำทางที่แสดงความเร็วจำกัดแบบเรียลไทม์ เช่น Google Maps หรือ Line Maps
- รักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างน้อย 2 วินาที
- หลีกเลี่ยงการเร่งแซงในเขตโรงเรียน ตลาด หรือพื้นที่ที่มีคนข้ามถนนจำนวนมาก
- หากได้รับใบสั่งจากกล้องตรวจจับ ควรตรวจสอบและชำระภายใน 15 วัน
สรุป
กฎหมายจำกัดความเร็วรถในกรุงเทพฯ ปี 2568 เป็นมาตรการที่ออกมาเพื่อยกระดับความปลอดภัยและลดจำนวนอุบัติเหตุในเขตเมือง แม้บางเส้นทางจะได้รับการยกเว้นให้ใช้ความเร็วสูงได้ แต่ผู้ขับขี่ควรตระหนักถึงความปลอดภัยเป็นหลัก
การขับรถในกรุงเทพฯ อย่างมีวินัย ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ แต่ยังสะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกันบนท้องถนนอีกด้วย
