สาระน่ารู้ » รถสูญหายกับภัยพิบัติ ทำยังไง ขั้นตอนที่ต้องเริ่มก่อนปี 2568

รถสูญหายกับภัยพิบัติ ทำยังไง ขั้นตอนที่ต้องเริ่มก่อนปี 2568

27 พฤศจิกายน 2025
18   0

เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนหรือช่วงที่สภาพอากาศมีความแปรปรวนมากขึ้น ภัยพิบัติต่าง ๆ เช่น น้ำท่วมฉับพลัน พายุลมแรง ไฟไหม้ หรือดินถล่ม ล้วนสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินจำนวนมาก และหนึ่งในความเสียหายที่พบได้บ่อยขึ้นคือ รถสูญหายกับภัยพิบัติ ไม่ใช่แค่ “จมน้ำ” แต่บางครั้งถึงขั้น “ถูกน้ำพัดหายไปทั้งคัน” หรือบ้านที่จอดรถถูกไฟไหม้จนไม่เหลือซาก การสูญหายลักษณะนี้สร้างความสับสนให้เจ้าของรถหลายคนว่า ต้องแจ้งใคร? ต้องใช้เอกสารอะไร? ประกันจะคุ้มครองหรือไม่?

รถสูญหายกับภัยพิบัติ คืออะไร? อยู่ในเงื่อนไขประกันแบบไหน

กรณี รถสูญหายกับภัยพิบัติ คือรถที่เกิดเหตุจากภัยธรรมชาติจน “หายไปจริง ๆ” เช่น

  • ถูกน้ำท่วมหนักจนรถถูกกระแสน้ำพัดออกจากพื้นที่และตามหาไม่เจอ
  • บ้านหรืออาคารที่รถจอดอยู่ถูกไฟไหม้ทั้งหลัง
  • พายุถล่มและสิ่งปลูกสร้างหรือเศษซากทำให้รถถูกกลืนหรือหายไป
  • ดินสไลด์จนไม่สามารถค้นหาตำแหน่งรถได้

ประกันภัยรถยนต์จะคุ้มครองหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความคุ้มครองที่เลือกไว้ เช่น

  • ประกันชั้น 1 : ครอบคลุมรถสูญหายจากภัยธรรมชาติเกือบทุกประเภท
  • ประกัน 2+ และ 3+ : ส่วนใหญ่ไม่คุ้มครองกรณีรถสูญหายจากภัยพิบัติ แต่คุ้มครองเฉพาะกรณีเฉี่ยวชน
  • ประกันชั้น 2 หรือ 3 : มักไม่ครอบคลุมความเสียหายแบบนี้

ขั้นตอนแรกที่ต้องทำทันทีเมื่อรถสูญหายจากภัยพิบัติ

เมื่อเกิดเหตุ รถสูญหายกับภัยพิบัติ สิ่งสำคัญที่สุดคือ “การรวบรวมหลักฐาน” และ “แจ้งเหตุอย่างถูกต้อง” เพราะเป็นตัวกำหนดว่าคุณสามารถเคลมประกันหรือใช้สิทธิ์อะไรได้บ้าง

1) ตรวจสอบพื้นที่และเก็บหลักฐานเบื้องต้น

ก่อนอื่นให้สำรวจพื้นที่จากระยะปลอดภัย ไม่เข้าใกล้บริเวณที่ยังมีความเสี่ยง เช่น น้ำเชี่ยว ไฟไหม้ หรือซากพังถล่ม

สิ่งที่ควรทำคือ

  • ถ่ายภาพ–ถ่ายวิดีโอพื้นที่เกิดเหตุ
  • ถ่ายภาพบริเวณที่รถเคยจอด
  • หากมีพยาน เช่น เพื่อนบ้าน หรือคนที่เห็นเหตุการณ์ ให้สอบถามข้อมูลไว้
  • ใช้ GPS หรือแอปเช็กตำแหน่งรถ (หากรถมีอุปกรณ์ติดตาม)

หลักฐานเหล่านี้จะมีผลต่อทั้งการแจ้งความและการเคลมประกัน

2) แจ้งความ “รถสูญหาย” ที่สถานีตำรวจ

แม้รถจะหายเพราะภัยธรรมชาติ ไม่ใช่การโจรกรรม แต่ตามกฎหมายยังจำเป็นต้อง แจ้งความรถหาย เพื่อให้ตำรวจออกเอกสารรับแจ้ง ซึ่งใช้เป็นหลักฐานประกอบการเคลมประกันได้

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • บัตรประชาชน
  • เล่มทะเบียนรถ หรือสำเนา
  • รูปภาพ/วิดีโอเหตุการณ์
  • ข้อมูลเวลาที่พบว่ารถสูญหาย

ตำรวจจะออก บันทึกประจำวัน หรือ ใบบันทึกแจ้งรถสูญหาย ซึ่งประกันภัยต้องใช้ทุกครั้ง

3) ติดต่อประกันภัยทันที

หลังแจ้งความ ให้รีบติดต่อบริษัทประกันภัยเพื่อแจ้งเหตุ “รถสูญหายจากภัยพิบัติ” โดยระบุรายละเอียดให้ครบ

สิ่งที่ประกันจะถาม

  • พื้นที่เกิดเหตุ
  • ประเภทภัยพิบัติ
  • พยานหลักฐาน
  • เอกสารที่แจ้งความจากตำรวจ
  • รูปภาพของรถก่อนเกิดเหตุ (ถ้ามี)

ประกันจะส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมดำเนินการตามขั้นตอน “ค่าสินไหมกรณีรถสูญหาย” หากอยู่ในเงื่อนไข

4) ตรวจสอบความคุ้มครองในกรมธรรม์

หลายคนไม่รู้ว่ากรมธรรม์ของตัวเองครอบคลุมอะไรบ้าง ก่อนดำเนินขั้นตอนต่อไปควรตรวจสอบให้ชัดเจนว่า:

  • มีความคุ้มครองภัยธรรมชาติหรือไม่
  • คุ้มครองเฉพาะรถสูญหายหรือรวมความเสียหายอื่นด้วย
  • ความคุ้มครองเต็มทุนประกันหรือหักค่าเสื่อมตามอายุรถ
  • ต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) หรือไม่

ในบางกรณี หากรถถูกน้ำพัดหายไป แต่ภายหลังถูกพบในสภาพเสียหาย ประกันอาจเคลมเป็นกรณี “เสียหายทั้งหมด (Total Loss)” แทนการ “สูญหาย” ซึ่งมีเงื่อนไขต่างกันเล็กน้อย

เอกสารที่ต้องใช้สำหรับเคลมรถสูญหายกรณีภัยพิบัติ

เพื่อให้การเคลมเป็นไปอย่างรวดเร็ว ควรเตรียมเอกสารดังนี้

  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สำเนาทะเบียนรถ
  • ใบบันทึกประจำวันจากตำรวจ
  • ภาพถ่ายหรือวิดีโอหลักฐาน
  • เอกสารกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์
  • แบบฟอร์มที่บริษัทประกันกำหนด
  • เอกสารยืนยันภัยพิบัติ (เช่น หนังสือรับรองจากอบต./ปกครองท้องถิ่น หากจำเป็น)

ทำไมต้องรีบแจ้งภายใน 24–48 ชั่วโมงหลังพบรถสูญหาย

บริษัทประกันส่วนใหญ่กำหนดให้แจ้งเหตุภายใน 24 ชั่วโมง หรือไม่เกิน 48 ชั่วโมง เพื่อยืนยันว่าเหตุเกิดจากภัยพิบัติจริง ไม่ใช่ความประมาทหรือการละเลยดูแลรถ

หากแจ้งล่าช้า อาจทำให้:

  • กระบวนการตรวจสอบยืดเยื้อ
  • ถูกปฏิเสธค่าสินไหม
  • ต้องหาหลักฐานเพิ่มมากขึ้น

ดังนั้นความรวดเร็วคือสิ่งสำคัญที่สุด

รถสูญหายกับภัยพิบัติ ทำยังไงให้เคลมผ่านง่ายที่สุด

เคล็ดลับสำหรับเจ้าของรถ

  • เก็บหลักฐานให้ครบและชัดเจน
  • ติดต่อประกันภัยทันที พร้อมส่งโลเคชันและรูปภาพ
  • ให้ข้อมูลตรงไปตรงมา ไม่ปกปิดข้อเท็จจริง
  • หากมีพยาน ควรขอข้อมูลติดต่อไว้
  • ใช้เอกสารราชการยืนยันว่าเกิดภัยพิบัติในพื้นที่

สิ่งที่ไม่ควรทำเด็ดขาด

  • ซ่อมหรือรื้อพื้นที่เกิดเหตุเองก่อนประกันมาตรวจ
  • ให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนหรือบิดเบือนเหตุการณ์
  • แจ้งเหตุล่าช้าเกินกำหนด

ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำในอนาคต

แม้เราจะไม่สามารถควบคุมภัยธรรมชาติได้ แต่สามารถลดความเสี่ยงได้:

  • หลีกเลี่ยงจอดรถในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม
  • ติดตั้ง GPS หรืออุปกรณ์ติดตาม
  • ทำประกันภัยรถยนต์ที่มีความคุ้มครองภัยธรรมชาติ
  • ติดตามข่าวภัยพิบัติในพื้นที่ผ่านแอปหน่วยงานรัฐ
  • ย้ายรถเมื่อมีประกาศเตือนระดับสีส้ม–สีแดง

สรุป รถสูญหายกับภัยพิบัติ ไม่ต้องตื่นตระหนก แต่ต้องทำตามขั้นตอนถูกต้อง

ในสถานการณ์ที่เกิด รถสูญหายกับภัยพิบัติ สิ่งสำคัญที่สุดคือ “ตั้งสติ–เก็บหลักฐาน–แจ้งเหตุทันที” เพราะเวลาคือปัจจัยสำคัญในการยืนยันสิทธิ์เคลมประกัน การดำเนินการอย่างรวดเร็วและถูกต้องจะช่วยให้คุณได้รับค่าสินไหมเร็วขึ้น ลดความยุ่งยาก และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง